หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

วิกฤตน้ำท่วม รบ.ยิ่งลักษณ์ ต้องรีบทำแนวร่วมกับเสื้อแดง

ภาพ : www.telegraph-news.com

ชื่อบทความเดิม : ในวิกฤตน้ำท่วมรัฐบาลยิ่งลักษณ์ต้องรีบกลับมาทำแนวร่วมกับเสื้อแดง
โดย ใจ อึ๊งภากรณ์

ตอนนี้เราเห็นชัดว่าฝ่ายอำมาตย์ไม่สนใจ “ปรองดอง” อะไรทั้งสิ้น มีแต่การเปิดศึกเรื่องน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง เพื่อหวังข่มหรือล้มรัฐบาล แต่ในขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทยยังเดินหน้าพยายามจับมือกับอำมาตย์ และแกนนำ นปช. คอยคุม สลาย หรือแช่แข็งการเคลื่อนไหวและศักยภาพของเสื้อแดงด้วยข้อแก้ตัวว่า “ต้องรอให้พ้นวิกฤตน้ำท่วมก่อน” แต่วิกฤตน้ำท่วมจะไม่จบเร็วๆ และที่สำคัญกว่านั้น จะกลายเป็นเงื่อนไขในการทำลายรัฐบาลอีกด้วย


วิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากแผนร้ายของอำมาตย์แต่อย่างใด อย่าไปให้เกียรติประเมินความสามารถของพวกนี้มากเกินไป และอย่าไปหลงเชื่อข่าวลือที่จะทำให้เรากลัวจนหมดปัญญาที่จะสู้และล้มอำมาตย์


วิกฤตน้ำท่วมมันเกิดจากการที่ฝนตกหนักเป็นพิเศษปีนี้ อย่างที่เคยเกิดในปี ๒๔๘๕ และการที่รัฐไทยไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารน้ำมานาน ตั้งแต่ก่อนรัฐบาลชุดนี้ด้วย นอกจากนี้อำมาตย์ที่ครองบ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง ไม่ยอมใช้รัฐในการนำร่องลงทุนเพื่อสร้างคลองระบายน้ำในภาวะฉุกเฉินทั้งๆ ที่กรุงเทพฯ อยุธยาและปทุมธานีเป็นที่ลุ่มของแม่น้ำเจ้าพระยา เราต้องเข้าใจว่าการคิดใหม่เพื่อสร้างโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ พึ่งเริ่มอย่างจริงจังภายใต้รัฐบาลไทยรักไทย และก็ถูกฝ่ายอำมาตย์โจมตีเสมอ


(อ่านต่อ)
http://turnleftthai.blogspot.com/2011/11/blog-post_11.html 
นางนพมาศ และนางอื่นๆ ล้วนทำหน้าที่เพื่อความเป็นไทย
 




โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ

นางนพมาศ ไม่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ เพราะเป็นชื่อสมมุติ "ตัวเอก" ของ "เรื่องแต่ง" ยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ แต่ใช้ฉากสมมุติเป็นกรุงสุโขทัย

ลอยกระทงจึงไม่เคยมีในยุคสุโขทัย ดังสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงมีลายพระหัตถ์ถึงพระยาอนุมานราชธน เมื่อ พ.ศ. 2479 มีความตอนหนึ่งว่า "หนังสือเรื่องนางนพมาศ ซึ่งฉันเข้าใจว่าพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์"
 

แต่ราชการไทยใช้ชื่อนางนพมาศโฆษณาความเป็นไทยลอยกระทงหลอกๆ เพื่อ "ขาย" การท่องเที่ยว

หนังสือ นางนพมาศ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์" เป็น "ตำรา" หรือ "คู่มือ" ปฏิบัติราชการในหน้าที่นางสนม, นางกำนัล, นางใน

ผู้ที่จะ รับราชการหน้าที่เหล่านี้ได้ ก็มีแต่ลูกสาวอำมาตย์ขุนนางข้าราชการและผู้มีทรัพย์ ดังกลอนตำนานพระราชนิพนธ์ไกรทอง ของ ร.2 ตอนหนึ่งบอกไว้ว่าพวกขุนนางถวาย "ลูกสาว" ถ้าไม่มีลูกสาวมีแต่ลูกชายก็ถวาย "หลานสาว" พวกเป็นหมันไม่มีลูกก็ถวาย "น้องเมีย" ดังนี้

เหล่าขุนนางต่างถวายบุตรี

พวกที่มีบุตรชายถวายหลาน
ปะที่เป็นหมันบุตรกันดาร

คิดอ่านไกล่เกลี่ยน้องเมียมา

ประเพณีถวาย "ลูกสาว" อย่างนี้มีมาก เพราะหมายถึงอำนาจและความมั่งคั่งจะตามมา พ่อแม่ของนางนพมาศก็หวังอย่างเดียวกับคนอื่นๆ จึงมีพ่อค้านานาชาติพากันถวายด้วยดังนี้


(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1320839087&grpid=&catid=02&subcatid=0207

"เตช"ย้ำให้ รบ.รับพระบรมราโชบายจัดการน้ำใส่เกล้าฯ และปฏิบัติอย่างจริงจัง

 

เมื่อโรงลิเก ใกล้เทกระโถน
แต่กลับมีคน สืบค้นเสาะหา
เอาไปขัดสี ให้มีชีวา
แล้วสรวมชฎา มาออกทีวี

ระนาดบรรเลง บทเพลงเก่าๆ
ดีดสีตีเป่า เราแทบลุกหนี
มาสาธยาย เรื่องสายชลธี
สายน้ำแห่งนี้ มันมีเลศนัย!?!

 



ขุนเขาบอก :

เขาฟังคอนเสิร์ตกันหมดแล้ว......รีบแจวเถอะ..

เอ้ามาละเหว๋ย เฮ้ยมาละวา
คนสรวมชฎา มาออกทีวี
เห็นท่าจะรอด ปลอดภัยละทีนี้
พวกเราโชคดี ที่มีชฎา

เมื่อโรงลิเก ใกล้เทกระโถน
แต่กลับมีคน สืบค้นเสาะหา
เอาไปขัดสี ให้มีชีวา
แล้วสรวมชฎา มาออกทีวี

ระนาดบรรเลง บทเพลงเก่าๆ
ดีดสีตีเป่า เราแทบลุกหนี
มาสาธยาย เรื่องสายชลธี
สายน้ำแห่งนี้ มันมีเลศนัย

ถ้อยคำปลายๆ ลงท้ายดัวยลิง
น้ำยมน้ำปิง เกี่ยวกับลิงตรงไหน
ก็น้ำมันเชี่ยว เกี่ยวกับลิงได้ยังไง
ร้องลิเกไป ไงไปแปะแก้มลิง

ตูเลงตูเลง บรรเลงระนาด
ลิเกอำมาตย์ ถึงพริกถึงขิง
แต่คนมาฟัง ยังนั่งอยู่ใต้ตีน
สูญเสียทรัพย์สิน ลิเกกินแล้วแจว

บทเพลงเก่าๆ ทีเอามาร้อง
น้ำคำทำนอง คนร้องได้หมดแล้ว
ลิเกโรงนี้ เห็นทีจะต้องแจว
สิ้นสิเน่หาแล้ว ไม่แคล้วลาโรง

ไปผุดไปเกิด เถิดโรงลิเก
เขาขึ้นโทลเวย์ แต่ลิเกยังหลง
พายเรือลำน้อย ลอยบางประกง
ลิเกหลงโรง คงจมน้ำตาย

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต
อิติปิโส ภะคะวา หาย
มนุษย์นี้หนา ถึงคราก็ตาย
หากทำชาติวอดวาย รีบตายๆได้ก็ดี............เขาฟังคอนเสิร์ตกันหมดแล้ว......รีบแจวเถอะ..
 
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1320903697&grpid=&catid=01&subcatid=0100