หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

วิเคราะห์ TPP (1): ไทยกลาง ‘เขาควาย’ 2 ขั้วอำนาจ ‘จีน-สหรัฐ’

วิเคราะห์ TPP (1): ไทยกลาง ‘เขาควาย’ 2 ขั้วอำนาจ ‘จีน-สหรัฐ’



เสวนาวิชาการ ‘วิเคราะห์ TPP ประเทศไทยต้องเตรียมตัวอย่างไร’ ผอ.อาเซียนศึกษา มธ.ชี้ สหรัฐฯ ถูกสั่นคลอนจากทางเศรษฐกิจจาก ‘จีน-อาเซียน’ TPP คือการรุกทางยุทธศาสตร์ครั้งใหม่สู่การครองผู้นำเศรษฐกิจ ผอ.ศูนย์จีนศึกษา จุฬาฯ เตือนไทยเตรียมแสดงท่าที หวั่นปมปัญหาทะเลจีนใต้ปะทุได้ทุกขณะ


นับจากการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ เพื่อคัดค้านความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-สหรัฐ ช่วงปี 2549 ซึ่งในที่สุดการเจรจาดังกล่าวก็เข้าสู่ภาวะชะงักงัน กรณีนายกรัฐมนตรีไทยและประธานาธิบดีสหรัฐสหรัฐฯ จะแถลงข่าวร่วมในการประกาศการเข้าร่วมเจรจาความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทาง เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) และการรื้อฟื้นการประชุมคณะมนตรีภายใต้กรอบความตกลงการค้าและการลงทุน ระหว่างไทยกับสหรัฐ (TIFA JC) ในวันอาทิตย์ที่ 18 พ.ย.นี้ นำมาสู่ความเคลื่อนไหวล่าสุดของเครือข่ายภาคประชาชนที่ติดตามการเจรจาการค้า ระหว่างประเทศ ด้วยว่านี่คือการรื้อฟื้น ‘FTA ไทย-สหรัฐ’ ครั้งใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม รวมทั้งจะส่งผลกระทบที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิมด้วย

เพื่อทำความเข้าใจต่อรายละเอียดของข้อห่วงใยต่างๆ วันนี้ (17 พ.ย.55) แผนงานพัฒนากลไกเฝ้าระวังระบบยา (กพย.) ร่วมกับสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และศูนย์ศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดเสวนาวิชาการ ‘วิเคราะห์ TPP ประเทศไทยต้องเตรียมตัวอย่างไร’ ณ ศศนิเวศน์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

สหรัฐฯ ในวันที่อำนาจถูกสั่นคลอนจากการเติบโตของ ‘จีน-อาเซียน’

รศ.ดร.ประภัสสร์ เทพชาตรี ผู้อำนายการศูนย์อาเซียนศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ประเด็น TPP ในสังคมไทยไม่ตื่นตัวนักรวมทั้งในส่วนของนักวิชาการเองด้วย แต่โดยส่วนตัวเล็งเห็นว่าตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่ และถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของสหรัฐสหรัฐฯ ในด้านเศรษฐกิจ หลังจากที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจของสหรัฐฯถดถอย GDP ซึ่งเคยอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์ของ GDP โลก เมื่อปี 1950 ขณะนี้ได้ลดลงมาเหลือไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ โดยที่ญี่ปุ่นและจีนได้ผงาดขึ้นเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจในเอเชีย และมีการทำนายว่าในอนาคตจีนจะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกแทนที่สหรัฐฯ

นอกจากนั้นสหรัฐฯ ยังต้องการครองความเป็นผู้นำทางการทหารในภูมิภาคเอเชีย โดยการดำเนินนโยบายล่าสุดคือการปิดล้อมจีนซึ่งไม่ยอมสยบให้และกำลังจะมา ท้าทายสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นการขยายอิทธิพลของจีน

(อ่านต่อ)

ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ชี้ โอบามาควรใช้โอกาสเยือนไทยปรับเปลี่ยนนโยบายสหรัฐต่อไทย

ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ชี้ โอบามาควรใช้โอกาสเยือนไทยปรับเปลี่ยนนโยบายสหรัฐต่อไทย

 


ดร.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์นักวิชาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ระบุ อเมริกาควรใช้โอกาสเยือนไทยทำความรู้จักกลุ่มอำนาจใหม่ๆ ในการเมืองไทย และการเปลี่ยนจุดยืนต่อการเมืองไทยเสียใหม่ผ่านบทความ Obama's Chance to Shift the Thai Stance

ในบทความดังกล่าว ปวิน ระบุว่า การที่บารัค โอบามา ประเดิมการทำหน้าที่ในตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สองด้วยการเยือน กัมพูชา พม่าและไทย ในระหว่างวันที่ 17-20 พ.ย. นี้ ความสนใจของสหรัฐนั้นมุ่งไปที่การแสดงบทบาทในการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย ตะวันออกที่จัดขึ้นในพนมเปญ และเยือนพม่าเป็นครั้งแรก ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐที่เยือนพม่าด้วย

ขณะที่การเยือนกรุงเทพฯ นั้นได้รับความสนใจจากทั้งทางวอชิงตันและสื่อระดับโลกน้อย ซึ่งอาจจะเป็นเพราะไทยและอเมริกามีความสัมพันธ์แนบแน่นมาเป็นเวลานาน ประเทศไทยเป็นประเทศพันธมิตรอันยาวนานที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของสหรัฐ อเมริกา และได้รับสถานะเป็น “ชาติพันธมิตรหลักนอกกลุ่มนาโต้” (major non-NATO ally) เมื่อพ.ศ. 2547 ทั้งสองชาติมีการซ้อมรบร่วมกันในภารกิจ “คอบร้า โกลด์” มาอย่างยาวนาน ความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งอย่างยิ่งของทั้งสองชาติอาจจะทำให้ไทยกลายเป็นของ ตายสำหรับสหรัฐ

ในขณะเดียวกัน สหรัฐก็เลือกที่จะเงียบเมื่อสถานการณ์ภายในประเทศไทยเข้าสู่ภาวะที่เกิดความ รุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา

“เหตุผลที่สหรัฐล้มเหลวในการส่งเสริมประชาธิปไตยในไทยในช่วงเวลาที่ผ่าน มา เพราะความรับรู้เกี่ยวกับการต่อสู้ทางอำนาจในไทยนั้นยังคงติดอยู่ในโครง สร้างที่เก่า ล้าสมัย ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างไทย-สหรัฐนั้นถูกกำหนดและครอบงำโดยความร่วมมืออัน ทรงประสิทธิภาพระหว่างกองทัพและสถาบันกษัตริย และผลประโยชน์ของอเมริกาซึ่งดำรงอยู่โดยอาศัยความร่วมมือนี้ และผลก็คือ สหรัฐดูเหมือนจะแสดงออกในลักษณะสนับสนุนกลุ่มอำนาจเก่าในการใช้กำลังจัดการ กับการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยของขบวนการเสื้อแดงซึ่งเป็นที่รู้จักอย่าง เป็นทางการว่า แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)” ปวินระบุในบทความพร้อมชี้ต่อไปว่า เฉพาะแค่ประเด็นผลประโยชน์ของสหรัฐนั้นก็คงไม่เพียงพอที่จะอธิบายการสนับ สนุนกลุ่มอำนาจเก่าของไทย แต่จากที่ได้สัมภาษณ์นักการทูตทั้งไทยและสหรัฐจำนวนมาก เขาสรุปได้ว่า “ทัศนคติของสหรัฐนั้นมีพื้นฐานมาจากการที่แผนกการเมืองของสถานทูตสหรัฐ อเมริกาประจำประเทศไทยขาดความเข้าใจและขาดความสนใจต่อพัฒนาการทางการเมือง ไทย”

การปฏิวัติรัสเซีย 1917 มีความสำคัญอย่างไร

การปฏิวัติรัสเซีย 1917 มีความสำคัญอย่างไร


การปฏิวัติสองขั้นตอน ที่ชะลอไว้ที่ขั้นตอน “ทุนนิยมประชาธิปไตย” หมดสมัยและความก้าวหน้าไปทั่ว โลกตั้งแต่ ค.ศ. 1848  ในสมัยนี้ไทยไม่ใช่กึ่งศักดินากึ่งทุนนิยม แต่เป็นทุนนิยมเต็มตัวไปนาน ถ้าจะสร้างรัฐไทยใหม่ต้องก้าวสู่สังคมนิยม ไม่เช่นนั้นก็จะถอยหลัง

โดย ลั่นทมขาว 


การปฏิวัติรัสเซียในปี 1917 เป็นตัวอย่างสำคัญของความพยายามในการยึดอำนาจรัฐเพื่อสร้างสังคมนิยม เราสามารถเรียนบทเรียนอะไรจากเหตุการณ์นี้ได้

สภาพสังคมรัสเซีย และลำดับเหตุการณ์ที่นำไปสู่การปฏิวัติ


รัสเซียสมัยนั้นปกครองโดยเผด็จการของกษัตริย์ซาร์ แต่ทั้งๆ ที่หลายส่วนของสังคมมีสภาพที่ตกค้างจากระบบฟิวเดิลก่อนทุนนิยม รัสเซียถูกลากเข้าไปในระบบทุนนิยมโลกาภิวัตน์แล้ว ลีออน ตรอทสกี้ นักมาร์คซิสต์รัสเซียเรียกสภาพเช่นนี้ว่าเป็น “การพัฒนาแบบองค์รวมและต่างระดับ” องค์ รวมเพราะมีสภาพร่วมกับสังคมทุนนิยมอื่นๆ ในประเทศที่พัฒนา แต่ต่างระดับเพราะบางส่วนของสังคมรัสเซียล้าหลังมาก โดยเฉพาะสภาพความเป็นอยู่ของเกษตรกรในชนบท


แต่ในเมืองเพทโทรกราด(Petrograd) ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมใหญ่ใกล้พรมแดนกับฟินแลนด์ มีโรงงานอุตสาหกรรมสมัยใหม่ขนาดใหญ่ซึ่งจ้างคนงานหลายพันคน ในขณะเดียวกันโรงงานอุตสาหกรรมโดยทั่วไปในสหรัฐมีคนงานแค่หลักร้อย โรงงานที่ทันสมัยที่สุดในรัสเซียก้าวหน้ากว่าของสหรัฐ แต่โดยรวมแล้วสหรัฐอเมริกาพัฒนาไปไกลกว่ารัสเซีย เราจะเห็นความขัดแย้งแบบนี้ในระบบทุนนิยมทุกวันนี้ด้วย


สภาพเช่นนี้ของรัสเซียมีผลต่อภารกิจของชนชั้นกรรมาชีพผู้ทำงาน ซึ่งเป็นคนส่วนน้อยในสังคม เพราะทั้งๆ ที่เขาเป็นคนส่วนน้อย แต่เขาทำงานในแผนกเศรษฐกิจที่ทันสมัยที่สุดและสร้างมูลค่ามหาศาล ยิ่งกว่านั้นเกษตรกรรายย่อยที่เป็นคนส่วนใหญ่ มีฐานะทางชนชั้นเป็นนายทุนน้อยยากจนที่แข่งขันกันเอง ในการผลิตและขายสินค้า


ดังนั้นกรรมาชีพจะต้องเป็นผู้นำการปฏิวัติสังคมนิยมเพื่อการยึดระบบการผลิต มาเป็นของส่วนรวม และต้องนำการปฏิวัติด้วยความคิดทางการเมืองสมัยใหม่ที่มาจากการศึกษาและการ ทำงานในระบบอุตสาหกรรมอีกด้วย แต่ในขณะเดียวกันกรรมาชีพต้องดึงเกษตรกรรายย่อยมาเป็นแนวร่วม และต้องพิสูจน์ให้เกษตรกรเห็นว่าสังคมนิยมจะเป็นประโยชน์กับเขา


ความก้าวหน้าทันสมัยของลัทธิการเมืองมาร์คซิสต์ในหมู่กรรมาชีพ เมื่อเปรียบเทียบกับลัทธิการเมืองของเกษตรกรที่อยากเปลี่ยนสังคม เห็นได้จากความแตกต่างในเป้าหมายและยุทธวิธี ลัทธิการเมืองของเกษตรกรเน้นการหมุนนาฬิกากลับไปสู่ยุคที่เกษตรกรแต่ละครอบ ครัวมีที่ดินทำกินของตนเอง วิธีที่จะไปสู่เป้าหมายคือการลอบฆ่านักการเมืองหรือเจ้าของที่ดิน ซึ่งมีผลในการถูกปราบปรามเท่านั้น ส่วนนักมาร์คซิสต์ต้องการสร้างสังคมสมัยใหม่ด้วยเทคโนโลจีที่ก้าวหน้าที่สุด เพื่อให้คนส่วนใหญ่ร่วมกันปกครองตนเอง และตั้งเป้าหมายในการยึดอำนาจรัฐโดยมวลชน


ในปี 1905  ภายหลังจากที่รัสเซียพ่ายแพ้สงครามแย่งชิงอำนาจกับญี่ปุ่น มีการพยายามปฏิวัติของกรรมาชีพท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจที่ตามมา การประท้วงตอนแรกนำโดยหลวงพ่อกาปอนมีการชูรูปเจ้าเพื่อขอความเมตตาจาก กษัตริย์ซาร์ แต่ซาร์โต้ตอบด้วยกระสุนและความตาย ซึ่งสร้างกระแสการปฏิวัติท่ามกลางความโกรธแค้น

ในยุคนั้นกรรมาชีพก่อตั้งสภาคนงานเป็นครั้งแรกในเมืองเพทโทรกราด ซึ่งเรียกว่า Soviets(โซเวียต)  เพื่อประสานงานการปฏิวัติ นับว่าเป็นการคิดค้นรูปแบบสภาประชาธิปไตยที่ก้าวหน้ากว่ารัฐสภาในระบบทุน นิยม เพราะควบคุมทั้งการเมืองและเศรษฐกิจพร้อมๆ กัน เนื่องจากสถานที่ทำงานทุกแห่งมีสภาคนงาน นอกจากนี้มีระบบตรวจสอบถอดถอนผู้แทนตลอดเวลา แต่การปฏิวัติครั้งนี้ถูกปราบซึ่งทำให้มีการเรียนบทเรียนในการต่อสู้สำหรับ อนาคต

ในปี 1914  สงครามโลกครั้งที่หนึ่งระเบิดขึ้น รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส รบกับ เยอรมัน เพื่อแย่งชิงความเป็นมหาอำนาจจักรวรรดินิยมในโลก พรรคสังคมนิยมทั้งหลายในยุโรปที่เคยมีจุดยืนต้านสงคราม กลับยอมจำนนต่อแนวชาตินิยมและสนับสนุนสงครามในประเทศของตนเองข้อยกเว้นคือ พรรคบอลเชวิค(Bolshevik)ในรัสเซีย และนักต่อสู้มาร์คซิสต์อย่างตรอทสกี้ โรซา ลัคแซมเบอร์ค คาร์ล ไลปนิค กับ จอห์น มะเคลน ในประเทศรัสเซีย เยอรมัน และอังกฤษ

 
(อ่านต่อ)
http://turnleftthai.blogspot.dk/2012/11/1917.html  

ข้อดีข้อเสียของการจับอาวุธสู้ในการปฏิวัติ บทเรียนจาก พคท. ซิเรีย อียิปต์ และลิเบีย

ข้อดีข้อเสียของการจับอาวุธสู้ในการปฏิวัติ บทเรียนจาก พคท. ซิเรีย อียิปต์ และลิเบีย

 
 


เชิญร่วมกลุ่มศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมืองมาร์คซิสม์

หัวข้อ ข้อดีข้อเสียของการจับอาวุธสู้ในการปฏิวัติ บทเรียนจาก พคท. ซิเรีย อียิปต์ และลิเบีย
นำเสนอโดย พจนา วลัย
วันอาทิตย์ที่ ๑๘ พ.ย. ๕๕ เวลา ๑๕.๐๐ น. 
ณ สำนักงานโครงการรณรงค์เพื่อแรงงานไทย ลาดพร้าว 64 แยก 5 (ไม่มีที่จอดรถ)
 
สำรองที่นั่งได้ที่เบอร์ ๐๘๕ ๐๔๔ ๑๗๗๘ 
จัดโดย องค์กรเลี้ยวซ้าย

ปฏิญญาหน้าศาล "ทบทวนมาตรา 112 หยุดใช้สถาบันกษัตริย์เป็นเครื่องมือ"

ปฏิญญาหน้าศาล "ทบทวนมาตรา 112 หยุดใช้สถาบันกษัตริย์เป็นเครื่องมือ"




เที่ยงวันอาทิตย์นี้หน้าศาลอาญา อ.วิภา ดาวมณี พูดเรื่อง  "ทบทวนมาตรา 112 หยุดใช้สถาบันกษัตริย์เป็นเครื่องมือ"




พรุ่งนี้ ไปให้กำลังใจ อ.สมศักดิ์เจียมฯกันครับ

ปฏิญญาหน้าศาล "รวมพลคนรักสมศักดิ์เจียมฯ"
๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๕
Suda Rangkupan หลักการเดิม...ไม่เปลี่ยนแปลง
ยืนยัน...ทำภารกิจของปฏิญญาหน้าศาล ไม่หวั่นไหว




แถลงข่าว ศูนย์ประสานงานเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มปฎิญญาหน้าศาล 16 11 2012

(คลิกฟัง)
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=fe1ITqAUuNg#!

พลังนักศึกษาชายแดนใต้ร่วมประณามอิสราเอลครั้งยิ่งใหญ่

พลังนักศึกษาชายแดนใต้ร่วมประณามอิสราเอลครั้งยิ่งใหญ่ 
 


 

สำนักข่าวมุสลิมไทย พลังนักศึกษาชายแดนใต้ร่วมประณามอิสราเอลครั้งยิ่งใหญ่
www.muslimthai.com


เลขา เกลี้ยงเกลา/ภาคใต้ -  นักศึกษามุสลิมหลายร้อยคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้รวมพลังประณามการกระทำอัน ไร้มนุษยธรรมของอิสลาราเอลที่มีต่อชาวปาเลสไตน์ โดยการเดินขบวนประท้วงอย่างสันติในช่วงบ่ายของวันเด็กแห่งชาติจากมัสยิดกลาง ยะลาไปตามถนนสายต่างๆและไปสิ้นสุดที่สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามยะลา

พวกเขาล้วนเป็นนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาจาก ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่และวิทยาเขตปัตตานี ม.ราชภัฎสงขลา ม.ราชภัฎยะลา ม.ทักษิณ ที่รวมตัวกันในนาม สหพันธ์นิสิตนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สนน.จชต.) และอีกหลายเครือข่ายที่ให้ความร่วมมือ

นายลีโอ  เจ๊ะกือลี นายกองค์การบริหาร องค์การนักศึกษา ม.อ.ปัตตานี แกนนำคนหนึ่งในการเดินประท้วงครั้งนี้บอกกล่าวถึงเหตุผลของการรวมพลังของพวก เขาว่า

“อิสราเอลบอกให้ทั่วโลกช่วยเหลือกันในเรื่องที่เขากระทำ ทั้งที่การกระทำเช่นนี้เหมือนไม่ใช่มนุษย์ อิสราเอล ครอบงำทุกๆ อย่างในโลกไปพร้อมกับสหรัฐอเมริกาที่ใช้องค์การสหประชาชาติในการทำมาหากิน และสร้างความเดือดร้อนไปทั่วโลก การกระทำที่อิสราเอลมีต่อพี่น้องปาเลสไตน์ครั้งนี้โหดร้ายที่สุดในรอบหกสิบ ปี เด็ก ผู้หญิง คนชรา คนพิการ มัสยิด โรงเรียน โรงพยาบาลถูกทำลายอย่างเลือดเย็น สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นสิ่งที่ผู้คนในโลกทั้งมุสลิมและไม่ใช่มุสลิมไม่มี ใครเห็นด้วยนอกจากพวกที่เห็นแก่ประโยชน์ตนเอง

นักศึกษาในฐานะ เป็นมุสลิมและปัญญาชนมิได้มีหน้าที่เรียนอย่างเดียว เรามีสิทธิแสดงความคิดและการกระทำที่ถูกต้อง พวกเราขอต่อต้านเรื่องนี้อย่างจริงจังเพื่อให้พี่น้องปาเลสไตน์ได้รับความ ยุติธรรมและขอส่งความปรารถนาดีและความรู้สึกรับรู้ร่วมกันไปยังพี่น้องชาว ปาเลสไตน์ทุกคน หากเหตุการณ์ยังไม่ยุติ พวกเราจะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อีกแน่นอน

นักศึกษามุสลิมะฮ์คนหนึ่งจากม.ราชภัฎยะลาบอกถึงความรู้สึกที่มีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อชาวปาเลสไตน์ว่า “ แม้ว่าเราจะอยู่ไกลไปช่วยเหลืออะไรไม่ได้ สิ่งที่ทำในวันนี้คือสิ่งที่ช่วยได้ อย่างน้อยให้สังคมได้รับรู้ว่าสิ่งที่อิสราเอลกระทำมันโหดร้ายต่อเพื่อน มนุษย์ เขาทำร้ายผู้บริสุทธิ์โดยไม่มีความผิดและไม่มีทางสู้ สมควรที่จะต้องคืนความยุติธรรมให้แก่ชาวปาเลสไตน์ และแม้เรื่องราวเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับพี่น้องที่มิใช่มุสลิม พวกเราก็มีความรู้สึกเช่นนี้เหมือนกัน”

นอกจากนักศึกษายังมีอีกหลายเครือข่ายที่ให้ความร่วมมือ อาทิ มูลนิธิวัฒนธรรมอิสลามภาคใต้  สมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย (ยมท) เครือข่ายนักศึกษาเพื่อพิทักษ์ประชาชน (คพช.) เครือข่ายสตรีจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อสันติภาพ กลุ่มนักศึกษาสาธารณสุขเพื่อสังคม และเครือข่ายนักศึกษาเยาวชนเพื่อสันติภาพ(คนยส.)เป็นต้น

ตลอดการเดินขบวน กลุ่มนักศึกษาได้แจกจ่ายใบปลิวรณรงค์ให้ประชาชนหยุดซื้อสินค้าทุกชนิดจาก ประเทศที่ให้การสนับสนุนอิสราเอล พร้อมเสนอข้อเรียกร้อง 4 ข้อคือ

1.ให้รัฐบาลไทยแสดงท่าทีคัดค้านการใช้ความรุนแรงของอิสราเอลต่อชาวปาเลสไตน์ในฐานะประเทศหนึ่งที่เป็นสมาชิกของสหประชาชาติ

 2.ให้รัฐบาลไทยถือเอาเหตุการณ์ระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์เป็นบทเรียนในการ แก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยหยุดการใช้ความรุนแรงกับประชาชนอย่างยั่งยืน

3.ให้ประชาชนร่วมกันหยุดซื้อสินค้าจากประเทศที่สนับสนุนอิสราเอล เพราะเงินเหล่านั้นนำไปใช้จัดซื้ออาวุธยุทธโทปกรณ์เพื่อก่อการร้าย 

4.ให้สังคมไทยและมนุษยชาติทั่วทุกมุมโลกที่เคารพในศักดิ์ศรีของความเป็น มนุษย์และสิทธิเสรีภาพของประชาชน ร่วมกันประณามและคัดค้านรัฐบาลอิสราเอล

ที่มา :  สำนักข่าวมุสลิมไทย www.muslimthai.com 

"อิสราเอล"ยิงถล่มกองบัญชาการฮามาสเสียหายหนัก ยอดตาย 2 ฝ่ายทะลุ 41 คน

"อิสราเอล"ยิงถล่มกองบัญชาการฮามาสเสียหายหนัก ยอดตาย 2 ฝ่ายทะลุ 41 คน

 

Raw: Airstrikes Hit Gaza Overnight
อิสราเอลเล็งเป้าหมายโจมตีกองบัญชาการกลุ่มฮามาส จนได้รับความเสียหายหนัก รวมถึงสถานที่สำคัญอื่นๆอีก 4 แห่งในฉนวนกาซา ขณะที่เหตุรุนแรงระหว่างสองฝ่ายดำเนินต่อเนื่องเป็นวันที่ 4
 
(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1353153666&grpid=&catid=06&subcatid=0600

"อิสราเอล"สั่งเพิ่มกำลัง 75,000 นาย หลังเยรูซาเลมตกเป็นเป้าหมายโจมตีครั้งแรกในรอบ 40 ปี


(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1353124250&grpid=&catid=06&subcatid=0600 

หน่วยทหารที่ส่งกำลังมาสนับสนุน การชุมนุมวันที่ 24 พ.ย.นี้

หน่วยทหารที่ส่งกำลังมาสนับสนุน การชุมนุมวันที่ 24 พ.ย.นี้ 


Posted Image 

หน่วยทหารที่ส่งกำลังมาสนับสนุน การชุมนุมวันที่ 24 พ.ย.นี้

Bangsukul Thaivoice
หน่วยทหารที่ส่งกำลังมาสนับสนุน 
การชุมนุมวันที่ 24 พ.ย.นี้
1. กองพลทหารที่ 3 ค่ายเปรมติณสูลานนท์ 
จังหวัดขอนแก่น ส่งทหารชั้นประทวน
2. ค่ายนวมินทราชินี กรมทหารราบ 21 ชลบุรี 
ส่งทหารระดับชั้นประทวน 
กับสัญญาบัตร มานอกเครื่องแบบ
3. ค่ายสุรสิงหนาท จังหวัด สระแก้ว
4. ค่ายไพรีระยอเดช จังหวัดสระแก้ว
5. ค่ายนิมมาณกลยุทธ จังหวัดสระแก้ว
6. ค่ายจักรพงษ์ จังหวัดปราจีนบุรี
7. ค่ายพรหมโยธี จังหวัดปราจีนบุรี
8. ศูนย์การทหารม้า สระบุรี กับ ม.พัน 11
(หน่วยคุมรถถังการปฏิวัติ )


1. กองพลทหารที่ 3 ค่ายเปรมติณสูลานนท์ จังหวัดขอนแก่น ส่งทหารชั้นประทวน
2. ค่ายนวมินทราชินี กรมทหารราบ 21 ชลบุรี ส่งทหารระดับชั้นประทวน กับสัญญาบัตร มานอกเครื่องแบบ
3. ค่ายสุรสิงหนาท จังหวัด สระแก้ว
4. ค่ายไพรีระยอเดช จังหวัดสระแก้ว
5. ค่ายนิมมาณกลยุทธ จังหวัดสระแก้ว
6. ค่ายจักรพงษ์ จังหวัดปราจีนบุรี
7. ค่ายพรหมโยธี จังหวัดปราจีนบุรี
8. ศูนย์การทหารม้า สระบุรี กับ ม.พัน 11(หน่วยคุมรถถังการปฏิวัติ )



ก็ไหนมึงพูดปาวๆว่าทหารไม่เกี่ยว ไม่ยุ่งการเมือง หน่วยไหนมาร่วมชุมนุมแล้วเกิดเรื่องสอบพบว่ามีส่วนร่วมม็อบต้องผิดวินัย ถุย!ไอ้โกหก

สัจจังเว อมตา วาจา
มุสาวาทา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ

ปูดข่าว! "ทหารคอสเมติก" ผัว "นักการเมืองสีฟ้า" จัดทหารเป็น "การ์ดคุมม็อบเสธ.อ้าย"

(อ่านต่อ)
http://www.facebook.com/notes/อินไซด์-ไทยแลนด์/ก็ไหนมึงพูดปาวๆว่าทหารไม่เกี่ยว-ไม่ยุ่งการเมือง-หน่วยไหนมา 

ใน"เสี่ยง"มี"โอกาส"

ใน"เสี่ยง"มี"โอกาส"
 

 

ไม่ต้องสงสัย

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใชัยุทธศาสตร์ "โลกล้อมไทย" แน่นอน

ใช้ โลกที่อ้าแขนต้อนรับ "นายกรัฐมนตรีหญิงต้นทุนต่ำ" อย่างอบอุ่น ย้อนกลับมาถามคนในประเทศว่าจะไม่เชื่อมั่นนายกฯของตนเองเพิ่มขึ้นบ้างหรือ

ใช้ โลกที่ปฏิเสธการปฏิวัติรัฐประหาร และไม่คบค้าผู้นำเผด็จการ ย้อนกลับมาสกัด และป้องปราม กลุ่มที่ยังคิด "แช่แข็งประเทศ" และกลุ่มที่เรียกร้องให้ทหารออกมายึดอำนาจให้ยุติการกระทำนั้นลงเสีย

ยุทธศาสตร์ "โลกล้อมไทย" จึงเป็นประโยชน์ต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รัฐบาล และพรรคเพื่อไทยเต็มๆ

ซึ่งย่อมทำให้คู่แข่งทางการเมือง อย่างประชาธิปัตย์ ขัดเคือง

ย่อมทำให้ ฝ่ายที่เกลียด "ปู" และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน และมองเห็นแต่ด้านลบของการไปเฉิดฉายในเวทีต่างประเทศ

พร้อมกับชูป้าย "ผลประโยชน์ทับซ้อน" ใส่ว่า แอบเอาธุรกิจของครอบครัวไปหากิน

นี่ย่อม เป็นการต่อสู้ทางการเมือง

และท้าทายให้พิสูจน์ว่าใครถูกใครผิด ตามระบอบประชาธิปไตย

ย้ำตามระบอบประชาธิปไตย

มิใช่ ให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ใช้เป็นข้ออ้างสะวิงไปสุดขั้วว่า นี่คือ ความเลวของนักการเมือง จึงต้องแช่แข็ง "นักการเมือง"

และต้องพักการเลือกตั้งลงชั่วคราว

แม้ฟังดูดีกว่าแช่แข็งประเทศหน่อย แต่ก็ไม่น่ารับได้

เพราะมันก็ไม่ต่างกับปฏิวัติซ่อนรูป นั่นเอง

และถือเป็นการปิดประตู-หน้าต่างประเทศ โดยไม่สนว่าโลกไปถึงไหนแล้ว

ซึ่งอย่าหวังทำได้

ยิ่ง ตอนนี้ "ภูมิรัฐศาสตร์การเมืองโลก" ไทยได้กลายเป็นจุดศูนย์กลาง ที่มหาอำนาจโลก ใช้เป็นทางผ่านไปสู่ "เป้าหมาย" ที่เขาต้องการอย่างชัดเจน

ดูการมาเยือนของ ประธานาธิบดีโอบามา และ นายกฯเวิน เจียเป่า เป็นตัวอย่าง

แน่นอน ทั้ง สหรัฐ และ จีน ไม่ได้รักประเทศไทยอะไรนักหนา

ต่างพ่วงเอาผลประโยชน์ของเขามาเต็มที่

สถานการณ์ แช่แข็ง ปรากฏการณ์ ปิดประเทศ ศึกษา "พันธมิตร"

สถานการณ์ แช่แข็ง ปรากฏการณ์ ปิดประเทศ ศึกษา "พันธมิตร"




ทําไมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิป ไตยจึงไม่ "ออกมา" ร่วมชุมนุมกับองค์การพิทักษ์สยามของ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์

เพราะว่าพันธมิตรสวมวิญญาณ "เบิร์ดโนว์"
ไม่ว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล ไม่ว่า พล.ต. จำลอง ศรีเมือง ล้วนแสดงการสนับสนุน ต่อการชุมนุมของ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ในทางความคิด

แต่ในทางการเมือง-ยังสงวนท่าที

ยิ่งในทางการจัดตั้ง ยิ่งมากด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างสูง

นี่ ย่อมแตกต่างไปจากกลุ่มสหภาพ แรงงานรัฐวิสาหกิจ นี่ย่อมแตกต่างไปจากเครือข่ายสมัชชาเกษตรกรรายย่อย นี่ย่อมแตกต่างไปจากแนวร่วมกลุ่มปฏิรูปที่ดิน

เป็นจุดร่วมในทางความคิด แต่ยังมีจุดต่างในทางการเมือง และยังมีจุดต่างในทาง การจัดตั้ง จึงยังไม่เข้าร่วมอย่างเต็มตัว

เสมอเป็นเพียงการแสดงความเห็นอกเห็นใจ

เสมอ เป็นเพียงการเปิดทางให้มวลชนในเครือข่ายของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เข้าร่วมอย่างเป็นเอกเทศ แต่ไม่ได้เข้าร่วมอย่างเป็นทางการ

น่าศึกษา น่าสำรวจ

'สมศักดิ์' พร้อมสหภาพแรงงานฯ ประกาศร่วมม็อบ 'เสธ.อ้าย'

'สมศักดิ์' พร้อมสหภาพแรงงานฯ ประกาศร่วมม็อบ 'เสธ.อ้าย'



 
หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ อดีตหนึ่งในห้าแกนนำ พธม.ประกาศเข้าร่วมชุมนุมกับ เสธ.อ้าย 24 พ.ย.นี้

นายสมศักดิ์ โกศัยสุข หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ อดีตหนึ่งในห้าแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศเข้าร่วมชุมนุมกับองค์การพิทักษ์สยาม นำโดย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ในวันที่ 24-25 พ.ย.นี้พร้อมทั้งจะนำสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจเข้าร่วมชุมนุมด้วย

วิวาทะ

 
สมศักดิ์ โกศัยสุข, 6 พ.ค.54
หน.พรรคการเมืองใหม่
ที่มา : จากรายการ ตอบโจทย์ ทางทีวีไทย วันที่ 6 พ.ค.54 22.00-22.30 น. http://www.youtube.com/watch?v=H9GfWpLDfQ0


“มันเป็นไปไม่ได้หรอกประชาธิปไตยมันมีที่ไหน เลอะเทอะ พูดกันส่งเดช ...แต่แนวทางผมแบบนี้จะดีกว่าที่ให้นักการเมืองมาทำ.."

“เสธ.อ้าย” พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์
ประธานองค์การพิทักษ์สยาม
ที่มา : http://www.posttoday.com/วิเคราะห์/รายงานพิเศษ/184851/โมเดลเสธ-อ้ายแช่แข็งประเทศ5ปี
 

(ที่มา)

‘ปิดประเทศ’ ปิดกั้น เสรีภาพ เหตุผล ศักดิ์ศรีความเป็นคน

‘ปิดประเทศ’ ปิดกั้น เสรีภาพ เหตุผล ศักดิ์ศรีความเป็นคน

 

Posted Image
แด่ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล
ผู้ยืนหยัดต่อสู้เพื่อเสรีภาพ เหตุผล และศักดิ์ศรีความเป็นคนของเราทุกคน 


โดย อ.สุรพศ ทวีศักดิ์


การประกาศขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ออกนอกประเทศ และประกาศปิดประเทศเป็นเวลา 5 ปี เพื่อให้ประชาชนเข้ามาวางระบบประเทศกันใหม่ของ “องค์กรพิทักษ์สยาม” นั้น สะท้อน “ลักษณะพิเศษ” ของสังคมการเมืองไทยอย่างชัดเจน

ลักษณะพิเศษของสังคมใด คือภาพสะท้อน “ค่านิยมทางศีลธรรม” (moral value) ของสังคมนั้น และค่านิยมทางศีลธรรมของสังคมใดๆ ก็ขึ้นอยู่กับ “หลักจริยศาสตร์สังคม” ที่สังคมนั้นๆ ปลูกฝังอบรมอย่างเป็นพิเศษ

หลักจริยศาสตร์สังคมของบ้านเราก็คือ “หลักจริยศาสตร์อำนาจนิยม” ที่สร้างค่านิยมทางศีลธรรมบนรากฐานของ “อำนาจ + อารมณ์” คือ “ความรัก ความจงรักภักดี ความกตัญญูต่อชนชั้นปกครอง” ผู้ปกครองคือผู้มีคุณธรรมสูงส่งเหนือสามัญชน มีความรักผู้ใต้ปกครองเสมือนลูก และอุทิศตนเสียสละทำงานหนักเหนื่อยเพื่อความสุขของผู้ใต้ปกครอง ประดุจดังพ่อแม่ทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำเพื่อการมีชีวิตที่ดีของลูกๆ โดยไม่หวังผลตอบแทนส่วนตัวใดๆ ในขณะที่ผู้ใต้ปกครองซึ่งเปรียบเสมือนลูกต้องรัก จงรักภักดี กตัญญูรู้บุญคุณของผู้ปกครอง กระทั่งพร้อมยอมพลีชีพเพื่อปกป้องผู้ปกครองได้ทุกเมื่อ

ฉะนั้น สำหรับสังคมที่ปลูกฝังค่านิยมทางศีลธรรมบนฐานของอำนาจ + อารมณ์ การแสดงออกหรือการเคลื่อนไหวทางการเมืองในนามของความรัก ความจงรักภักดี ความกตัญญูต่อชนชั้นปกครองแม้ขัดต่อหลักการและวิถีทางประชาธิปไตย ผู้คนก็ยอมรับกันโดยไม่ตั้งคำถามว่ามี “ความชอบธรรม” หรือไม่ ปรากฏการณ์พันธมิตร (พธม.) ที่นำไปสู่รัฐประหาร 19 กันยา 49 จนมาถึง “ม็อบแช่แข็งประเทศ” จึงมีความชอบธรรม (อย่างน้อยไม่ถูกศาลพิพากษาว่า เป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยเหมือนการแก้รัฐธรรมนูญของสภา)

เหตุผลของจริยศาสตร์อารมณ์คืออะไร? การอ้างความรัก ความจงรักภักดี ความกตัญญูต่อชนชั้นปกครองเพื่อขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มันใช่ “เหตุผล” หรือไม่?
 
(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2012/11/43700

ข้อดีข้อเสียของการจับอาวุธสู้ในการปฏิวัติ บทเรียนจาก พคท. ซิเรีย อียิปต์ และลิเบีย

ข้อดีข้อเสียของการจับอาวุธสู้ในการปฏิวัติ บทเรียนจาก พคท. ซิเรีย อียิปต์ และลิเบีย

 


 

 



เชิญร่วมกลุ่มศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมืองมาร์คซิสม์

หัวข้อ ข้อดีข้อเสียของการจับอาวุธสู้ในการปฏิวัติ บทเรียนจาก พคท. ซิเรีย อียิปต์ และลิเบีย
นำเสนอโดย พจนา วลัย
วันอาทิตย์ที่ ๑๘ พ.ย. ๕๕ เวลา ๑๕.๐๐ น. 
ณ สำนักงานโครงการรณรงค์เพื่อแรงงานไทย ลาดพร้าว 64 แยก 5 (ไม่มีที่จอดรถ)
 
สำรองที่นั่งได้ที่เบอร์ ๐๘๕ ๐๔๔ ๑๗๗๘ 
จัดโดย องค์กรเลี้ยวซ้าย

ชัยชนะของประชาชน

ชัยชนะของประชาชน




(คลืกฟัง)
http://www.youtube.com/watch?v=A1lrKIVNZYQ&feature=plcp