การเมืองมวลชนกับการปรองดอง
โดย อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์
หลายปีมาแล้ว ผมเสนอการวิเคราะห์ความขัดแย้งทางการเมืองในสังคมไทยว่า
ระบบการเมือง(ความสัมพันธ์ทางอำนาจ)ไม่สามารถปรับตัวเอง
ให้รองรับการขยายตัวของคนกลุ่มใหม่ซึ่งผมเรียกว่าคนชั้นกลางระดับล่างได้
คนเหล่านี้มีจำนวนมหึมาและจำเป็นต้องมีพื้นที่ต่อรองทางการเมืองในระบบ
เพราะชีวิตของเขา โลกทรรศน์ของเขา และผลประโยชน์ของเขาเปลี่ยนไปแล้ว
ตราบเท่าที่ชนชั้นนำในระบบการเมืองไม่ยอมปรับตัว
ความขัดแย้งอย่างรุนแรงก็จะดำเนินต่อไป และในหลายปีที่ผ่านมา
ผมยังมองไม่เห็นสัญญาณว่าชนชั้นนำสำนึกถึงความจำเป็นในแง่นี้
หรือพร้อมจะหาหนทางต่อรองกับคนกลุ่มใหม่ เพื่อปรับระบบการเมือง
แต่ในช่วงประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา
ผมคิดว่าโอกาสดังกล่าวเริ่มปรากฏให้ทุกฝ่ายมองเห็นได้ชัดขึ้น
และความเป็นไปได้ที่จะเกิดการปรับระบบการเมือง จนทุกฝ่ายพอยอมรับได้
และหันมาต่อสู้กันในระบบ (ซึ่งไม่ได้หมายความแต่ที่รัฐสภาอย่างเดียว)
โดยไม่เกิดความรุนแรง เริ่มจะมีลู่ทางมากขึ้น
แต่ก็ใช่ว่าจะปราศจากอุปสรรคอีกหลายอย่างที่จะทำให้เส้นทางสู่ความเป็น
ระเบียบนั้น อาจมีลักษณะกระโดกกระเดกบ้าง แต่ผมคิดว่าดีกว่าที่ผ่านมา
ฉะนั้น ผมจึงขอพูดถึงนิมิตหมายดีๆ ที่ปรากฏให้เห็นในช่วงนี้
ผมทายไม่ถูกหรอกว่าจะเกิดรัฐประหารขึ้นอีกหรือไม่
แต่รัฐประหารกลายเป็นเครื่องมือที่ไม่มีประสิทธิภาพอย่างเดิมเสียแล้ว
อย่างน้อยการรัฐประหารครั้งล่าสุดก็ชี้ให้ชนชั้นนำเดิมเห็นประจักษ์แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ แม้บางคนในหมู่ชนชั้นนำเดิม ซึ่งยังอาจมองไม่เห็น
(เช่นผู้อยู่เบื้องหลังของการเคลื่อนไหวกลุ่มพิทักษ์สยาม)
ก็ไม่อาจใช้การรัฐประหารได้
เพราะกองทัพไม่ยอมเคลื่อนเข้ามาเป็นเครื่องมือของฝ่ายใด
อย่างน้อยก็ในระยะเวลาอันสั้นข้างหน้า
ปราศจากเครื่องมือในการยับยั้งหรือชะลอการปรับระบบการเมือง
ชนชั้นนำเดิมต้องหันมาใช้เครื่องมืออื่น
ซึ่งดูเป็นการเคารพต่อ"ระเบียบสังคม"ทางการเมืองมากกว่า
เครื่องมือสำคัญคือที่ได้ออกแบบฝังเอาไว้ในรัฐธรรมนูญ 2550
ได้แก่องค์กรอิสระซึ่งไม่ได้อิสระจริง
กระบวนการทางตุลาการนานาชนิดซึ่งไม่มีใครสามารถตรวจสอบยับยั้งได้
นอกจากกลุ่มชนชั้นนำเดิม รวมทั้งวุฒิสภาซึ่งมาจากการสรรหาอีกครึ่งหนึ่งด้วย
นี่คือเหตุผลที่ต้องขัดขวางการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทุกวิถีทางที่จะเป็นไปได้ แม้แต่ศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องให้"คำแนะนำ"ที่ไม่เกี่ยวกับคดี
แต่สิ่งที่น่าสนใจอยู่ที่ว่า ความขัดแย้งเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญนี้
แม้มีมวลชนเข้ามาร่วมด้วย แต่ไม่นำไปสู่วิกฤตทางการเมืองครั้งใหญ่
ต่างฝ่ายต่างใช้สื่อของตนเองในการโต้เถียงกัน ด้วยเหตุผลบ้าง
ด้วยอารมณ์บ้าง แม้กระนั้นก็ไม่ประทุกลายเป็นการยกพวกตีกัน
หรือจลาจลกลางเมือง
(อ่านต่อ)
The Daily Dose ประจำวันที่ 21 มกราคม 2556
Obama ไม่ยอมผู้ก่อการร้าย...ไม่เจรจาเพดานหนี้
http://www.dailymotion.com/video/xwx9dm_obama-yy
Wake Up Thailand
Wake Up Thailand ประจำวันที่ 21 มกราคม 2556 ตอนที่ 2
กำไรเยอะเเต่ไม่มีโบนัส
http://www.dailymotion.com/video/xwwveb_yyyyyyyyyyy
Wake Up Thailand ประจำวันที่ 21 มกราคม 2556 ตอนที่ 1
ไม่ต้องการผู้ว่าฯที่ขายฝัน
Divas Cafe ประจำวันที่ 21 มกราคม 2556
โซเชียลเน็ตเวิร์ก ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย
http://www.dailymotion.com/video/xwwxov_yyyy
'บีบีซี' เผย จนท.ไทย 'ส่ง-ขายต่อ' ชาว 'โรฮิงญา' ให้ขบวนการค้ามนุษย์
ผลการสืบสวนโดยสำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษพบว่า
เจ้าหน้าที่ไทยได้เคยขายชาวโรฮิงญาให้แก่ขบวนการค้ามนุษย์
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาชาวมุสลิมโรฮิงญาจำนวนมากได้
เดินทางอพยพข้ามทะเลอันดามันมายังประเทศไทยอันเนื่องมาจากเหตุความรุนแรงที่
รัฐยะไข่ของพม่า
บีบีซีเผยว่า
เรือของผู้อพยพถูกสกัดโดยตำรวจและกองทัพเรือไทย โดยมีข้อตกลงเพื่อขายกลุ่มผู้อพยพให้แก่ขบวนการค้ามนุษย์
ที่จะนำพวกเขาเดินทางต่อไปยังมาเลเซีย
ขณะที่รัฐบาลไทยให้คำมั่นที่จะสืบสวนเรื่องดังกล่าวต่อไป
อาห์เหม็ด
หนึ่งในผู้อพยพเปิดเผยว่า เขาได้เดินทางออกจากรัฐยะไข่ โดยทิ้งภรรยาและลูกๆทั้ง 8 ไว้เบื้องหลัง
หลังจากเรือประมงของเขาถูกทำลายในเหตุปะทะระหว่างชาวมุสลิมโรฮิงญาและชาวพุทธในยะไข่
และเขาเองจำเป็นต้องหาเงินเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว เขาเดินทางพร้อมกับคนอื่นอีกราว 60 คน
ในเรือไม้โกโรโกโสนานถึง 13 วันเพื่อข้ามทะเลอันดามัน
มายังชายฝั่งทะเลของไทย
เมื่อ
เขาและพวกถูกเจ้าหน้าของไทยจับกุมตัวไม่ไกลจากฝั่งมากนักเขาคิดว่า
ประสบการณ์ที่แสนสาหัสกำลังจะผ่านพ้นไปแต่ที่จริงแล้วมันเพิ่งเป็นจุดเริ่ม
ต้น
ในคืนนั้นเอง ชาวโรฮิงญาทั้งหมด ถูกนำตัวขึ้นฝั่งไปยังจ.ระนอง
โดยใช้รถตำรวจ 2 ชม.หลังจากนั้น
พวกเขาถูกจับแยกกัน และถูกนำตัวขึ้นรถ 6 คันที่มีขนาดเล็กกว่า
และต้องซ่อนตัวอยู่ภายใต้ตาข่าย
อาห์เหม็ดกล่าวว่า
ทั้งหมดถูกบังคับให้นอนเรียงกันเหมือนปลากระป๋อง
ในขณะนั้นเขายังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นแต่การซื้อขายมนุษย์ได้เกิดขึ้นแล้วและชาวโรฮิงญาทั้ง
61 คน กำลังถูกนำตัวมุ่งลงใต้ไปยังมาเลเซีย
โดยอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มค้ามนุษย์
เมื่อพวกเขาออกจากรถ ที่อ.สุไหง-โกลก
ในจ.นราธิวาส ก็ได้พบว่าตนเองได้กลายเป็นนักโทษไปแล้ว อาห์เหม็ดกล่าวว่า เมื่อจะขับถ่าย
พวกเขาต้องขุดดิน ทุกคนกิน นอน และขับถ่ายในสถานที่เดียวกัน ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยกลิ่นไม่พึงประสงค์
บางครั้งถูกใช้เหล็กทุบตีหรือฟาดด้วยโซ่ตรวน
(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1358770912&grpid=&catid=06&subcatid=0600