นักกฎหมาย-นักเศรษฐศาสตร์ มองต่างมุม "จำนำข้าว"
โดย นายวรากรณ์ สามโกเศศ
การรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล เป็นประเด็นร้อนฉ่าขึ้นทันที
หลัง นายอดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา คณบดีคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) นำรายชื่ออาจารย์นิด้า อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนักศึกษารวม 146 รายชื่อ ยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้มีคำวินิจฉัยยับยั้ง หรือยุติโครงการดังกล่าว
ด้วยเหตุผลรัฐบาลได้ปรับเปลี่ยนวิธีการรับซื้อและเข้ามาผูกขาดแต่เพียง ผู้เดียว จนทำลายกลไกการตลาด ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 43 และมาตรา 84 (1) ที่ระบุ รัฐต้องสนับสนุนระบบเศรษฐกิจแบบเสรีและเป็นธรรมโดยอาศัยกลไกตลาด และสนับสนุนให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และต้องไม่ประกอบกิจการที่มีลักษณะเป็นการแข่งขันกับเอกชน
ขณะที่สมาคมชาวนาไทยเห็นต่างว่าโครงการดังกล่าวประโยชน์ตกอยู่กับชาวนา จึงตั้งข้อสงสัยนักวิชาการที่ออกมาต้านมีนัยยะอะไรหรือไม่
พร้อมทำจดหมายเปิดผนึกถึงผู้คัดค้าน ขณะเดียวกันก็ยื่นจดหมายถึงรัฐบาลให้เดินหน้าโครงการต่อ
ที่ผ่านมาการจำนำข้าวมีการนำเสนอข้อมูลทั้งจากฟาก ของกลุ่มธุรกิจ กลุ่มชาวนา และนักการเมือง ทั้งมีที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย
สำรวจมุมมองในกลุ่มนักวิชาการยังเห็นต่างกันในประเด็นนี้
ในแง่มุมกฎหมาย นายปูนเทพ ศิรินุพงศ์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เห็นว่าการยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญไม่น่าจะทำได้
ศาลรัฐธรรมนูญไม่สามารถพิจารณาการร้องเรียนเรื่องนโยบายรัฐบาลได้ การยื่นต่อศาลปกครองน่าจะตรงกว่า เข้าใจว่าผู้ยื่นร้องน่าจะทราบดี เข้าใจว่าอาจเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อแสดงสัญลักษณ์อะไรหรือไม่
ส่วนเสียงวิจารณ์กรณีรัฐเข้ามาผูกขาด อ.ปูนเทพ เห็นว่า หากนโยบายจำนำข้าวมีเจตนาหรือพิสูจน์ได้ว่าแทรกแซงกลไกการตลาดเพื่อประโยชน์ ของประชาชน เพื่อคุ้มครองชาวนาแล้วรัฐสามารถผูกขาดได้
(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1349254028&grpid=&catid=01&subcatid=0100
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น