หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2556

พล.อ.พัลลภ แฉหมดเปลือกเบื้องหลังร่วมวางแผนโค่นล้มระบอบทักษิณ เมื่อ 19 ก.ย.2549 ว่า เป็นเรื่องจริง

พล.อ.พัลลภ แฉหมดเปลือกเบื้องหลังร่วมวางแผนโค่นล้มระบอบทักษิณ เมื่อ 19 ก.ย.2549 ว่า เป็นเรื่องจริง
 
คมชัดลึก :

 “พัลลภ ”แฉ“สุรยุทธ์”วางแผนล้มรัฐบาลทักษิณเพื่อชาติ จี้แสดงสปิริต “ลาออก”จากองคมนตรีเพื่อปกป้องสถาบัน จวกยับไม่มีสัจจะรับตำแหน่งนายกฯ ปฏิเสธไม่เคยรับเงินแม้ว อ้างได้แค่รองเท้าคู่เดียว 


พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รอง ผอ.รมน.) ให้สัมภาษณ์เปิดใจถึงเหตุการณ์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินพาดพิง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี อยู่เบื้องหลังร่วมวางแผนโค่นล้มระบอบทักษิณ เมื่อ 19 ก.ย.2549 ว่า เป็นเรื่องจริง แต่ว่าเขาไม่เคยเชิญผมเข้าร่วมประชุม แต่เจ้าของบ้านที่สุขุมวิทเชิญผมและประชุมร่วมกัน ซึ่งไม่ได้ประชุมแค่ครั้งเดียว แต่มีการประชุมกัน 3-4 ครั้ง ซึ่งมีการพูดคุยปัญหาของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจะให้รัฐบาลล้มไปอย่างไร โดยมี 2 แนวทาง คือ ทางด้านรัฐธรรมนูญหรือทางด้านกฎหมาย ถ้าแนวทางแรกไม่สำเร็จก็จะทำรัฐประหาร

การทำรัฐประหารมีการพูดหรือไม่ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อจาก พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้มีการพูดถึง เพียงแต่ พล.อ.สุรยุทธ์ เสนอขึ้นมาว่า การทำครั้งนี้ทำเพื่อประเทศชาติ ทุกคนจะต้องไม่หวังตำแหน่งใดๆ ซึ่งทุกคนศรัทธาในตัวท่าน ทั้งนี้การหารือเป็นลักษณะโต๊ะกลม ซึ่งไม่มี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช.นั่งอยู่ด้วย


(อ่านต่อ)
https://sites.google.com/site/thinnuanews

ปากคำป้าเสื้อแดงคลิป ‘รับจ้าง 200’ เหตุหน้ารามฯ บาดแผลสำหรับผู้ชื่นชอบระบอบทักษิณ

ปากคำป้าเสื้อแดงคลิป ‘รับจ้าง 200’ เหตุหน้ารามฯ บาดแผลสำหรับผู้ชื่นชอบระบอบทักษิณ



 
รอยแผลที่แขนนางกองแก้ว โพธิจันทร์ อายุ 50 ปี (ถ่ายเมื่อ 3 ธ.ค.56)
 
 
รอยแผลที่ก้นของนางกองแก้ว โพธิจันทร์ อายุ 50 ปี (ถ่ายเมื่อ 3 ธ.ค.56)

 
[คลิปร้องเรียน] ผู้ชุมนุม นปช. ถูกบังคับให้สัมภาษณ์หลังเหตุรามคำแหง

ท่ามกลางฝุ่นควันความรุนแรงที่ย่านรามคำแหงเมื่อวันที่ 30 พ.ย. ต่อเนื่องถึงวันที่ 1 ธ.ค. มีคลิปมากมายที่ถูกเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียเพื่อต่อต้านฝ่ายตรงข้าม บ้างเป็นข้อมูลที่ไม่เป็นจริง บ้างเป็นคลิปที่ระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หนึ่งในคลิปที่ได้รับการแชร์มากที่สุด คือ คลิปป้าเสื้อแดง 2 คนที่ออกมายอมรับว่ารับจ้างมาชุมนุมที่ราชมังคลากีฬาสถาน โดยมีการเผยแพร่กันตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันที่เหตุการณ์การปะทะเริ่มเบาบางลงและ นปช.ตัดสินใจยุติการชุมนุม ผู้ชุมนุมทยอยกันออกจากสนามกีฬา

ในคลิปดังกล่าว ปรากฏภาพกลุ่มผู้ชายยืนล้อมหญิงวัยกลางคนและหญิงสูงอายุ หญิงวัยกลางคนตอบคำถามยอมรับต่อหน้ากล้องว่าได้รับการจ้างให้มาชุมนุมวันละ 200 บาท

ดูเผินๆ เหตุการณ์นี้ไม่น่าจะมีอะไร เป็นการเปิดโปงความจริงจากปากคำของหญิงสองคนที่นั่งยองๆ ท่ามกลางวงล้อมของชายฉกรรจ์ เพียงแต่บังเอิญว่าผู้หญิงหนึ่งในนั้นเป็นสมาชิกสภาจังหวัด (ส.จ.) ระดับนำของคนเสื้อแดงในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี

มีผู้คนรู้จักเธออยู่ไม่น้อย หลายคนเกิดความงุนงงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดเธอจึงพูดเช่นนั้น ความพยายามติดต่อเธอเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจากทั้งนักกิจกรรม ผู้สื่อข่าว ฯลฯ แต่เธอไม่รับโทรศัพท์ของใครทั้งสิ้น จนกระทั่งเหตุการณ์ผ่านไปหลายวัน จึงสามารถติดต่อเธอได้

การพูดคุยกันทำให้ทราบถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นโดยกลุ่มคนไม่ทราบฝ่ายที่ กระทำต่อผู้ชุมนุม แม้ความรุนแรงจะเกิดขึ้นเพียง 2 วัน 1 คืน สื่อมวลชนรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ผู้มีสถานะทางสังคมที่ออกมาให้ความเห็นต่อเหตุการณ์นี้ แต่สิ่งที่มองไม่เห็นคือ ความรุนแรงย่อยๆ ที่เกิดขึ้นกับคนที่ไม่มีปากมีเสียง มันเป็นภาพสะท้อนอันโหดร้ายและน่าสะพรึงกลัวท่ามกลางความแตกแยกที่มีอยู่ขณะ นี้ และไม่มีใครรับประกันได้ว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นอีก กระทั่งลุกลามหนักหน่วงกว่านี้

คำแสน ไชยเทพ วัย 43 ปี คือหญิงที่ปรากฏในภาพ เธอเป็นคนเสื้อแดงตั้งแต่ปี 2551 ในเหตุการณ์ปี 2553 ลูกชายของเธอถูกจับกุมในคดีเกี่ยวกับการชุมนุมเมื่อปี 2553 ต่อมาเธอได้รับเลือกเป็น สมาชิกสภาจังหวัดอุดรธานี ประชาไทโทรศัพท์สัมภาษณ์เธอเพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ในวันดังกล่าว
คำแสนเล่าว่า เธอเดินทางพร้อมชาวบ้าน ตำบลบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี เพื่อมาร่วมชุมนุมกับ นปช.โดยว่าจ้างรถตู้จำนวน 8 คันในราคารถปิกอัพเนื่องจากคนขับรถตู้เองก็อยากมาร่วมชุมนุมด้วย พวกเขาเดินทางมาถึง กทม.ในช่วงเช้ามืดของวันที่ 30 พ.ย. และเข้าร่วมชุมนุมในสนามกีฬาตามปกติ กระทั่งตอนเย็นที่เริ่มเกิดเหตุปะทะกัน เธอก็อยู่ภายในสนามกีฬา

เธอเล่าว่า คนในสนามมีจำนวนพอสมควร ทุกคนที่นั่งอยู่รู้ว่าเกิดความรุนแรงขึ้นภายนอก แต่บนเวทีไม่ค่อยมีการพูดเรื่องนี้ ซึ่งเธอคิดว่าเป็นเพราะแกนนำคงกลัวมวลชนจะตื่นตกใจ ขณะเดียวกันก็มีการประกาศห้ามคนในสนามออกไปด้านนอกด้วย

“สงสารคนกรุงเทพฯ มาก เขากลับไม่ได้ เราคนต่างจังหวัด เราเคยมาค้าง เราอยู่ได้ แต่คนกรุงเทพฯ ที่มา หน้าตาดีๆ อดหลับอดนอน ออกมาไม่ได้ อยู่กันจนสว่าง พวกเราที่ไปด้วยกันก็ไม่มีใครออกมาเพราะกลัว แต่มีคนเทียวออกมาเอาของที่รถตู้อยู่ การ์ดบอกให้หลบกระสุน ก็เห็นเขายิงกัน เห็นเขาหามคนเจ็บกันอยู่ แต่ไม่คิดว่าใครจะเสียชีวิต รถตู้ที่เราเอาไปจอดอยู่ที่ชั้น 2 ก็เพิ่งรู้คืนนั้นแหละว่า นั่นรามคำแหง ยังคิดว่า โห ทำไมมันใกล้กันจัง กำแพงเตี้ยๆ เอง”

จนถึงตอนเช้า แกนนำประกาศให้รอตำรวจมารับ ผู้คนในสนามรอคอยกันอยู่เป็นเวลานานก็ยังไม่เห็นวี่แววตำรวจ ในขณะที่อาหารและน้ำดื่มขาดแคลนตั้งแต่เมื่อคืน ห้องน้ำเต็ม ไม่สามารถใช้การได้ ทำให้คนจำนวนหนึ่งทยอยออกจากสนามเอง เมื่อเห็นดังนั้น คำแสนและพรรคพวกจึงออกมาขึ้นรถตู้เพื่อออกจากสนามกีฬา โดยนัดแนะกันว่าจะเลี้ยวขวาไปรอกันที่ปั๊มเชลล์ซึ่งอยู่ไม่ไกลแล้วจะยู เทิร์นกลับรถเพื่อเดินทางกลับบ้าน  รถตู้ 5 คันแรกดำเนินการได้ตามนั้น แต่มี 3 คันที่ยังติดค้างอยู่จนกระทั่งเกิดเหตุ

(อ่านต่อ)

"จบแล้วครับท่านกำนัน"

"จบแล้วครับท่านกำนัน"


Photo 
 
"จบแล้วครับท่านกำนัน" ใบตองแห้ง On Air วันอาทิตย์ ที่ 15 ธันวาคม 2556
http://www.youtube.com/watch?v=3U7sqALK1U4

พรรคเพื่อไทย จะฉิบหายไม่เลิก หากไม่ยุติทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้

พรรคเพื่อไทย จะฉิบหายไม่เลิก หากไม่ยุติทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้




"เพื่อไทย" ร้อง DSI ดำเนินคดีสุเทพพร้อมพวกก้าวล่วงพระราชอำนาจ
 
นาย พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมนายพิชิต ชื่นบาน อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย และทนายความเดินทางเข้าพบ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษการดำเนินคดีกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. กับพวก ที่ได้ร่วมกันกระทำการก้าวล่วงพระราชอำนาจและหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากกรณีเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา นายสุเทพได้ปลุกระดมมวลชนจำนวนมากชุมนุมในกรุงเทพฯ จากนั้นช่วงเย็นนายสุเทพได้อ่านแถลงการณ์ของ กปปส. เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีลาออกยกชุด


ด้านนายพิชิต ระบุว่า การกระทำของนายสุเทพ ที่เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและคณะลาออก รวมถึงให้ข้าราชการหยุดงานนั้น เป็นการกระทำที่ไม่มีกฎหมายรองรับ จึงอยากให้ดีเอสไอตรวจสอบว่าเป็นการกระทำที่ก้าวล่วงพระราชอำนาจ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112และข้อหากบฏ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 หรือไม่

ด้านนายธาริตระบุว่าในวันนี้ (11 ธ.ค.56) เวลา 13.00 น. ได้มอบหมายให้รองอธิบดีดีเอสไอ นำคดีทั้งหมดที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมของ กปปส. เข้าหารือกับ พล.ต.ต.ชยุต ธนทวีรัตน์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ก่อนที่จะประมวลเหตุการณ์ทั้งหมดนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ ที่ได้มีการนัดหมายประชุมกันไว้วันที่ 17 ธ.ค.นี้ เวลา 14.00น. ซึ่งล่าสุด กองบัญชาการตำรวจนครบาล รับเรื่องราวร้องทุกข์ไว้ 40เรื่องแล้ว



Phuttipong Ponganekgul 
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
 
พรรคเพื่อไทย จะฉิบหายไม่เลิก หากไม่ยุติทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้นะครับ
ปัจจุบันพรรคเพื่อไทย ยังจะทำแต่เรื่องโง่ๆ งี่เง่า ควายๆ ในสถานการณ์นับแต่สุดซอยมานี้ คุณไปฟ้องเขามาตรา ๑๑๒ ประมวลกฎหมายอาญา เพราะเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากรักษาการและเรียกให้ข้าราชการหยุดงาน

ทั้งๆที่ มาตรา ๑๑๒ เป็นเรื่องของการหมิ่นประมาท (ใส่ความ) ดูหมิ่น (แสดงอาการเหยียดหยาม) แสดงความอาฆาตมาดร้าย ต่อกษัตริย์ ราชินี รัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เป็นการกระทำผิดทางวาจาเพื่อประทุษร้ายต่อชื่อเสียงของบุคคลครับ

การที่กบฏสุเทพ เรียกร้องดังกล่าว ไม่ใช่การหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้าย ต่อบุคคลเหล่านี้แต่อย่างใดครับ การเรียกร้องในสิ่งที่ "ไม่มีกฎหมายบัญญัติ" ไม่ใช่การหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้าย ครับ

คุณไปฟ้องในเรื่องงี่เง่าไร้ยางอาย ทั้งๆที่ กบฏสุเทพ มีความผิดตามฐานอื่นอยู่แล้วและร้ายแรงกว่า มีความผิดโดยตรง แต่เลือกไปดำเนินคดีในเรื่องที่เขาบริสุทธิ์ นี่ไม่เรียกว่า โง่เง่า จะเรียกว่าอะไรได้อีก นายพร้อมพงศ์ คนนี้ทำเรื่องโง่ๆมาหลายเรื่องนะครับ มาในโทนนี้ตลอดเลย

Quote of the Day

Quote of the Day



 
"ชนชั้นนำและชนชั้นกลางกรุงเทพ มักใช้เวลาในฮ่องกง บอสตัน หรือปารีส มากกว่าในหมู่บ้านของไทย" "ทัศนะของพวกเขาที่มองว่า ชาวบ้านยากจนไร้การศึกษา นั้น ล้าสมัยไป 2 ทศวรรษ" 

"Members of Bangkok's elite and middle classes are more likely to have spent time in Hong Kong, Boston or Paris than in a Thai village," "Their image of the poor, uneducated villager is two decades out of date."


คริส เบเกอร์
นักวิชาการชาวอังกฤษผู้ศึกษาการเมืองไทย กล่าวใน รอยเตอร์, "High society hits the streets as prominent Thais join protests"
http://in.reuters.com/article/2013/12/13/thailand-protests-prominent-idINDEE9BC0DT20131213

นักปฏิวัติประชาชนหรืออันธพาลการเมือง?

นักปฏิวัติประชาชนหรืออันธพาลการเมือง?

 

ผบ.สส.ย้ำเลือกตั้งต้องเกิดขึ้น สุเทพกลัวไม่โปร่งใสขอให้ตั้งกรรมการ
http://www.prachatai.com/journal/2013/12/50440

นิติธร ล้ำเหลือ มีแผนนำผู้ชุมนุม คปท. บุกสถานทูตสหรัฐ


ยังไม่ทันได้อำนาจรัฐจริง พอใครแสดงความคิดเห็นแตกต่างจากคุณ ก็ข่มขู่คุกคามบีบเค้นเขาด้วยกำลังม็อบ

ถ้าคุณและพรรคพวกกปปส.ได้อำนาจจริงขึ้นมา คุณจะทำอย่างไรกับสิทธิเสรีภาพของประชาชนไทยที่ไม่เห็นด้วยกับคุณ?

ปฏิรูปเมืองไทยที่พวกคุณไม่รู้จัก

ปฏิรูปเมืองไทยที่พวกคุณไม่รู้จัก




 
 
'ไฮโซกรุงเทพ' แจงร่วมม็อบ 'คืนกำไรให้สังคม'
http://news.voicetv.co.th/thailand/91101.html

วิธี แก้ง่ายนิดเดียว คือเริ่มจากการยอมรับว่าคนขับรถ แม่บ้านและชาวบ้านนอกมีศักดิ์ศรีความเป็นคน สิทธิพลเมืองไทยและอำนาจตัดสินใจเท่ากับพวกคุณ ก่อนอื่นใดคือสิทธิอำนาจที่จะออกเสียงปฏิเสธการปฏิรูปแบบ "คุณพ่อคุณแม่รู้ดี" ของคุณถ้าพวกเขาไม่เห็นด้วย 

ผู้ที่ทำภาพนี้ จงใจโกหก กล่าวความเท็จ บิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อให้เราเสียหาย

ผู้ที่ทำภาพนี้ จงใจโกหก กล่าวความเท็จ บิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อให้เราเสียหาย



อ.ปิยบุตร แสงกนกกุล
 
มีการแชร์ภาพคำสั่งของมติที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกากรณีไม่รับอุทธรณ์ของคดีสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน (ที่เรียกกันว่าคดียึดทรัพย์ทักษิณ 4.6 หมื่นล้าน) เพื่อนำมาโจมตีคณะนิติราษฎร์ว่าไปเป็นพยานบุคคลให้ 

ผู้ที่ทำภาพนี้ จงใจโกหก กล่าวความเท็จ บิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อให้เราเสียหาย  

ในตอนนั้น เรายังไม่ก่อตั้งคณะนิติราษฎร์ แต่เป็นอาจารย์ 5 คนที่ร่วมกันออกแถลงการณ์วิจารณ์คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีดังกล่าว เผยแพร่สู่สาธารณะ (ปัจจุบันดูได้ในเว็บของคณะนิติราษฎร์)

จากนั้น จำเลยของคดีได้นำแถลงการณ์ของเราไปอ้างเป็น "พยานหลักฐานใหม่" เพื่อขออุทธรณ์คำพิพากษา ซึ่งสุดท้ายที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาก็มีมติไม่รับพิจารณาอุทธรณ์  

จำเลยได้อ้างชื่อเราทั้งห้าคนเป็นพยานบุคคล เพื่ออ้างเป็น "พยานหลักฐานใหม่" ด้วย แต่เราทั้งห้าคนไม่เคยไปเป็นพยานบุคคลในคดีดังกล่าว

แถลงการณ์ที่เราทำขึ้น เผยแพร่สู่สาธารณะ เป็นสมบัติของสาธารณะ ผู้ใดจะนำไปใช้ก็ได้ และเราเขียนขึ้นเพื่อโต้แย้งวิจารณ์คำพิพากษา เพื่อประโยชน์ทางวิชาการ มิใช่มุ่งหมายช่วยบุคคลใด 

การโจมตีคณะนิติราษฎร์ด้วยวิธีการแบบนี้ไม่เกิดประโยชน์ ไม่ใช้สติปัญญา แสดงให้เห็นว่าผู้กระทำการดังกล่าวไม่มีปัญญาพอที่จะถกเถียงกันในเนื้อหา อับจนซึ่งหนทางจนต้องใช้วิธีการสกปรก   

2 มาตรฐาน อัปยศ อดสู ที่สุด ตอแหลไทยแลนด์

2 มาตรฐาน อัปยศ อดสู ที่สุด ตอแหลไทยแลนด์



กฎหมายบ้านเราเต็มไปด้วยการตีความ แถมบุคคลากรในขบวนการยุติธรรมก็เต็มไปด้วยศรีธนนท์ชัย บ้านเมืองเลยเต็มไปด้วยปัญหา



ภาพนี้เป็น ภาพอัปยศ ที่สุดของประเทศไทย 

แสดงว่าประเทศไทย

มีอำนาจมืด
ไม่ใช่ นิติรัฐ

มี สองมาตรฐาน
ผู้ต้องหา คดี กบฏ มีหมายจับชัดเจน
สามารถ เดินกร่างต่อหน้าขุนทหาร!!!