หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ความคิดเห็นเรื่อง′ประชาธิปไตย′ ของผู้นำสยามเมื่อ พ.ศ.2455

ความคิดเห็นเรื่อง′ประชาธิปไตย′ ของผู้นำสยามเมื่อ พ.ศ.2455

 

 

 

 

 

 

 

 


 

 

 

 

วันที่ 24 มิถุนายน ปีนี้เป็นวันครบรอบ 80 ปีของการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศสู่ "ระบอบประชาธิปไตย" โดยคณะราษฎร เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2475

หากแนวคิดเรื่องประชาธิปไตยในประเทศเกิดขึ้นมาก่อนหน้านั้นหลายปี

ที่ มีหลักฐานเป็นเรื่องเป็นราวคือความพยายาม เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.2455 หรือ การปฏิวัติ ร.ศ.130 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

หาก คณะ ร.ศ.130 ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากผู้นำสูงสุดเพียงผู้เดียวที่สืบทอดอำนาจด้วย การแต่งตั้ง สู่ระบอบประชาธิปไตย ซึ่งแนวทางขณะนั้นคือ "รีพับลิก" แบบฝรั่งเศส, จีน, อเมริกา ฯลฯ หรือ "ลิมิตเต็ด มอนากี้" แบบอังกฤษ, ญี่ปุ่น ฯลฯ

แม้การปฏิวัติจะไม่บรรลุผล แต่ความคิดเรื่องระบอบประชาธิปไตยก็แจ้งเกิดบนเวทีการเมืองสยาม ถึงจะเป็นของผิดกฎหมายก็ตาม

เหตุการณ์ ผ่านไปจะครบ 100 ปี ในเดือนเมษายนนี้ ก็คงผ่านไปเหมือนเหตุการณ์อื่นๆ หาก ณัฐพล ใจจริง ค้นคว้าเอกสารหลายฉบับที่ทำให้เราท่านได้เห็นความคิดของผู้นำฝ่ายต่างๆ ในนิตยสาร "ศิลปวัฒนธรรม" ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ ในบทความชื่อว่า "สยามบน′ทางสองแพร่ง′ : 1 ศตวรรษของพยายามปฏิวัติ ร.ศ.130"

ความเห็นของผู้นำในคณะ ร.ศ.130 ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองแบ่งเป็น 2 แนวคิด คือ รีพับลิก และลิมิตเต็ด มอนากี้ 

 

(อ่านต่อ) 

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1328587262&grpid=03&catid&subcatid

 

(ในพระราชนิพนธ์ "โคลนติดล้อ" บทที่ 7 เรื่อง ความจนไม่มีจริง พระองค์ทรงยืนยันว่า เงินมีประโยชน์สำหรับพสกนิกรของพระองค์เพียง 2 ประการเท่านั้น คือ "(1) เสียภาษีและ (2) เล่นการพนัน" (ตัวอย่างการดูถูกราษฎรของชนชั้นสูงที่มีมานาน)

งบประมาณรายรับการคลังสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ราว ๔๐ เปอร์เซนต์มาจากภาษีบาป ได้แก่ หวย-การพนัน, เหล้า, ฝิ่น ลูกค้าหลักได้แก่แรงงานจีนชายโสดอพยพขี้เหงา อันนี้อาจเป็นฐานที่มาของความเห็นข้างต้น)

วรเจตน์เฉ่ง สังคมจะเอาหยั่งงี้กันเหรอ

วรเจตน์เฉ่ง สังคมจะเอาหยั่งงี้กันเหรอ

Miniature

วรเจตน์ เฉ่งยับ สังคมนี้ ไร้เหตุผลสุด

http://www.youtube.com/watch?v=6_680uoGYVs&list=UUaQx9NmQk4wFYKVxYxgxhVQ&index=7&feature=plcp

บอกให้นิติราษฎร์หยุดเคลื่อนไหว ม.112 สะท้อนอะไร?

บอกให้นิติราษฎร์หยุดเคลื่อนไหว ม.112 สะท้อนอะไร?


ภาพที่โพสต์

ภาพที่โพสต์


1. สะท้อน “ความกลัว” ของอำมาตย์ ทหาร พธม.ประชาธิปัตย์ สื่อ และนักวิชาการที่เคยเป็นเนติบริกรให้รัฐประหารและสนับสนุนรัฐประหาร ที่กลัวว่าสถานะ อำนาจ บทบาทของตนเองจะลดความสำคัญลง โอกาสที่จะใช้สถาบันเป็นเครื่องมือทางการเมือง และทำรัฐประหารจะหมดไป กลัวว่าตนอาจจะต้องขึ้นศาล หรือมีความผิด หรือเสียเครดิตทางสังคม เสียหน้า ฯลฯ

2. สะท้อนความกลัวต่อ “เหตุผล” ข
องนิติราษฎร์ ความไม่สามารถใช้เหตุผลโต้แย้งได้ จึงบอกให้หยุด

3. การบอกให้หยุดพูด หยุดใช้เหตุผล หยุดเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ สะท้อนิสัยบ้าอำนาจ นิสัยเผด็จการ

4. ทั้งหมดสะท้อนความด้อย “วุฒิภาวะ” ของทหาร นักการเมืองบางคน นักวิชาการบางคน ที่ไม่มีน้ำยาในการใช้เหตุผล ไร้อุดมการณ์ และต้องการให้สังคมตกอยู่ภายใต้ความด้อยวุฒิภาวะ ไร้น้ำยา ไร้อุดมการณ์ของพวกเขาตลอดไป พวกนี้มองการเมืองเป็นแค่ "เกมอำนาจ" ไม่ได้มองการเมืองในความหมายของการสร้างประชาธิปไตยและความยุติธรรม

"สมศักดิ์ เจียมฯ" ถาม "ประยุทธ์-ยุทธศักดิ์-เฉลิม" มีสิทธิ์อะไรมาปรามความเห็นประชาชน


Posted Image

ภายหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ตลอดจน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาปรามให้ผู้รณรงค์แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ยุติการเคลื่อนไหว

นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า

"ถ้านี่เป็นประเทศที่มีกฎเกณฑ์ มารยาทการเมืองแบบประชาธิปไตย นายกรัฐมนตรี จะต้องไล่ ยุทธศักดิ์ ศศิประภา และ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจากตำแหน่งทันที

"ในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐ (รองนายกฯ และ ผบ.ทบ.) คุณไม่มีสิทธิ์ มา ′ปราม′ ไม่ให้ประชาชนแสดงความเห็นเรื่องการแก้ไขกฎหมายฉบับใดฉบับหนึ่ง

"นี่เป็นการ ′เสียมารยาท′ ′เสียบรรทัดฐาน′ เป็นการแสดงความไม่มีความรู้พื้นฐานของความเป็นเจ้าหน้าที่รัฐในระบอบประชาธิปไตยเลย

"การแสดงความเห็นจะแก้หรือจะเลิกกฎหมายฉบับใด เป็นสิทธิพื้นฐานของความเป็นพลเมือง ที่ละเมิดไม่ได้ครับ"

/////

"พูดจริงๆ บางทีอ่านข่าวประเภทยุทธศักดิ์ หรือเฉลิม เรื่อง 112 แล้ว รู้สึกว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทย เลือกไปก็ไม่มีประโยชน์ เสียเสียงที่เลือกเปล่าๆ (ขอคืนได้ไหมฟะ?)

"คือ คุณไม่เห็นด้วย ไม่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงเรื่อง 112 ก็พูดว่า ′ไม่เห็นด้วย เราไม่ยกมือให้′ อะไรแบบนั้น ก็พอ

"คุณมีสิทธิอะไรมาปราม ทำอำนาจบาตรใหญ่ข่มขู่คนอื่น

"ถามจริงๆ"

//////////

"คุณยิ่งลักษณ์ครับ



"รัฐมนตรีของคุณ กำลังละเมิดหลักการปกครองประชาธิปไตย ละเมิดหลักการรัฐธรรมนูญ และละเมิดสิทธิมนุษยชน

"พวกคุณไม่ใช่เจ้าของประเทศคนเดียว ไม่ใช่เจ้านายเหนือหัวของราษฎร

"มีสิทธิ์อะไรมาเที่ยวปราม-ขู่การใช้สิทธิ์เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงกฎหมายของราษฎรครับ?

"มันชักจะมากไปแล้วนะครับ"

(ที่มา)

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1328631045&grpid=&catid=01&subcatid=0100 

เปิดร่างแก้รัฐธรรมนูญ ฉบับ′เพื่อไทย′

เปิดร่างแก้รัฐธรรมนูญ ฉบับ′เพื่อไทย′

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

หมายเหตุ - เนื้อหาของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พ.ศ..... ที่คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) จากพรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นผู้ยกร่าง และเตรียมเสนอประธานรัฐสภาวันที่ 9 กุมภาพันธ์ โดยมีสาระสำคัญอยู่เพียง 5 มาตรา เพื่อแก้ไขมาตรา 291 ของรัฐธรรมนูญปี 2550 เพื่อเปิดทางให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) 3 ขึ้นมายกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พ.ศ.....

โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

มาตรา 1 รัฐธรรมนูญนี้เรียกว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พุทธศักราช...

มาตรา 2 รัฐธรรมนูญนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา 3 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (17) ของมาตรา 136 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 "(17) การให้ความเห็นชอบสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 291/1 (2)"

มาตรา 4 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นหมวด 16 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาตรา 291/1 ถึงมาตรา 291/16 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550

หมวด 16 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่


(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1328586561&grpid=&catid=02&subcatid=0202

"นพดล"ปัด"โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม"ไม่ได้เป็นทนายทักษิณ ยอมรับเข้าพบ"ผู้นำเลบานอน"จริง

"นพดล"ปัด"โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม"ไม่ได้เป็นทนายทักษิณ ยอมรับเข้าพบ"ผู้นำเลบานอน"จริง

 

 


นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณปลดนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ออกจากการเป็นทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ หลังเคลื่อนไหวสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 112 ว่า นายโรเบิร์ตไม่ได้เป็นทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายของกลุ่ม นปช.ในคดีฟ้องศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศเท่านั้น ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณแม้แต่คดีเดียว ดังนั้น การแสดงความเห็นของนายโรเบิร์ตจึงไม่มีความเกี่ยวพันกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และไม่ใช่การที่ พ.ต.ท.ทักษิณสั่งให้ทำ เพราะในการแก้ไข ม.112 นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ รัฐบาล และพรรคเพื่อไทย แสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าจะไม่มีการแก้ไขมาตราดังกล่าว 

 

(อ่านต่อ) 

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1328530002&grpid=&catid=03&subcatid=0305

วิวาทะอุปนายก-รองอุปนายก อมธ.: ความเห็นส่วนตัว-ในนามองค์กร?

วิวาทะอุปนายก-รองอุปนายก อมธ.: ความเห็นส่วนตัว-ในนามองค์กร?

อธิการบดี มธ.โพสต์ จม.จาก "อมธ." เสนอทำประชามติห้ามใช้พื้นที่ มธ.เคลื่อนไหวการเมืองและม. 112 ด้านอุปนายกฯ โพสต์แจงเป็นความเห็นส่วนตัวของรองอุปนายกฯ แต่ใช้หัวกระดาษองค์กร

(7 ก.พ.55) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ในเฟซบุ๊กส่วนตัวของสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) มีการโพสต์ภาพจดหมายซึ่ง ใช้หัวกระดาษขององค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อมธ.) ลงชื่อโดยภาณุพงศ์ รอดทอง รองอุปนายก อมธ. เรื่อง "เสนอให้ลงมติโดยนักศึกษาในการใช้พื้นที่เคลื่อนไหวทางการเมืองและเรื่อง มาตรา 112" โดยสมคิดระบุว่า "เช้านี้ได้รับหนังสือจากรองอุปนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความเห็นว่านศ.ส่วนใหญ่ในมธ.เห็นด้วยกับท่าทีของมหาลัย"


ภาพจดหมายที่ถูกโพสต์ในวอลล์ของสมคิด

(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2012/02/39142

อมธ.ออกแถลงการณ์แจง จม.จากรองอุปนายก เป็นความเห็นส่วนตัว

(7 ก.พ.55) สืบเนื่องจากกรณีสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) โพสต์ภาพจดหมายซึ่งใช้หัวจดหมายขององค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อมธ.) ลงชื่อโดยรองอุปนายก อมธ. โดยมีเนื้อหาเสนอให้มีการลงมติโดยนักศึกษาในการใช้พื้นที่เคลื่อนไหวทางการ เมืองและเรื่องมาตรา 112 ซึ่งก่อให้เกิดข้อถกเถียงถึงอำนาจในการออกจดหมายดังกล่าว (อ่านเพิ่มเติม)  

(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2012/02/39150 

"การชูนิ้วกลาง" ประวัติศาสตร์ฉบับย่อของความหยาบคายและความก้าวร้าว?

"การชูนิ้วกลาง" ประวัติศาสตร์ฉบับย่อของความหยาบคายและความก้าวร้าว?



ศึกคนชนคน "ซูเปอร์โบวล์" ระหว่างทีมนิวยอร์ก ไจแอนท์ และนิวอิงแลนด์ แพทริออท เป็นไปด้วยความตื่นเต้น โดยผลการแข่งขัน ไจแอนท์เอาชนะแพทริออทไปได้ 21-17 แต้ม

Posted Image

เรื่องที่กลายเป็นประเด็นที่ร้อนแรงไม่แพ้ กันก็คือ การแสดงระหว่างช่วงพักครึ่ง ซึ่งถือเป็นเวลาทองที่ศิลปินต่างๆต่างหวังที่จะได้แสดงสักครั้งในชีวิต ขณะที่มีรายงานว่า มีผู้ชมเฉพาะในสหรัฐฯที่เฝ้าดูการแข่งขันนัดนี้กว่า 111.3 ล้านคน

มาดอนน่า ศิลปินสาวใหญ่ได้รับเกียรตินั้นไปครอง เธอออกมาแสดงในหลายเพลง ซึ่งรวมถึงเพลงใหม่ของเธอ "Give Me All Your Luvin′" ที่มีศิลปินสองสาวร่วมแจมด้วย คือ นิกกี้ มินาจ และ M.I.A. ซึ่งรายหลังสร้างความอื้อฉาวด้วยการชูนิ้วกลางให้แก่ผู้ชม

กระทั่งสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีซึ่งเป็นผู้ทำ การถ่ายทอดสดครั้งนี้ต้องออกมาขอโทษขอโพยต่อการกระทำของนักร้องสาว โดยระบุว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมโดยสิ้นเชิง


การชูนิ้วกลาง ทำไมจึงถูกมองว่าเป็นพฤติกรรมก้าวร้าว?

กลุ่มปัญญาชน มักแสดงความรู้สึกเหยียดหยามต่อนักการเมืองที่ไร้จริยธรรม โดยการชูนิ้วกลาง และประกาศกร้าวว่า นี่เป็นวิธีการเพื่อปลุกปั่นฝูงชนได้ดีที่สุด


http://4.bp.blogspot...s_Christian_Win
ดิโอจิเนสแห่งซิโนพ

ตามข้อมูลของนักประวัติศาสตร์กรีกระบุว่า ต้นเหตุของมันย้อนกลับไปในยุคกว่า400 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อดิโอจิเนสแห่งซิโนพ นักปรัชญากรีกโบราณ กล่าวแสดงความรู้สึกของเขาที่มีต่อ"เดมอสเธนีส" นักปราศรัยชื่อดัง ให้แก่ผู้มาเยี่ยมได้ฟัง พร้อมกับการชูนิ้วกลาง

การชูนิ้วกลาง โดยที่นิ้วที่เหลือถูกกดไว้โดยนิ้วหัวแม่โป้ง ถูกระบุไว้ชัดว่าคือการแสดงการดูหมิ่นเหยียดหยามและการดูถูกดูแคลนมานาน เกือบ 2,000 ปี ไม่ว่าจะเป็นนักปรัชญากรีกโบราณ กวีชาวลาตินที่หวังจะขายผลงานของตน หรือกระทั่งทหาร นักกีฬา นักร้องเพลงป็อป เด็กนักเรียน หรือตำรวจ กระทั่งผู้บริหารประเทศต่างทราบดีว่าสัญลักษณ์นิ้วกลางมีพลังต่อพวกเขามาก เพียงใด

นายเดสมอนด์ มอร์ริส นักมานุษยวิทยา กล่าวว่า การชูนิ้วกลางเป็นกิริยาการแสดงการดูหมิ่นที่เก่าแก่ที่สุดอันหนึ่งใน ประวัติศาสตร์ของมนุษย์ โดยนิ้วกลาง แสดงสัญลักษณ์ของอวัยวะเพศชาย ขณะที่นิ้วทั้งสี่ที่ห่ออยู่ด้วยกันด้านล่าง เป็นสัญลักษณ์ของอัณฑะ เมื่อใครก็ตามที่แสดงกิริยาดังกล่าว เท่ากับว่าคนคนนั้น กำลังยื่นข้อเสนอที่ชวนให้ขัดเคืองใจ โดยการแจกของสงวนให้แก่บุคคลที่เขาเกลียดชัง

นิ้วกลางยังเป็นสัญลักษณ์ขององคชาตมา นานแล้วในวัฒนธรรมของยุโรปเนื่องจากเป็นนิ้วที่มีขนาดยาวที่สุดอย่างไรก็ตาม แม้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องทางเพศ แต่คำด่านี้บ่งบอกถึงการก้าวร้าวมากกว่าจะหมายถึงเรื่องเพศโดยตรง


http://upload.wikime...px-Socrates_in_
The Clouds โดย Aristophanes

นอกจากนั้นยังมีการอ้างถึง"การชูนิ้ว กลาง"ไว้ที่บริเวณหว่างขา เป็นครั้งแรกในบทละครชวนขันของกรีกโบราณ เรื่อง "The Clouds" ของอริสโตฟาเนสเมื่อ 419 ปีก่อนคริสตศักราช ขณะที่ชาวโรมันยังตั้งชื่อพิเศษสำหรับนิ้วกลางไว้ด้วยโดยพวกเขาเรียกมันว่า "ดิจิตุส อินฟามิส" (digitus infamis) ที่แปลว่านิ้วทุเรศ หรือไร้ยางอายหรือ"ดิจิตุส อิมพูดิคุส" (digitus impudicus) ซึ่งมีความหมายในทำนองว่า นิ้วสัปดน

นอกจากนี้ ชาวโรมันยังคงเห็นภาพองคชาติเป็นเสมือนเครื่องรางต่อสู้กับคำสาปชั่วร้าย ดังนั้น การชูนิ้วกลางให้คนอื่นจึงอาจจะไม่ใช่คำด่าในเชิงหยาบโลน แต่น่าจะเป็นการกล่าวข่มขวัญมากกว่าว่า "ฉันจะป้องกันตัวเองจากมนต์ดำของแก ก่อนที่แกจะได้เริ่มใช้มันซะอีก" กระนั้นก็ตาม ยังมีที่มาของการด่าด้วยการชูนิ้วกลางอีกด้วยว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ ชาวนาโบราณจะใช้นิ้วกลางทดสอบว่าแม่ไก่กำลังออกไข่หรือไม่

การ แสดงอาการดังกล่าวยังคงแตกต่างกันในแต่ละประเทศ เช่น ในอังกฤษ อาจจะชูนิ้วกลางขึ้นโดดๆ หรือชูพร้อมกับนิ้วชี้และหันอุ้งมือเข้าข้างใน และในการพิจารณาคดีหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ศาลของญี่ปุ่นยังได้ตัดสินว่าการแสดงสัญลักษณ์โดยการชูด้านหลังของนิ้วกลาง ของมือข้างขวาแล้วหันลงถือว่าเป็นการกระทำหมิ่นประมาทหรือการยั่วยุแม้ว่า มันจะเป็นสัญลักษณ์ไม่สามัญเท่ากับในสหรัฐฯก็ตาม


ศาสตราจารย์เกียรติคุณโธมัส คอนลีย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารและวรรณกรรม จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ อ้างคำกล่าวของ"แทคซิตุส" นักประวัติศาสตร์ชาวโรมัน ที่กล่าวว่า ชนเผ่าเยอรมันโบราณ มอบ"นิ้วกลาง"ให้แก่นักรบโรมัน ขณะที่ก่อนหน้านี้ ชาวกรีกมักใช้นิ้วกลางเพื่อแสดงสัญลักษณ์อวัยวะเพศชายอย่างตรงไปตรงมา


Posted Image

ที่มาของกิริยาดังกล่าว ยังถูกเชื่อมโยงไปถึงกิริยาของลิงเพศผู้สายพันธุ์หนึ่งในทวีปอเมริกาใต้ ที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่ามักแสดงกิริยาพร้อมกับอวัยวะเพศที่กำลังแข็งตัว

นอกจากนั้น การชูนิ้วกลางซึ่งนายเดสมอนด์ มอร์ริสกล่าวถึง ยังอาจมาถึงสหรัฐฯพร้อมกับผู้อพยพชาวอิตาเลียน มีการบันทึกไว้ในเอกสารที่สืบไปได้ไกลถึงช่วงปี 1886 เป็นครั้งแรก เมื่อผู้เล่นตำแหน่งพิชเชอร์ของทีมเบสบอลบอสตัน บีนอีทเตอร์ส ชูนิ้วกลางระหว่างการถ่ายรูปร่วมกับทีมคู่แข่งอย่างนิว ยอร์ก ไจแอนท์ส


Posted Image

ในวัฒนธรรมแบบฝรั่งเศส มีการแสดงท่าทางที่สื่อถึงอวัยวะเพศชายเช่นกัน แต่มิใช่การชูนิ้ว แต่เป็นการยกแขนขึ้นคล้ายกับการเบ่งกล้ามที่เรียกว่า "bras d′honneur" หรือ "ท่อนแขนแห่งเกียรติยศ"


Posted Image

ขณะที่ในอังกฤษ อวัยวะเพศชายถูกนำเสนอผ่านการชู 2 นิ้ว มาใช้แทนความหมายของ"ชัยชนะ" ซึ่งมาจากท่าทางที่นายวินสตัน เชอร์ชิล นายกรัฐมนตรีอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มักกล่าวคำปราศรัย พร้อมชู 2 นิ้ว เป็นรูปตัววี เพื่อประกาศชัยชนะในสงครามโลกอยู่บ่อยครั้ง


Posted Image

แม้ว่าจะมีการบอกเล่ากันต่อๆมาว่า การชูนิ้วกลางมีที่มาจาก"ยุทธการอาแฌงคูร์" (Battle of Agincourt) ในปี 1415 ที่เมืองอาแฌงคูร์ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส เป็นการต่อสู้ระหว่างกองทัพของฝ่ายอังกฤษที่นำโดยสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 5 แห่งอังกฤษ และฝ่ายฝรั่งเศสที่นำโดยชาร์ลส์ ดาลเบรต์ ผลของยุทธการครั้งนี้ ฝ่ายอังกฤษได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดต่อกองกำลังที่เหนือกว่ามากของฝรั่งเศส

มีเรื่องเล่ากันว่า ทหารฝ่ายอังกฤษได้ชูนิ้วของตนโบกไปมาให้ทหารฝรั่งเศส เพื่อยั่วยุฝรั่งเศสที่ขู่ตัดสองนิ้วที่ใช้สำหรับรั้งสายธนูของทหารอังกฤษ ทิ้งเสีย เนื่องจากเหตุการณ์ที่ทหารฝรั่งเศส จับพลแม่นธนูอังกฤษได้ ก็เลยสำเร็จโทษด้วยการตัดนิ้วชี้กับนิ้วกลางที่ใช้ยิงธนูทิ้ง กระทั่งปัจจุบันก็ยังมีชาวอังกฤษบางส่วนที่แสดงกิริยาเช่นนั้นอยู่เพื่อเย้ย หยันชาวฝรั่งเศส

ขณะที่ปัจจุบันความหมายของการชูนิ้วกลางยัง ข้ามพรมแดนนอกเหนือจากการดูหมิ่น ไปเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงออกทางวัฒนธรรม ภาษา ที่พบเห็นได้ทั่วไปผ่านการประท้วง การแข่งขันกีฬา และคอนเสิร์ตเพลงร็อคที่เกิดขึ้นทั่วโลก


Posted Image

ในปี 2004 นักการเมืองจากแคนาดารายหนึ่ง ถูกกล่าวหาว่าชูนิ้วกลางใส่นักการเมือฝ่ายตรงข้าม เนื่องจากถูกขัดคอระหว่างการปราศรัยในสภาผู้แทนราษฎร เขาให้เหตุผลในภายหลังว่า เขาเพียงต้องการแสดงความไม่พอใจเท่านั้น และสองปีต่อมา บริทนีย์ สเปียร์ส นักร้องสาวชาวอเมริกัน ชูนิ้วกลางใส่กลุ่มช่างภาพปาปาราซซี ที่คอยติดตามเธอไปทุกที่ ขณะที่แฟนเพลงของเธอบางส่วนเข้าใจว่า นักร้องสาวชูนิ้วกลางให้พวกเขา ก่อนที่สเปียร์สจะออกมาขอโทษในภายหลัง

อิรา ร็อบบินส์ ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยอเมริกัน ยูนิเวอร์ซิตี้ แสดงความเห็นว่า จากข้อมูลตามประวัติศาสตร์ที่กล่าวกันมาเนิ่นนานว่า ความหมายของการการชูนิ้วกลาง คือการแสดงถึงสัญลักษณ์ของเพศชาย ในยุคปัจจุบันมันได้สูญเสียความหมายที่แท้จริงไปแล้ว ขณะที่การใช้ในบางโอกาสแทบไม่ได้สื่อถึงเนื้อหาที่มีความสัปดน หรือพฤติกรรมที่ส่อถึงความมักมากในกามอีกต่อไป แต่แตกแขนงเป็นพฤติกรรมที่เกิดทั่วไปในชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลก และความหมายถึงอวัยวะเพศชายจริงๆก็ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา

(ที่มา)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1328613685&grpid=01&catid=&subcatid= 


Posted Image

เขียนกันแบบนี้ เลย!!!สลิ่ม

เขียนกันแบบนี้ เลย!!!สลิ่ม


Posted Image

ที่มา FB http://www.facebook....&type=1


โห ... เอากันแบบนี้เลยหรือ

เหลิมว่าไง .... อนุดิษฐ์ ว่าไง
กฏหมายมาตรตรา 112 นี่มันสร้างความหวาดกลัว
ให้กับทุกฝ่าย ทุกสีหรือไม่ แต่เท่าที่เห็นไม่ว่าจะเป็น
ไอ้ลิ้มพูด หรืออย่างภาพนี้ ก็ไม่เห็นมีใครกลัวกฏหมาย
ฉบับนี้เลย และไม่มีใครมาจัดการด้วย

แต่ทีพวกเสื้อแดง ทำบ้าง ดังเช่นที่คนเสื้อแดงที่โคราชเอา
ชื่อใครคนหนึ่งไปเขียนข้างโลงศพ ยังโดนเสียหลายปี

และที่ร้ายแรงที่สุด ก็คดีอากง พวกท่านไม่ได้ก่อก็จริง
แต่ท่านก็ไม่เคยคิดที่จะแก้ไข หรือช่วยเหลืออากงเลย
นอกจากจะไม่แก้ไขแล้ว ยังเป็นหัวหอก ค้านแก้ 112 เสียด้วย


Posted Image 

เล่นกันเลอะเทอะหมดแล้วเสื่อมจริงๆ