หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ขอนำบทความของ จักรภพ เพ็ญแข มาเผยแพร่......

คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง คดีหมิ่นฯ ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์
โดย กาหลิบ

ความ เป็นเผด็จการในรัฐบาลเผด็จการไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด เหมือนความเลวในหมู่โจรที่ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ความเป็นเผด็จการของรัฐบาลที่ถือกันว่าเป็นประชาธิปไตย ย่อมทำให้ความด่างพร้อยนั้นผุดเด่นขึ้นมาราวกับรอยเปื้อนบนกระโปรงสีขาวที เดียว

คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งเป็นคำตลาดของ ความผิด” ตาม มาตรา ๑๑๒ และ มาตรา ๑๑๖ ของประมวลกฎหมายอาญา ปัจจุบันได้เร้ากระแสวิพากษ์วิจารณ์ในเมืองไทยและระดับโลกอย่างไม่เคยปรากฏ มาก่อน สิ่งที่ครั้งหนึ่งคือเส้นที่ไม่มีใครกล้าข้าม จนเสมือนเป็นบรรทัดฐานของสังคมไทยไปแล้วนั้น ขณะนี้กลายเป็นเครื่องมือดีเยี่ยมในการประเมินระบอบไทยว่าเป็นประชาธิปไตย หรือมิใช่


บารมีของสถาบันกษัตริย์กลายเป็นต้นทุนที่ถูกนำมาใช้ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยที่คนใช้ก็ห่วงแต่การแก่งแย่งแข่งขันที่จะสำแดง ความจงรักภักดี” ให้ คนเห็น และไม่ได้ใส่ใจเลยว่าผลกระทบบั้นปลายของสถาบันที่ตนนำมากล่าวอ้าง จนเสมือนเป็นอนิจจังท่ามกลางสิ่งที่เป็นนิจจังทั้งหลายนั้นจะเป็นเช่นไร
เอา เป็นว่า ได้เกิดการลองเครื่องลองของกันอย่างมโหฬารกันในสังคมไทย ตัวตัดสินไม่ใช่พวกที่คอยสอพลอตอแหลด้วยความจงรักภักดีปลอมๆ ซึ่งไม่ต่างอะไรจากหมัดสุนัข

แต่อยู่ที่ปวงชนชาวไทยผู้เป็นเจ้าของประเทศว่าจะตัดสินว่าอะไรผิดและอะไรถูก อะไรสำคัญและไม่สำคัญ

การตัดสินใจนั้น จู่ๆ ก็จะเกิดขึ้น โดยไม่เตือนใครและไม่ให้โอกาสกลับตัวกับใครเลย
ผู้ ที่เราห่วงใยจึงไม่ใช่คนในระบอบเผด็จการนั้นๆ ซึ่งในที่สุดก็จะถูกตัดสินโดยกฎเหล็ก ๓ ข้อคือ กฎหมาย กฎเกณฑ์ทางสังคม (โดยเฉพาะวิวัฒนาการทางสังคม) และกฎแห่งกรรมอยู่แล้ว

แต่ เราห่วงรัฐบาลประชาธิปไตยซึ่งต้องยืนหยัดอยู่บนทางสองแพร่ง เหมือนคนว่ายน้ำที่ต้องแข็งแรงอยู่ท่ามกลางกระแสน้ำสองสายที่ไหลสวนทางกัน อยู่รอบตัว จนแทบจะขืนไม่อยู่ ประชาชนทุกคนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอยากเห็นความจำเริญของรัฐบาล ประชาธิปไตยทุกชุดอยู่แล้ว แต่การวางตัวในระยะ ปรองดอง” ระหว่างสิ่งที่ปรองดองได้ยากเย็นแสนเข็ญนั้น ก็กลัวว่ารัฐบาลนั้นจะเสียหายไปด้วย
จุดนี้เองที่คดีหมิ่นฯ ก้าวเข้ามาแทรกตรงกลาง ทั้งคดีเดิมและคดีใหม่

กรณี ล่าสุดเกิดขึ้นในระหว่างทำคลอดรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางเขนได้จับกุม นายนรเวศย์ ยศปิยะเสถียร อายุ ๒๓ ปี ผู้เป็นนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตามหมายจับศาลอาญา เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ในข้อหาหมิ่นเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒
การจับกุมเกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคมที่ผ่านมา

ข้อ กล่าวหาได้แก่ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๓ ขณะผู้ต้องหายังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยดังกล่าว ได้คัดลอกข้อความบนเว็บไซต์แห่งหนึ่งทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นข้อความ ที่มีลักษณะหมิ่นเบื้องสูง” โดยคัดลอกมาเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ส่วนตัว

ต่อมาเมื่อกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหรือ ICT ตรวจ สอบพบ จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนของสถานีตำรวจบางเขน ให้ติดตามจับกุม ในการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนพร้อมส่งฝากขังต่อศาลอาญาจนได้รับการประกันตัว
สิ่งที่น่าสนใจประการหนึ่งคือผู้แจ้งความดำเนินคดีกับนายนรเวศย์ฯ ผู้เป็นนิสิตก็มิใช่ใครอื่น แต่เป็นอาจารย์ฝ่ายบริหารเองเลย

เขาคือ นายนิพนธ์ ลิ้มแหลมทอง รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิตของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คดี นี้จึงเป็นคดีคลาสสิคที่ละม้ายคล้ายคลึงกันแทบทุกครั้ง นั่นคือ ดำเนินการจับกุมตัวแทนของกลุ่มสังคมต่างๆ ให้กว้างขวางทั่วถึง คราวนี้ถึงคิวของตัวแทน คนรุ่นใหม่” ที่กำลังทำความเข้าใจกับสภาพแวดล้อมรอบตัวและสว่างทางปัญญามากขึ้นทุกวัน

จุดประสงค์ใหญ่ก็คือ กดขี่คนรุ่นหลังให้เกรงกลัวมหาภัยที่จะเกิดกับตน หากค้นหาความจริงได้มากพอ วิธีการก็คือการใช้มือเปื้อนเลือดของ ผู้ใหญ่” ที่เป็นเครื่องมือรุ่นเก่าจนลืมไปแล้วว่าครั้งตนก็เคยมีอุดมการณ์และความปรารถนาดีต่อมวลมนุษยชาติมาเช่นเดียวกันลูกศิษย์ของตน

อย่าลืมว่าคดีนี้หมูหมากาไก่ก็อ้างตัวเป็นผู้เสียหายและเข้าแจ้งความได้ ตามกลยุทธ์การเมืองที่ทำให้ประชาชน ฆ่า” ประชาชนกันเองเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมื่อ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙
คดีนี้ถือเป็นคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพคดีแรกภายใต้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
วิธี การของรัฐบาลในการจัดการกับคดีนี้ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง จึงจะเป็นบรรทัดฐานว่ารัฐบาลประชาธิปไตยจะเลือกปกป้องประชาชนบริสุทธิ์ที่ เลือกตนเข้ามาสู่อำนาจอย่างไร ซึ่งจะมีคนจับตาอยู่มาก

นี่คืองานชนิดเกิดหรือดับทีเดียว.


ไม่ให้ประกัน“สุรชัย-สมยศ”หมิ่นเบื้องสูง



ศาล อาญา ไม่ให้ประกันตัว “สุรชัย – สมยศ” คดีหมิ่นเบื้องสูง ขณะที่ให้ปล่อยตัวชั่วคราว แนวร่วม นปช.คนเดียวคดีครอบครองวัตถุระเบิด ตีราคาประกัน 3 แสน

ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 15.45 น. วันที่ 19 ส.ค. ศาลอาญามีคำสั่งยกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือแซ่ด่าน และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข จำเลยคดีหมิ่นเบื้องสูง เนื่องจากเห็นว่า นายสุรชัย ยังถูกคุมขังในคดีหมิ่นเบื้องสูงสำนวนอื่นอีก ขณะที่นายสมยศนั้น  ก่อนหน้านี้ศาลเคยมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว กรณียังไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลง จึงให้ยกคำร้อง ส่วนแนวร่วม นปช. อีก 6 คน จำเลยในสำนวนคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมทั้งประกาศและข้อกำหนดการห้ามชุมนุม และ พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ฯ และ พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 ศาลอาญาพิจารณาแล้ว เห็นควรให้ส่งคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาเพื่อมีคำสั่ง ต่อไป เนื่องจากเห็นว่าคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ สำหรับนายธวัชชัย เอี่ยมนาค จำเลยคดีข้อหามีวัตถุระเบิดในครอบครองนั้น ศาลอาญาพิจารณาคำร้องและหลักทรัพย์ที่ใช้ตำแหน่ง ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยแล้ว จึงให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยตีราคาประกัน 3 แสนบาท

ขณะที่ศาลจังหวัดมีนบุรี ได้พิจารณาคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวแนวร่วม นปช.4 คน ประกอบด้วย นายวันชัย หรือไก่ ซังข้าว นายชัชชัย หรือเอ็ม โภคานุภาพ  นายสมคิด หรือคิด มากวงศ์ และนายอนันต์ หรือเชียร มีรอด ในข้อหามีวัตถุระเบิด และกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว ซึ่งศาลพิจารณาแล้วเห็นควรให้ปล่อยตัวโดยตีราคาประกันคนละ 2.5 แสนบาท โดยไม่มีการกำหนดเงื่อนไขใด ๆ

ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ นปช.กล่าวถึงการยื่นขอประกันตัวชั่วคราวแนวร่วมนปช.ว่า การยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว นายสายชล แพบัว และนายพินิจ จันทร์ณรงค์ แนวร่วม นปช.ที่ถูกฟ้องข้อหาวางเพลิงเผาศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิล์ด และแนวร่วม นปช.อีก 6 คน ในความผิดฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้นั้น ยังอยู่ระหว่างรอฟังคำสั่ง  ส่วนการยื่นประกันตัว นายสมนึก แซ่เฮง และนายจรูญ บุญเรือง จำเลยคดีร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง ต่อศาลจังหวัดนนทบุรีนั้น ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากเห็นว่า ก่อนหน้านี้ศาลอุทธรณ์ได้เคยมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวมาแล้ว จึงให้ยกคำร้อง ขณะที่การยื่นคำร้องขอประกันตัวนายเอกรินทร์ บุญนิรันดร์ และนายวีระศักดิ์ โพธิ์ศรีแก้ว  จำเลยคดีร่วมกันก่อการร้ายและวางเพลิงเผาทรัพย์ ที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการนั้น ศาลพิจารณาแล้ว เห็นควรส่งเรื่องให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป นอกจากนี้ การยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว น.ส.นฤมล วรุณรุ่งโรจน์  นายสุรชัย นิลโสภา  นายชาตรี ศรีจินดา และ น.ส.พะยอม หนูสูงเนิน ในข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิด และอาวุธปืนไว้ในครอบครอง ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นอาวุธปืนที่ยิงเฮลิคอปเตอร์ราชการ ที่จะยื่นต่อศาลจังหวัดพระโขนงนั้น เนื่องจากยังรวบรวมเอกสารไม่แล้วเสร็จภายในวันนี้ จึงจะยื่นประกันตัวอีกครั้งในวันอังคารที่ 23 ส.ค.นี้.