หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ขอเชิญคนไทยร่วมต้านยิวอิสราเอล

ขอเชิญคนไทยร่วมต้านยิวอิสราเอล


The land of sucks!

The land of sucks!



10501944_10152536806271622_1149869568106370121_n 

สนับสนุนชาวปาเลสไตน์

สนับสนุนชาวปาเลสไตน์


Israel-Gaza-explosion-jpg
 
ทุกคนที่รักความเป็นธรรมต้องประณามอิสราเอลที่ใช้ความรุนแรงสุดขั้วในการถล่มชาวปาเลสไตน์อีกครั้งที่กาซา


น้ำมันและเลือด ประวัติศาสตร์ปาเลสไตน์

น้ำมันในตะวันออกกลางเป็นสิ่งที่จักรวรรดินิยมต้องการควบคุมเป็นอย่าง ยิ่ง มหาอำนาจตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐในยุคนี้ เป็นผู้หนุนสร้าง อิสราเอ็ล ให้เป็น “สุนัขเฝ้าพื้นที่ตะวันออกกลาง” สหรัฐทำงานอย่างใกล้ชิดกับ อิสราเอ็ล โดยให้เงินช่วยเหลือทางทหารมหาศาล อิสราเอล จึงคอยทำสงครามต่อต้านกลุ่มชาวอาหรับที่จะคัดค้านผลประโยชน์ของสหรัฐอย่าง ต่อเนื่อง และขยายดินแดนของตนเองโดยขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกไป ในขณะเดียวกันสหรัฐกลายเป็นผู้อุปถัมภ์ผู้นำทรราชอาหรับ เช่น กษัตริย์ซาอุ และพวกเผด็จการในประเทศอื่นๆ

“ไซออนนิสต์” (Zionist) แนวคลั่งชาติปฏิกิริยาสุดขั้ว

ยิวสาย ไซออนนิสต์ คือพวกฝ่ายขวาชาตินิยมจัด พวกนี้มองว่ายิวอยู่กับคนอื่นอย่างสันติไม่ได้เพราะเขาเชื่อว่าเชื้อชาติที่ ต่างกันย่อมฆ่ากันหรือขัดแย้งกันเสมอ ดังนั้นเขาเสนอว่าต้องสร้างชาติ “บริสุทธิ์” ของตนเองขึ้นมา จริงๆ แล้วแนวคิดนี้ใกล้เคียงกับแนวคิดของพวกฟาสซิสต์หรือนาซีที่แสวงหาเชื้อชาติ “บริสุทธิ์” โดยการฆ่าคนยิวในยุโรป บางคนอาจแปลกใจเมื่อค้นพบว่านักการเมืองต่างๆ ในพรรครัฐบาลปัจจุบันของอิสราเอ็ลสืบทอดความคิดจากกลุ่มฟาสซิสต์ ทั้งๆ ที่ฟาสซิสต์ในยุโรป เกลียดชังและฆ่ายิว แต่จริงๆ แล้วนี่คือลักษณะสองด้านของเหรียญเดียวกันของพวกฝ่ายขวา

รัฐไซออนนิสต์ อิสราเอ็ล ถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ที่มีคนอื่นอาศัยอยู่ คือพื้นที่ที่ชาวปาเลสไตน์และชาวยิวเคยอาศัยร่วมกัน ดังนั้นรัฐเชื้อชาติเดียวที่ถูกสร้างขึ้นต้องอาศัยการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออก จากบ้านเกิด และการฆ่าชาวปาเลสไตน์ตลอด

เราต้องสมานฉันท์กับชาวปาเลสไตน์

การต่อสู้อันยาวนานของชาวปาเลสไตน์เป็นการต่อสู้ที่ควรให้กำลังใจกับผู้ ถูกกดขี่ทุกคนทั่วโลก เพราะเป็นการต่อสู้ที่ไม่เคยยอมแพ้ทั้งๆ ที่เผชิญหน้ากับกำลังอาวุธของอิสราเอ็ลที่เหนือกว่าเสมอ และได้รับการหนุนหลังโดยจักรสรรดินิยมอเมริกา

ในประเทศไทยเราควรทำอะไรบ้าง? เราควรคัดค้านความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับ อิสราเอ็ล ในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ในระดับรัฐบาล สถาบันการศึกษา หรือธุรกิจ และเราควรจะทำความเข้าใจและให้ข้อมูลกับกรรมาชีพและคนจนที่คิดจะไปหางานทำใน อิสราเอ็ล เพราะผืนแผ่นดินอิสราเอ็ลเปื้อนเลือดของพี่น้องชาวปาเลสไตน์มานานพอแล้ว

(ที่มา)
http://turnleftthai.wordpress.com/2014/07/14/

12 หลักตอแหลและปฏิกิริยาของประยุทธ์ ผู้หลงตนเองว่าเป็น “มุสโสลีนี” เผด็จการฟาสซิสต์เกิดใหม่

12 หลักตอแหลและปฏิกิริยาของประยุทธ์ ผู้หลงตนเองว่าเป็น “มุสโสลีนี” เผด็จการฟาสซิสต์เกิดใหม่



 

1. มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันหลักของชาติในปัจจุบัน (ไม่ต้องรักประชาชน)
 

2. ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพื่อส่วนรวม (ประยุทธ์ฆ่าคนมือเปล่า)


3. กตัญญู ต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ (ประยุทธ์อกตัญญูต่อพลเมืองที่จ่ายเงินเดือนให้มัน)


4. ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษา เล่าเรียน ทางตรงและทางอ้อม (ประยุทธ์ไม่ค่อยฉลาด แต่อวดเก่ง)


5. รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันงดงาม (วัฒนธรรมกดขี่ขูดรีดและใช้อำนาจกระบอกปืน)


6. มีศีลธรรม รักษาความสัตย์ หวังดีต่อผู้อื่น เผื่อแผ่และแบ่งปัน (ประยุทธ์ทนไม่ได้ที่จะเห็นรัฐบาลช่วยคนจน)


7. เข้าใจ เรียนรู้ การเป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ถูกต้อง (มันควรศึกษาเอง เพื่อทันประชาชนที่ตาสว่างนานแล้ว)


8. มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย ผู้น้อยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่ !!!!!


9. มีสติ รู้ตัว รู้คิด รู้ทำ รู้ปฏิบัติ ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ฮุๆๆๆ)


10. รู้จัก ดำรงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว รู้จักอดออมไว้ใช้เมื่อยามจำเป็น มีไว้พอกินพอใช้ ถ้าเหลือก็แจกจ่าย จำหน่าย และขยายกิจการ เมื่อมีความพร้อม โดยมีภูมิคุ้มกันที่ดี (ประยุทธ์ไม่เคยรู้จักพอ นายภูมิพลรวยที่สุด พวกตอแหลบอกให้เราพอเพียงกับความจน)


11. มี ความเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายต่ำ หรือกิเลส มีความละอาย เกรงกลัวต่อบาป ตามหลักของศาสนา (ประยุทธ์มือเปื้อนเลือดหน้าด้านสอนเราให้มีศีลธรรม)

12. คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม และต่อชาติ มากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง (ชาติประยุทธ์มันชาติหมา แต่ไม่ใช่ชาติของประชาชน)

(ที่มา)

ทบทวน พิมพ์เขียว บันได 4 ขั้น ′คมช.′ ผ่านผล ′เลือกตั้ง′

ทบทวน พิมพ์เขียว บันได 4 ขั้น ′คมช.′ ผ่านผล ′เลือกตั้ง′


10501944_10152536806271622_1149869568106370121_n
 
‘บิ๊กตู่’ เผยรธน.ชั่วคราวมีไม่เกิน 50 มาตรา อาจต้องมีข้อจำกัดบางประการ
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid

จับตา! จะมีคนจากกองทัพกี่คน? คนสนิทกับคสช.กี่คน? คนที่เคลื่อนไหวสนับสนุนการรัฐประหารของ คสช.ร่วมกับ กปปส.กี่คน?


ถามว่าตอนที่ "คมช." ร่างแผนบันได 4 ขั้นนั้น และในแต่ละ "ขั้น" บันได คมช.กำหนดรายละเอียดของแผนเอาไว้อย่างไร

ความเป็นจริงในทางการเมืองได้ให้ "คำตอบ" ในระดับ 1

นั่นก็คือ ระหว่างแผนบันไดขั้น 1 ถึงแผนบันไดขั้น 3 คมช.จะเป็นผู้ลงมือกระทำด้วยกำลังและอำนาจที่มีอยู่

อันเท่ากับเปิดทางสะดวกให้กับแผนบันไดขั้น 4

นั่นเห็นได้จากการจัดตั้ง "คตส." เพื่อเล่นงานนักการเมืองฝ่ายตรงกันข้าม นั่นเห็นได้จากการยุบพรรคไทยรักไทยและตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหาร 111 คน

นั่นเห็นได้จากการร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550

อันไม่เพียงแต่เป็นฐานที่มาของกระบวนการ "การเลือกตั้ง" หากยังเป็นฐานที่มาแห่ง "กกต." เป็นฐานที่มาแห่ง "ป.ป.ช." และเป็นฐานที่มาแห่ง "ศาลรัฐธรรมนูญ"
ทุกอย่างล้วนสนองให้กับ "บันไดขั้น 4"
จะว่ารัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 เป็นรัฐประหาร "เสียของ" ก็ว่าไม่ได้เต็มปากเต็มคำนักเพราะที่ล้มเหลวนั้นเสมอเป็นเพียง "บันไดขั้น 4" เท่านั้น

กลไกอื่น "เวิร์ก" กลไกอื่น "ราบรื่น"
บันไดขั้น 4 ของรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 อันกำหนดโดย "คมช." นั้น คือ บันไดแห่งการเลือกตั้ง

การปฏิวัติฝรั่งเศส

การปฏิวัติฝรั่งเศส



execlouis
 


ประวัติศาสตร์ การปฏิวัติฝรั่งเศส
https://www.youtube.com/watch?v=gs6tIYSMjNM

โดย   C. H.


ในปีค.ศ. 1789 กษัตริย์หลุยส์ที่ 16 เรียกให้มีการประชุมของ “สามสภา” (สภาพระ สภาขุนนาง และสภาสามัญชน) เพื่อหาทางเก็บภาษีเพิ่มเพื่อจ่ายหนี้ของรัฐบาล แต่ผู้แทนของสภาสามัญชน ซึ่งประกอบไปด้วยคนระดับกลางๆ ไม่ยอมก้มหัวให้พวกชั้นสูง และเมื่อกษัตริย์สั่งให้ปิดการประชุม เขาก็ย้ายไปประชุมในสนามเทนนิสและประกาศตั้งเป็น “สภาแห่งชาติ”   พวกคนชั้นกลางในระยะแรกมองว่าต้องแค่ “ปฏิรูป” การปกครองโดยคงไว้ระบบกษัตริย์ พวกนี้ขัดขวางการขยายสิทธิในการเลือกตั้งไปสู่คนธรรมดาระดับล่างด้วย เริ่มมีการก่อตั้งสมาคมต่างๆ เพื่อถกเถียงแลกเปลี่ยนการเมือง เช่นสมาคม จัคโคบิน ซึ่งมีผู้นำสำคัญชื่อ โรบสเบียร์     แต่ท่ามกลางวิกฤตการเมืองและความขัดแย้ง พวกคนจนในเมือง (sans-culottes) กับเกษตกรยากจน ไม่ได้เพิกเฉย มีการร่วมตัวกันและปลุกระดมมวลชนระดับล่างให้ออกมาต่อสู้ โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวว่ากษัตริย์จะทำรัฐประหารเพื่อปราบปรามสภาแห่งชาติ ในโอกาสนั้นมวลชนชั้นล่างบุกเข้าไปยึดป้อม บาสเตียล ที่เป็นคุกและคลังแสงอาวุธ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันที่ 14 ก.ค.

หลังจากนั้นไม่นาน มวลชนสตรีจากย่านยากจนในเมืองปารีส ซึ่งไม่พอใจกับปัญหาข้าวของขาดแคลนและราคาแพง ออกมาเดินขบวนและชักชวนให้ผู้ชายติดอาวุธสองหมื่นคน ร่วมกันเดินไปที่วังแวร์ไซ เพื่อจับกษัตริย์และลากกลับมาที่ปารีส     ในปี 1791 ความไม่พอใจของคนชั้นล่างกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมเพิ่มขึ้น และขณะที่คนจำนวนมากเข้าแถวเพื่อลงชื่อเรียกร้องให้ตั้งสาธารณรัฐ “กองกำลังแห่งชาติ” ภายใต้การนำของคนชั้นกลาง ก็กราดยิงประชาชนตายไปห้าสิบศพ การปราบปรามของฝ่ายชนชั้นกลางที่สองจิตสองใจเกี่ยวกับระบบกษัตริย์ไม่ได้ผล มีการลุกฮือรวมตัวกันของคนจนในเมืองและคนชั้นกลางที่ต้องการปฏิวัติอย่างถอน รากถอนโคน แกนนำตอนนี้กลายเป็นคนอย่าง โรบสเบียร์ และในที่สุดสภาใหม่ ที่ได้รับการเลือกตั้งจากพลเมืองชายทุกคน ก็ประกาศก่อตั้งสาธารณรัฐฝรั่งเศสผ่านการยกเลิกและประหารชีวิตกษัตริย์ และการยกเลิกระบบฟิวเดิล     การปฏิวัติฝรั่งเศสไม่ได้จบลงเร็วๆ มีการเดินหน้าบ้าง ถอยหลังบ้าง ผลของการปฏิวัติเปิดทางให้มีการพัฒนาระบบทุนนิยมเต็มใบ และผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดคือนายทุนใหญ่ซึ่งไม่เคยมีความกล้าหาญที่ จะนำการปฏิวัติแต่แรก พวกนายทุนจัดการกับคนก้าวหน้าอย่างโรบสเบียร์ แล้วจึงหันไปพึ่งเผด็จการกองทัพภายใต้การนำของนายทหารหนุ่มชื่อ นโปเลียน โบนาพาร์ท

(ที่มา)
http://turnleftthai.wordpress.com/2014/07/14/ 

มีอะไรใน รัฐ/ธรรมนูญชั่วคราว ฉบับ คณะรัฐประหาร?

มีอะไรใน รัฐ/ธรรมนูญชั่วคราว ฉบับ คณะรัฐประหาร?


 
 
มีอะไรใน รัฐ/ธรรมนูญชั่วคราว ฉบับ คณะรัฐประหาร?

สยาม/ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญรวม 18 ฉบับ มีการรัฐประหารโดยทหารจำนวน 12 ครั้ง นำมาสู่การร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราว 7 ฉบับ และแก้ไขเพิ่มเติมจากรัฐธรรมนูญในอดีตอีก 1 ฉบับ

นับตั้งแต่การรัฐประหาร ปี 2514 เป็นต้นมา การบังคับใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวใช้ระยะเวลาไม่เคยเกินหนึ่งเดือนนับจากวันรัฐประหาร ถึงวันนี้นับตั้งแต่ 22 พ.ค.2557 เป็นเวลาเกินกว่าหนึ่งเดีอนไปแล้วเรายังไม่เห็นการบังคับใช้รัฐธรรมนูญใหม่เกิดขึ้น

โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวมีลักษณะคัดลอกตัดปะกันไปมาสลับที่สลับทางให้ดูเหมือนร่างใหม่

หากมองถึงวิวัฒนาการของรัฐธรรมนูญชั่วคราวจะเห็นความเปลี่ยนแปลง กล่าวคืออย่างน้อย 2 ครั้งหลังคือปี 2534 เราเห็นการเลิกการให้อำนาจเบ็ดเสร็จกับนายกรัฐมนตรี ที่มีมาตั้งแต่ปี 2502 ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และ การทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ปี 2549

สำหรับความล่าช้าผิดปกติของรัฐธรรมูญชั่วคราวปี 2557 อาจทำให้คาดการณ์ได้ว่าน่าจะมีนวัตกรรมทางการเมืองใหม่(ที่อาจล้าหลังกว่าก่อน) รวมถึงการนำของเก่ามาใช้ในบริบทการเมืองใหม่?
 
(อ่านต่อ)
http://www.ilaw.or.th/node/3158

กระวี กระวาด ดีเบต

กระวี กระวาด ดีเบต


 

ไอ้ แก่เนาวรัตน์ มัวนั่งฝันว่าตัวเองปราดเปรื่อง แต่งกลอนยังดูถูกคน อะไรดีอะไรถูกไม่เข้าใจ ยังคิดไปได้ ว่าตีวเองเป็นกวีเป็นปราชญ์ ถุย!

พวกฝ่ายขวาประจบสอพลอเลียทหาร เผยธาตุแท้ที่เกลียดคนจน

พวกฝ่ายขวาประจบสอพลอเลียทหาร เผยธาตุแท้ที่เกลียดคนจน







0
ล้ม 30 บาทรักษาทุกโรค บังคับพรรคการเมืองต้องส่งนโยบายให้สลิ่มตรวจสอบก่อน และคัดค้านการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ....เรื่องแบบนี้เข้าใจได้ง่าย ถ้าเราศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมืองพื้นฐาน และสิ่งที่น่าสังเกตคือ แนวเศรษฐศาสตร์เสรีนิยมกลไกตลาด (neo-liberal) ไปได้ดีกับระบบเผด็จการ

โดย ใจ อึ๊งภากรณ์ 


ตอนนี้เราเริ่มเห็นสลิ่มประจบสอพลอเลียทหาร คลานออกมาเสนอนโยบายหมุนนาฬิกากลับ ให้สังคมถอยหลังลงคลอง

(1) แพทย์สลิ่ม ปลัดสาธารณสุข เดินหน้าทำลาย “30 บาทรักษาทุกโรค” เสนอให้ประชาชนจ่ายค่าพยาบาลถึงครึ่งหนึ่งเอง และไม่ยอมอนุมัติเบิกจ่ายยาสำคัญสำหรับโรคไวรัสตับอักเสบ และมะเร็ง
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขคนนี้ เคยออกแถลงการณ์ในนามประชาคมสาธารณสุข เรียกร้องให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ลาออกและเร่งปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ตามแนวม็อบสุเทพ

(2) เลขาธิการ ป.ป.ช. เตรียมขอหารือ กกต. เสนอออกระเบียบหรือกฎหมายให้ทุกพรรคส่งแผนการดำเนินโครงการที่ชัดเจนให้ กกต. ตรวจสอบก่อนหาเสียง พูดง่ายๆ ทุกพรรคต้องนำนโยบายมาให้คณะกรรมการสลิ่มตรวจสอบก่อนการเลือกตั้ง พวกต้านประชาธิปไตยเกลียดชังนโยบายของไทยรักไทยที่ใช้งบประมาณรัฐเพื่อให้ ประโยชน์กับประชาชนคนจนมานาน

(3) นักเศรษฐศาสตร์ TDRI เสนอว่าไม่ควรขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีก เหมือนที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เคยทำ (ดูโพสธ์ของผมก่อนหน้านี้)

พวกคลั่งกลไกตลาดเสรีนิยม “มือใครยาวสาวได้สาวเอา” เหล่านี้ มองว่าการใช้งบประมาณรัฐ ที่มาจากการเก็บภาษี เพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะคนจน เป็นเรื่อง “ผิด” แต่การที่ทหารจะเพิ่มงบประมาณให้ตัวเอง เป็นเรื่องดี มีประโยชน์ต่อประเทศชาติ

เรื่องแบบนี้เข้าใจได้ง่าย ถ้าเราศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมืองพื้นฐาน และสิ่งที่น่าสังเกตคือ แนวเศรษฐศาสตร์เสรีนิยมกลไกตลาด (neo-liberal) ไปได้ดีกับระบบเผด็จการ

(ที่มา)
http://turnleftthai.wordpress.com/2014/07/12 

ข้อคิด! ข้อคิด! ข้อคิด!

ข้อคิด! ข้อคิด! ข้อคิด!


 
 
 
อย่าพึ่งไปดีใจ! กับรัฐบาลสหรัฐที่ไม่เชิญคณะทหาร เถื่อนไปงานวันชาติ ดีแล้ว แต่อย่าพึ่งไปหวังว่าสหรัฐหรือสหประชาชาติจะมาช่วยสร้างประชาธิปไตย เพราะทูตสหรัฐเชิญสมศักดิ์ฟาสซิสต์เตี้ย ไปพร้อมกับจาตุรนต์ ฉายแสง และบังขี้มูล(พัน กีมุน)เลขาฯ สหประชาชาติก็เคยไม่ยอมรับจดหมายจากเสื้อแดงตอนที่เสื้อแดงโดนฆ่าที่ราช ประสงค์

“มันแกว” คือตัวแทนของความคิดถอยหลังลงคลองของพวกอดีตสิทธิสตรี

“มันแกว” คือตัวแทนของความคิดถอยหลังลงคลองของพวกอดีตสิทธิสตรี

 

UmMun 
โดย ใจอึ๊งภากรณ์

“อั้ม เนโกะ” เป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพที่กล้าหาญ เขาโดนพวกนักบริหารมหาวิทยาลัยรังแก เขาโดนคณะทหารเรียกเพื่อจำคุก และเขาโดนพวกล้าหลังในสื่อ ASTV ข่มขู่ว่าควรจะโดนข่มขืนในคุก

“มันแกว” เป็นักฉวยโอกาสที่ใช้ร่างตนเองเพื่อโฆษณาธุรกิจ แต่เขาอ้างว่าเขาเป็นสตรีที่ปลดแอกตนเอง เขาไม่มีจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน เขาไม่โดนทหารเรียกหรือรังแก และคงมีพวกทหาร คสช. หลายคนที่แอบไปชมภาพเขาในเฟสบุ๊ก

ทั้ง “อั้ม เนโกะ” และ “มันแกว” เป็นตัวอย่างของสองขั้วแนวคิดเกี่ยวกับสิทธิทางเพศ ขั้วหนึ่งก้าวหน้า อีกขั้วปฏิกิริยา ถ้าจะเข้าใจ เราต้องย้อนกลับไปดูการเปลี่ยนแปลงของแนวสิทธิสตรีในระดับสากล

เมื่อ 40 ปีก่อน ระดับการต่อสู้ทั่วโลกขึ้นสูง ซึ่งกระตุ้นการฟื้นฟูแนวคิดสิทธิสตรี ในยุคนั้นนักสิทธิสตรี ทั้งพวก“เฟมินิสต์” และพวกนักสังคมนิยม โดยเฉพาะในสังคมที่ก้าวหน้า มักร่วมกับผู้ชายและขบวนการสหภาพแรงงานในการต่อสู้ ในยุคนั้นมีการเน้นความเท่าเทียมในทุกแง่ รวมถึงสิทธิของสตรีในการเป็นผู้นำ และในการมีความสุขจากเพศสัมพันธ์ แทนที่จะรักนวลสงวนตัว

ข่มขืนต้องประหาร: ข้อสังเกตบางประการ

ข่มขืนต้องประหาร: ข้อสังเกตบางประการ 



ดูรูปภาพบนทวิตเตอร์ 
โดย อิสร์กุล อุณหเกตุ

กระแสรณรงค์เพิ่มโทษในคดีข่มขืนให้เป็นโทษประหารชีวิตกลับมายังสังคมออ นไลน์อีกครั้ง หลังจากเหตุการณ์ฆ่าข่มขืนเด็กหญิงวัย 13 ปีบนขบวนรถไฟ  โลกโซเชียลมีเดียชักชวนกันติดแท็ก #ข่มขืนต้องประหาร รวมถึงมีการรวบรวมรายชื่อเพื่อผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมาย
 
ในเอกสารนี้ ผู้เขียนพยายามตั้งข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับคดีข่มขืนกระทำชำเรา รวมถึงนำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจบางชุดเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจ

ข้อสังเกตประการแรก: ข่มขืน ≠ ข่มขืนฆ่า
ตามกฎหมายของไทยนั้น การ ‘ข่มขืน’ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปีถึง 20 ปี และโทษสูงสุดคือจำคุกตลอดชีวิต ในกรณีที่มีการใช้อาวุธหรือการรุมโทรม และในกรณีที่กระทำแก่เด็กอายุไม่เกิน 13 ปี [1] กฎหมายบัญญัติโทษไว้เช่นนี้ตามระดับความรุนแรงของการกระทำผิด  ในขณะที่การรณรงค์ให้ใช้โทษประหารชีวิตนั้นเกิดขึ้นจากกรณี ‘ข่มขืนฆ่า’ ซึ่งมีโทษสูงสุดคือประหารชีวิตอยู่แล้ว [2] จึงสะท้อนว่าสังคมมีความสับสนบางประการระหว่างการลงโทษกรณี ‘ข่มขืน’ กับ ‘ข่มขืนฆ่า’ ซึ่งไม่แน่ชัดว่าต้องการเรียกร้องให้มีการลงโทษประหารชีวิตสำหรับการ ‘ข่มขืน’ ทุกกรณีหรือไม่ อย่างไร

การลดโทษเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการรณรงค์ดังกล่าว ผู้ร่วมรณรงค์บางส่วนมีความเห็นว่า กฎหมายของไทยมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการลดโทษที่อาจทำให้ผู้กระทำความผิดสารภาพ ได้รับโทษน้อยไม่สาสมแก่ความผิด อย่างไรก็ตาม การลดโทษนั้นเป็นดุลพินิจของศาล ซึ่งศาลไม่จำเป็นต้องลดโทษเสมอไป ตัวอย่างเช่น คําพิพากษาฎีกาที่ 8688/2543 ในคดีกักขังหน่วงเหนี่ยวและข่มขืนกระทำชำเรา ซึ่งศาลเห็นว่าจำเลยมี “สภาพจิตใจที่โหดเหี้ยมทารุณผิดวิสัยมนุษย์” และไม่ลดโทษแก่จำเลย เป็นต้น

ข้อสังเกตประการที่สอง: การลงโทษ ≠ การแก้แค้น
การลงโทษผู้กระทำความผิดมีวัตถุประสงค์สำคัญหลายประการ ได้แก่ การแก้แค้นทดแทน (retribution) การป้องปรามการกระทำความผิด (deterrence) การกันผู้กระทำความผิดออกจากสังคม (incapacitation) และการแก้ไขฟื้นฟู (rehabilitation) แม้ว่าการแก้แค้นทดแทนจะเป็นเหตุผลหนึ่งในการลงโทษ แต่การลงโทษไม่จำเป็นต้องเป็นไปเพื่อการแก้แค้นเสมอไป

คัดค้านโทษประหาร ค้านค้านความรุนแรงต่อสตรี

คัดค้านโทษประหาร ค้านค้านความรุนแรงต่อสตรี



โทษประหาร 

หนึ่งสาเหตุสำคัญที่เราควรต่อต้านโทษประหาร คือในอดีตมีการประหารชีวิตผู้บริสุทธ์ เฉลียว ปทุมรส ชิต สิงหเสนี และบุศย์ ปัทมศริน ผู้โดนกล่าวหาเท็จว่าฆ่ารัชกาลที่8...? มีอีกหลายสาเหตุนอกจากนั้น

โดย  ใจ อึ๊งภากรณ์
 
นักมาร์คซิสต์อย่างเราใน “องค์กรเลี้ยวซ้าย” คัดค้านโทษประหาร เพราะมันเป็นแค่การฆ่าประชาชนอีกคนหนึ่งเพื่อสำเร็จความใคร่และการแก้แค้น ของสังคม มันเป็นการใช้ความป่าเถื่อนตอบโต้ความป่าเถื่อน แต่การแก้แค้นแบบนั้นเป็นความคิดล้าหลังต่ำช้าที่สุด ที่ชนชั้นปกครองป้อนให้เราเชื่อ การแก้แค้นไม่นำไปสู่การคืนชีพของผู้ถูกฆ่า ไม่ได้แก้ปัญหาการข่มขืนหรือดูแลรักษาจิตใจของเหยื่อ โทษประหารไม่นำไปสู่การลดอาชญากรรมแต่อย่างใด และบ่อยครั้งผู้ถูกประหารเป็นคนบริสุทธิ์ที่ศาลพิพากษาผิดอีกด้วย เราทราบดีว่าศาลเตี้ยไทยมันลำเอียงและแย่แค่ไหน

การใช้กฎหมายในการลงโทษพลเมืองที่ใช้ความรุนแรง ไม่ได้ทำให้อาชญากรรมลดลงแต่อย่างใด เพราะเป็นการพยายามแก้ปัญหาที่ปลายเหตุหลังจากที่มีผู้กระทำความผิดไปแล้ว เราควรดูว่าสาเหตุของอาชญากรรมมาจากอะไร เราควรเข้าใจว่าทำไมผู้ชายบางคนข่มขืนผู้หญิง และเราต้องเข้าใจว่าสภาพแวดล้อมของสังคมเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหา มันไม่ใช่เรื่อง “คนดี” กับ “คนชั่ว” แบบง่ายๆ เพราะไม่มีใครเกิดมาดี หรือเกิดมาชั่ว