หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เสื้อแดงบุกไล่ตุลาการศาล รมน.

เสื้อแดงบุกไล่ตุลาการศาล รมน.


 

(คลิกฟัง)
http://www.youtube.com/watch?v=cG5bxUk-7c4&feature=player_embedded

ในสนามรบทางกฎหมาย

ในสนามรบทางกฎหมาย 

 


โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์

 

คงไม่จำเป็นต้องกล่าวซ้ำถึงความไม่ชอบมาพากลที่ศาลรัฐ ธรรมนูญรับเรื่องตามมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญเอง และขัดต่อการตีความของศาลรัฐธรรมนูญซึ่งมีมาก่อน ไปจนถึงการให้สัมภาษณ์ของประธานศาลรัฐธรรมนูญที่ส่ออคติก่อนการสอบสวน

ยิ่ง กว่านี้ สองในตุลาการเคยให้สัมภาษณ์มาก่อนว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับโดยการตั้ง ส.ส.ร.อาจทำได้ ซึ่งขัดกับการตัดสินใจรับคำร้องในครั้งนี้

ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า มันมีอะไรที่ใหญ่และสลับซับซ้อนกว่าประเด็นทางกฎหมายหรือวินิจฉัยส่วนตนของ ตุลาการ พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ พลังฝ่ายอำมาตย์ไม่อนุญาตให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน อย่างน้อยก็ยังแก้ไม่ได้ในช่วงนี้

รัฐธรรมนูญนั้นไม่ค่อยมีความหมายมากนักแก่ฝ่ายผู้ถืออำนาจในเมืองไทย (มิฉะนั้นเราคงไม่มีรัฐธรรมนูญเกือบ 20 ฉบับหรอก) เพราะอาจตีความอย่างไรก็ได้ นอกจากนี้ฝ่ายผู้ถืออำนาจยังมีส่วนกำกับการร่างรัฐธรรมนูญเสมอ อย่างน้อยก็นับตั้งแต่การรัฐประหาร 2490 เป็นต้นมา โดยการต่อรองร่วมกันระหว่างฝ่ายต่างๆ ที่ถืออำนาจร่วมกัน หรือหากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการสถาปนาการนำในกลุ่มผู้ถือ อำนาจได้ ก็อาศัยการต่อรองผ่านกลุ่มดังกล่าวอีกทีหนึ่ง

ฉะนั้นถึงจะ แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ก็ไม่น่าจะเป็นที่หวั่นวิตกอย่างไร แต่ในร่าง พ.ร.บ.ที่เสนอให้ตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นเป็นผู้รับผิดชอบการแก้ไข สถานการณ์ปัจจุบันทำให้เห็นได้ว่า เป็นการยากที่ฝ่ายผู้ถืออำนาจจะเข้ามากำกับได้ เพราะ ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้ง (เป็นส่วนใหญ่) แม้แต่ผู้ทรงคุณวุฒิก็ยังถูกเลือกมาจากรัฐสภา ซึ่งอำนาจกำกับของฝ่ายผู้ถืออำนาจเบาบางลงมาก

รัฐธรรมนูญปี 2550 เปิดโอกาสให้ฝ่ายผู้ถืออำนาจกำกับฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติได้หลายทาง แม้ต้องทำโดยไม่ค่อยตรงกับหลักการประชาธิปไตยเท่าไรนัก แต่ก็ยังเป็นอำนาจกำกับที่ขาดไม่ได้ ฉะนั้นในช่วงนี้เป็นอย่างน้อย ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นการสุ่มเสี่ยงเกินไปแก่ฝ่ายผู้ถืออำนาจ จึงต้องขัดขวาง

แม้กระนั้น วิธีที่ใช้ในการขัดขวางก็ไม่ค่อยจะ "เนียน" เท่าไรนัก โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับการขัดขวางร่าง พ.ร.บ. หรือคำสั่งแต่งตั้ง ซึ่งไม่ต้องการให้บรรลุผล เท่าที่ผ่านมาในอดีต หากไม่นับการรัฐประหารแล้ว ประสบการณ์ทางการเมืองที่สั่งสมมานานของฝ่ายผู้ถืออำนาจ จะรู้วิธีขัดขวางฝ่ายที่ไม่ร่วมอยู่ในผู้ถืออำนาจได้แนบเนียนกว่านี้มาก

แต่วิธีที่ไม่ "เนียน" นี้อาจเป็นวิธีเดียวที่เหลืออยู่ เพราะอย่างน้อยในช่วงระยะเวลานี้และอนาคตอันใกล้ การรัฐประหารเป็นเครื่องมือที่ใช้ไม่ได้ ขาดการยอมรับของชาติมหาอำนาจ (อย่างที่ศาสตราจารย์ลิขิต ธีรเวคิน กล่าวว่า ท่าทีของมหาอำนาจตะวันตก คือให้การยอมรับและต้อนรับรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยอย่างเห็นได้ชัด) และก่อให้เกิดความวุ่นวายถึงขั้นจลาจลทางการเมือง ซึ่งจะยิ่งทำให้ประเทศไทยภายใต้การนำของฝ่ายผู้ถืออำนาจตกในสถานการณ์ย่ำแย่ ลง

หลายคนเรียกการแทรกแซงฝ่ายนิติบัญญัติของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ว่า "ตุลาการรัฐประหาร" ซึ่งก็จริงอย่างปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นการรัฐประหารอย่างหนึ่ง คือการประหารรัฐด้วยการอ้างอำนาจที่ไม่มีในกฎหมาย แต่อย่างน้อย ก็ต้องอ้างกฎหมาย แม้จะอ้างอย่างข้างๆ คูๆ ก็ตาม แต่ก็ต้องอ้าง

ย้อน กลับไปคิดถึง พ.ศ.2476 เมื่อกำลังทหารฝ่ายคณะราษฎรยึดอำนาจจากรัฐบาลพระยามโนปกรณ์นิติธาดา เนื่องจากรัฐบาลนั้นได้ละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ด้วยการงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา อันเป็นอำนาจฝ่ายบริหารที่ไม่มีกฎหมายใดรับรองให้ทำได้ ฝ่ายคณะราษฎรก็อ้างเหตุนี้ในการยึดอำนาจ กล่าวคือเพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายรัฐธรรมนูญเอาไว้

คณะ ราษฎรในขณะนั้น มิได้มีอำนาจเด็ดขาดไม่ว่าในทางทหารหรือทางการเมือง การอ้างกฎหมายจึงเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างเสริมพลังอำนาจของฝ่ายตน

เช่น เดียวกับการทำรัฐประหารตุลาการในครั้งนี้ ที่ต้องอ้างกฎหมายก็เพราะไม่มีทางเลือกอื่น แสดงให้เห็นอำนาจอันจำกัดลงของฝ่ายผู้ถืออำนาจ

สภาพอำนาจที่ถูกจำกัด ลงนี้ จะดำรงอยู่ต่อไปหรือไม่ และนานเท่าไร คงเถียงกันได้ แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่เชื่อว่าจะกลับมามีอำนาจกำกับการเมืองเหมือนเดิมได้อีก หากฝ่ายผู้ถืออำนาจมีสำนึกอย่างเดียวกันเช่นนี้

สิ่งที่ต้องปรับตัว คือต้องอาศัยกฎหมาย (แต่เพียงความหมายเผินๆ ทางอักษรศาสตร์ หรือบิดเบี้ยวในเชิงกระบวนการก็ตาม) เท่านั้น ในอันที่จะเข้ามากำกับการเมืองได้ในระดับหนึ่ง
  

 

(อ่านต่อ)http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1342409064&grpid=&catid=02&subcatid=0200

"เมื่อขัดแย้งทางการเมืองจนจวนตัว ให้อ้างในหลวง - อย่างงั้นอีกแล้วหรือครับ?"

"เมื่อขัดแย้งทางการเมืองจนจวนตัว ให้อ้างในหลวง - อย่างงั้นอีกแล้วหรือครับ?"

 
เกษียร เตชะพีระ 
 


"แต่ประชาชนหลายๆ คนในประเทศนี้ก็ถูกกดดันมานานพอ
แล้วนะ (โว้ย)"

ถึงกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์และแฟนเพจเฟซบุ๊คของคุณกนก รัตน์วงศ์สกุล(ซึ่งนำข้อความที่คุณกนกเขียนคัดค้านคณะนิติราษฎร์ไว้หลายเดือนก่อนเรื่องการปฏิรูป ม.๑๑๒ มาลงใหม่)

(ดูลิงค์ข่าวประกอบ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1342419024&grpid&catid=19&subcatid=1903)

เรื่องที่คนไทยเห็นต่างและทะเลาะขัดแย้งกันทุกวันนี้มีมาก หากทุกครั้งทุกเรื่องที่เราทะเลาะกัน แล้วเราไปอ้างอิงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งทรงอยู่ในสถานะเหนือความขัดแย้งทางการเมือง ให้เสมือนพระองค์ทรงเป็นส่วนหนึ่งในความขัดแย้งด้วย ก็เท่ากับเรารบกวนพระองค์ ให้ทรงระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ในสิ่งที่ไม่สมควร เพราะโดยหลักการของระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ พระองค์ทรงตั้งอยู่ในฐานะประมุขที่มั่นคงเป็นหลักชัยของทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่เห็นด้วยหรือเห็นต่างกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เห็นด้วยหรือเห็นต่างกับพรบ.ปรองดอง หรือเห็นด้วยหรือเห็นต่างกับศาลรัฐธรรมนูญและข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์

ในทุกความขัดแย้งของการเมืองแบบประชาธิปไตย ย่อมมีเสียงข้างมากกับเสียงข้างน้อย หากทุกครั้งที่แตกต่างขัดแย้งกัน แล้วเสียงข้างน้อยอ้างองค์พระประมุขอันเป็นหลักชัยของบ้านเมืองมาเพื่อใช้ประโยชน์ในการคะคานเสียงข้างมากแล้ว นั่นย่อมเป็นการดึงเอาพระองค์มาอยู่ในที่ ๆ มิบังควร เป็นที่ ๆ ตรงข้ามกับหลักการการปกครองโดยเสียงข้างมากอันเป็นแก่นสารสำคัญของระบอบประชาธิปไตย

ผมคิดว่าเราต้องเป็นผู้ใหญ่พอ และมีวุฒิภาวะพอที่จะทะเลาะขัดแย้งกันโดยไม่เอาของสำคัญของรักของหวงของทุกคนในประเทศมาวางไว้ในที่สุ่มเสี่ยงอันตราย คือที่ ๆ จะอาศัยแอบอ้างใช้ประโยชน์จากพระบารมีไปขัดขวางและขัดแย้งกับเสียงข้างมากและประชาธิปไตย แทนที่จะเทิดทูนพระองค์ไว้เป็นหลักชัยของระบอบประชาธิปไตยทั้งระบอบ และของคนไทยทั้งปวงไม่ว่าจะเป็นเสียงข้างน้อยหรือเสียงข้างมากร่วมชาติเดียวกัน

ผมอยากฟังเหตุผลแฟนเพจเฟซบุ๊คของคุณกนก และอยากฟังข่าวสารข้อเท็จจริงจากไทยโพสต์ ผมไม่อยากให้ท่านทำในสิ่งที่จะส่งผลเสียต่อสถาบันที่พวกท่านและคนไทยทั้งปวงรักและเทิดทูนที่สุดด้วยความมักง่ายและรู้เท่าไม่ถึงการณ์


Profile picture

ผมขอประกาศแคมเปญคว่ำบาตรกนก รัตน์วงศ์สกุล ช่วยกันลงโทษทางสังคมกับสื่อมวลชนฝักใฝ่ทรราษฏร์คนนี้ ... ไม่อยากเชื่อว่าจบธรรมศาสตร์ อย่างนี้เรียกได้ว่าทรพีต่อสถาบันที่สอนให้รักประชาธิปไตย อ้อ... อีกเรื่อง เลิกสันดานต่ำๆ ในกล่าวหาผู้อื่นว่าคนอื่นไม่รักสถาบัน คนที่เค้ารักสถาบันจริงๆ เค้าไม่ออกมาประกาศตัวบ่อยๆ ...คนอย่างกนกแท้ที่จริงก็เป็นแค่ไอ้พวกรักเจ้าแบบจอมปลอม ห้อยโหนขูดรีดประโยชน์จากสถาบันไปวันๆ เดรัจฉานจริงๆ

นายกฯยังไม่เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ

นายกฯยังไม่เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ


 
รายการ Voice News ประจำวันที่ 16 กรกฎาคม 2555 (19.00 น.)
- นายกฯยังไม่เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ
- ชี้ชัดกระสุนราชการฝังร่างชาญณรงค์
- ลอยตัวแอลพีจี ส่อเค้าเลื่อน
 
นายกฯยังไม่เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ
นายกรัฐมนตรีรอคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญก่อน ด้านประธานรัฐสภา เสนอถอนทุกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ลดความขัดแย้ง
 
ชี้ชัดกระสุนราชการฝังร่างชาญณรงค์
ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืน ชี้ชัดกระสุนฝังร่างชาญณรงค์ พลศรีลา เหยื่อสลายการชุมนุมปี 53 เป็นกระสุนที่ใช้เฉพาะอาวุธสงครามของราชการเท่านั้น
 
ลอยตัวแอลพีจี ส่อเค้าเลื่อน
รองนายกฯกิตติรัตน์ เผยยังไม่ลอยตัวแอลพีจีทั้งระบบ ด้านกระทรวงพาณิชย์  ระบุหากประกาศลอยตัวจริง  อาหารปรุงสำเร็จขึ้นแน่ 25 สตางค์ต่อจาน
 

Divas Cafe

Divas Cafe



แดงโห่ ปชป เฮ นักวิชาการซัด กระแสตีกลับเพื่อไทย Divas Cafe 13มิย55
http://youtu.be/vTCbQdANN1k

After Shock หลังคำวินิจฉัยตลก ศาลรัฐธรรมนูญ Divas Cafe 16กค55

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=y_RuYYwFvkU

The Daily Dose

The Daily Dose 

 

The Daily Dose 16กค55

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=OknQXH5ddgo

Wake Up Thailand

Wake Up Thailand


Wake Up Thailand 16กค55

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=MH4SvGt1wJk

สุชาติ นาคบางไซ กับ 3 ปีในกรงขังเผด็จการ

สุชาติ นาคบางไซ กับ 3 ปีในกรงขังเผด็จการ

"ห้ามฉันพูด ฉันก็จะพิมพ์ ห้ามฉันพิมพ์ ฉันก็จะเขียน ห้ามฉันเขียน ฉันก็จะยังคิด หากห้ามฉันคิด ก็ต้องห้ามลมหายใจฉัน

Somyot-Redpower's picture

โดยสมยศ พฤกษาเกษมสุข

สุชาติ นาคบางไซ เป็นนามแฝงของวราวุธ ฐานังกร ประธานกลุ่มวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ เป็นผู้สร้างตำนานของการต่อต้านรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 อันโด่งดัง ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของคนเสื้อแดงในรุ่นบุกเบิก เขาเป็นนักปราศรัย และนักเคลื่อนไหวประชาธิปไตยที่กล้าหาญ เด็ดเดี่ยว จนถูกตำรวจออกหมายจับกุมในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพพระราชินี เขาหายตัวไปราวปีเศษจึงถูกจับกุม เขารับสารภาพในทันที เพราะรู้อยู่แล้วว่าการต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมในคดีหมิ่นเบื้องสูง ผู้ถูกกล่าวหาทุกคนตกอยู่ในสภาพถูกมัดมือชก เพราะไม่ได้รับสิทธิการประกันตัว และถูกจองจำด้วยความทุกข์ทรมานเป็นเวลายาวนาน เขาถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลา 3 ปี กลายมาเป็นนักโทษเต็มขั้นตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2553

วราวุธ ฐานังกร อายุ 54 ปี แต่งงานแล้วมีบุตร 3 คน จบการศึกษาด้านเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่กลับหันมาประกอบอาชีพด้านไอทีในยุคโลกาภิวัตน์ จนเป็นคนหนึ่งที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีการสื่อสาร เขาเป็นผู้ก่อตั้งเว็บบอร์ด Weekend Corner เป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงการสื่อสารบนอินเตอร์ชื่อดังหลายแห่ง ดังนั้นเมื่อเกิดการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญของการต่อต้านเผด็จการทหาร เป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น จนในที่สุดนำมาสู่การพบปะพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ เป็นที่มาของการก่อตั้งกลุ่มวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการในเดือนพฤศจิกายน 2549

บทบาทของเขาถูกจับตามองเป็นพิเศษในฐานะที่เป็นแกนนำต่อต้านการรัฐประหาร อย่างห้าวหาญ ดุเดือด อันเป็นบุคลิกเฉพาะตัวของเขา “สุชาติ นาคบางไซ” กลุ่มวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ ยังมีส่วนสร้างกระแสคลื่นความคิดต่อต้านการรัฐประหารในเว็บบอร์ดการเมือง ซื่อดังหลายแห่ง มีการแสดงความคิดเห็นต่อกระแสการเมืองกันอย่างคึกคัก มีชีวิตชีวา มีการตอบโต้วาทะทางความคิดอย่างเผ็ดร้อน ซึ่งเป็นเสมือนภูมิปัญญาของคนรุ่นใหม่ในโลกอินเตอร์เน็ต หรือที่เรียกกันว่า “นักรบไซเบอร์” หลายคนรับรู้ความจริงด้วยข้อมูลมากมายที่ผ่านการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่าง อิสระ จนสามารถทะลุทะลวงผ่านมายาทางความคิดซึ่งถูกมอมเมา และครอบงำจากกรอบประเพณี จารีตนิยมเก่าแก่คร่ำครึมายาวนาน

กลุ่มวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการมีส่วนร่วมแข็งขันในการก่อตั้งแนวร่วม ประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และเมื่อแกนนำ นปช.รุ่นแรกจำนวน 9 คนถูกจับกุมคุมขัง หลังจากนำประชาชนบุกบ้านสี่เสาเทเวศร์จนเกิดเหตุการณ์จลาจลเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2550 สุชาติ นาคบางไซ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแกนนำ นปช.รุ่น 2 ที่มีบทบาทสูงเด่นบนเวทีปราศรัยในเวลานั้น

(อ่านต่อ)

ข้อเสนอนิติราษฎร์ ยุบศาล รธน. ตั้งตุลาการพิทักษ์ระบอบ รธน. [คลิป]

ข้อเสนอนิติราษฎร์ ยุบศาล รธน. ตั้งตุลาการพิทักษ์ระบอบ รธน. [คลิป]

 


ข้อเสนอนิติราษฎร์ ยุบศาล รธน.ตอน 1/2

http://www.youtube.com/watch?v=-WKyKQla6a8&feature=player_embedded#!

ข้อเสนอนิติราษฎร์ ยุบศาล รธน.ตอน 2/2

http://www.youtube.com/watch?v=pXBIwm_ntrQ&feature=player_embedded 

 

คณะนิติราษฎร์ เสนอยกเลิกศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งตุลาการพิทักษ์รัฐธรรมนูญแทน ทำหน้าที่พิทักษ์ประชาธิปไตยและนิติรัฐ รักษาความเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญ โดยการใช้อำนาจนั้นต้องคำนึงถึงอำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทย หลักการแบ่งแยกอำนาจ และหลักการประกันสิทธิและเสรีภาพ

วิดีโอส่วนหนึ่งจากเสวนาเรื่องข้อเสนอ "การยุบเลิกศาลรัฐธรรมนูญ และการจัดตั้งคณะตุลาการพิทักษ์ระบอบรัฐธรรมนูญ" จัดโดยนักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์ ในวันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 ณ ห้อง LT 1 และ LT 2 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ 

(ที่มา)
http://www.prachatai.com/journal/2012/07/41574

ละครตลกร้ายเรื่องการนำอาชญากรรัฐมาขึ้นศาล

ละครตลกร้ายเรื่องการนำอาชญากรรัฐมาขึ้นศาล

 

ในเมื่อชนชั้นปกครองไทย ไม่ว่าจะเป็นซีกทหาร ประชาธิปัตย์ เพื่อไทย หรือทักษิณ จงใจไม่กำจัดผลพวงของรัฐประหาร และจงใจให้คนที่ฆ่าประชาชนลอยนวลอีกครั้ง เป็นครั้งที่สี่ ความหวังอยู่ที่กระแสของคณะนิติราษฎร์ แต่เขาทำเองสองสามคนไม่ได้ มวลชนที่รักประชาธิปไตยและความเป็นธรรมต้องเคลื่อนไหวร่วมกับเขา
 
โดย ใจ อึ๊งภากรณ์

แนวทางของทักษิณและเพื่อไทยในการปรองดอง จริงๆ แล้วเป็นการยอมจำนนบนซากศพวีรชน และสังเวยนักโทษการเมือง เพื่อให้ทักษิณกลับมาและเพื่อให้นักการเมืองพรรคเพื่อไทยดำรงตำแหน่งและกอบ โกยผลประโยชน์ต่อไป และที่ชัดเจนคือฆาตกรสี่คนที่มือเปื้อนเลือดเสื้อแดง คือประยุทธ์ อนุพงษ์ อภิสิทธิ์ กับ สุเทพ จะไม่ถูกนำมาขึ้นศาลแต่อย่างใด ตรงนี้เราดูได้จากคำพูดของทักษิณในบทสัมภาษณ์กับ จอม เพชรประดับ ในวันที่ 17 เมษายนปีนี้ที่เขมร ดูได้จากทักษิณโฟนอินในวันที่ 19 พฤษภาคม และดูได้จากร่าง พรบ.ปรองดอง

แต่ละครตลกร้ายที่กำลังเล่นคู่ขนานกันกับการยอมจำนนนี้ คือการสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ของวิกฤตหลังรัฐประหาร ๑๙ กันยา คือมีการ “เอดิด” ตัดลบบทบาทชั่วร้ายของทหารออกไป ไม่พูดถึงอาชญากรรมการก่อรัฐประหาร และไม่พูดถึงบทบาทประยุทธ์กับอนุพงษ์ในการเข่นฆ่าเสื้อแดง นิยายใหม่ที่เข้ามาแทนที่ประวัติศาสตร์จริง คือการเสนอว่าศัตรูหลักของเพื่อไทย เสื้อแดง หรือทักษิณ คือแค่พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น โดยเฉพาะอภิสิทธิ์กับสุเทพ อันนี้เราก็เห็นได้จากคำสัมภาษณ์ของทักษิณอีก และการที่เพื่อไทย และ นปช. เลิกวิจารณ์ทหาร ประกอบกับการที่ยิ่งลักษณ์ไปจับมือกับประยุทธ์และไปกราบเปรม เนื้อหาอยู่ที่สิ่งที่ไม่พูด

ในละครตลกร้ายอันนี้ อภิสิทธิ์ กลายเป็นของเล่นของ ทักษิณ เพื่อไทย และ นปช. เพราะประชาธิปัตย์มีอำนาจน้อย ไม่เหมือนทหาร ในอดีตอภิสิทธิ์เป็นนายกหุ่นเชิดของทหารเท่านั้น จึงนำมาแกล้ง เตะ และหยอกล้อได้ เหมือนที่เด็กๆ เล่นกัน และคงไม่เจ็บหรอก คือมีการแกล้งทำเป็นว่าจะมีการสอบสวนบางคดีที่คนตายท่ามกลางการชุมนุม โดยสร้างภาพว่าอาจเกี่ยวกับอภิสิทธ์ แต่การสอบสวนอันนี้ไม่มีวันออกผล เพราะทุกฝ่ายของชนชั้นปกครองคุยกันแล้วว่าทุกคนต้องลอยนวล.... ยกเว้นคนก้าวหน้าที่โดน 112
ถ้าพวกนั้นไม่จัดการให้ตนเองลอยนวล ใครจะไปรู้ ทักษิณอาจโดนนำมาขึ้นศาลคดีตากใบก็ได้ และทหารจะหมดอำนาจลงมากเพราะหมด “สิทธิ์” ที่จะใช้ความรุนแรงในอนาคต
(อ่านต่อ) 
http://turnleftthai.blogspot.dk/2012/06/blog-post.html

แม่กมนเกด ยื่นหนังสือเรียกร้อง"ยิ่งลักษณ์" จี้ลงนามรับรองอำนาจศาลไอซีซี เปิดทางสอบคดี 98 ศพ

แม่กมนเกด ยื่นหนังสือเรียกร้อง"ยิ่งลักษณ์" จี้ลงนามรับรองอำนาจศาลไอซีซี เปิดทางสอบคดี 98 ศพ


 


นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาน.ส.กมนเกด อัคฮาด หรือ"น้องเกด" พยาบาลอาสาที่ถูกยิงเสียชีวิตภายในเต็นท์วัดปทุมวนาราม เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 กล่าวถึงความคืบหน้าคดี 98 ศพที่ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือศาลไอซีซี กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ว่า วันที่ 16 ก.ค.เวลา 11.00 น.ตนพร้อมด้วยญาติผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์เดือนเม.ย.-พ.ค.2553 จะเดินทางไปยังทําเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงนามรับรองขอบเขต อํานาจการสอบสวนคดี 98 ศพของศาลโลก เนื่องจากนายกฯมีอํานาจในการลงนามดังกล่าว เมื่อนายกฯเซ็นรับรองแล้วจะทําให้ศาลโลกมีอํานาจเต็มในการสอบคดีนี้ และสามารถเรียกตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ และผอ.ศอฉ. รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องในกองทัพมาสอบสวนได้ทันที รวมทั้งขอเอกสารหลักฐานต่างๆ ในปี 2553 จากรัฐบาลไทยได้
 

แม่น้องเกด กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ หากนายกฯยังไม่เซ็นรับรองตนก็ต้องเดินหน้าเรียกร้องต่อไป ทั้งนี้คดี 98 ศพลุล่วงมานานกว่า 2 ปี ตนมองว่ารัฐบาลยังไม่สามารถเอาตัวผู้สั่งการฆ่าประชาชนมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ ทั้งที่พยานหลักฐานมีมากมายในวันเกิดเหตุ แต่ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ตนจึงต้องออกมาเรียกร้องครั้งนี้เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับลูกสาวและญาติคนอื่นๆ
 

ด้านนางธิดา โตจิราการ ประธานนปช. กล่าวว่า คดี 98 ศพที่ยื่นฟ้องศาลโลกไปเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะนี้ได้รับการติดต่อจากนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ในฐานะทนายนปช.ต่างประเทศ แจ้งความคืบหน้ามาว่าขณะนี้ศาลโลกกำลังพิจารณาคดีอยู่ ซึ่งตนนัดพูด คุยกับนายโรเบิร์ตทางสไกป์ในเย็นวันนี้อย่างละเอียดว่ายังต้องการหลักฐานอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ เพื่อจะได้ส่งไปให้ นอกจากนี้ตนยังได้เซ็นหนังสือมอบอํานาจให้กับนายโรเบิร์ต ไว้ 1 ฉบับหากเกิดกรณีฉุกเฉินตนถูกอุ้มหายไป หรือองค์กรนปช.ไม่สามารถดําเนินการต่อไปได้ นายโรเบิร์ตจะเป็นตัวแทนในการเดินหน้าของคดี 98 ศพนี้ต่อไป


(ที่มา)