หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

บทกวี: อา...กรง

 
อา...กรงไม๊จ๊ะ
ขายถูกนะ..เพียงครั้งละบาทห้าสิบสตางค์ต่อห้าปี
ใครถูกใจรีบกด SMS มาให้เร็วรี่
ในกรงยังมี..ที่ว่างเหลือเผื่อแผ่สำหรับประชาชน

อา...กรงไม๊จ๊ะเธอจ๋า 
รีบเดินมาซื้อหา..อย่าได้ลังเลสับสน
ซื้อตอนนี้..แจกฟรีความจงรักภักดีเหลือล้น
รับประกันว่าได้ครบทุกคน..ไม่ต้องพึ่งโชคดวง

อา..กรงซักห้าปีไม๊
อย่ามัวชักช้าลังเลใจ..ไม่มีอะไรต้องห่วง
เสรีภาพเราเก็บรักษาให้ในความอยุติธรรมเปล่ากลวง
แถมด้วยเทพนิยายหลอกลวง..ไว้อ่านก่อนนอน

อา..กรงไม๊จ๊ะขายถูก
รีบจูงหลานจูงลูก มาเลือกจองกันไว้ก่อน
ขายพร้อมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่ถูกริดรอน
และส่วนลดเงินทอน 112 บาทสำหรับผู้โชคดี

อา...กรงไม๊จ๊ะสดๆใหม่ๆ
สนับสนุนสินค้าไทย มีขายเฉพาะประเทศนี้
สองมือล้วงกระเป๋าสองเท้าก้าวเข้ามาอย่ารอรี
มีจำกัดแค่คนละยี่สิบปี เอ้า..เร่เข้ามา

...
(ขอไว้อาลัยแด่..ศาล กระบวนการยุติธรรม และวงการนิติศาสตร์ไทย)
ทำไมกฎหมายหมิ่นฯเป็นสิ่งที่แย่และเลวทราม

jifpp.jpg

การที่ไทยมีกฎหมายหมิ่น พระบรมเดชานุภาพ ถือว่ามีไว้เพื่อเป็นการเล่นงานข่มขู่สิทธิเสรีภาพในการพูด และสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการอย่างโหดร้าย ผลกระทบคือเรา ไม่มีประชาธิปไตยที่เต็มใบและไม่มีมาตราฐานทางวิชาการในมหาวิทยาลัยของเรา แบบที่นานาประเทศมีอยู่ บรรยากาศ ที่น่ากลัวแบบนี้จะทำให้คุณภาพทางวิชาการเลวลงเพราะทุกคนเลี่ยงเมื่อพูดถึง เรื่องจริง เสี่ยงที่จะวิเคราะห์และการโต้แย้งอย่างมีเหตุมีผล ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับแวดวงวิชาการ คุณภาพการศึกษาในประเทศเราจึงด้อยพัฒนา และสอนให้เด็กกลัวที่จะคิดเองเป็น


คุณภาพ การศึกษาแย่ๆแบบนี้เริ่มต้นมาจากชั้นประถมและเรื่อยมาจนถึงระบบการศึกษาขั้น สูง นักเรียนถูกสอนให้เรียนด้วยการท่องเป็นนกแก้วนกขุนทองและให้เขียนเรียงความ ประเภทบรรยาย ที่มีแต่ความเห็นด้านเดียว นักวิชาการปฎิเสธที่จะถกเถียง และไม่อ่านงานเขียนของคนที่มีความเห็นแตกต่างจากตัวเองจนการโต้แย้งจากนัก วิชาการด้วยกันมาถือเป็นการทะเลาะส่วนตัว
 

ราชวงศ์ ไทยถูกกล่าวว่าเป็นสุดที่รักของชาวไทยทั้งปวง ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง แต่เราต้องเข้าใจว่าในสังคมไทยมีบรรยากาศแห่งความกลัวอันเนื่องมาจากกฎหมาย หมิ่นฯ พร้อมกันกับการโปรโมทราชวงศ์อย่างบ้าคลั่ง จน กษัตริย์ถูกยกย่องให้เป็นอัจฉริยะในทุกด้าน แถลงการณ์ทุกฉบับที่ออกมาจากกษัตริย์จะถูกแถลงซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับว่าเป็น คำสั่งสอนอันสูงสุดและกษัตริย์ได้ถูกอ้างว่าเป็นบิดาของเราและ เมื่อไม่นานมานี้ลูกจ้างทั้งของเอกชนและของรัฐถูกสั่งให้ใส่เสื้อเหลืองทุก วันจันทร์หรือใส่ดำทั้งปีเพื่อไว้ทุกข์ หลายๆคนมองว่าเปรียบเหมือนกับประเทศเกาหลีเหนือ รัฐแทรกแซงในชีวิตคนถึงขนาดที่กำหนดว่าเราต้องใส่เสื้อสีอะไร

(อ่านต่อ)
http://redthaisocialist.com/2011-01-20-12-41-04/107-2011-02-27-15-41-32.html
'ประชาธิปไตยของขอทาน' (?)
 

นักปรัชญาชายขอบ


 
                                สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล

กรณีศาลตัดสินจำคุก “อากง” 20 ปี ในความผิด ม.112 เนื่องจากส่งข้อความหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์และพระราชินีผ่าน SMS ไปยังโทรศัพท์มือถือของเลขาฯ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำให้เกิดการตั้งคำถามอย่างกว้างขวาง เช่น 

1) ทำไมการทำผิดด้วย “คำพูด” หรือ “ข้อความ” จึงต้องติดคุกถึง 20 ปี หากกฎหมายมีไว้เพื่อรักษา “ความยุติธรรม” เราจะอธิบายอย่างไรว่าการทำผิดกับการลงโทษในกรณีดังกล่าวมีความยุติธรรม อย่างไร ไม่ใช่เพียงอธิบายไม่ได้ว่ามันยุติธรรมอย่างไรแก่ผู้ถูกลงโทษเช่นอากงเป็น ต้นเท่านั้น มันยังอธิบายไม่ได้ในทางหลักการว่า การที่รัฐออกกฎหมายให้ลงโทษประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยอย่างหนักเกิน ไปเช่นนี้มันยุติธรรมแก่ประชาชนทั้งประเทศอย่างไร และยังอธิบายไม่ได้ด้วยว่าทำไมสถาบันกษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยจึงสมควรได้ รับการปกป้องให้ดำรง “สถานะอันศักดิ์สิทธิ์” บน “ความอยุติธรรม” ที่ประชาชนต้องแบกรับอย่างหนักหนาสาหัสเช่นนี้

2) ข้อความที่ศาลตัดสินว่าหมิ่นประมาททำให้พระมหากษัตริย์และพระราชินีอาจถูก เกลียดชัง และกระทบต่อความมั่นคงของราชอาณาจักรนั้น เป็นข้อความที่สาธารณชนไม่มีโอกาสได้รับรู้เลย เป็นแค่ข้อความที่ส่งไปทางโทรศัพท์มือถือส่วนตัวของบุคคลผู้หนึ่งเท่านั้น และไม่มีประจักษ์พยานว่าอากงเป็นผู้ส่งข้อความนั้นจริง ผู้พิพากษาอาศัยเพียงพยานแวดล้อมก็สรุป “เจตนาภายใน” เพื่อตัดสินจำคุกชายชราสุขภาพแย่ถึง 20 ปี จึงเกิดคำถามต่อการใช้ดุลพินิจของศาลไทยเป็นอย่างยิ่งว่า สังคมจะเชื่อมั่นได้อย่างไรว่าดุลพินิจของศาลยึด “ความยุติธรรม” แก่ประชาชนอย่างสูงสุดเป็นหลัก

นั่นคือปัญหาเกี่ยวกับกฎหมายหมิ่นฯ กับระบบตุลาการที่คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกอายต่อชาวโลก สื่อและนักวิชาการต่างชาติเขามองอย่างตระหนกและงวยงงว่า ในยุคที่โลกเน้นความสำคัญของ “สิทธิมนุษยชน” มากขนาดนี้ ประเทศที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตยอย่างไทยยังมีกฎหมายแบบนี้ มีดุลพินิจของศาลออกมาแบบนี้ได้อย่างไร

นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของคำถาม แต่ยังมีคำถามที่สำคัญไม่น้อยกว่ากันคือ คำถามต่อบทบาทของ “ผู้นำ นปช.” ดังที่สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ตั้งคำถามข้างต้น

(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2011/11/38052
นัดด่วน! พิพากษา "โจ กอร์ดอน" พรุ่งนี้ (28)


นายอานนท์ นำภา ทนายความของ โจ กอร์ดอน ระบุว่า เพิ่งทราบข่าววันนี้ (27 พ.ย.54) ว่า ศาลอาญา รัชดาได้เลื่อนนัดฟังคำพิพากษาคดีของโจ กอร์ดอน เป็นวันพรุ่งนี้ (28 พ.ย.54) เวลา 9.00น. จากเดิมที่เลื่อนออกไปเป็นวันที่ 8 ธ.ค. เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วม

อนึ่ง โจ (เลอพงษ์) กอร์ดอน ชาวไทยสัญชาติอเมริกัน-ไทย ถูกเจ้าพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) จับกุมตัวที่บ้านพักจังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 24 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยโจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดโดยนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อความที่เป็นการดูหมิ่น หมิ่นประมาท แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา โดยใช้นามแฝงว่า "สิน แซ่จิ้ว" พร้อมประกาศตนว่า กูไม่ใช่ฝุ่นใต้ฝ่าตีนบุคคลใด นอกจากนี้ยังบังอาจแปลหนังสือ The King Never Smiles ซึ่งเป็นหนังสือต้องห้ามภายในราชอาณาจักร

 (อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2011/11/38049

FREE
JOE
GORDON
NOW!