หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2556

Divas Cafe

Divas Cafe



 

Divas Cafe ประจำวันที่ 30 กันยายน 2556
หนุนเขื่อนไม่ใช่ผู้ร้าย..ต้านเขื่อนไม่ใช่พระเอก
รู้จัก the Sunday Assembly โบสถ์สำหรับคนไม่มีศาสนา
http://www.dailymotion.com/video/x15cl5l_หน-นเข-อนไม-ใช-ผ-ร-าย-ต-านเข-อนไม

กินเนสส์บุ๊คตีพิมพ์กษัตริย์ไทยรวยที่สุดในโลก

กินเนสส์บุ๊คตีพิมพ์กษัตริย์ไทยรวยที่สุดในโลก



 
ราชาธิปไตย
http://www.youtube.com/watch?v=n7_LrwGs79g 

หนังสือกินเนสส์ เวิร์ลด์ เร็คคอร์ด 2014 ออฟฟิเชียล อะมาซซิ่ง ที่ เพิ่งออกวางจำหน่ายในระหว่างนี้ได้ยกย่องให้กษัตริย์ไทย ครองตำแหน่งกษัตริย์ที่ทรงมั่งคั่งที่สุดในโลกเหนือบรรดากษัตริย์ทั้งหมด

ทั้งนี้หนังสือกินเนสส์ บุ๊ค ได้ตีพิมพ์ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล อดุลยเดช กษัตริย์ของประเทศไทย ครองอันดับ 1 กษัตริย์ที่มั่งคั่งที่สุดในโลก โดยมีพระราชทรัพย์ 30 พันล้านเหรียญฯ ตามมาด้วยพระราชาธิบดีแห่งบรูไน 20 พันล้านเหรียญฯ อันดับ 3 เป็นกษัตริย์ซาอุดิอารเบีย ชาติที่ร่ำรวยจากน้ำมัน 18 พันล้านเหรียญฯ(ดูอันดับอื่นๆเพิ่มเติม คลิ้กลิ้งค์นี้)

ประชาชนเป็นหมื่นประท้วงเผด็จการกษัตริย์บาห์เรน (เพื่อนรักยิ่งลักษณ์นายกรัฐมนตรีไทย)

ประชาชนเป็นหมื่นประท้วงเผด็จการกษัตริย์บาห์เรน (เพื่อนรักของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์)
 




บทกวีการเมืองแห่งตอแหลแลนด์(อุบาทว์อัปรียะตุลากาลีฉันท์ ๑๙)

บทกวีการเมืองแห่งตอแหลแลนด์(อุบาทว์อัปรียะตุลากาลีฉันท์ ๑๙) 
 
 
 
ศาลรัฐธรรมนวย สร้างไว้ใช้อวย
ราชการอำมาตย์อันยิ่งใหญ่ในแดนดิน

กกกอดกัดกิน ภาษีทรัพย์สิน
เพื่อปกป้องคุ้มครองเหล่ากาลีอัปรีย์ชน

อัตตาตัวตน ย่อยยับอับจน
รักษาระบอบมารจนหมดสิ้นยุติธรรม

เสือกส่ายร่ายรำ เส้นทางระยำ
สนองกำหนัดอำนาจเหนือเพืี่อสืบสายพันธุ์

ดื้อด้านดึงดัน ยึดยื้อยืนยัน
ตีความตามกระสันกิเลสเร่าร้อนรุนแรง
 
ข้องขัดดัดแปลง มาตราตะแบง

กำหนัดกำหนดกฎเกณฑ์กำกวมด้วยเล่ห์กล

ซากเวทย์เศษมนต์ ลุกลี้ลุกลน
ป่าวประกาศเข้าประจัญชนประหวั่นพรั่นพรึง
 

ความคิดคำนึง กระชากลากดึง
ประเทศชาติฉิบหายล่มสลายไม่เหลือบแล         

สัมภาษณ์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ เมื่ออำนาจศาล รธน. ปะทะอำนาจรัฐสภา (อีกแล้ว)

สัมภาษณ์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ เมื่ออำนาจศาล รธน. ปะทะอำนาจรัฐสภา (อีกแล้ว)


 
http://farm3.staticflickr.com/2885/9999257526_dfdcd889a7_o.png 
(คลิกดูภาพขนาดใหญ่)

28 ก.ย. คือวันที่ประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญมาถึงจุดร้อนฉ่าอีกครั้ง เมื่อสภามีมติเห็นชอบแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนของที่มา ส.ว. ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 358 เสียง ไม่เห็นชอบ 2 เสียง งดออกเสียง 30 เสียงขณะที่ ฝ่ายค้าน และกลุ่ม 40 ส.ว. วอล์คเอาท์

หมากการเมืองและหมากกฎหมายที่พรรคฝ่ายค้านและ ส.ว. บางส่วนได้วางไว้ก่อนหน้านี้ ก็กลายมาเป็นปัจจัยพัวพันการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อทันที

โดยก่อนหน้านี้ นายสาย กังกะเวคิน ส.ว. ระยอง และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เรื่องขอให้พิจารณาว่าการแก้ไขรธน. ในส่วนของที่มา ส.ว. นั้นเข้าข่ายผิด ม. 68 แห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่ จากนั้น 25 ก.ย. ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องพร้อมแจ้งมายังสำนักเลขาธิการรัฐสภา ให้แจ้งต่อประธานรัฐสภาว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องของไว้พิจารณาแล้ว

พลันที่มีการลงมติผ่านฉลุย ด้วยคะแนน 358 เสียง ประธานวิปฝ่ายค้านก็ได้ยื่นหนังสือพร้อมรายชื่อ ส.ส. 143 คน ต่อ นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา และรองประธานรัฐสภา เพื่อขอให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ โดยอ้างตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 154 ทันที

แล้วทั้งหมดนี้มันคืออะไร เสียงของส.ส. และส.ว. 358 เสียงยังคงมีความหมายใช้การได้หรือไม่ แล้วบทบาทหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญต่อกรณีนี้ จะมีผลยับยั้งมติของรัฐสภาและกระบวนการต่อไปที่เข้าสู่ขั้นตอนพระราช วินิจฉัยหรือไม่ ประชาไทสัมภาษณ์ วรเจตน์ ภาคีรัตน์ นักกฎหมายจากกลุ่มนิติราษฎร์ รองศาสตราจารย์ด้านกฎหมายมหาชน เพื่อให้เขาอธิบายโดยละเอียด


000

วรเจตน์ : ผมอธิบายแบบนี้ก่อน เรียงลำดับไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย นะครับว่า ตอนนี้ กระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนี้ มันดำเนินมาจนกระทั่งผ่านวาระ 3 แล้ว

การแก้ไขเพิ่มรัฐธรรมนูญที่เป็นประเด็นอยู่นี้ เป็นการแก้รัฐธรรมนูญในส่วนที่เกี่ยวกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งรัฐสภาก็ได้ประชุมกัน แล้วกระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมนี้ ก็ดำเนินไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ทำเป็น 3 วาระ และเมื่อเช้าเมื่อนี้ก็ผ่านวาระ 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยคะแนนเสียงตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด

ทีนี้ขั้นตอนต่อไปถัดจากนี้ ผมเอาขั้นตอนในทางกฎหมายก่อน ขั้นตอนถัดจากนี้จะเป็นไปตามมาตรา 291 (7) ก็คือ เมื่อมีการลงมติไปตามที่กล่าว ก็คือผ่านทั้ง 3 วาระมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้นำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ให้นำบทบัญญัติมาตรา 150 และ 151 มาใช้บังคับโดยอนุโลม

เขื่อนแม่วงก์กับคนเสื้อแดง

เขื่อนแม่วงก์กับคนเสื้อแดง

 

 
คนค้นฅนนำเทป "ศศิน เฉลิมลาภ" เผยแพร่ยูทูบ หลัง MCOT ห้ามออกอากาศ

คนค้นฅนนำเทป "ศศิน เฉลิมลาภ" เผยแพร่ยูทูบ หลัง MCOT ห้ามออกอากาศ
http://www.prachatai.com/journal/2013/09/48987 

เอกสารราชการ:พระราชดำริเร่งรัดสร้างเขื่อนแม่วงก์
http://thaienews.blogspot.de/2013/09/blog-post_30.html 

สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ
โลกวันนี้วันสุข ฉบับที่ 431  28 กันยายน 2556

ข่าวเรื่องเขื่อนแม่วงก์ ได้กลายเป็นกระแสใหญ่อีกครั้ง เมื่อ คุณศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้เป็นผู้นำในการรณรงค์ โดยใช้วิธีการเดินเท้าจากอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ นครสวรรค์ โดยมีปลายทางที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร มาบุญครอง การเดินรณรงค์นี้ เป็นระยะทาง 338 กิโลเมตร เริ่มเดินทางตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน ใช้เวลา 13 วัน โดยมาถึงกรุงเทพฯเมื่อวันที่ 22 กันยายน เป้าหมายของการรณรงค์ครั้งนี้ ก็เพื่อสร้างความตื่นตัวให้กับประชาชนและคัดค้านขบวนการอีเอชไอเอ.(รายงานผล กระทบต่อสิ่งแวดล้อม)ของเขื่อนแม่วงก์ ประเด็นสำคัญของการคัดค้าน คือ การสร้างเขื่อนนี้จะก่อให้เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมต่อผืนป่าอย่างมากมาย อีกทั้งไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอุทกภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพแต่อย่างใด เพราะเขื่อนที่สร้างแล้วก็ยังรับนำได้เป็นเปอร์เซ็นต์น้อยมากของน้ำที่ท่วม การสร้างเขื่อนจึงไม่มีความคุ้มค้าต่อการทำลายสภาพแวดล้อม

ข้อมูลจากคุณนณณ์ ผาณิตวงศ์ อธิบายว่าเขื่อนแม่วงก์เป็นเขื่อนที่มีปริมาณกักเก็บน้ำ 250 ล้านลูกบาศก์เมตร ค่าก่อสร้างปัจจุบัน อยู่ที่ 13,000 ล้านบาท จะก่อให้เกิดน้ำท่วม 2 % ของป่าแม่วงก์ แต่บริเวณนี้เป็นป่าที่ราบริมน้ำซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญในการหากินและ ขยายพันธุ์ของสัตว์ป่าในฤดูแล้ง ในปัจจุบันประเทศไทยเหลือป่าในพื้นที่ราบอยู่น้อยมาก การสร้างเขื่อนทำให้ป่าถูกทำลาย 13,000 ไร่ เป็นไม้ใหญ่ 500,000 ต้น เป็นไม้สัก 50,000 ต้น ป่าแม่วงก์เป็นแหล่งสัตว์อุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ป่าราว 549 ชนิด ปลา 64 ชนิด ที่จะได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อน การต่อต้านการสร้างเขื่อน จึงเป็นการรักษาป่าไม้และสภาพธรรมชาติเอาไว้

วาทะจุดประกาย: เครื่องแบบทั้งหลายนั้นล้วนถูกสร้างขึ้นเพื่อทำลายตัวตนหรือร่างกายของผู้สวมใส่

วาทะจุดประกาย: เครื่องแบบทั้งหลายนั้นล้วนถูกสร้างขึ้นเพื่อทำลายตัวตนหรือร่างกายของผู้สวมใส่

 

"ผมสงสัยว่า เครื่องแบบทั้งหลายนั้นล้วนถูกสร้างขึ้นเพื่อทำลายตัวตนหรือร่างกายของผู้ สวมใส่ตัวตนของผู้สวมหายไป เหลือแต่อวัยวะชิ้นหนึ่งขององค์กร ดังนั้น องค์กรจึงควบคุมเขาได้ง่าย เพราะเขาไม่เหลือความเป็นตัวตน หรือร่างกายที่แยกต่างหากออกมาจากองค์กรอีกแล้ว และนี่คือเหตุผลที่นักเรียนไทยต้องสวมเครื่องแบบจนกว่าจะจบมหาวิทยาลัย"

นิธิ เอียศรีวงศ์ 
29 มิ.ย.2550

วาทะจุดประกาย: สิ่งหนึ่งที่สร้างความเสียหายต่อการเมืองของฝ่ายซ้ายทั่วโลกคือลัทธิบูชาตัวบุคคล

วาทะจุดประกาย: สิ่งหนึ่งที่สร้างความเสียหายต่อการเมืองของฝ่ายซ้ายทั่วโลกคือลัทธิบูชาตัวบุคคล

 


 


"สิ่งหนึ่งที่สร้างความเสียหายต่อการเมืองของฝ่ายซ้ายทั่วโลกคือลัทธิบูชาตัวบุคคล"
"One of the things that has damaged the political left around the world has been the cult of political idols."

กาเบรียล บอริก (Gabriel Boric) 11 ก.ย. 2556
ผู้นำนักศึกษาของชิลีในยุคปัจจุบัน Leader of the Federation of Students(2011-2012)

เล่าข่าวนอกกระแส: ประจำสัปดาห์ 23 กันยายน 2556

เล่าข่าวนอกกระแส: ประจำสัปดาห์ 23 กันยายน 2556

 


 
ดาวน์โหลด mp3(คลิกฟัง)

-กระแสความเคลื่อนไหวและผลการเจรจาล่าสุด เอฟทีเอไทย-อียูรอบ 2 ที่เชียงใหม่
-ทำความรู้จัก "จีนเป็ง" หรือเฉินผิง อดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์มาลายา ที่หลบหนีมาใช้ชีวิตในไทยจนบั้นปลายชีวิต

สาระ+ภาพ: ประเทศที่มีรัฐประหารหลังปี 49 - ตอนนี้อยู่ตรงไหนกัน?

สาระ+ภาพ: ประเทศที่มีรัฐประหารหลังปี 49 - ตอนนี้อยู่ตรงไหนกัน?

 

ดูภาพขนาดเต็มได้ที่นี่ 


19.09.49 ไทย
ชื่อประเทศ ราชอาณาจักรไทย
จำนวนครั้งของการรัฐประหาร 12 ครั้ง
รัฐประหารครั้งล่าสุด 19 กันยายน 2549
ระบอบการปกครอง ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา
สถานะปัจจุบัน มีนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้ง และมีรัฐธรรมนูญที่ประกาศใช้สมัยรัฐบาลที่แต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร

ข้อมูลเพิ่มเติม

ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา มีพระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญตั้งแต่ 24 มิถุนายน 2475 อย่างไรก็ตามก็เผชิญการรัฐประหารมาแล้ว 12 ครั้ง บังคับใช้รัฐธรรมนูญ 18 ฉบับ

การรัฐประหารครั้งล่าสุดในประเทศไทย เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 คณะรัฐประหารที่ใช้ชื่อว่า "คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" หรือ "คปค." มีหัวหน้าคณะคือ พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน ได้ทำการรัฐประหารขับรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ลงจากอำนาจ โดยขณะนั้นทักษิณอยู่ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่ องค์การสหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
รัฐประหารดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเมื่อต้นปี 2549 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ชุมนุมขับไล่รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร และทักษิณ ชินวัตรได้ประกาศยุบสภาเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2549 และจัดการเลือกตั้งเมื่อ 2 เมษายน 2549 อย่างไรก็ตามพรรคฝ่ายค้านได้แก่ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย และพรรคมหาชน ประกาศไม่ยอมร่วม

ต่อมา 8 พฤษภาคม 2549 ศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินให้การเลือกตั้งดังกล่าวเป็นโมฆะ ขณะที่รัฐบาลรักษาการในเวลานั้นได้ประกาศจัดการเลือกตั้งขึ้นใหม่ มีกำหนดวันที่ 15 ตุลาคม 2549 อย่างไรก็ตามได้เกิดรัฐประหารขึ้นเสียก่อนในวันที่ 19 กันยายน 2549

หลังทำรัฐประหารสำเร็จ คณะรัฐประหารได้ยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2540 และในวันที่ 1 ตุลาคม 2549 มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 แทนรัฐธรรมนูญที่ถูกยกเลิก มีการตั้ง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งลาออกจากองคมนตรีมาเป็นนายกรัฐมนตรี มีการตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่แทนสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาที่ถูกยกเลิกไปพร้อมกับรัฐธรรมนูญ 2540 และมีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และคณะรัฐประหารได้เปลี่ยนชื่อเป็น คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. มีหัวหน้า คปค. เป็นประธาน คมช.

ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2550 ตุลาการรัฐธรรมนูญ ซึ่งตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ได้ตัดสินยุบพรรคไทยรักไทย และพรรคการเมืองอื่นๆ อีก 3 พรรค รวมทั้งเพิกถอนกรรมการบริหารพรรคทั้ง 4 พรรคเป็นเวลา 5 ปี

วันจันทร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2556

คลิปเสวนา ‘ก้าวข้ามความขัดแย้ง กับกระบวนการเปลี่ยนผ่านของสังคมไทย’

คลิปเสวนา ‘ก้าวข้ามความขัดแย้ง กับกระบวนการเปลี่ยนผ่านของสังคมไทย’


 

TCIJ เสวนา 'ก้าวข้ามความขัดแย้ง' 1 of 2
http://www.youtube.com/watch?v=cFClNxCfxYw#t=17 
TCIJ เสวนา 'ก้าวข้ามความขัดแย้ง' 2 of 2
http://www.youtube.com/watch?v=wFr0G4B5jsQ 

อียิปต์ เปิดประเด็นที่กระแสหลักไม่พูดถึง // นสพ.เลี้ยวซ้าย ปีที่ 9 ฉบับที่ 4 กันยายน 56

อียิปต์ เปิดประเด็นที่กระแสหลักไม่พูดถึง // นสพ.เลี้ยวซ้าย ปีที่ 9 ฉบับที่ 4 กันยายน 56

 

 
คลิกดาวน์โหลด(อ่าน)

ญ. “หญิง”

ญ. “หญิง”


 
ภายใต้ระบบการปกครองทางชนชั้น ทรัพย์สินทั้งหมดของชุมชนที่เคยเป็นของส่วนรวม ถูกแบ่งเป็นทรัพย์สินส่วนตัว ซึ่งส่วนใหญ่ตกในมือของผู้ปกครอง ผู้หญิงถูกบังคับให้อยู่ในระบบครอบครัวที่ชัดเจน เพื่อให้ชายผู้เป็นเจ้าสามารถให้มรดกกับลูกตนเองเท่านั้น 

โดย ลั่นทมขาว 

เราไม่สามารถสร้างสังคมใหม่แห่งสังคมนิยมได้ ถ้ากรรมาชีพชายและหญิงไม่สามัคคีกัน และถ้าจะเกิดความสามัคคีดังกล่าว ทั้งชายและหญิง แต่โดยเฉพาะผู้ชาย ต้องสลัดความคิดกดขี่หรือดูถูกผู้หญิงออกจากหัว ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องความดีความชั่วของปัจเจก แต่เป็นเรื่องโครงสร้างสังคม และการต่อสู้ทางชนชั้น

มันไม่ใช่เรื่อง “ธรรมชาติ” ที่มนุษย์จะมากดขี่กัน แต่เป็นสิ่งที่มนุษย์บางคนสร้างขึ้นมาภายใต้เงื่อนไขสังคมชนชั้นในอดีต เพื่อประโยชน์ของชนชั้นปกครอง

นักมาร์คซิสต์คนสำคัญ ชื่อ เฟรดเดอริค เองเกิลส์ เป็นคนที่ริเริ่มการศึกษาปัญหาการกดขี่ทางเพศอย่างเป็นระบบ ในหนังสือ “กำเนิดครอบครัว ทรัพย์สินเอกชน และรัฐ”  เองเกิลส์ อธิบายว่าแรกเริ่มมนุษย์บุพกาลไม่มีชนชั้น ไม่มีรัฐ และไม่มีครอบครัว คือหญิงชายมีความสัมพันธ์อย่างเสรีตามรสนิยมของแต่ละคน ไม่มีคู่ถาวร ตอนนั้นมนุษย์ไม่มีครอบครัวแต่มีเผ่า และลูกที่เกิดมาจะทราบว่าใครเป็นแม่ แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นพ่อ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่สำคัญเพราะเด็กๆ ทุกคนถือว่าเป็นลูกของชุมชน และทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของส่วนรวม แบ่งกันอย่างเสมอภาคเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม

ในยุคบุพกาลจะมีการเก็บของป่าและล่าสัตว์ สังคมไม่มีส่วนเกินหรือคลังอาหาร วันไหนได้อะไรก็มาแบ่งกันกิน แต่เมื่อมนุษย์รู้จักการเกษตรและเริ่มมีส่วนเกิน จะมีผู้ชายคนหนึ่งตั้งตัวเป็นใหญ่หรือตั้งตัวเป็น “พระ” และจ้างอันธพาลติดอาวุธมาเป็นลูกน้องของตน ประชาชนที่เหลือจะตกเป็นทาสและถูกบังคับให้ปลูกพืชเลี้ยงสัตว์เพื่อส่งส่วย ให้ผู้ปกครอง แต่ในขณะเดียวกัน การจัดระเบียบสังคมใหม่แบบนี้ ให้ประโยชน์กับคนธรรมดาบ้าง เพราะเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตจากในสมัยบุพกาลเดิม
   

"อาชญากรรมของสำนึก

"อาชญากรรมของสำนึก


ทำไมสังคมไทยดิ้นพล่าน

ทำไมสังคมไทยดิ้นพล่าน



 
อั้ม เนโกะ ชุดนักศึกษา และSex
 
โดย ยุกติ มุกดาวิจิตร
 
ทำไมปรากฏการณ์แฟรงค์ เนติวิทย์ และอั้ม เนโกะจึงทำให้สังคมไทยดิ้นพล่าน

ข้อแรกเลย เพราะเขาและเธอถูกมองว่าเป็น "เด็ก" แต่กลับมาพูดจาแสดงความเห็นต่อต้านสังคมของผู้ใหญ่ วิจารณ์ผู้ใหญ่อย่างตรงไปตรงมา พวกเขาไม่ได้ใช้จริตตามวัย เช่นการใช้สรรพนามของทั้งสอง ใช้คำว่า "ดิฉัน" "ผม" "คุณ" พวกเขาแสดงความเป็นผู้ใหญ่ เป็นคนที่สมบูรณ์ ไม่ได้แตกต่างจากพวกผู้ใหญ่ และท้าทายผู้ใหญ่โดยไม่เกรงกลัวอำนาจของผู้ใหญ่ หรือวิธีที่พวกเขาแสดงออก เขาใช้หลักเหตุผล ไม่ได้หน่อมแน้มง๊องแง๊งเหมือนเด็กๆ ที่สังคมไทยมองแล้วเอ็นดู

ข้อที่ต่อเนื่องกันคือ เขาและเธอท้าทายสังคมอำนาจนิยม สังคมที่เน้นอาวุโส สังคมที่ให้ความสำคัญกับการมีสัมมาคารวะเหนือเหตุผล เหนือความกล้าแสดงออก เหนือความเท่าเทียมกัน ในอดีต "เด็กๆ" ก็เคยแสงดบทบาทเช่นเดียวกันนี้ และผู้ใหญ่ทุกวันนี้ก็เคยเป็นแบบพวกเขาและเธอมาก่อน แต่กลับลืมไปแล้วว่าตนก็เคยต่อต้านผู้ใหญ่ ต่อต้านสังคมในภาวะที่ตนเป็นเด็กมากก่อนเช่นกัน และกลับใช้ความเป็นผู้ใหญ่ข่มพวกเขาเพราะตอนนี้ขึ้นมามีอำนาจแล้ว และอำนาจพวกตนกำลังถูกท้าทาย

ข้อสาม เขาและเธอไม่ได้เป็นอีลีท ไม่ได้ใช้ความเป็น "ชนชั้นสูง" ที่อาศัยหน้ากากความหมดจด ผิวพรรณผ่องใส ตีหน้าซื่อบ้องแบ๊ว พูดจาอ่อนหวาน แสดงความเห็นแบบนุ่มนวล เขาและเธอไม่ได้ใช้จริต "เรียบร้อย" "สุภาพ" ในการแสดงออก หากแต่พูดจาโผงผาง ตรงไปตรงมา กระทั่งคร่อมเส้นศีลธรรม ใช้หลักการเหนือวาทศิลป์ ใช้การกระชากอารมณ์เหนือความแยบยล เขาและเธอจึงถูกปฏิกิริยาต้านกลับจากสังคมไทยอย่างแรง

ข้อสี่ สังคม "โซเชียลมีเดีย" ได้สร้าง "พื้นที่สาธารณะ" อย่างใหม่ขึ้นมา ปัจจุบันสังคมโซเชียลมีเดียมีอิทธิพลสูง กระจายข่าวสารได้รวดเร็ว ทำให้กิจกรรมของพวกเขาเป็นที่รับรู้กว้างขวาง ในอดีต ไม่ใช่ว่าไม่มีกิจกรรมในลักษณะนี้ แต่ไม่เป็นกระแส เพราะคนรับรู้น้อย แต่ทุกวันนี้ แม้แต่ใครฉี่ราด ใครโกนขนจักแร้ ก็เป็นที่ล่วงรู้กระจายกันอย่างกว้างขวางรวดเร็ว และมีพลังทั้งในด้านการครอบงำและการต่อต้าน

ข้อสุดท้าย สังคมไทยปัจจุบันนี้ไม่ได้มีด้านเดียว ไม่ได้เป็นสังคมปิด ไม่ได้เป็นสังคมที่คิดอะไรตามๆ กัน ไม่ได้มีแต่เฉพาะสังคมที่นิยมอำนาจนิยมเท่านั้นอีกต่อไป บรรยากาศของสังคมที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นนี้ จึงมีคนที่เห็นด้วยกับที่เขาและเธอเสนออยู่ไม่น้อย และจึงมีคนร่วมขยายประเด็นที่พวกเขานำเสนอไปต่อเนื่อง ซึ่งก็ยิ่งเป็นการเติมเชื้อความชิงชังต่อเขาและเธอมากยิ่งขึ้น

จะโต้จะต้านเขาและเธอย่างไรก็ตาม ตราบใดที่การถกเถียงยังอยู่ในกรอบของการใช้เหตุผล การใช้วาทกรรม ไม่ว่าจะล้อเลียน เสียดสี ถากถาง หรือแม้แต่จะมีการด่าทอกันอย่างรุนแรงบ้าง ก็ยังดีเสียกว่าสังคมไทยในอดีต ที่เงื่อนไขของสังคมปิดกั้น ทำให้ความเห็นของ "เด็กๆ" กลายเป็นอาชญากรรม และพวกเขาจึงต้องสังเวยชีวิตตนเองให้กับศีลธรรมดีงามของพวกผู้ใหญ่"

(ที่มา)  
ยุกติ มุกดาวิจิตร: ทำไมสังคมไทยดิ้นพล่าน