หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

น่าวิตก! "สเปน"เผยเศรษฐกิจกำลังเดินหน้าสู่"ภาวะถดถอย"

น่าวิตก! "สเปน"เผยเศรษฐกิจกำลังเดินหน้าสู่"ภาวะถดถอย"

 



สถิติของทางการสเปนที่เผยแพร่ในวันนี้ (17 พ.ค.) ระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกของปีนี้หดตัวร้อยละ 0.3 ทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างเป็นทางการ เนื่องจากจีดีพีไตรมาสสุดท้ายของปีก่อนหดตัวร้อยละ 0.3 เช่นเดียวกัน


ตัวเลขล่าสุดนี้ยืนยันตัวเลขเบื้องต้นที่สถาบันสถิติแห่งชาติสเปนเคย ประเมินเมื่อเดือนก่อน ตอกย้ำว่าประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 4 ของยูโรโซนแห่งนี้กำลังเข้าสู่ภาวะล่อแหลม ขณะที่กำลังหาทางลดอัตราว่างงานที่สูงเป็นประวัติการณ์ถึงร้อยละ 24.4

สถาบันสถิติแห่งชาติสเปน ระบุว่า ความต้องการในประเทศที่ซบเซา ทั้งการบริโภคภาคครัวเรือนและการใช้จ่ายภาครัฐ ทำลายการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงที่สเปนกำลังดำเนินมาตรการตัดลดค่าใช้จ่าย เพื่อสะสางฐานะการเงิน ส่วนรายได้จากการส่งออกและการท่องเที่ยวก็ไม่มากพอที่จะชดเชยความต้องการใน ประเทศที่หายไป เนื่องจากบรรยากาศทางเศรษฐกิจทั่วยุโรปล้วนซบเซา

เศรษฐกิจสเปนเพิ่งหลุดพ้นจากภาวะถดถอยครั้งหลังสุดเมื่อต้นปี 2010 นายลูอิส เด กินดอส รัฐมนตรีเศรษฐกิจ เคยประเมินว่า จีดีพีปีนี้จะหดตัวร้อยละ 1.7 แต่จะขยายตัวร้อยละ 0.2 ในปีหน้า ขณะที่สมาพันธ์ธนาคารออมทรัพย์แห่งสเปน มองว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะยืดเยื้อไปจนถึงครึ่งหลังของปีหน้า ส่วนนักวิเคราะห์ของธนาคารคอมเมิร์ซแบงก์ คาดว่าสเปนจะเป็นประเทศเดียวในยูโรโซนที่เศรษฐกิจถดถอยไปจนถึงปีหน้า จีดีพีจะหดตัวราวร้อยละ 0.3
 
(ที่มา)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1337258148&grpid=&catid=06&subcatid=0600

"แม้ว"ยื่นสมัครเข้าเพื่อไทย 111 ถกใหญ่ ดึง"ศิษย์เก่า"กลับรัง ทักษิณเรียก"ศักดา" บินเคลียร์ที่ฮ่องกง

"แม้ว"ยื่นสมัครเข้าเพื่อไทย 111 ถกใหญ่ ดึง"ศิษย์เก่า"กลับรัง ทักษิณเรียก"ศักดา" บินเคลียร์ที่ฮ่องกง

 


 

′แม้ว′เล็งส่งใบสมัครเป็นสมาชิก′เพื่อไทย′ 31 พ.ค. พร้อมวิดีโอลิงก์ ร่วมยินดีพ้นโทษตัดสิทธิการเมือง ′บ้านเลขที่ 111′สังสรรค์คึกคัก ′จาตุรนต์′เตรียมแจงสังคมยุบไทยรักไทยส่งผลเสีย ′บิ๊กจิ๋ว′ออกหนังสือྌ ปี พล.อ.ชวลิตฯ′

@ บ้าน"111"นัดสังสรรค์พรึบ

เมื่อเวลา 11.00 น. เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) มีการจัดงาน "Welcome to my home" เพื่อเป็นการนัดพบปะสังสรรค์และวางทิศทางทางการเมืองของกลุ่มนักการเมืองบ้านเลขที่ 111 อดีตกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคไทยรักไทย (ทรท.) ซึ่งจะพ้นโทษตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ในวันที่ 30 พฤษภาคม โดยมีแกนนำสมาชิกบ้านเลขที่ 111 เดินทางมาร่วมงานกว่า 50 คน นำโดยนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรค ทรท. นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองหัวหน้าพรรค ทรท. นายโภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภา พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตรองหัวหน้าพรรค ทรท. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองเลขาธิการพรรค ทรท. นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีตรองเลขาธิการพรรค ทรท. นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีต กก.บห.ทรท. นายวราเทพ รัตนากร อดีต กก.บห.ทรท. นายอดิศร เพียงเกษ อดีต กก.บห.ทรท. นายสุธรรม แสงประทุม อดีต กก.บห.ทรท. น.ต.ศิธา ทิวารี อดีตโฆษกพรรค ทรท. นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีต กก.บห.ทรท. นายสิทธิชัย กิตติธเนศวร อดีต กก.บห.ทรท. นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล อดีต กก.บห.ทรท. นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ อดีต กก.บห.ทรท. นายเอกภาพ พลซื่อ อดีต กก.บห.ทรท. และนายสุขวิช รังสิตพล อดีต กก.บห.ทรท.

@ ชี้ยุบ′ทรท.′ลอยแพคน10ล.

นายจาตุรนต์กล่าวในที่ประชุมตอนหนึ่งว่า ที่ผ่านมาถูกสื่อมวลชนสอบถามเป็นระยะๆ ว่าหลังสมาชิกบ้านเลขที่ 111 พ้นโทษตัดสิทธิทางการเมืองแล้ว จะเดินหน้าอย่างไรต่อไป ซึ่งตนมองว่าหลังจากครบ 5 ปีที่ถูกตัดสิทธิ ควรจัดกิจกรรมเพื่อสื่อสารให้ประชาชนและสังคมได้ทราบว่าการที่พรรค ทรท.ถูกยุบนั้นส่งผลทางการเมืองอย่างมากจนถึงขณะนี้ เพราะคำว่า 111 ไม่ได้เกี่ยวพันแต่ตัวผู้ที่ถูกตัดสิทธิเท่านั้น แต่เกี่ยวกันพันไปถึงสมาชิกของพรรค ทรท.กว่า 10 ล้านคนที่ถูกลอยแพด้วย

ด้านนายวิชิตตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีคนบ้านเลขที่ 111 จะสมัครเข้าเป็นสมาชิก พท.ว่า ยังไม่ทราบว่ามีอดีต กก.บห.ทรท.จำนวนเท่าไรที่จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค พท.หลังพ้นโทษ เพราะเป็นเรื่องอนาคต และเป็นสิทธิที่พรรค พท.จะพิจารณาว่าให้เข้าร่วมกิจกรรมของพรรคหรือไม่ อย่างไรก็ตาม กระแสข่าวว่าสมาชิกพรรค พท.บางส่วนไม่พอใจที่กลุ่มบ้านเลขที่ 111 จะกลับเข้าร่วมงาน พท. ไม่น่าจะเป็นความจริง เพราะกลุ่ม 111 จะมาทำให้พรรค พท.มีความเข้มแข็งขึ้น

@ ดีเดย์31พ.ค.สมัครเข้า′พท.′


(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1337232747&grpid=&catid=03&subcatid=0305

ไทยขื่นขัน อันหาที่สิ้นสุดมิได้ "อากง 112"

ไทยขื่นขัน อันหาที่สิ้นสุดมิได้ "อากง 112"

 


 

The Daily Dose

The Daily Dose


 รายการ The Daily Dose ประจำวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2555


The Daily Dose 17พค55 
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=cE73mG9BDzw

The Daily Dose 16พค55  
http://www.youtube.com/watch?v=0rWkU9NYYa8&feature=related

ส.ส. พรรคแรงงานจี้รบ. อังกฤษ แจงจุดยืนต่อการตายกรณี 'อากง'

ส.ส. พรรคแรงงานจี้รบ. อังกฤษ แจงจุดยืนต่อการตายกรณี 'อากง'

 


 

เคอร์รี แมคคาร์ธี รมต. ต่างประเทศเงาและส.ส. พรรคแรงงาน ตั้งคำถามในสภาอังกฤษต่อกรณีการเสียชีวิตอากง จี้รบ.อังกฤษควรมีท่าทีชัดเจนต่อปัญหาการรักษาพยาบาลในคุกและการใช้.ม. 112 ในไทย

เว็บไซต์ AsianCorrepondent รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศเงาของอังกฤษ เคอรรี แมคคาร์ธี (Kerry McCarthy) ส.ส. พรรคแรงงานจากเขตบริสตอลตะวันออก ได้ตั้งคำถามต่อรัฐบาลอังกฤษในสภา เกี่ยวกับกรณีการเสียชีวิตของ "อากง" หรือนายอำพล และในประเด็นการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในประเทศไทยด้วย 

รายงานดังกล่าวระบุว่า มีการส่งคำถามไปยังรัฐมนตรีประจำสำนักนายกของอังกฤษ โดยเป็นคำถามที่กำหนดให้มีการตอบภายในวันที่ 21 พ.ค. แต่หากยังไม่ตอบภายในเวลานั้น อาจถือได้ว่า รัฐบาลอังกฤษยัง "อยู่ระหว่างการพิจารณา" (holding) การตอบคำถามนั้นไว้ก่อน ซึ่งคำถามดังกล่าว มีดังนี้  
  •  รัฐมนตรีมีท่าทีอย่างไรต่อการจำคุกและการเสียชีวิตของนายอำพล
  •  รัฐมนตรีได้ประเมินอย่างไรต่อเรื่องการเข้าถึงการรักษาพยาบาลของนักโทษในเรือนจำของไทย
  •  รัฐมนตรีประเมินอย่างไรต่อการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังที่ถูกจับกุมและจำคุกด้วยกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในประเทศไทย
  •  รัฐมนตรีประเมินอย่างไรต่อการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในประเทศ ไทย หากพิจารณาคู่กับมาตรา 19 ตามประกาศสิทธิมนุษยชนสากล และเขามีท่าทีอย่างไรต่อรัฐบาลต่อประเด็นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและ กฎหมายอาญามาตรา 112 
รายงานดังกล่าวชี้ว่า คำถามเหล่านี้ บ่งบอกถึงการที่กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพได้กลายเป็นประเด็นสากลที่กว้าง ขึ้น โดยจะมีผลให้รัฐบาลอังกฤษต้องทบทวนในจุดยืนของตนเอง ไม่ใช่แค่เรื่องกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเท่านั้น แต่ยังต่อเรื่องการรักษาพยาบาลและความเป็นอยู่ของผู้ต้องขังในประเทศไทยด้วย 
  
http://www.prachatai.com/journal/2012/05/40544

Wake Up Thailand

Wake Up Thailand

 

Posted Image

 

Wake Up Thailand 17พค55

http://www.youtube.com/watch?v=A1JaGpGNk70&feature=related

 

Wake Up Thailand 16พค55 

http://www.youtube.com/watch?v=b63ZMpAb6lk&feature=relmfu

ยิ่งลักษณ์ตบหน้าวีรชนเสื้อแดงสองปีหลังราชประสงค์เลือด

ยิ่งลักษณ์ตบหน้าวีรชนเสื้อแดงสองปีหลังราชประสงค์เลือด 








   

 

 

การ ที่นายกยิ่งลักษณ์เดินทางไปเยือนประเทศบาห์เรนและการจับมือกับทรราชเผด็จการ ที่ประเทศนั้น ถือว่าเป็นการตบหน้าดูถูกวีรชนเสื้อแดงที่สละชีพเพื่อประชาธิปไตยใน เหตุการณ์นองเลือดที่ราชประสงค์เมื่อสองปีก่อน เพราะที่บาห์เรนรัฐบาลเผด็จการของกษัตริย์ นาบีล ราจับ ได้เข่นฆ่าประชาชนมือเปล่าที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยถึง 60 กว่าศพ บาห์เรนจึงขึ้นอันดับความป่าเถื่อนในตะวันออกกลางรองจากประเทศซิเรีย

งานศพอากงยังไม่ทันเสร็จสิ้น นายกยิ่งลักษณ์ก็ไปค้าขายบนซากศพวีรชนบาห์เรน และที่บ้านก็ปรองดองบนซากศพวีรชนเสื้อแดง สรุปแล้วรัฐบาลเพื่อไทยและนายกยิ่งลักษณ์ไม่มีศีลธรรมหรืออุดมการณ์ ประชาธิปไตยเหลืออยู่เลย 


เวลารัฐมนตรีมหาดไทย ยงยุทธ วิชัยดิษฐ พูดต่อว่าเสื้อแดงที่ไปยื่นหนังสือเรื่องการแก้ไข 112 ให้ “รักษาหน้านายกยิ่งลักษณ์หน่อย” มันเป็นเรื่องตลกร้าย เพราะไม่มีหน้าอะไรจะรักษาหลังจากที่จับมือทรราชมือเปื้อนเลือดทั้งในและนอก ประเทศ

องค์กรสิทธิมนุษยชน Human Rights Watch รายงาน ว่ารัฐบาลบาห์เรนทรมานนักโทษการเมืองอย่างเป็นระบบ รวมถึงเด็กและสตรีด้วย มีการข่มขู่แพทย์ที่รักษาคนที่ถูกยิงหรือบาดเจ็บ และมีการทุบทิ้ง “อนุสาวรีย์วงเวียนไข่มุก” กลางเมืองมานามา เพราะกลายเป็นสัญญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ถ้าเป็นในไทยก็เท่ากับรัฐบาลทุบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยทิ้ง

การประท้วงเพื่อประชาธิปไตยที่บาห์เรน ได้รับแรงบันดาลใจจากการลุกฮือที่อียิปต์และที่อื่น แต่รัฐบาลกษัตริย์ใช้ทหารและรถถังจากเผด็จการประเทศ ซาอุ อาเรเบีย เพื่อปราบปรามประชาชนอย่างเลือดเย็นเมื่อปีที่แล้ว

อับดุลฮาดี อัลคาวาจา เป็นหนึ่งในนักโทษการเมือง 8 คนที่ถูกลงโทษจำคุกตลอดชีวิตในศาลทหารในฐานะที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย ตอนนี้ อับดุลฮาดี อัลคาวาจา อดอหารประท้วงมา 3 เดือนแล้ว เขาและนักโทษอื่นๆ ถูกทรมานให้สารภาพผิด

ในขณะที่มหาอำนาจตะวันตกวิจารณ์เผด็จการซิเรียที่เข่นฆ่าประชาชนหมื่นกว่าคน ตะวันตกเงียบเรื่องบาห์เรน เพราะสหรัฐมีฐานทัพเรือที่สำคัญที่นั้น และเมื่อเดือนที่แล้วพวกนายทุนแข่งรถ “ฟอร์มูล่าวัน” ก็เพิกเฉยต่อปัญหาสิทธิมนุษยชนด้วยการจัดงานแข่งรถท่ามกลางคราบเลือดของ วีรชน

คนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งชอบออกมาแก้ตัวแทนยิ่งลักษณ์ ด้วยการพูดเท็จว่า “รัฐบาลไม่มีอำนาจที่จะแก้ไข 112” ซึ่งไม่จริง แต่สิ่งที่เราเห็นชัดตอนนี้คือนายยิ่งลักษณ์เลือกที่จะไปบาห์เรนเพื่อไปจับ มือกับทรราช โดยเน้นผลประโยชน์ธุรกิจมากกว่าความถูกต้อง เหมือนกับที่เคยเลือกไปกราบพลเอกเปรม

หลังเหตุกาณ์นองเลือดราชประสงค์ที่ทหารไทยจงใจยิงประชาชนเสื้อแดงตายไปเกือบ 90 ศพ เมื่อนายกรัฐมนตรีอังกฤษประกาศว่าจะมาเยี่ยมประเทศไทยและอาจมาเยี่ยม อภิสิทธิ์ พวกเรา ทั้งชาวไทยและชาวอังกฤษ ร่วมกันรณรงค์ไม่ให้ไป จนเขาต้องยกเลิกการเดินทาง การเงียบเฉยของคนไทยและสื่อไทยจำนวนมากต่อการเดินทางครั้งนี้ เสี่ยงกับการทำให้ชาวโลกที่รักประชาธิปไตย คิดว่าคนไทย “ตื้นเขิน” ไม่สนใจหลักการอะไร หรือปัญหารอบตัวในโลกปัจจุบัน

(ที่มา)
http://redthaisocialist.com/2011-01-20-12-41-04/349-2012-05-15-17-40-47.html

พฤษภาฯมรณะ จาก 2553 ถึง 2555 ความรุนแรงยังไม่สิ้นสุด

พฤษภาฯมรณะ จาก 2553 ถึง 2555 ความรุนแรงยังไม่สิ้นสุด

 


 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2553 หนังสือพิมพ์ในเครือมติชน ประกอบด้วย มติชน ข่าวสด ประชาชาติธุรกิจ ได้เสนอบทนำเรื่อง "หยุดฆ่าทันที"

มีสาระสำคัญ ไม่เห็นด้วยกับความรุนแรงที่เกิดขึ้น แสดงความเสียใจที่ทุกกลไกที่เกี่ยวข้องไม่ทำหน้าที่ และเรียกร้องให้หยุดเข่นฆ่ากันในทันที

สถานการณ์ ณ เดือนเมษายน-พฤษภาคม ก่อนหน้าการแสดงท่าทีของเครือมติชน ได้เกิดการปะทะที่สี่แยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เมษายน มีเจ้าหน้าที่และคนเสื้อแดง เสียชีวิตไปแล้วจำนวนหนึ่ง

มีการใช้หน่วยแม่นปืนหรือสไนเปอร์ ยิงจากระยะไกลสังหารประชาชน มีผู้บาดเจ็บล้มตายแล้วจำนวนหนึ่ง

รวมถึง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ที่หน้าทางขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้าลุมพินี เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2553

รวมถึง นายสมาพันธุ์ ศรีเทพ หรือ "น้องเฌอ" อายุ 17 ปี ที่ ซอยรางน้ำ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม

เป็นห้วงเวลาที่กรุงเทพฯกลายเป็นพื้นที่แห่งความรุนแรง ศูนย์กลางของเมืองกลายเป็นแดนอันตราย พร้อมส่งมอบความตายให้กับใครก็ได้ที่ผ่านไปมา

และไม่มีวี่แววว่าจะลดละเลิกรา

เป็นที่มาของบทนำ "หยุดฆ่าทันที" เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2553

มีเนื้อหาบางตอนดังนี้

จากเหตุรุนแรงซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก หนังสือพิมพ์มติชน ข่าวสด ประชาชาติธุรกิจ มติชนออนไลน์ ทั้งเครือข่าย ได้ร่วมกันกำหนดท่าทีว่าเราไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาดต่อความรุนแรงทั้งปวงที่เกิดขึ้น

1.เราเห็นว่าขณะนี้ทุกฝ่ายทุกองค์กรที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ ไม่สามารถเป็นหลักที่จะช่วยแก้ปัญหาอย่างแท้จริง เพราะต่างฝ่ายต่างเห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้า แม้จะรู้ว่าการรุกคืบต่อไปของรัฐบาลจะต้องเผชิญกับหนทาง ซึ่งไร้ทางออก ก็ยังแข็งขืนดำเนินการต่อไป

ประกอบกับการตัดสินใจทั้งของรัฐบาล และแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม คับแคบ อยู่ในแวดวงไม่กี่คน และเชื่อแต่ในประโยชน์เฉพาะกลุ่มตนเอง ได้นำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาด ก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงเช่นที่ปรากฏ

2.ขณะเดียวกัน น่าเสียใจที่กลไกทุกกลไกในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลเอง พรรคร่วมรัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน วุฒิสภา องค์กรอิสระ ฯลฯ ไม่เคยแสดงปัญญาความคิดเป็นบทบาทหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมาเป็นเวลานาน กลายเป็นการสะสมความเกลียดชังไปในทุกส่วน แทนที่จะเป็นกลไกในการแก้ปัญหา กลับกลายเป็นตัวปัญหาเสียเอง และยังสร้างเงื่อนไขขยายปัญหาออกไปเรื่อยๆ จนไม่อาจหันหน้าเข้าหากันเพื่อเจรจาปรองดองได้ในที่สุด

3.สภาพดังกล่าวนำไปสู่การสูญเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งชีวิต มีผู้ได้รับบาดเจ็บ พิการ ซึ่งล้วนแต่เป็นลูกหลานไทยทั้งสิ้น นอกเหนือไปจากการสูญเสียทรัพย์สิน สภาวะเศรษฐกิจที่เสื่อมทรุด ยังทำให้จิตใจของสังคมต่ำทรามไร้ศีลธรรมลง

4.เราจึงขอเรียกร้องอย่างหนักแน่นและจริงจัง ให้ทุกฝ่ายซึ่งกำลังขัดแย้งกันอยู่ขณะนี้ ยุติการเข่นฆ่ากันในทันที เลิกมิจฉาทิฐิ ไม่สร้างเงื่อนไขใหม่ และเร่งเจรจากันอย่างเสมอภาค จริงจังและจริงใจ โดยรัฐบาลจะต้องหยุดปฏิบัติการรุนแรงซึ่งนำไปสู่การบาดเจ็บล้มตาย พร้อมๆ กับฝ่ายประท้วงต้องยุติการชุมนุม เพื่อปกป้องชีวิตประชาชน

น่าเศร้าที่หลังจากนั้น รัฐบาลสั่งให้ทหารเข้าสลายผู้ชุมนุมที่ราชประสงค์ และผลคือมีผู้เสียชีวิต 91 ศพ

ในจำนวนนั้น มี 6 ศพ เสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม

เป็นหน้าประวัติศาสตร์ของความสูญเสีย ที่เศร้าสลดที่สุดอีกหน้าหนึ่ง เท่าที่เคยเกิดขึ้นในสังคมไทย

ผ่านไป 2 ปี เสียงยืนยันความชอบธรรมในการสังหารประชาชนยังแข็งกร้าว แม้จะเริ่มออกอาการสั่น

ความรุนแรงยังไม่ยุติ เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบวิธีการเท่านั้น
 

  

(ที่มา)

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1337162108&grpid=&catid=03&subcatid=0305

4 เรื่องที่ไม่เกี่ยวกันเลย

4 เรื่องที่ไม่เกี่ยวกันเลย

1........



อีกฉากหนึ่งใน 12 Angry Men ที่น่าจดจำเอามากๆ คือ ลูกขุนหมายเลข 8 เฮนรี ฟอนดา หลอกล่อจนลูกขุนขี้โมโหรายหนึ่งตะโกนออกมาว่า "ฉันจะฆ่าแก!"   เขาทำแบบนี้เพื่อพิสูจน์ว่า คนเราบางครั้งก็พูดจารุนแรงเกินกว่าเหตุ โดยไม่ได้หมายความตามนั้นทุกตัวอักษร

มีเรื่องตลกเล่าว่า สมัยก่อนเวลาส่งเพจเจอร์ เจ้าพนักงานส่งข้อความไม่ได้รับอนุญาตให้ส่งข้อความหยาบคาย ดังนั้นถ้าเราส่งคำผรุสวาทไปตามสาย มันจะถูกแปลงสารจนกลายเป็นคำสุภาพ   เพื่อนคนหนึ่งมายืนรอเพื่อนอีกคนที่นัดไว้หนึ่งชั่วโมงเต็มๆ  พอเพื่อนส่งข้อความมาว่าขอให้รอไปก่อนอีกสักครึ่งชั่วโมง   ด้วยความโมโห เพื่อนคนที่รอ โทรศัพท์ไปศูนย์บริการเพจเจอร์ และบอกพนักงานให้ส่งข้อความถึงเพื่อนว่า "เดี๋ยวมึงตาย!"

สักพักก็มีข้อความส่งถึงเพื่อนที่มาสายว่า "อีกประเดี๋ยวท่านจะเสียชีวิต"
เป็น เรื่องปรกติที่เราจะพูดจาข่มขู่รุนแรงหรือสาปแช่ง โดยไม่ได้หมายความตามนั้นทุกตัวอักษร   แต่คำพูดที่ตามมาจะเป็นตัวชี้วัด ความหมายที่แท้จริงของเรา   เช่น ฝรั่งมีสำนวน "I didn't mean it." หมายถึงที่พูดไปตะกี้ ไม่ได้หมายความอย่างที่คุณเข้าใจนะ   ส่วนคนไทยก็อาจใช้วิธีง่ายๆ อย่าง "ขอโทษ" "ขอโทษค่ะ ไม่ได้หมายความอย่างนั้น"

แต่แน่นอนว่าถ้าฝ่ายที่พูดจาข่มขู่ หรือสาปแช่ง ไม่ยอมออกมาขอโทษ หรืออธิบายตัวเองเลย ก็เป็นสิทธิของสังคมเหมือนกันที่จะตีความคำพูดของฝ่ายนั้นตามตัวอักษร 

2......




สมัยที่มาราย แครีโด่งดังสุดๆ  เธอก็เหมือนดีวาส่วนใหญ่คือเป็นนักร้องเจ้าปัญหา และหนึ่งในพฤติกรรมที่อื้อฉาวที่สุด คือพอเห็นภาพเด็กยากจนในแอฟริกา มารายรำพึงออกมาว่า "อิจฉาเด็กพวกนั้นจัง พวกเขาผอมได้เอง โดยไม่ต้องเข้าโปรแกรมลดความอ้วน"

เท่านั้นแหละ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร รายการโทรทัศน์แทบทุกสื่อออกมารุมประณามเธอ (น่าคิดว่าถ้าสมัยนั้นมี meme หรือ facebook มารายจะยิ่งเละกว่าที่เป็นอยู่แค่ไหน)
คำพูดบางคำนั้น คิดในใจได้ พูดกันเองในหมู่เพื่อนฝูงได้ แต่ถ้าเป็นคนธรรมดา ออกมาพูดในที่สาธารณะ สมควรจะโดนด่า และยิ่งถ้าเป็นบุคคลดัง พูดเช่นนั้นออกสื่อ ก็ยิ่งสมควรถูกด่าให้หนัก (ไม่นับว่าคนดังบางคนมีสถานะมากกว่าแค่นักร้อง แต่เป็นถึง "บุคคลตัวอย่างทางด้านศาสนา"ด้วยแล้ว)
กรณีมารายนั้น เธอออกมากล่าวขอโทษในภายหลัง ทำให้เรื่องนี้เงียบไป แต่หลังจากนั้นไม่นาน ชื่อเสียงของเธอก็ซาลง จนต้องหายหน้าไปจากวงการ

3.....


มีอีกเรื่องตลกๆ เกี่ยวกับคำพูด   เรารู้ว่าคนคือผู้ให้กำเนิดคำ แต่บางครั้งในทางตรงกันข้ามคำก็เป็นฝ่ายให้กำเนิดคนได้เหมือนกัน

ต้นปีที่แล้ว เมื่อกลุ่มนาวิกโยธินบุกสังหารโอซามา บินลาเดน จนประสบความสำเร็จในภารกิจจับตาย   มีการเฉลิมฉลองใหญ่ทั่วประเทศ   ขณะเดียวกันก็มีประชาชนชาวอเมริกันบางกลุ่มไม่เห็นด้วยกับงานเฉลิมฉลองดัง กล่าว   ปฏิกริยาบน social network ให้กำเนิดคำพูด "ถึงแม้ฉันจะร่ำไห้กับการสูญเสียชีวิตผู้บริสุทธิ์นับพัน แต่ฉันจะไม่มีวันยินดีปรีดากับความตายของศัตรูแม้เพียงคนเดียว"

ที่ตลกคือ คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่าคำพูดนี้เป็นของมาร์ติน ลูเธอร์ คิง นักเทศน์และนักต่อสู้เพื่อสิทธิชาวแอฟริกันอเมริกัน หนึ่งในบุคคลอันเป็นที่รักที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศอเมริกา   ภายหลังเหตุการณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ออกสืบค้นจนแน่ใจแล้วว่าคิงไม่เคยกล่าวคำนี้

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญทุกคนลงความเห็นตรงกันว่า คำพูดนี้ไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากคำพูดอื่นๆ หรือสิ่งที่คิงพร่ำสอนมวลชนของเขา และแม้ดร. คิงไม่เคยเอ่ยคำนี้ แต่ก็จินตนาการท่านเอ่ยมันออกมาได้ไม่ยาก

4.....






เป็นเรื่องประหลาดมาก ราวกับสังคมไทยจะแยกไม่ออกจริงๆ อะไรคือความเห็นทางการเมือง  อะไรคือคำพูดที่เอ่ยออกมาอย่างไร้มนุษยธรรม ขัดสิทธิมนุษยชน (หรือถ้าใช้ภาษาแบบจารีต ผิดศีลข้อมุสา)
บางคำพูดที่เอ่ยออกมาโดยปราศจากคำขอโทษ สมควรถูกประณาม และแน่นอนว่าการประณามตอบโต้ที่รุนแรงเกินไป ก็เป็นสิ่งที่ไม่สมควรกระทำอีกเช่นกัน

ถ้าคุณรู้สึกเจ็บหัวใจ เหลือเกิน กับการที่ดาราสาวถูกชาวบ้านขับไล่เพราะคำพูด (ที่เจ้าตัวยอมรับว่าเอ่ยออกมา และจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีคำขอโทษ) ก็ได้แต่หวังว่าคุณจะแสดงอาการแบบเดียวกัน กับผู้เฒ่าคนหนึ่งที่ถูกตัดสินจำคุกยี่สิบปี จนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง เพราะคำพูด (ที่อาจจะเอ่ย หรือไม่เอ่ยออกมา) ของเขาเช่นกัน

(ที่มา)

http://www.prachatai.com/journal/2012/05/40507

วันสุดท้ายสวดอภิธรรมศพ ‘อากง’ น้องสาวฟาบิโอ-อียู-สวีเดน ร่วมงาน

วันสุดท้ายสวดอภิธรรมศพ ‘อากง’ น้องสาวฟาบิโอ-อียู-สวีเดน ร่วมงาน

 

@ ไปดีเถิด ผู้เฒ่า เขาปล่อยแล้ว
วังเวงแว่ว อภิธรรม คำสั่งสอน
จงไปดี เถิดหนา อย่าอาวรณ์
จากโลกร้อน สู่สงบ พบร่มเย็น


@ ความเมตตา เดินมา ช้ายิ่งนัก
แจ้งประจักษ์ ทุกข์โศก ให้โลกเห็น
อีกกี่คน กี่คน ทนลำเค็ญ
อยู่ยากเย็น เพราะความคิด จิตวิญญาณ

 

 

สวดอภิธรรมศพ "อากง" วันสุดท้าย 

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=tXhQ_fE99Xg

 

บรรยากาศคับคั่ง สวดวันสุดท้าย “อากง” สถานทูตสวีเดน, สหภาพยุโรป, น้องสาวฟาบิโอ, โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม มาร่วมงานด้วย ญาติระบุเก็บไว้ 100 วันก่อนฌาปนกิจ

 
16 พ.ค. ที่วัดด่านสำโรง บรรยากาศงานสวดอภิธรรมศพวันสุดท้ายของนายอำพล หรือ อากง มีประชาชนร่วมเป็นจำนวนมาก ก่อนที่ทางญาติจะเก็บศพไว้ 100 วันก่อนฌาปนกิจ โดยภายในงานนอกเหนือจากธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. และแกนนำ นปช.หลายคนแล้วยังมีนายแอนเดรียส แมกนุสสัน เลขานุการโท ฝ่ายการเมือง จากสถานทูตสวีเดน, แอนนา มาร์ตินส์ หัวหน้าฝ่ายการเมือง สื่อและข้อมูลข่าวสาร ของสหภาพยุโรป,  นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเคยเดินทางเข้าเยี่ยมนักโทษคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่เรือนจำมาแล้ว รวมถึง อลิซาเบตตา โปเลนกี น้องสาวของนายฟาบีโอ โปเลนกี ช่างภาพชาวอิตาเลียนที่ถูกยิงเสียชีวิตในเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดยในวันพรุ่งนี้ (17 พ.ค.) เธอจะเดินทางไปยัง บช.น.เพื่อทวงถามความคืบหน้าในคดีของพี่ชายที่ถูกยิงเสียชีวิต และมีกำหนดจะร่วมรำลึกการเสียชีวิตของฟาบิโอในวันที่ 19 พ.ค.นี้ด้วย

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้นายนิธิวัต วรรณศิริ กลุ่มเสรีราษฎร ได้ส่งการ์ดเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องกับ คดีนี้ให้มาร่วมงาน ได้แก่ นายสมเกียรติ ครองวัฒนสุข  เลขานุการส่วนตัวนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ, นางอมรา พงศาพิชญ์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติหรือตัวแทน,  กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.)  และผู้พิพากษา เลขานุการศาลยุติธรรม รวมถึงอธิบดีศาลอาญา อย่างไรก็ตามจนถึงวันที่มีการสวดพระอภิธรรมคืนสุดท้ายยังไม่มีบุคคลหรือหน่วยงานที่ได้รับการ์ดเชิญมาร่วมงานศพนายอำพลแต่อย่างใด

(ที่มา))
http://www.prachatai.com/journal/2012/05/40561

"โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม" ร่วมงานศพ "อากง" วันสุดท้าย พร้อมแถลงข่าวปล่อยทีเด็ดคดี 91 ศพ พรุ่งนี้

(คลิกอ่าน)

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1337225103&grpid=00&catid=&subcatid=