หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2555




โดย คุณ นารายณ์ พรหมพิษณุ

ถึง จะเกรงใจกันอย่างไร? แต่คงต้องพาดพิง และวิพากษ์วิจารณ์ให้เห็นว่า ลักษณะการขับเคลื่อนลงสู่ภาคปฏิบัติ นับตั้งแต่หลัง 19 กันยายน 2549 โดยแท้จริงแล้ว มันมีเนื้อหาเช่นไร?

ประเด็นนี้ ผู้ที่สนใจอาจจะพอสรุปได้ ...ภายหลังการรัฐประหารเสร็จสิ้นใหม่ๆ ด้วยอำนาจของ คมช. จนถึงการขึ้นสู่อำนาจของรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์

คนไทยดูเหมือนจะคุ้นเคยมากขึ้น กับความหมายของ “ระบอบอำมาตยาธิปไตย”

ระบอบ อำมาตยาธิปไตย อธิบายง่ายๆ ให้เข้าใจได้ว่า เป็นกลไกและระบอบในการบริหารประเทศ และขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ โดยการอาศัยระบบราชการเป็นศูนย์กลาง

นี่เป็นคำอธิบายในด้านทั่วไปของ อำมาตยาธิปไตย แต่ความจริงแล้ว อำมาตยาธิปไตยที่เกิดขึ้นในสังคมไทย นับตั้งแต่ภายหลัง 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา เป็นอำมาตยาธิปไตยในอีกลักษณะหนึ่ง มีความเป็นลูกผสม เป็นแบบกึ่งๆ หรืออาจจะทำความเข้าใจใหม่ให้เป็น “อำมาตยาธิปไตยชนิดหัวมังกุท้ายมังกร” ซึ่งคงต้องมองแบบฉบับ หรือบทเรียนที่แตกต่างออกไปจากตำราหลัก

อำมา ตยาธิปไตยในอัตลักษณ์ไทยๆ จึงยังมีส่วนผสมของอภิชนาธิปไตย ซึ่งความจริงอธิบายไปเพียงเท่านี้ก็หาได้ครอบคลุมอย่างทั่วถึง ของเนื้อหาที่ดำรง และมีสภาวะดิ้นได้อยู่จริงในหนทางปฏิบัติ

อำมาตยาธิปไตยที่เราหมายความเอาไว้ ยังอาจแปลอีกอย่าง

ว่า เป็นระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยที่หลอกลวงชาวโลก หรืออาจเรียกให้เป็นถ้อยคำที่คุ้นเคยอย่าง “เผด็จการซ่อนรูป”

(อ่านต่อ)
http://thaienews.blogspot.com/2009/03/blog-post_2009.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น