หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ชวนอ่าน: "ลอก-ขุด-ใหม่" ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557

ชวนอ่าน: "ลอก-ขุด-ใหม่" ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 


 

คลอดออกมาเรียบร้อยสำหรับรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 หลังรอคอยกันมานานกว่า 60 วัน นับเป็นรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่ใช้เวลาร่างยาวนานเป็นลำดับที่ 2 ต่อจากรัฐธรรมนูญปี 2502 ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่ใช้เวลา 111 วัน จึงประกาศใช้ รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นฉบับที่ 19 ของสยาม/ประเทศไทย และเป็นรัฐธรรมนูญชั่วคราวหลังรัฐประหารฉบับที่ 8 ในอีกแง่หนึ่งก็เป็นเสมือน โรดแมปทางการเมืองระยะที่สองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก่อนมีการร่างรัฐธรรมนูญถาวรเพื่่อนำไปสู่การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์และ ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นั่นหมายความว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะอยู่กับเราไปอีกอย่างน้อยประมาณหนึ่งปี

เนื้อหา ในรัฐธรรมนูญใหม่เกินครึ่งไม่ใช่ของใหม่ แต่เป็นการนำของเดิมจากรัฐธรรมนูญชั่วคราวเก่ามาใช้ใหม่โดยการปรับแต่งคำ หรือประโยคใหม่ของเนติบริกร อย่างไรก็ตามบริบททางการเมืองที่่เปลี่ยนไปจึงต้องมีเนื้อหาใหม่เข้ามาบ้าง ทั้งนี้เนื้อหาที่เข้ามาใหม่ก็มิได้เปลี่ยนแปลงจารีตเดิมของรัฐธรรมนูญชั่ว คราว ซึ่งมีลักษณะเป็นการหนุนเสริมอำนาจและจารีตเดิมของผู้นำเผด็จการ

งาน ชิ้นนี้จึงสำรวจรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 เปรียบเทียบกับรัฐธรรมนูญชั่วคราวฉบับก่อนหน้า โดยนำบริบทการเมืองในอดีตและปัจจุบันมาร่วมพิจารณาการเมืองไทยภายใต้รัฐ ธรรมนูญใหม่ 

หมาย เหตุ: ในอดีต กฎหมายสูงสุดของไทยเรียกว่า “รัฐธรรมนูญ” และ “ธรรมนูญ” เพื่อลดความสับสนและความยุ่งยากในการเรียก จึงขอใช้คำว่า “รัฐธรรมนูญ” และ "รัฐธรรมนูญชั่วคราว" แทนตามความเหมาะสม
(อ่านต่อ)

รัฐราชการอย่างเต็มรูปแบบ!

รัฐราชการอย่างเต็มรูปแบบ!



 
 
ขรก.เตรียมเฮ คสช.เร่งหาแนวทางปรับเงินเดือน ยกฐานะสมเกียรติยศศักดิ์ศรี
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1406893556 


เว็บไซต์ประชาไท รายงานว่า นายธงชัย วินิจจะกูล ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน แมดิสัน สหรัฐอเมริกา ให้สัมภาษณ์ถึงข่าวการแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่า ทุกครั้งที่ทหารยึดอำนาจ เมื่อมีการแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติ ก็จะต้องแต่งตั้งบุคคลที่สามารถสั่งให้ซ้ายหัน ขวาหันได้ เหมือนกับการทำรัฐประหารทุกครั้ง และการแต่งตั้ง สนช. ครั้งนี้ ก็เพื่อสนองตอบต่อความต้องการของการทำรัฐประหารนั่นก็คือ การออกกฎหมาย เพื่อกำจัดระบอบทักษิณ และทำลายความน่าเชื่อถือของนักการเมือง เพราะเห็นว่าเป็นต้นตอของการคอร์รัปชั่น ซึ่งการทำลายนักการเมือง ก็เท่ากับเป็นการทำลายเสียงของประชาชนด้วย
นายธงชัยกล่าวว่า ถ้าจะให้ประเมินจากหน้าตาของ สนช.ทั้ง 200 คน ทำให้เห็นว่า คสช.ต้องการที่จะให้ประเทศไทยเป็นรัฐราชการอย่างเต็มรูปแบบมากขึ้น ซึ่งหากคสช.มองว่า ปัญหาของสังคมไทยมาจากระบอบทักษิณ มาจากนักการเมือง จึงต้องเปลี่ยนให้เป็น รัฐราชการ เท่ากับมองปัญหาผิด เพราะสังคมไทย และคนไทยได้เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว รัฐราชการ ไม่เป็นที่ยอมรับของคนไทยอย่างแน่นอน ดังนั้นหากเป็นเช่นนี้ จะยิ่งทำให้ความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้น การแก้ปัญหาจึงไม่มีที่สิ้นสุด
(ที่มา)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1406957091 

รูปแบบของการเปลี่ยนผ่านรัฐธรรมนูญเผด็จการไปสู่ประชาธิปไตย

รูปแบบของการเปลี่ยนผ่านรัฐธรรมนูญเผด็จการไปสู่ประชาธิปไตย



โดย ปิยบุตร แสงกนกกุล


ใน "La transition constitutionnelle en Grèce et en Espagne" (การเปลี่ยนผ่านรัฐธรรมนูญในกรีซและสเปน) วิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของ Georges Kaminis เสนอต่อมหาวิทยาลัย Paris I เมื่อปี 1989 ได้สรุปและเสนอรูปแบบการเปลี่ยนผ่านรัฐธรรมนูญไว้ 3 รูปแบบ ดังนี้

1. การเปลี่ยนผ่านรัฐธรรมนูญโดยความยินยอมของเผด็จการ

เช่น ความพยายามของปาปาโดปูลอสในปี 1973 ในกรีซ แต่ไม่สำเร็จ, กษัตริย์ฆวน คาร์ลอส ของสเปนริเริ่มการยกเลิกระบอบฟรังโก้และเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ประชาธิปไตยในปี 1976, เผด็จการทหารของตุรกี ทำรัฐธรรมนูญ 1982

2. การเปลี่ยนผ่านรัฐธรรมนูญโดยการทำลายรัฐธรรมนูญเผด็จการแบบค่อยเป็นค่อยไปโดยปริยาย

แบ่งเป็น

2.1. การทำลายรัฐธรรมนูญเผด็จการผ่านการใช้และการตีความของศาลและองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ที่พยายามใช้และตีความให้บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญเผด็จการสิ้นผลไปโดยปริยาย ทีละเรื่อง ทีละมาตรา

2.2. การทำลายรัฐธรรมนูญเผด็จการผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญเผด็จการ โดยเข้าไปแก้บทบัญญัติสำคัญอันเป็น "แก่น" หรือ "หัวใจ" ของรัฐธรรมนูญเผด็จการ อาจเรียกได้ว่า แก้รัฐธรรมนูญที่ส่งผลทำลายรัฐธรรมนูญ

เช่น กฎหมายปฏิรูปการเมืองของสเปนในปี 1977 เปิดทางให้มีการทำรัฐธรรมนูญใหม่

1 สิงหาคม 2557 แถลงการณ์ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน ให้กษัตริย์ภูมิพลสละราชอำนาจและราชสมบัติ

1 สิงหาคม 2557 แถลงการณ์ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน ให้กษัตริย์ภูมิพลสละราชอำนาจและราชสมบัติ




1 สิงหาคม 2557 แถลงการณ์ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน ให้กษัตริย์ภูมิพลสละราชอำนาจและราชสมบัติ
https://www.youtube.com/watch?feature=youtu.be&v=IPxm5K0NZ3k&app=desktop 

เก็บตกสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ค.ศ.1914

เก็บตกสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ค.ศ.1914


PhotographingTheFirstWorldWar_FrankHurley_05article-2226235-01A9D2BF000004B0-479_964x704 
โดย ใจ อึ๊งภากรณ์

วันที่ 28 กรกฏาคมปีนี้ เป็นวันครบรอบ 100  ปีแห่งการเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สงครามนี้เป็นสงคราม “ทุนนิยมสมัยใหม่” ที่ใช้อาวุธอุตสาหกรรมและทำลายชีวิตทหารนุ่มถึง 10 ล้านคน มันเป็นสงครามทางชนชั้น เพราะชนชั้นปกครองในประเทศมหาอำนาจของยุโรป ผลักให้ชนชั้นกรรมาชีพประเทศต่างๆ ไปฆ่ากันเอง และมันเป็นสงคราม “ทุนนิยมสมัยใหม่” ในอีกด้านหนึ่งที่สำคัญด้วย คือเกิดจากการปะทะกันระหว่างประเทศต่างๆ ภายใต้ระบบที่เราเรียกว่า “จักรวรรดินิยม”

ต้นกำเนิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
การที่ระบบจักรวรรดินิยมโลกนำไปสู่การยึดครองพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก และในที่สุดนำไปสู่สงครามระหว่างมหาอำนาจจักรวรรดินิยมเอง เริ่มชัดเจนตั้งแต่ 1904 เมื่อรัสเซียพยายามขยายอาณาจักรไปทางตะวันออกเข้าสู่จีน และเผชิญหน้ากับญี่ปุ่นที่กำลังขยายไปทางตะวันตกเข้าสู่เกาหลี นอกจากนี้มีการปะทะกันระหว่างเยอรมันกับฝรั่งเศสในอัฟริกาเหนือ เพื่อหาอาณานิคม

แต่ภูมิภาคอันตรายที่สุดคือแถบยุโรปตะวันออกหรือ “บอลคาน” เพราะมหาอำนาจใหญ่ๆ เข้ามาแย่งกันอุปถัมภ์รัฐเล็กๆ เช่น เซอร์เบีย กรีซ มอนตาเนโกร บัลแกเรีย ฯลฯ ซึ่งกำลังทำสงครามแย่งชิงซากเก่าของอาณาจักร “ออตตามันเตริก” สถานการณ์อันตรายแบบนี้ มัดความขัดแย้งในพื้นที่เข้ากับความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจใหญ่ จนเป็นชะนวนที่นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง

บ่อยครั้งนักวิชาการที่ไม่วิเคราะห์อะไรลึกๆ จะให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่จุดไฟของสงคราม เช่นการลอบยิงเจ้าชายเฟอร์ดิแนนของออสเตรีย แต่รากฐานต้นกำเนิดของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง มาจากการแย่งชิงพื้นที่ อิทธิพล และ อำนาจ ระหว่างมหาอำนาจทุนนิยม จนทุกฝ่ายยอมอะไรไม่ได้ ในเรื่องนี้นักมาร์คซิสต์รัสเซียชื่อ เลนิน เข้าใจดี

สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ค.ศ.1914-1918
ในเดือนสิงหาคม 1914 หลังจากที่สงครามเกิดขึ้น คนจำนวนมากในยุโรปคลั่งชาติและหลงคิดว่าฝ่ายของตนเองจะชนะในไม่กี่เดือน ในเมืองต่างๆ ประชาชนออกมาชุมนุมสนับสนุนสงครามด้วยความสนุกสนาน เหมือนกับจะแห่กันไปงานวัด หรือไปดูมวย

สาระ+ภาพ: การอนุมัติงบประมาณในโครงการต่างๆ ของ คสช.

สาระ+ภาพ: การอนุมัติงบประมาณในโครงการต่างๆ ของ คสช.




 
คลิกเพื่อดูรูปขนาดใหญ่


การอนุมัติงบประมาณในโครงการต่างๆ โดยที่ประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในห้วง 2 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่ 22 พฤษภาคม 2557 ถึง 28 กรกฎาคม 2557 มีรายละเอียดดังนี้

17 มิ.ย. 2557 - ภายหลังจากที่ คสช. อนุมัติช่วยเหลือชาวนาที่ยังไม่ได้รับเงินค่าจำนำข้าว ต่อมาวันที่ 17 มิ.ย. ที่ผ่านมา ธ.ก.ส. แถลงปิดบัญชีหนี้้ค้างชำระโครงการจำนำข้าวฤดูกาล 2556/2557 ให้ชาวนา 838,538  ราย รวม 89,931 ล้านบาท โดยมาจากเงินสภาพคล่องของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) และ การกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินภายในประเทศ (ที่มา: เว็บไซต์รัฐบาลไทย [1], [2], ไทยพับลิกา)

17 มิ.ย. 2557 - อนุมัติงบประมาณ 5,400 ล้านบาท ช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติ 5.8 แสนราย ซึ่งเป็นโครงการตกค้างในการให้ความช่วยเหลือตั้งแต่ปี 2555 และปี 2556 จนถึงปัจจุบัน (เว็บไซต์รัฐบาลไทย, ผลการประชุม คสช. 24 มิ.ย. 2557)

ธงชัย วินิจจะกูล ชี้ ผลการตั้ง สนช. เพิ่มความขัดแย้ง

ธงชัย วินิจจะกูล ชี้ ผลการตั้ง สนช. เพิ่มความขัดแย้ง

 


 
มาทั้งบ้าน? ยิ่งกว่าสภาผัวเมีย

เลขาเสรีไทยฯ ประเมิน สนช. จะทำให้ ไทย เป็น คนป่วยแห่งเอเชีย เพราะเป็นรัฐเผด็จการทหารที่สมบูรณ์ “ธงชัย วินิจจกุล” ชี้ คสช.จะเปลี่ยนไทยเป็น รัฐราชการ จะเพิ่มความขัดแย้งมากขึ้น

2 ส.ค. 2557 นายธงชัย วินิจจะกูล อาจารย์ประจำสถาบันเอเชียศึกษา มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา ให้สัมภาษณ์ถึงผลการแต่งตั้ง สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่า ทุกครั้งที่ ทหารยึดอำนาจ เมื่อมีการแต่งตั้ง สมาชิกสภานิติบัญญัติ ก็จะต้องแต่งตั้งบุคคลที่สามารถสั่งให้ซ้ายหัน ขวาหันได้ เหมือนกับการทำรัฐประหารทุกครั้ง และการแต่งตั้ง สนช. ครั้งนี้ ก็เพื่อสนองตอบต่อความต้องการของการทำรัฐประหารนั่นก็คือ การออกกฎหมาย เพื่อกำจัดระบอบทักษิณ และทำลายความน่าเชื่อถือของนักการเมือง เพราะเห็นว่า เป็นต้นตอของการคอรัปชั่น ซึ่งการทำลายนักการเมือง ก็เท่ากับเป็นการ ทำลายเสียงของประชาชนด้วย

นายธงชัยกล่าวว่า ถ้าจะให้ประเมิน จากหน้าตาของ สนช.ทั้ง 200 คน ทำให้เห็นว่า คสช.ต้องการที่จะให้ ประเทศไทย เป็นรัฐราชการอย่างเต็มรูปแบบมากขึ้น ซึ่ง หาก คสช.มองว่า ปัญหาของสังคมไทยมาจากระบอบทักษิณ มาจากนักการเมือง จึงต้องเปลี่ยนให้เป็น รัฐราชการ เท่ากับมองปัญหาผิด เพราะสังคมไทย และคนไทยได้เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว รัฐราชการ ไม่เป็นที่ยอมรับของคนไทยอย่างแน่นอน ดังนั้นหากเป็นเช่นนี้ จะยิ่งทำให้ความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้น การแก้ปัญหาจึงไม่มีที่สิ้นสุด

ใครเป็นใคร ? ใน สนช. 200 คน ตรวจสอบได้ที่นี่ !!!

ใครเป็นใคร ? ใน สนช. 200 คน ตรวจสอบได้ที่นี่ !!!





 

โควต้า สนช. ทหารเกินครึ่ง ทบ. 60 คน,ทร.-ทอ. แบ่งไปทัพละ 15 เก้าอี้ 
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1406822114 

ใครเป็นใคร ? ใน สนช. 200 คน ตรวจสอบได้ที่นี่ !!!
http://www.matichon.co.th
/news_detail.php?newsid=1406764264


โปรดเกล้าฯ 200 สนช. แล้ว (คลิกอ่านรายชื่อ) 
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd05qZ3hPVEF3T0E9PQ%3D%3D&subcatid
 
"กษัตริย์ ลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้ง "สนช.ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง" หากแต่ยึดอำนาจมานั้น "เป็นเรื่องที่ถูกต้อง" สำหรับ "ระบอบนี้" แล้วล่ะครับ เพราะ สนช.ไม่ใช่ "ผู้แทนของปวงชนชาวไทย" ก็เลยต้อง "โปรดเกล้าฯ" โดยกษัตริย์

ในระบอบประชาธิปไตยนั้น "ผู้ แทนของปวงชนชาวไทย" (คือมาจากการเลือกตั้งโดยตรง) "ไม่ต้องให้กษัตริย์โปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง" เพราะ "ผู้แทนของปวงชนชาวไทย" ได้รับการเลือกมาจาก "เจ้าของอำนาจที่แท้จริง" (คือ ปวงชน) ใช้อำนาจโดยตรงนั่นเอง

ประเด็นนี้เป็นจุดสะท้อนอย่างเด่นชัดว่า ผู้นั้นเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยที่แท้จริงหรือไม่ หรือมาจาก "ใคร" ที่ไม่ใช่ "เจ้าของอำนาจที่แท้จริงในรัฐ"