หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ทำไมเอ็นจีโอเข้าข้างอำมาตย์

http://redthaisocialist.com/images/logo/n2012.3xx.jpg

ทำไมเอ็นจีโอเข้าข้างอำมาตย์ 

ใจ อึ๊งภากรณ์

ท่าม กลางวิกฤตการเมืองไทย สิ่งหนึ่งที่สลดใจ คือการที่เครือข่าย เอ็นจีโอ ส่วนใหญ่ มีพฤติกรรมที่น่าอับอายขายหน้าในการเลือกที่จะเข้าข้างอำมาตย์เสื้อเหลือ และมองว่าคนจนและประชาธิปไตยเป็นฝ่ายศัตรู หรืออย่างน้อยการที่ เอ็นจีโอส่วนอื่นๆ เงียบเฉยในขณะที่สิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตยถูกทำลาย[1] ปัญหานี้สำคัญเพราะนักเคลื่อนไหว เอ็นจีโอ เริ่มต้นในอดีตจากการต่อสู้กับเผด็จการ และการยืนอยู่เคียงข้างคนจน และในการทำความเข้าใจกับประเด็นนี้เราต้องข้ามพ้นการมองว่าเป็นแค่ข้อเสีย ส่วนตัวของบุคคล หรือการที่ เอ็นจีโอ “มีเป้าหมายแอบแฝงเพื่อรับใช้จักรวรรดินิยมหรือเผด็จการ”



ในช่วงแรกของการประท้วงโดยพันธมิตรฯ ก่อนรัฐประหาร ๑๙ กันยา เราอาจพอเข้าใจว่าทำไม เอ็นจีโอ ร่วมกับพันธมิตรฯ ในประการแรกเขามีสายสัมพันธ์ส่วนตัวกับคนอย่าง พิภพ ธงไชย และการประท้วงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของรัฐบาล ไทยรักไทย มีความชอบธรรม อย่างไรก็ตาม พันธมิตรฯ ไม่ ได้สนใจประเด็นสิทธิมนุษยชนแต่อย่างใด และเราสามารถตั้งคำถามได้อีกกับการตัดสินใจของ เอ็นจีโอ ที่ไปทำแนวร่วมกับพวกเสื้อเหลืองขวาตกขอบอย่าง สนธิ ลิ้มทองกุล หรือ จำลอง ศรีเมือง 
 
ต่อ จากนั้นในไม่ช้า เอ็นจีโอ ส่วนใหญ่ได้ล้ำเส้นไปจับมือกับเผด็จการทหารและอำมาตย์เสื้อเหลืองอย่างตรงไป ตรงมา จนเราสามารถพูดได้ว่าในทุกขั้นตอนของวิกฤตนี้ เอ็นจีโอ ส่วนใหญ่เลือกข้างผิด ดังนั้นถ้าไม่มีการทบทวนตัวเองอย่างเร่งด่วน ยอมรับความผิดพลาด และยอมแตกหักกับองค์กรปฏิกิริยาที่เป็นศัตรูของประชาชนคนจน เอ็นจีโอ ไทยจะไม่มีอนาคตในการเป็นพลังของประชาสังคมเพื่อประชาธิปไตยได้อีกเลย
 
ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของพันธมิตรฯ ผู้นำ เอ็นจีโอ อย่าง เรวดี ประเสริฐเจริญสุข (กปอพช.[2]) หรือ นิมิตร์ เทียนอุดม (เครือข่ายเอดส์) ได้ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ และนิมิตร์ ได้พูดจากเวทีนี้ในทำนองดูถูกคนจนว่า ผู้ที่สนับสนุนรัฐบาลทักษิณ “ขาดข้อมูล”[3] ซึ่งเป็นทัศนะที่ให้ความชอบธรรมกับรัฐประหาร ต่อมาหลัง จากที่รัฐประหาร ๑๙ กันยาเกิดขึ้น นิมิตร์ และผู้นำส่วนหนึ่งของ เอ็นจีโอ ได้กีดกันไม่ให้สมาชิกเครือข่ายของตน เดินขบวนรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในพิธีปิดงานสมัชชาสังคมไทย ทั้งๆ ที่ผู้นำ กปอพช. อย่าง เรวดี ประเสริฐเจริญสุข กับ จอน อึ๊งภากรณ์[4] และเครือข่ายคนพิการ ได้ร่วมนำขบวนการประท้วงในครั้งนั้น
 
ในตัวงานสมัชชาสังคมไทยที่ จัดที่ธรรมศาสตร์รังสิตในเดือนตุลาคม ปี ๒๕๔๙ องค์กร เอ็นจีโอ อย่าง “รักษ์ไทย” ซึ่งได้รับเงินทุนจากฝ่ายรัฐจำนวนมาก ได้พาชาวบ้านใส่เสื้อเหลืองมาร่วมงาน และนำเสนอแนวคิดชาตินิยม ซึ่งทำให้เราต้องวิเคราะห์ปัญหาที่มาจากการรับเงินจากภาครัฐอีกด้วย เนื่องจากเดิมที เอ็นจีโอ พยายามอิสระจากรัฐภายในประเทศของตนเอง โดยการขอทุนจากมูลนิธิภายนอกประเทศ แต่ในปัจจุบัน เอ็นจีโอ กลายเป็นองค์กรที่รับเหมาทำงานจากรัฐ หรือแทนองค์กรของรัฐ เช่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ (สสส.)[5] ที่ให้ทุน เอ็นจีโอ คำถามคือ เอ็นจีโอ หรือ Non- Government Organisations กลายเป็น จีเอ็นจีโอ” Government Non-Government Organisations ที่ผูกพันกับรัฐหรือไม่

(อ่านต่อ)
http://redthaisocialist.com/2011-01-20-12-39-38/112-2011-02-28-16-44-45.html

ที่นี่ความจริง 24 กค 55

ที่นี่ความจริง 24 กค 55 

 

(คลิกฟัง)
http://www.youtube.com/watch?v=FQxomnM-rvw&feature=share

Wake Up Thailand 24 กค 55

Wake Up Thailand 24 กค 55 

 

(คลิกฟัง)
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=_TAtldvHBUo

The Daily Dose 24 กค 55

The Daily Dose 24 กค 55

 


(คลิกฟัง) 
http://www.youtube.com/watch?v=h-_oR3OvnmY

ผบ.ทบ.ป้องมาร์คหนีทหารจบนานแล้ว

ผบ.ทบ.ป้องมาร์คหนีทหารจบนานแล้ว

 

            


ผบ.ทบ. กล่าวว่า "ส่วนประเด็นที่มีการกล่าวหา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แกนนำพรรคฝ่ายค้าน หนีทหารนั้น เรื่องนี้ได้มีการสอบสวนเสร็จสิ้น ตั้งแต่ปี 2542 แล้ว และผลสอบสวนพบว่า ไม่มีมูล แต่ทั้งนี้ หากพรรคเพื่อไทย มีหลักฐาน ก็เอามาสอบสวนกันใหม่ และไม่ขอพูดถึงเรื่องนี้อีก เพราะไม่เกี่ยวข้องกับตน"

(อ่านต่อ)
http://www.posttoday.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0
 
ประยุทธ์พูดมั่วเฉยเลยว่าผลสอบไม่มีมูล

จะยกให้ฟังข้อหนึ่งนะครับ ฉบับเต็มพรรคเพื่อไทยคงมีอยู่แล้ว และกองทัพบกก็ต้องมีอยู่ เว้นแต่จะทำลายทิ้งไป

“ ๒.๒.๑ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีอายุเกิน ๒๑ ปี ขณะสมัครเข้ารับราชการทหารที่ รร.จปร.โดยมีอายุ ๒๓ ปี จึงมีคุณลักษณะของการเข้ารับราชการโดยต้องผ่านการตรวจเลือกทหารแล้วหรือมีสิทธิผ่อนผัน ซึ่งต้องใช้หลักฐานทางทหารคือใบสำคัญ (สด.๙) และใบรับรองผลฯ (สด.๔๓) ประกอบกันเท่านั้น แต่เมื่อ ๗ เม.ย. ๓๐ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้หลีกเลี่ยงขัดขืนไม่เข้าทำการตรวจ เลือกฯ ปี ๓๐ และเป็นคนขาดการตรวจเลือกฯ ที่มีความผิดตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.๒๔๙๗ มาตรา ๒๗ และ ๔๕ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงไม่มีหลักฐานทางทหารเพื่อประกอบเอกสารการบรรจุ”

คือถ้าจะโต้ผลสอบ ก็โต้มา เช่น จเรทหารบกขณะนั้นสอบผิดพลาดตกหล่น ฯลฯ แต่ไม่ใช่บิดเบือนหน้าตาเฉยว่าผลสอบไม่มีมูล อันนี้มันให้ความเท็จ
 
ใบตองแห้ง