หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555

ไนจีเรียก่อสไตรค์ทั่วปท. เหตุราคาน้ำมันพุ่ง2เท่า หลังรัฐงดอุดหนุนกองทุนน้ำมัน



 

สหภาพแรงงานกลุ่มต่างๆของไนจีเรีย ก่อเหตุประท้วงทั่วประเทศต่อนโยบายการยกเลิกการให้เงินอุดหนุนธุรกิจพลังงานของรัฐบาล

 



การประท้วงดังกล่าวก่อให้เกิดความชะงักงันทางเศรษฐกิจ เกือบค่อนประเทศ โดยไนจีเรียถือเป็นประเทศส่งออกน้ำมันที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของแอฟริกา

การประท้วงก่อตัวขึ้นนับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา หลังรัฐบาลประกาศยกเลิกนโยบายการอุดหนุนกองทุนน้ำมัน ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันและค่าขนส่งภายในประเทศพุ่งขึ้นเป็นสองเท่า ขณะที่สมาชิกสภาฯต่างเรียกร้องให้ประธานาธิบดีกู๊ดลัค โจนาธาน ทบทวนนโยบายดังกล่าวเสียใหม่ แต่เขากล่าวแย้งว่าการอุดหนุนดังกล่าวจะทำให้ขาดการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่าง ยั่งยืน

ด้านสหภาพแรงงานขนาดใหญ่สองกลุ่มของไนจีเรียประกาศที่จะกดดันโดยการก่อ การสไตรค์อย่างไม่มีกำหนดแม้ว่าจะมีคำสั่งศาลให้ระงับการกระทำดังกล่าวก็ ตาม  ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อคนงานและผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมการขุดเจาะน้ำมัน โดยสถานการณ์ก่อนหน้าการประท้วง ประชาชนต่างประสบกับความเดือดร้อนอย่างหนักในการใช้บริการตามสถานีน้ำมัน ต่างๆทั่วประเทศ และก่อให้เกิดการกักตุนน้ำมัน

การยกเลิกการให้เงินอุดหนุนกองทุนน้ำมัน ก่อให้เกิดความไม่พอใจต่อประชาชนไนจีเรีย ซึ่งถือเป็นแหล่งผลประโยชน์เพียงแห่งเดียวที่ได้รับจากอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่สุดของประเทศ ขณะที่ประชาชนไนจีเรียกว่า 160 ล้านคน ส่วนใหญ่มีรายได้เพียง 2 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 61 บาท) ต่อวัน และการขึ้นของราคาน้ำมันส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของพวกเขาโดยตรง


(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1326103490&grpid=&catid=06&subcatid=0600
บึ้มเจ็บระนาว! หลังศาลยกฟ้อง "อันวาร์ อิบราฮิม" คดีร่วมเพศทางเวจมรรค














ตามที่วันนี้ ศาลมาเลเซียกำหนดจะตัดสินคดีนายอันวาร์ อิบราฮิม อายุ 64 ปี อดีตรองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และผู้นำฝ่ายค้านในความผิดฐานร่วมเพศทางเวจมรรคกับนายโมฮัมหมัด ไซฟูล บูคารี อัสลัน อดีตผู้ช่วยของเขา ล่าสุด หนังสือพิมพ์มาเลเซียกินี รายงานว่า ในช่วงเช้าของวันที่ 9 มกราคม ณ ที่ทำการศาลกัวลาลัมเปอร์ ถ.ดูตา กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย มีผู้สนับสนุนนายอันวาร์ และพรรคฝ่ายค้าน ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาของศาลจำนวนมากตั้งแต่เช้ามืด โดยตะโกนคำขวัญ "Reformasi" (ปฏิรูป) อยู่ภายนอกที่ทำการศาล ขณะที่ตั้งแต่เช้ามืดจนถึง 7.00 น. ได้เกิดฝนตกหนักบริเวณที่ทำการศาล ทั้งนี้มาเลเซียกินีรายงานว่ามีผู้สนับสนุนนายอันวาร์ราว 6 พันคนภายนอกศาล

ขณะเดียวกันมีกลุ่มอนุรักษ์นิยม "เปอร์กาซา" มาชุมนุมต่อต้านนายอันวาร์อยู่ภายนอกศาลด้วยประมาณ 30 คน แต่ได้รีบสลายตัวไปหลังเผชิญหน้ากับผู้สนับสนุนนายอันวาร์


ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายร้อยนายได้เข้าประจำการ และเตรียมรถบรรทุก 21 คัน และเตรียมรถดับเพลิงมาด้วย


ทั้งนี้ในเวลาประมาณ 9.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ผู้พิพากษาโมฮัมหมัด ซาบิดิน โมฮัมหมัดดิอา เริ่มอ่านคำพิพากษาโดยตัดสินว่า "หลักจากพิจารณาหลักฐาน ศาลไม่อาจมั่นใจ 100% ว่าตัวอย่างดีเอ็นเอที่นำมาตรวจนั้นไม่มีการปนเปื้อน และปลอดเชื้อพอที่จะนำมาเป็นหลักฐานทางดีเอ็นเอ


ดังนั้น จึงมีแต่คำให้การของนายไซฟูล แต่เนื่องจากนี่เป็นการกระทำผิดกฎหมายทางเพศ ศาลจึงรู้สึกไม่เต็มใจนักที่จะพิพากษาโดยยึดเอาแต่คำให้การของนายไซฟูล ซึ่งไม่มีข้อสนับสนุน ข้อกล่าวหานี้จึงให้พ้นความผิดและให้จำหน่ายคดี


(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1326116655&grpid=&catid=06&subcatid=0600

นายกฯหญิง"จาไมก้า" ประกาศ"แยกตนเป็นอิสระ"จากราชวงศ์อังกฤษ

 



นางมิลเลอร์ กล่าวระหว่างพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งว่า รัฐบาลจะริเริ่มกระบวนการในการขอแยกตัวออกจากราชวงศ์ และสถาปนาสาธารณรัฐโดยการแต่งตั้งประธานาธิบดีขึ้นเป็นประมุขของประเทศ เพื่อยุติการตกอยู่ใต้อำนาจของอดีตเจ้าอาณานิคมอย่างอังกฤษ ขณะที่ปัจจุบัน จาไมก้าปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาภายใต้เครือจักรภพ

นางมิลเลอร์กล่าวว่า "เธอรักพระราชินี ท่านเป็นสตรีที่สง่างาม และยังเป็นสตรีที่ฉลาดและเยี่ยมยอดอีกด้วย แต่ดิฉันคิดว่า เวลานั้นได้มาถึงแล้ว"

รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันของจาไมก้าระบุให้สมเเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบ็ธ ที่ 2 เป็นประมุขของประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีมาจากแต่งตั้งและรับรองโดยผู้ว่าการรัฐ ซึ่งใช้พระราชอำนาจแทนพระราชินีอังกฤษ หลังจากที่จาไมก้าถูกปกครองเป็นอาณานิคมของอังกฤษตั้งแต่ปีค.ศ. 1655 และได้รับเอกราชเมื่อปี 1962 ภายใต้การปกครองเครือจักรภพ

(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1326089673&grpid=&catid=06&subcatid=0600 
หากเหลือ ′แพร่ง′ เดียว




พรรคเพื่อไทย เดินมาถึงทาง 2 แพร่ง

แพร่งแรก แก้รัฐธรรมนูญเลย

แพร่งสอง ทอดเวลาแก้รัฐธรรมนูญออกไป

สัมผัสได้ถึง ความลังเล และไม่ตกผลึก อย่างสูง

จึงไม่แจ่มชัดนักว่า พรรคเพื่อไทย จะตัดสินใจขับเคลื่อนอย่างไร

จะเอาอย่างไรก็ว่ามา วันเวลาไม่คอยท่า

ยิ่งหาก ทำตาม "ตุ๊กตา" ที่วางไว้ คือ ทั้งตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งทำประชาพิจารณ์ ทั้งทำประชามติ ต้องใช้เวลาร่วมปี

ยาวนานยิ่งจึงควรตัดสินใจให้ชัดจะเอาอย่างไร

หากเลือกจะทอดเวลาออกไป ก็ไปทำความเข้าใจกับ "มวลชน" ที่สนับสนุนเสีย

จะได้ไม่ต้องมาทะเลาะ หรือตั้งป้อมใส่กัน จนกลายเป็นเงื่อนไขแห่งความไม่แน่นอนทางการเมืองขึ้นมาอีก

แต่หากตัดสินใจเดินไปใน "แพร่ง" ที่จะแก้รัฐธรรมนูญเลย

ก็อยากให้ชัดเจน เปิดเผย ตรงไปตรงมา

ถึงตรงนี้ ขออนุญาตสนับสนุนท่าทีฝ่ายค้าน ที่แสดงผ่านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน สักหน่อย

นายจุรินทร์ว่าไว้อย่างนี้

"ต้องถามรัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไร เมื่อประกาศเป็นนโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องกล้าหาญพอจะเป็นเจ้าภาพ และรับผิดชอบกับผลที่ตามมา"

"ไม่ใช่รัฐบาลแถลงนโยบายเสร็จปล่อยให้สภาและประชาชนและกลไกอื่นๆ"

"หากเป็นอย่างนี้เป้าหมายหลักของรัฐบาลคือ อยากได้แต่ไม่กล้าพอที่จะรับผิดชอบ"

"ดังนั้น รัฐบาลต้องนับหนึ่งเอง เป็นเจ้าภาพเอง"

"รัฐบาลต้องกล้าประกาศตัวไม่ควรเป็นอีแอบหลังกลุ่มต่างๆ ที่จัดตั้งมาแล้วก็ได้ประโยชน์ด้วย"

"ดังนั้น เราเรียกร้องมาตลอดถ้าเป็นนโยบายของรัฐบาลก็ต้องให้รัฐบาลกล้าประกาศตัวเป็นเจ้าภาพเองในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ"
 

ถูกต้องเลย ถ้าจะแก้ รัฐบาลต้องเป็นเจ้าภาพ

(อ่านต่อ) 
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1326110483&grpid=&catid=02&subcatid=0207

ถึงเวลาทุบโต๊ะ




โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ 
 
ผมคิดว่าถึงเวลาที่ท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์จะต้องทุบโต๊ะเสียที


อย่า นึกว่าคนยิ้มหวาน, อ่อนน้อมถ่อมตน มีแต่ตำแหน่งแต่ไม่มีพวกของตนเอง จะทุบโต๊ะไม่ได้หรือไม่ดัง ตรงกันข้ามเสียงทุบโต๊ะของคนประเภทนี้ดังกว่าคนเหี้ยมเกรียม, กะล่อน, และเป็นหัวหน้าแก๊งค์มากมาย เพราะใครๆ ก็รู้ว่าคนประเภทหลังนี้ทุบโต๊ะเป็นการแสดงเท่านั้น

ในมือที่อ่อนมี ความแข็ง เพราะไม่มีมุ้งของตนเองนั่นแหละคือความแข็ง เจ๊อะไรต่อมิอะไรซึ่งจะหลุดออกมาในเดือนพฤษภานั้น ย่อมเป็นที่รังเกียจของมุ้งอื่นๆ ยากจะหาความยินยอมพร้อมใจจากทุกฝ่ายได้เท่าคุณยิ่งลักษณ์ อีกทั้งมวลชนคนเสื้อแดงที่มองคุณยิ่งลักษณ์เหมือนพี่, น้อง, ลูก, หลาน ของตน ต่างจากเจ๊ๆ ทั้งหลายที่มีความกร่างเป็นเจ้าเรือน ไม่อาจมองเป็นอื่นได้ นอกจากเป็นนาย (และจะหาอะไรที่น่าเบื่อในสมัยนี้ยิ่งไปกว่า "นาย" ได้ยาก)

และหากท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์พร้อมจะทุบโต๊ะ ก็ต้องรักษาความแข็งของตนตรงนี้ไว้ คือไม่มีมุ้ง แต่มีแรงสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากมวลชน
คุณ ยิ่งลักษณ์ต้องทุบโต๊ะ ก่อนที่จะสายเกินไป เพราะในท่ามกลางแรงสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากประชาชนจำนวนมากเช่นนี้ ฝ่ายที่ต่อต้านประชาธิปไตยรู้แล้วว่า ยังทำรัฐประหารไม่ได้ ยังยุบพรรคไม่ได้ และยังไม่อาจตั้งรัฐบาลในค่ายทหารได้ ต้องรอจนกว่าผู้คนจะเอือมระอากับคุณยิ่งลักษณ์ยิ่งไปกว่านี้อีกมาก ฉะนั้นคุณยิ่งลักษณ์จึงต้องรักษาส่วนใหญ่ของฐานเสียงไว้ และเพิ่มจำนวนขึ้นไปอีก ส่วนที่ต้องเอือมระอาไปในที่สุด เพราะทนการทุบโต๊ะของคุณยิ่งลักษณ์ไม่ได้ ก็ต้องปล่อยไป เพราะคนที่แสวงหาความรักจากทุกฝ่าย จะไม่ได้รับความรักจากใครเลยสักฝ่ายเดียว

(อ่านต่อ) 

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1326109740&grpid=&catid=02&subcatid=0207

ใครเป็นใครในการแก้ 112

 

 


112 ไม่เอา ϟ กลุ่มไฟเย็น 

http://www.youtube.com/watch?v=DJArNC8It24