มองฝ่าหมอกควันและก๊าซน้ำตา จะเห็นทหารและประชาธิปัตย์ฆ่าประชาชน
ชื่อบทความเดิม: ถ้ามองฝ่าหมอกควันก๊าซน้ำตาและรายละเอียดไร้สาระ จะเห็นทหารและประชาธิปัตย์ฆ่าประชาชนมือเปล่า
โดย ใจ อึ๊งภากรณ์
ท่ามกลางการเล่นละคร “ค้นหาข้อมูล” ของการเข่นฆ่าเสื้อแดง
ฝ่ายทหารและพรรคพวก เช่น
คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ(คอป.)
กำลังพยายามเบี่ยงเบนประเด็นหลักของเหตุการณ์ ด้วยรายละเอียดไร้สาระ
ผมจึงขอสรุปประเด็นสำคัญๆ สองข้อของเหตุการณ์อีกครั้ง
1. ถ้ารัฐบาลไหน ไม่ว่าที่ไหนในโลก ใช้ทหารติดอาวุธสงคราม กระสุนจริง
และรถถัง
เพื่อเคลียร์พื้นที่การชุมนุมของประชาชนจำนวนมากที่ไร้อาวุธและไม่ได้ใช้
ความรุนแรง ในที่สุด ท่ามกลางความตึงเครียด และด้วยความจงใจ
ทหารจะใช้กระสุนจริงเพื่อฆ่าประชาชน เพราะทหารไม่ได้นำปืน M16
ปืนกลนานาชนิด หรือรถถัง มาหุงข้าว ไถนา หรือสร้างเกมสนุกๆ ให้เด็กๆ
อาวุธสงครามดังกล่าวมีไว้ฆ่าคนอย่างเดียว คำถามที่รัฐบาลอำมาตย์ต้องตอบคือ
ทำไมใช้ทหารติดอาวุธสงครามในการเคลียร์พื้นที่ของการชุมนุมของประชาชน?
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับอำมาตย์และชนชั้นปกครองไทย ในรอบ 40
ปีที่ผ่านมา มีการใช้กำลังทหารติดอาวุธสงคราม
เพื่อเข่นฆ่าประชาชนมือเปล่าที่เรียกร้องประชาธิปไตย 5 ครั้งกลางกรุงเทพฯ
คือ ๑๔ ตุลา ๑๖, ๖ ตุลา ๑๙, พฤษภา ๓๕, เมษาเลือด ๕๒ และเมษาเลือด ๕๓
ถ้านับเหตุการณ์ตากใบในภาคใต้ในปี ๒๕๔๗ ก็มีทั้งหมด 6 ครั้ง
ที่รัฐไทยฆ่าประชาชนมือเปล่าที่ประท้วงตามกระบวนการประชาธิปไตย
ใครที่สั่งทหารติดอาวุธสงครามไปสลายการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย
จึงมีความจงใจให้เกิดการเสียเลือดเนื้อแน่นอน
2. รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ของอภิสิทธิ์
ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งและกระบวนการประชาธิปไตยแต่อย่างใด
มาจากการทำรัฐประหาร ๑๙ กันยา และรัฐประหารเงียบของศาลหลายรอบ
มาผ่านรัฐธรรมนูญทหาร รวมถึงการกดดันของพันธมิตรฯ
ดังนั้นรัฐบาลไร้ความชอบธรรมที่จะปกครองประเทศ
และไร้ความชอบธรรมที่จะคัดค้านข้อเรียกร้องของคนเสื้อแดงให้ยุบสภาและคืน
อำนาจให้ประชาชนโดยสิ้นเชิง
ถ้าจะมีสันติภาพและการปรองดอง ทหารมือเปื้อนเลือด
และนักการเมืองมือเปื้อนเลือดต้องถูกนำมาขึ้นศาล
และทหารที่เป็นกบฏต่อประชาชนโดยการทำรัฐประหารผิดกฎหมายควรถูกลงโทษด้วย
(ที่มา)
http://turnleftthai.blogspot.dk/