ก้าวฝ่า “ความเงียบงัน” - A Walk Through "the Silence
"ในความเงียบงัน
มีคนร่ำไห้
มีคนกู่ตะโกน
มีคนก้าวเดินไปทีละก้าว-ทีละก้าว
เดินฝ่าความเงียบนั้น
โดยไม่มีใครได้ยิน
ในความเงียบงัน
คนเหล่านั้นยังคงก้าวเดินไป
ทีละก้าว-ทีละก้าว
ก้าวฝ่าความเงียบงันนี้ไป"
ความตั้งใจที่จะทำโฟโต้โมเสค (Photo Mosaic) ชุดนี้
เริ่มขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้ว (2554)
ท่ามกลางความเงียบงันอันเหลือทนของสังคมไทยต่อ “กรณีมาตรา 112”
แรกทีเดียวผมตั้งใจจะทำงานชิ้นนี้ให้เสร็จออกมาก่อนกลางเดือนมกราคม 2555
เพื่อจัดแสดงในงาน “กลับสู่แสงสว่าง” (15 - 22 มกราคม 2555) ที่กลุ่ม
“กวีราษฎร์” จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
ตามแนวทางของ “คณะนิติราษฎร์” โดยได้ทำภาพร่างเอาไว้แล้ว
แต่ก็ต้องตัดสินใจชะลอไว้ก่อน
เนื่องจากในขณะนั้นผมมีภาพถ่ายกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ “มาตรา” 112
อยู่เพียงประมาณ 600-700 ภาพ
ขณะที่ความละเอียดของภาพเต็มตามที่ผมคำนวณเอาไว้นั้นจำเป็นต้องใช้อย่างน้อย
1,000 ภาพในการนำมาเรียงต่อกัน
หาไม่แล้วภาพที่ออกมาก็จะไม่ละเอียดเท่าที่ตั้งใจไว้
กลางดึกของคืนวันที่ 26 พฤษภาคม ภาพ A Walk Through "the Silence” # 1 -
ภาพแรกของงานชุดนี้ - เสร็จสมบูรณ์ลงด้วยภาพถ่ายจำนวน 1,457 ภาพ ที่ถูกผม
crop เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสทีละภาพ ก่อนจัดเรียงโดยไม่ซ้ำเป็นภาพขนาด 60 x
90 เซนติเมตร ตามภาพธีม (theme) -
ซึ่งเป็นภาพเท้าและท่อนขาที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวนของผู้ต้องหาคดีตาม
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ผู้หนึ่ง
ซึ่งผมถ่ายไว้ในวันที่เขาถูกพิพากษาจำคุก -
ก่อนถูกนำไปพิมพ์ลงบนแคนวาสและจัดแสดงในนิทรรศการศิลปะ
“เรื่องเล่าของมนุษย์ล่องหน” เมื่อวันที่ 2-22 มิถุนายน 2555 ที่เชียงใหม่
ร่วมกับงานของเพื่อนศิลปินอีก 15 คน (จัดโดยกลุ่ม Unseen Thailand )
ผ่านไปอีกเกือบสองเดือน - 17 กรกฎาคม 2555 A Walk Through "the Silence” # 2 จึงได้เสร็จสมบูรณ์ตามมา ด้วยภาพถ่ายทั้งหมด 1,430 ภาพ ซึ่งจะพิมพ์ลงบนแคนวาสขนาด 180.44 x 42.52 เซนติเมตร
ในฐานะคนทำงานศิลปะตัวเล็กๆ ที่ไม่โด่งดัง
ผมย่อมไม่กล้าคาดหวังว่าผลงานของตัวเองจะสามารถเปลี่ยนแปลงหรือก่อผลสะเทือน
ใดๆ โดยเฉพาะกับ “ความเงียบงัน” ที่ดำรงอยู่อย่างแข็งแกร่ง
สิ่งเดียวที่พอจะคาดหวังกระทั่งคาดคั้นได้ก็คงมีแต่เพียงตัวเองเท่านั้น -
ผมตั้งใจจะทำภาพชุด A Walk Through "the Silence"
ออกมาให้สมบูรณ์ตามที่ตั้งใจ (คืออย่างน้อยชุดนี้จะมี 5 ภาพ)
ภายในปีนี้ให้ได้
และหากจะสามารถคาดหวังต่อภาพชุดนี้ได้บ้าง
สิ่งที่ผมอยากให้มันสำแดงออกมาก็คือ การบอกว่าท่ามกลาง “ความเงียบงัน”
ที่เราต่างเผชิญอยู่นี้ ไม่ได้มีแต่ความว่างเปล่า และยิ่งไม่ใช่ความ
“นิ่งงัน” อย่างที่บางคนอาจหมิ่นแคลน ลำพอง หรือแม้แต่ลอบทอดถอนใจ
หากแต่ยังมีความเคลื่อนไหว และมีคนจำนวนมากที่ยังคงพยายามจะ “ก้าวฝ่า”
มันไป
แต่ถ้าหาก A Walk Through "the Silence" จะสามารถทำได้มากกว่านี้ ผมก็คงได้แต่ยินดีกับมัน
(ที่มา)
http://blogazine.in.th/blogs/karnt/post/3518