หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เสวนา: ปฏิรูปการศึกษาไทย รัฐสวัสดิการคือทางออก?

เสวนา: ปฏิรูปการศึกษาไทย รัฐสวัสดิการคือทางออก?



 

ชี้น่าเป็นห่วงเรื่องเด็กเลิกเรียนกลางคันเกือบ 50% ปัญหาคุณภาพครูผู้สอน ไปจนถึงระบบอำนาจนิยมในการศึกษา ด้านแนวร่วมนร.นศ.ผลักดันปฏิรูปการศึกษาไทยแถลงขอให้ทีนิวส์ขอโทษที่ลงข่าว บิดเบือน มิเช่นนั้นจะฟ้องกลับด้วยพ.ร.บ. คอมพ์

26 ต.ค. 2556 ที่คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กลุ่มสภาหน้าโดม จัดงานเสวนาในหัวข้อ “การศึกษาไทย รัฐสวัสดิการคือทางออก?” โดยมีวิทยากรที่เกี่ยวข้องกับการผลักดันการปฏิรูปการศึกษาเข้าร่วมการ อภิปราย

โดยก่อนการเริ่มเสวนา ทางกลุ่มแนวร่วมนักเรียนนักศึกษาผลักดันปฏิรูปการศึกษาไทย ได้แถลงข่าวต่อกรณีการรายงานข่าวของเว็บไซต์ทีนิวส์กรณีการจับกุมกลุ่มนัก เรียนนักศึกษา เมื่อวันที่ศุกร์ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งมีเนื้อหาบิดเบือนจากความจริง

ทางกลุ่มระบุว่า เมื่อเวลา 18.42 น. ของวันที่ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา มีการเผยแพร่ข่าวการทำกิจกรรมของนักศึกษาเพื่อปฏิรูปการศึกษาไทยทางเว็บไซต์ สำนักข่าวทีนิวส์ โดยมีการพาดหัวว่า "เนติวิทย์" เหิมหนักเปิดเครื่องเสียงดังลั่น ระหว่างปชช.ทำพิธีส่งเสด็จ "พระสังฆราช" ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง โดยในระหว่างการทำกิจกรรมทางกลุ่มนักศึกษาพบว่า ไม่มีผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวทีนิวส์เข้ามาทำข่าวเลย เป็นเพียงการนำข้อมูลจากสำนักข่าวอื่นๆ บิดเบือนเท่านั้น  

โดยทางกลุ่มได้ชี้แจงว่า ในระหว่างการชุมนุม ได้มีการใช้เครื่องขยายเสียง ทางตำรวจสน.ดุสิตจึงได้เข้ามาล้อมที่รถ และได้แจ้งว่า นักศึกษากลุ่มนี้ถูกจับกุมในข้อหาละเมิดพ.ร.บ.จราจร และระบุว่าจะมีการจับกุมในข้อหาละเมิดพ.ร.บ.ความมั่นคง รวมถึงข้อหาการดัดแปลงรถยนต์โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ต่อมาพบว่ากิจกรรมดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมือง ทำให้ถูกปล่อยตัวในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตาม นักเรียนนศ. ที่ไปชุมนุมทั้งหมดถูกปรับรวมกันเป็นจำนวน 500 บาท  

ทางกลุ่มย้ำว่า การเผยแพร่ข่าวของเว็บไซต์ทีนิวส์ไม่เป็นความจริงและเป็นการใส่ร้ายป้ายสี กลุ่มนักเรียนนักศึกษา และได้เรียกร้องให้สำนักข่าวทีนิวส์ทำการขอโทษกลุ่มนักเรียนนักศึกษา มิเช่นนั้น ทางกลุ่มจะดำเนินคดีฟ้องร้องสำนักข่าวทีนิวส์ ตามพ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 มาตรา 14  ในข้อหาการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จและก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น 
   
(อ่านต่อ) 

ชาติยุโรปร่วมกดดันสหรัฐฯเรื่องสอดแนมผู้นำเยอรมนี

ชาติยุโรปร่วมกดดันสหรัฐฯเรื่องสอดแนมผู้นำเยอรมนี

 

'อียู'อัดสหรัฐฯ ดักฟังโทรศัพท์ผู้นำยุโรป 
(คลิกฟัง)
http://www.dailymotion.com/video/x16ebyb_ชาต-ย-โรปร-วมกดด-นสหร-ฐฯเร-องสอดแนมผ-

ขอเชิญร่วมแสดงพลังไม่เอา "นิรโทษกรรมเหมาเข่ง-สุดซอย"

ขอเชิญร่วมแสดงพลังไม่เอา "นิรโทษกรรมเหมาเข่ง-สุดซอย"
 


Photo: (ฝากประชาสัมพันธ์ด่วนจ้า) พรุ่งนี้ อาทิตย์ที่ 27 ต.ค. นี้ เวลา 10.00 น.
ขอเชิญพี่น้องชาวเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดลำพูน ลำปาง เชียงใหม่
และพื้นที่ใกล้เคียง ร่วมแสดงพลังไม่เอา "นิรโทษกรรมเหมาเข่ง-สุดซอย"
ร่วมกับ บก.ลายจุด และพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ที่ราชประสงค์
ไปพบกันที่อนุสาวรีย์ สามกษัตริย์ โดยพร้อมเพรียงกัน อย่าลืมพกอุปกรณ์
มือถือสมาร์ทโฟน ไอแพท ไอโฟน และแบตสำรอง ไปให้พร้อมนะ
แล้วพบกันนะครับ #สุดซอย

ขอเชิญร่วมแสดงพลังไม่เอา "นิรโทษกรรมเหมาเข่ง-สุดซอย"
ร่วมกับ บก.ลายจุด และพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ที่ราชประสงค์

อาทิตย์ที่ 27 ต.ค. นี้ เวลา 10.00 น.

Wake Up Thailand


Wake Up Thailand




Wake Up Thailand ประจำวันที่ 25 ตุลาคม 2556 ตอนที่ 2
Coffee with : พันศักดิ์ วิญญรัต
http://www.dailymotion.com/video/x16e8ru_coffee-with-พ-นศ-กด-ว-ญญ 

Wake Up Thailand ประจำวันที่ 25 ตุลาคม 2556 ตอนที่ 1
ร่วมไว้อาลัย สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก 
http://www.dailymotion.com/video/x16e899_ร-วมไว-อาล-ย-สมเด-จพระส-งฆราช-
   
Wake Up Thailand ประจำวันที่ 24 ตุลาคม 2556 ตอนที่ 2
นายใหญ่บอกเอง...รัฐมนตรีระดับประถม
http://www.dailymotion.com/video/x16cmnh_นายใหญ-บอกเอง-ร-ฐมนตร-ระด- 

Wake Up Thailand ประจำวันที่ 24 ตุลาคม 2556 ตอนที่ 1
Set zero ของจริงต้องนิรโทษกรรมคนติดคุกก่อน 
 http://www.dailymotion.com/video/x16cks4_set-zero-ของจร-งต-องน-รโทษกรรมคนต-ดค 

มีเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับพระสังฆราช..ที่เราไม่เคยรู้

มีเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับพระสังฆราช..ที่เราไม่เคยรู้
 

Photo: @สุธา ยิ้ม
ผมคงขอไม่ไว้ทุกข์ให้พระสังฆราชครับ เพราะไม่เคยรู้จักกันเลย ไม่เคยเป็นญาติกัน ไม่เคยมีบุญคุณหรือเกี่ยวข้องอะไรกันโดยส่วนตัว ภาพประทับใจเรื่องเดียวที่ผมมีต่อท่าน ก็คือ ท่านเป็นอุปัชฌาย์ให้กับจอมพลถนอม กิตติขจร เมื่อท่านจอมพลบวชเณรมาจากสิงคโปร์ แล้วมาบวชเป็นพระภิกษุที่วัดบวรนิเวศ เหตุการณ์การบวชของจอมพลถนอมนี้เอง ที่ปูทางมาสู่การเข่นฆ่านักศึกษา และการรัฐประหาร ๖ ตุลา ๒๕๑๙

"ผมคงขอไม่ไว้ทุกข์ให้พระสังฆราชครับ เพราะไม่เคยรู้จักกันเลย ไม่เคยเป็นญาติกัน ไม่เคยมีบุญคุณหรือเกี่ยวข้องอะไรกันโดยส่วนตัว ภาพประทับใจเรื่องเดียวที่ผมมีต่อท่าน ก็คือ ท่านเป็นอุปัชฌาย์ให้กับจอมพลถนอม กิตติขจร เมื่อท่านจอมพลบวชเณรมาจากสิงคโปร์ แล้วมาบวชเป็นพระภิกษุที่วัดบวรนิเวศ เหตุการณ์การบวชของจอมพลถนอมนี้เอง ที่ปูทางมาสู่การเข่นฆ่านักศึกษา และการรัฐประหาร ๖ ตุลา ๒๕๑๙"

สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ

Divas Cafe

Divas Cafe


 
 
Divas Cafe ประจำวันที่ 25 ตุลาคม 2556
มุมเล็กๆ ของสมเด็จพระสังฆราชฯ 
http://www.dailymotion.com/video/x16eby7_ม-มเล-กๆ-ของสมเด-จพระส-งฆราช 
 
Divas Cafe ประจำวันที่ 24 ตุลาคม 2556
ปชป. พรรคไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
http://www.dailymotion.com/video/x16cpmz_ปชป-พรรคไม-ยอมเปล-ยนแปล

เก็บตก ใจ อึ๊งภากรณ์:จากครรภ์มารดาถึงอายุ 60

เก็ยตก ใจ อึ๊งภากรณ์:จากครรภ์มารดาถึงอายุ 60

 


ดร.ป๋วยกับ ใจ อึ๊งภากรณ์  ในวัยเด็ก

ผมเกิดที่บ้านซอยอารีในปี ๒๔๙๖ ท่ามกลางสังคมไทยภายใต้เงาเผด็จการทหาร ผมเป็นเด็กเรียนประถมและมัธยมท่ามกลางเผด็จการทหาร
 
คุณพ่อผมต้องออกจากประเทศไทยสองครั้งเพราะไปขัดผลประโยชน์เผด็จการ ผมต้องออกจากประเทศไทยเพราะเขียนหนังสือวิจารณ์รัฐประหาร
 
เวลาผ่านไป๖๐ ปี แต่สังคมไทยยังอยู่ใต้เงาเผด็จการ เราไม่มีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก และถ้าเราแสดงออก “มากเกินไป” ชนชั้นปกครองไทยก็จะฆ่าเราเหมือนผักปลา หรือจับเราเข้าคุก
 
ทุกวันนี้พวกเหลือบดูดเลือด ทั้งหทาร ข้าราชการ นายทุน และคนชั้นสูง ยังเกาะกินทำนาบนหลังประชาชน และเวลาเขาก่ออาชญากรรมพวกโจรเหล่านี้ก็จะลอยนวลเสมอ บ่อยครั้งประชาชนไทยลุกขึ้นสู้กับเผด็จการ
 
ที่ผมจำได้ก็เริ่มสมัย ๑๔ ตุลา มีการต่อสู้อย่างกล้าหาญของสหายพรรคคอมมินิสต์ ล่าสุดก็คนเสื้อแดง แต่ทุกครั้งเราก้าวไปหนึ่งก้าวและต้องถอย  
 
บ่อยครั้งผู้นำเราพาไปสยบยอ
 
ถ้าไทยจะไม่เป็นทาส พลเมืองต้องกล้ายืนสองขา เลิกก้มหัวไหว้หรือหมอบคลานต่อพวกที่ไม่สมควรที่จะได้รับความเคารพ 
 
เราต้องประกาศด้วยความภูมิใจว่าทุกคนเท่าเทียม และเราต้องประกาศว่าทรัพย์สินและมูลค่าทั้งปวงในสังคมเรามาจากการทำงานของคนธรรมดา  พวกกาฝากข้างบนไม่เคยทำอะไรให้ประชาชน 
 
ดังนั้นควรจะมีการแบ่งปันทรัพยากรอย่างเท่าเทียมด้วย
 
อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นเอง เราต้องสู้ ต้องจัดตั้งทางการเมือง และต้องกล้าคิดเอง 
 
(อ่านต่อ)

"วัฒนธรรมแห่งการปล่อยให้ผู้กระทำผิดที่มีอำนาจลอยนวล และการเหยียบย่ำสิทธิในชีวิตและความเป็นคนจะต้องยุติลงในสังคมไทย"

"วัฒนธรรมแห่งการปล่อยให้ผู้กระทำผิดที่มีอำนาจลอยนวล และการเหยียบย่ำสิทธิในชีวิตและความเป็นคนจะต้องยุติลงในสังคมไทย" 






“..การ นิรโทษกรรมในปี 2556 ต้องไม่ใช่การนิรโทษกรรม เช่นในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 และเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ที่เป็นการนิรโทษกรรมแบบ ‘เหมาเข่ง’ ให้ผู้ก่อความรุนแรง ต่อผู้ชุมนุมทางการเมือง ได้รับการนิรโทษกรรมไปด้วย เพราะประวัติศาสตร์บอกเราชัดเจนว่า ตราบใดที่ผู้กระทำผิดไม่ถูกลงโทษ ก็จะมีความรุนแรงตามมา..”


ชาญวิทย์ เกษตรศิริ




 

"กรุณา สังเกตว่าเวลาแกนนำ นปช. ค้านการนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง เขาไม่พูดเป็นรูปธรรมว่าจะรณรงค์ให้มวลชนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวแต่อย่างใด ไม่นัดประท้วงระดับชาติ ไม่ขู่เพื่อไทยว่าจะเลิกสนับสนุนถ้าไม่เลิก และที่สำคัญคือ แกนนำ นปช. เงียบเฉยเรื่อง 112 ไม่วิจารณ์การไม่นิรโทษกรรมนักโทษ112 หรือแสดงจุดยืนว่าต้องยกเลิก 112 และจะเคลื่อนไหวอย่างไร สรุปแล้วเป็นการค้านแบบนามธรรมเพื่อให้ดูดี รักษาหน้าตนเอง ไม่มีรูปธรรม"

ใจ อึ๊งภากรณ์ 

9 ปีตากใบ PerMAS จี้คู่ขัดแย้งบอกวันยุติสงคราม เปิดทางประชาชนกำหนดชะตากรรมตนเอง

9 ปีตากใบ PerMAS จี้คู่ขัดแย้งบอกวันยุติสงคราม เปิดทางประชาชนกำหนดชะตากรรมตนเอง

 

Posted Image 
ใจ อึ๊งภากรณ์: ตากใบคืออาชญากรรมของรัฐ
http://prachatai.com/journal/2009/06/24525

โดย โรงเรียนนักข่าวชายแดนใต้ (DSJ)

เกาะกระแส 9 ปีตากใบ PerMAS ออกแถลง จี้คู่ขัดแย้งบอกวันยุติสงคราม เปิดทางประชาชนใช้สิทธิกำหนดชะตากรรมตนเอง เวทีเสวนาชี้เหยื่อตากใบตายหลังเหตุชุมนุมอีกเพียบ องค์กรสิทธิยันให้เงินเยียวยาไม่ใช่ความยุติธรรม ชี้ต้องมีผู้รับผิดชอบและถูกลงโทษ ชี้ทั้งสองฝ่ายต้องมีส่วนรับผิดชอบ กอ.รมน.ระบุคนที่ไม่เกี่ยวเอามาใช้ปลุกระดม วอนอย่ายกมาอ้างเพื่อก่อความรุนแรง

สหพันธ์นิสิตนักศึกษานักเรียนและเยาวชนปา ตานี หรือ PerMAS ที่จัดงานเสวนา 9 ปีตากใบ "ไร้ซึ่งสันติภาพ ตราบใดที่เสรีภาพและความเป็นธรรมยังไม่เห็น" ที่สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี

25 ตุลาฯ ครบรอบ 9 ปีตากใบ

วันที่ 25 ตุลาคม 2556 ตรงกับวันครบรอบ 9 ปีของเหตุการณ์ตากใบ หลายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่างร่วมกันจัดงานรำลึกหรือมีความเคลื่อน ไหวต่อเหตุการณ์ดังกล่าว เช่น การออกแถลงการณ์เพื่อแสดงท่าทีทั้งจากภาครัฐและภาคประชาชนหรือภาคประชาสังคม ในพื้นที่

เหตุการณ์ตากใบ คือ เหตุเจ้าหน้าที่รัฐได้สลายการชุมนุมของประชาชนนับพันคนที่หน้าสถานีตำรวจ ภูธรตากใบ จ.นราธิวาส ซึ่งนำมาสู่การเสียชีวิตของประชาชนชาวมุสลิมรวม 85 คน โดยเสียชีวิตระหว่างการขนย้ายไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี 78 คน เหตุการณ์กลายเป็นประวัติศาสตร์บาดแผลของรัฐไทยต่อการแก้ปัญหาความไม่สงบใน จังหวัดชายแดนภาคใต้

โดยกลุ่มที่ออกมาทำกิจกรรมในวันดังกล่าว เช่น สหพันธ์นิสิตนักศึกษานักเรียนและเยาวชนปาตานี หรือ PerMAS ที่จัดงานเสวนา 9 ปีตากใบ "ไร้ซึ่งสันติภาพ ตราบใดที่เสรีภาพและความเป็นธรรมยังไม่เห็น" ที่สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี โดยนำเรื่องการรำลึก 9 ปีเหตุการณ์ตากใบโยงกับกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพที่กำลังดำเนินอยู่ ระหว่างตัวแทนรัฐบาลไทยกับขบวนการบีอาร์เอ็น ซึ่งมีผู้เข้าร่วมเต็มห้องประชุม


ชี้เหยื่อตากใบตายหลังเหตุการณ์อีกเพียบ

นายอาเต็ฟ โซ๊ะโก ฝ่ายต่างประเทศ สำนักปาตานีรายาเพื่อสันติภาพและการพัฒนา (LEMPAR) กล่าวระหว่างเสวนาว่า สถานการณ์ปัจจุบันของผู้ได้รับกระทบจากเหตุการณ์ตากใบไม่ค่อยมีการพูดถึง หรือรำลึกมากนัก เนื่องจากผู้ได้รับผลกระทบได้รับการเยียวยาจากรัฐ โดยเฉพาะกรณีเสียชีวิตที่ได้รับเงินเยียวยาถึงรายละ 7.5 ล้านบาท

นายอาเต็ฟ กล่าวอีกว่า การเยียวยาดังกล่าวเป็นความฉลาดของรัฐไทยในการเมืองระหว่างประทศ เพราะรัฐไทยต้องการให้นานาชาติเห็นว่ารัฐได้ยอมรับผิดในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว โดยการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ทั้งๆที่ชาวบ้านได้เงินเยียวยา7.5 ล้านบาทนั้น เป็นผลพลอยได้จากนโยบายเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองของ คนเสื้อแดง ไม่ได้มาจากการเรียกร้องของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ตากใบโดยตรง

“ที่สำคัญคือหลังเหตุการณ์ตากใบ ผู้ชุมนุมหลายคนที่กลับไปอยู่บ้านแล้วถูกยิงเสียชีวิตจำนวนมากกว่าผู้เสีย ชีวิตในเหตุการณ์ตากใบเสียอีก แต่หน่วยงานที่เก็บสถิติไม่ได้เก็บสถิติผู้เสียชีวิตในกรณีนี้” นายอาเต็ฟ กล่าว

วาทะจุดประกาย

วาทะจุดประกาย



"การอภัยโทษเป็นสิ่งที่ทำได้ในเวลาที่เหมาะสม แต่ไม่ใช่ในขณะที่ยังไม่มีการสำนึกผิด" 

 
อะลิซาเบตตา โพเลงกี (Elisabetta Polenghi)

น้องสาว ฟาบิโอ โพเลงกี ช่างภาพชาวอิตาลีเหยื่อกระสุนปี 19 พ.ค. 53


ที่มา จดหมายถึงยิ่งลักษณ์และ ส.ส. 

http://prachatai.com/journal/2013/10/49425

ทั้งนี้ศาลได้มีคำสั่งว่าฟาบิโอเสียชีวิตจากกระสุนที่ถูกยิงมาจากฝั่งทหาร เมื่อวันที่ 29 พ.ค.56 อ่านคำสั่งศาลที่ 


http://prachatai.com/journal/2013/05/46945

ราชาธิปไตย คือมายาคติ

ราชาธิปไตย คือมายาคติ



 

ภูฏาน ประเทศในอุดมคติของพี่ๆน้องๆ สลิ่มที่รักหลายๆ ท่าน ในด้านที่เป็นสังคมพอเพียง สังคมราชาธิปไตย ถูกจัดอันดับให้มี GNH (Gross national happiness) ว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความสุขมากที่สุดในโลก ... เราจะมาดูข้อมูลเชิงลึกกันว่าจริงๆแล้ว ภูฏาน เป็นประเทศในอุดมคติ ที่มีความสุขมากขนาดนั้นจริงๆหรือไม่?

เรื่องอัตราการตายของเด็กทารก ตามการจัดอันดับ ของ CIA World Factbook ในปี 2013 ภูฏานมีอัตราการตายของทารก 40/1000 คน สูงกว่าประเทศไทยเกือบ 3 เท่าตัว
https://www.cia.gov/library/publications/the-world-factbook/fields/2091.html
 

 
เรื่องคุณภาพชีวิต จากการสำรวจของ nationranking.wordpress.com เมื่อปี 2011 จัดอันดับคุณภาพชีวิตของชาว ภูฏาน อยู่ในอันดับที่ 97 ต่ำกว่า กาน่า ซีเรีย อียิปต์ นามิเบีย (ไทยอันดับ 71)
http://nationranking.files.wordpress.com/2011/03/2011-qli2.png
 


เรื่อง บริการสาธารณสุข ในการจัดอันดับโดย WHO ภูฏานอยู่ในอันดับที่ 124 ต่ำกว่า อิรัก อินเดีย ปากีสถาน ลิเบีย (ไทยอันดับ 47)
http://thepatientfactor.com/canadian-health-care-information/world-health-organizations-ranking-of-the-worlds-health-systems/
 


อัตราการรู้หนังสือของประชากรภูฏานตามการสำรวจของ CIA World Factbook อยู่ที่ 47 percent ไม่ถึงครึ่งประเทศ เปรียบเทียบจากประเทศไทยที่มีอัตราการรู้หนังสือร้อยละ 92
http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_literacy_rate
 


อย่างที่บอกไป GNH อัตรามวลรวมความสุขประชาชาติที่เคยมีการจัดอันดับของภูฏาน ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ถึง indicators หรือตัวแปลที่นำมาจัดอันดับ ที่ให้ความสำคัญกับการไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมมากเกินไป เลยทำให้ประเทศที่เทคโนโลยี ยังไม่พัฒนา มีปัญหาสิ่งแวดล้อมยังไม่มากเท่าประเทศอุตสาหกรรม แต่มีปัญหา อาชญากรรม สงครามกลางเมือง ยาเสพติดแบบมหาศาล เช่น ประเทศ โคลัมเบีย ติดอันดับต้นๆไปด้วยแบบดูขัดแย้งกับความเป็นจริง  

ท่านชายทั้งสี่อ้างว่าไม่ได้รับอนุญาตเดินทางกลับบ้านเกิดประเทศไทยเพื่อเคารพพระศพพระสังฆราช

ท่านชายชายทั้งสี่อ้างว่าไม่ได้รับอนุญาตเดินทางกลับบ้านเกิดประเทศไทยเพื่อเคารพพระศพพระสังฆราช



หมายเหตุไทยอีนิวส์:เราได้รับจดหมายทางอีเมล์จากผู้ที่อ้างตัวว่าเป็น"ตระกูลวิวัชรวงศ์"ลงชื่อในจดหมายคือ หม่อมเจ้าจุฑาวัชร มหดิล หม่อมเจ้าวัชเรศร มหิดล หม่อมเจ้าจักรีวัชร มหิดล   และ  หม่อมเจ้าวัชรวีร์ มหิดล (ควรสังเกตว่าจดหมายก่อนหน้านี้ไม่ได้ลงพระยศหม่อมเจ้า และใช้สกุลวิวัชรวงศ์ ไม่ใช่"มหิดล"เหมือนฉบับล่าสุดนี้) ส่งสาส์นแสดงความเสียใจในโอกาสสมเด็จพระสังฆราช ญาณสังวรสิ้นพระชนม์ ทั้งเปิดเผยว่า ทั้ง 4 เคยบวชเป็นพระภิกษุ สามเณร โดยสมเด็จพระสังฆราชเป็นองค์อุปัชฌาย์ พร้อมกับแนบภาพถ่ายหลักฐานมาในจดหมายนี้(ตามที่เผยแพร่ในข่าวนี้) และได้รับการอบรมสั่งสอนจากพระองค์ท่าน ทั้งสี่ปรารถนาจะเดินทางมาเคารพพระศพ แต่ไม่ได้รับอนุญาต ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้





 

ครอบครัววิวัชรวงศ์ส่งสาส์นแสดงความเสียใจอย่างลึกซึ้งต่อการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสังฆราช

25 ตุลาคม 2556

พวกเราขอร่วมกับราชอาณาจักร และ พุทธศาสนิกชนทั่วทั้งโลก ร่วมไว้ทุกข์ ในการสูญเสียของ สมเด็จพระสังฆราช  สมเด็จพระญาณสังวร

การสิ้นพระชนม์ของพระองค์ท่าน นำมายังความสูญเสีย อันยิ่งใหญ่ของเราทั้งสี่ เมื่อเราทุกคนยังเด็กมาก พระบิดาและพระมารดาของเรา มักจะ นำเราไปที่วัด และได้รับพระเมตตาสั่งสอนจากสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งพระองค์ทรงได้ปลูกฝังให้พวกเราถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า เราแต่ละคนได้บรรพชาเป็นสามเณรโดยพระองค์ท่าน และพวกเรายังจดจำรำลึกคำสอนทางพุทธศาสนา ที่พระองค์ท่านทรงพระเมตตาสั่งสอน อันนับเป็นพระกรุณาธิคุณให้กับพวกเราในวัยเยาวชนเป็นอย่างยิ่ง

เราแต่ละคน ต่างรำลึกถึงพระเมตตาเมื่อครั้งได้ไปบวชในวัด ไม่เพียงแต่การอบรมสั่งสอนในทางพุทธศาสนาของพวกเรา แต่พระองค์ท่านยังทรงสอนอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นที่อาจจะได้เรียนรู้ ผ่านการสังเกตอย่างใกล้ชิด เช่น ศีลาจาวัตรความประพฤติที่งดงามเหมาะสมของพระภิกษุสงฆ์ เราจะจดจำรึกลึกตลอดไปถึงพระกรุณาธิคุณอันเปี่ยมด้วยพระเมตตาของพระองค์ และจดจำภาพที่พระองค์ก้มกราบพระพุทธรูปในเวลาสวดมนต์ ในฐานะที่เป็นเด็กหนุ่ม พวกเราจึงภูมิใจที่ได้เป็นพระสงฆ์ สามเณร ภายใต้การปกครองของพระองค์ท่าน ขณะนี้พวกเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ พวกเรามีความกตัญญูรู้คุณ ที่พระองค์ท่านทรงให้โอกาสพวกเราที่จะปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์  โดยพวก เราจะ ยึดมั่นตลอดไป ด้วยพระพรที่พระองค์ท่านมอบให้กับพวกเรา จึงขอตั้งจิตอธิษฐานว่า คำสอนของพระองค์  จะสะท้อนให้เห็นในทุกด้านของ ชีวิตประจำวันของพวกเราตลอดไป

พวกเรามีความปรารถนา อย่างจริงใจ ที่จะสามารถเดินทางไปประเทศไทยเพื่อแสดงความเคารพพระองค์ท่านในวาระนี้ในนาม ส่วนบุคคล อย่างไรก็ตามแต่พวกเรา ยังไม่ได้รับ หรือ ได้รับอนุญาต ให้กลับไปที่บ้านเกิดของพวกเรา อย่างไรก็ตามด้วยหัวใจอันเต็มเปี่ยม พวกเราขออธิษฐาน ในความทรงจำ และความเคารพ พวกเราจะพยายามอย่าง ดีที่สุดในการรักษาความสมบูรณ์ของพระพุทธศาสนาเพื่อถวายพระเกียรติแก่สมเด็จ พระสังฆราช    

ด้วย ความจงรักภักดีตลอดไป

หม่อมเจ้าจุฑาวัชร มหดิล
หม่อมเจ้าวัชเรศร มหิดล
หม่อมเจ้าจักรีวัชร มหิดล
หม่อมเจ้าวัชรี มหิดล


(ต้นฉบับจดหมายภาษาอังกฤษ)

Vivacharawongse Condolences for His Holiness, the Patriarch

October 25, 2013
We join with the Kingdom, and other Buddhist around the world, in mourning the loss of His Holiness the Supreme Patriarch, Somdet Phra Nyanasamvara Suvaddhana Mahathera.

His Holiness’ passing comes as a tremendous loss to the four of us. When we were all very young, our parents often brought us to the temple to receive the gentle guidance of His Holiness so that he could instill in us the teachings of Buddha. Each of us recall being received into the faith as novices by him, and we contemplate the Buddhist teachings he so graciously imparted on us in our youth.

Each of us fondly recall our respective sojourns in the temple as novice monks. His Holiness not only personally supervised the pedagogical aspects of our training, but also taught us the more subtle things that may only be learned through close observation, such as the proper demeanor of a monk. We will always recall the serene grace of His Holiness, and the way he paused to contemplate after bowing to the Buddha Image at prayer time. As young boys, we were so proud to be novice monks under his tutelage. Now, as men, we are grateful to have the opportunity to carry on His Holiness’ teachings. We shall forever cherish the blessings he bestowed upon us, and we pray that His Holiness’ teachings are reflected in all aspects of our daily lives.

We sincerely wish that we could travel to Thailand to pay our respects to His Holiness in person. However, we have not received instructions or permission to return to our homeland. Nonetheless, with heavy hearts, we pray in remembrance and respect. We will do our best in maintaining the integrity of Buddhism in His Holiness’ honor.
With continued loyalty,
 
Mom Chao Juthavachara Mahidol
Mom Chao Vacharaesorn Mahidol
Mom Chao Chakriwat Mahidol                       
Mom Chao Vatchrawee Mahidol   

(ที่มา)

เพิ่มเติม กรณี จดหมายล่าสุดจาก "พี่น้องวิวัชรวงศ์"


สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล

เพิ่มเติม กรณี จดหมายล่าสุดจาก "พี่น้องวิวัชรวงศ์"

ผมได้ใช้เวลาคิดและพิจารณาเรื่องจดหมายล่าสุดจาก "พี่น้องวิวัชรวงศ์" (ดูกระทู้ติดกันข้างล่าง)

ผมคิดว่า เรื่องนี้มีความสำคัญกว่าที่ผมตระหนักในตอนแรก

ทำไมผมจึงคิดเช่นนั้น? คำตอบคือ ต้องกลับไปอ่าน จดหมายเมื่อ 2 ปีกอ่น ของ "พี่น้องวิวัชรวงศ์"

จดหมายฉบับนั้น ลงวันที่ 29 เดือนกรกฎาคม 2554 (นัยยะของ timing ต้องคิดกันด้วย) เนื้อหาในจดหมายมีความสำคัญมากทีเดียว

ปัญหาคือ จดหมายปี 54 น้้น ใช่จดหมายจริงหรือไม่ ผมได้กลับไปค้นดู และยืนยันว่า หลังจากมีการเผยแพร่จดหมายดังกล่าวไม่นาน หนังสือพิมพ์ The Times ของอังกฤษ ได้รายงาน โดยได้ verified หรือพิสูจน์ยืนยันว่า เป็นจดหมายจาก "พี่น้องวิวัชรวงศ์" จริงๆ โดยได้สอบถามไปยัง คุณวัชเรศร วิวัชรวงศ์ ซึ่งประกอบอาชีพทนายความในนิวยอร์ค ซึงคุณวัชเรศวร ยืนยันว่าเป็นจดหมายที่พวกเขาเขียน (ดูภาพทีผมเอามาประกอบ ผมจำเป็นต้องเซ็นเซอร์ข้อความบางส่วนออก)

ทีนี้ ในเมื่อจดหมายปี 2554 ดังกล่าว เป็นจดหมายจริง เนื้อหาของจดหมายนั้น ก็สำคัญมาก ผมจะไม่สรุปว่า พูดถึงอะไรบ้าง ขอให้หาอ่านกันเอาเอง (รายงานของ The Times ถ้าหากันดีๆ ตาม facebook ของคนไทยบางท่านในต่างประเทศก็พอจะหาได้อยู่)

ทีนี้ ถ้าเอาเนื้อหาของจดหมายปี 2554 (ที่ยืนยันว่าจริง) นั้น มาเปรียบเทียบกับจดหมายฉบับล่าสุด จะเห็นว่า มีลักษณะ ทีผมขอพูดแบบกว้างๆว่า "เป็นไปในทิศทางเดียวกันมากๆ"

ซึงผมคิดว่า ประเด็นนี้ เป็นเหตุผลเสริมสนับสนุนว่า เป็นไปได้มากว่า จดหมายล่าสุด ก็เป็นจดหมายจริงเช่นเดียวกับปี 2554

ซึงถ้าเช่นนั้น ก็หมายความว่า วิธีเขียนชื่อของ "พี่น้อง" ทั้งสี ในจดหมายล่าสุด ก็มีความสำคัญมากๆ คือ ถ้าอ่านในปริบท "รวม" ตั้งแต่จดหมายปี 54 มาถึงจดหมายฉบับล่าสุด

ผมขออภัยทีอภิปรายมากกว่านี้ไม่ได้ ได้แต่แนะนำให้ผู้สนใจ หาจดหมายฉบับเต็มๆปี 2554 อ่านดู โดยระลึกเสมอว่า กำลังอ่านจดหมายจริง (ตามที่ The Times ยืนยัน) แล้วลองอ่านเปรียบเทียบกับจดหมายล่าสุดนี้ดู และคิดถึงนัยยะทีน่าสนใจต่างๆ เกี่ยวกับการลงชื่อดังกล่าวในปริบทของเนื้อหาหรือ "ทิศทาง" ของจดหมายทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว

ผมได้ใช้เวลาคิดและพิจารณาเรื่องจดหมายล่าสุดจาก "พี่น้องวิวัชรวงศ์" (ดูกระทู้ติดกันข้างล่าง)