หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เราต้องก้าวพ้นความกลัวเพื่อจัดตั้งและต่อสู้ใต้ดิน

เราต้องก้าวพ้นความกลัวเพื่อจัดตั้งและต่อสู้ใต้ดิน


https://turnleftthai.files.wordpress.com/2014/06/10413354_721127401263658_6642358743462253337_n.jpg

การ ที่คณะเผด็จการสั่งให้นักประชาธิปไตย ทั้งนักวิชาการ นักเคลื่อนไหว และนักทำข่าวก้าวหน้า ต้องไป “รายงานตัว” กับมัน เป็นวิธีการสร้างความกลัวโดยทั่วไปในสังคมไทย

รัฐประหารครั้งนี้ นับว่าโหดร้ายที่สุดในรอบ 28 ปี ที่ผ่านมา ร้ายพอๆ กับ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ เพราะอย่าลืมว่ารัฐประหารครั้งนี้เป็น “รัฐประหารยาว” นับตั้งแต่ ๑๙ กันยา ผ่านการฆ่าเสื้อแดงที่ราชประสงค์ แล้วมาถึงจุดปัจจุบัน และประยุทธ์มือเปื้อนเลือดเป็นตัวการสำคัญมาตลอด
 
การสั่งให้พลเมืองที่ไม่ได้กระทำความผิด ไปรายงานตัวต่อทหารโจร ถือว่าเป็นการทำสงครามกับประชาชนผู้รักประชาธิปไตย เราต้องเรียนรู้วิธีรับมือและทำสงครามกลับไป แต่ไม่ใช่ด้วยการจับอาวุธ เราต้องอาศัยการเมืองประชาธิปไตยและมวลชน 


สิ่งที่เราไม่ควรลืมคือ การบริหารประเทศในระยะยาว ต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชน เราจะต้องไม่ร่วมมือกับกติการเผด็จการ 

คณะทหารเผด็จการต้องการสร้างความกลัว เพราะความกลัวอาจนำไปสู่อัมพาต อัมพาตในการมีส่วนร่วมทางการเมือง และอัมพาตในการเคลื่อนไหว

แต่เรายอมเป็นอัมพาตไม่ได้!! ซึ่งแปลว่าเราจะต้องก้าวพ้นความกลัว

การก้าวพ้นความกลัวไม่ได้หมายความว่าเราต้องทำอะไรโง่ๆ และไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีความกลัวอยู่ในใจ แต่เราต้องหาทางบริหารความกลัวที่มีอยู่โดยปกติ เพื่อไม่ให้เราอัมพาต และเพื่อไม่ให้เราต้องยอมแพ้ เพราะถ้าเรายอมแพ้ สังคมไทยจะถอยหลังสู่ยุคมืด การเสียสละของวีรชนประชาธิปไตยตั้งแต่ ๒๔๗๕ ถึงปัจจุบันก็จะเปล่าประโยชน์ และลูกหลานคนรุ่นต่อไป จะต้องเติบโตภายใต้ระบบทาสทางความคิด

สถานการณ์ปัจจุบันหมายความว่ามีสิ่งหนึ่งที่เราไม่ควรทำเด็ดขาด คือนั่งอยู่บ้านคนเดียวหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือหน้าจอโทรทัศน์ มันจะนำไปสู่ความหดหู่และความกลัว เราต้องออกจากบ้านทุกวันเพื่อไปนัดคุยกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ในวงเล็กๆ เงียบๆ ดื่มกาแฟ และคุยอย่างเป็นระบบ คือคุยกับคนเดิมทุกวันอย่างต่อเนื่อง คุยเพื่อแลกข่าว แต่ไม่ใช่ข่าวลือนะ คุยเพื่อร่วมกันวิเคราะห์สถานการณ์ คุยเพื่อศึกษาบทเรียนจากอดีตและจากประเทศอื่น และที่สำคัญคือ (1)ต้องคุยเพื่อวางแผนการต่อสู้แบบปิดลับ ซึ่งนำไปสู่การปฏิบัติการในที่สาธารณะแล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน และการคุยกันตอนนี้ต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอะไรบ้างที่ใหญ่กว่าการออกมาประ ท้วงเชิงสัญญลักษณ์ ซึ่งเราต้องทำในอนาคต (2)ต้องคุยเพื่อเลือกตัวแทนที่จะไปคุยกับกลุ่มเล็กๆ อื่นๆ เพื่อสร้างเครือข่าย ซึ่งในประเด็นนี้ต้องให้ความสำคัญกับการสื่อสาร นี่คือ “ก.ข.ค.” ของการจัดตั้งและต่อสู้ใต้ดิน

การต่อสู้ครั้งนี้จะใช้เวลา แต่เรามีเวลา เราคือคนส่วนใหญ่ และเราคืออนาคต พวกทหาร พวกอำมาตย์ และพวกต้านประชาธิปไตย คือคนส่วนน้อยที่ไม่มีอนาคตต่างหาก

(ที่มา)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น