หน้าเว็บ

วันพุธที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

สภา(1:39185)ใคร? ใยดูแคลนประชาชน // นสพ.เลี้ยวซ้าย ปีที่ 8 ฉบับที่ 6 พฤศจิกายน 55

สภา(1:39185)ใคร? ใยดูแคลนประชาชน // นสพ.เลี้ยวซ้าย ปีที่ 8 ฉบับที่ 6 พฤศจิกายน 55

คลิ๊ก ดาวน์โหลดไฟล์ PDF 
 
ในเล่มพบกับ..
 
ผู้ประท้วงชาวอิหร่านหันซ้ายหันขวา เจอแต่ศัตรูกับปัญหา
แปลโดย ครรชิต พัฒนโภคะ
 
ระบบฟิวเดิลในยุโรป
โดย C.H.
 
ผิดหวังโอบาม่า ผิดหวังยิ่งลักษณ์??
โดย ใจ อึ๊งภากรณ์
 
การทำหนังสือพิมพ์สมัยเลนิน
โดย ฮิปโปน้อย บรมสุขเกษม
 
ความอัปลักษณ์ของการเมืองแบบ “กองเชียร์”
โดย สมุดบันทึกสีแดง
 
สังคมใหม่ไม่เกิด ถ้าไม่จัดตั้งกรรมาชีพ
โดย ลั่นทมขาว
 
ความหมายของการรำลึก 36 ปี 6 ตุลา 
โดย วิภา ดาวมณี
 
การริเริ่มสร้างรัฐสวัสดิการในยุโรป
โดย พจนา วลัย

ว่าด้วยทุน เล่ม 2 ภาค 2 รอบของการหมุนเวียนของทุน(บทที่16-17)
โดย กองบรรณาธิการ 

สมานฉันท์กับชาวปาเลสไตน์

สมานฉันท์กับชาวปาเลสไตน์ 


ยิวสาย ไซออนนิสต์ คือพวกฝ่ายขวาชาตินิยมจัด พวกนี้ต่อต้านการต่อสู้ทางชนชั้นของกรรมาชีพ และมองว่ายิวอยู่กับคนอื่นอย่างสันติไม่ได้เพราะเขาเชื่อว่าเชื้อชาติที่ ต่างกันย่อมฆ่ากันหรือขัดแย้งกันเสมอ ดังนั้นเขาเสนอว่าวิธีการปกป้องชาวยิวคือต้องสร้างชาติ “บริสุทธิ์” ของตน เองขึ้นมา

โดย กองบรรณาธิการ นสพ.เลี้ยวซ้าย

ทุก คนที่รักความเป็นธรรมต้องประณามอิสราเอลที่ใช้ความรุนแรงสุดขั้วในการถล่ม ชาวปาเลสไตน์อีกครั้งที่กาซา และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อิสราเอลทำลายชีวิตของชาวปาเลสไตน์ภายใต้ความคิดไซ ออนนิสต์สุดขั้ว และใครที่ตั้งความหวังกับประธานาธิบดีโอบามาควรรู้ไว้ว่าโอบามาตอนนี้เลือก ข้างสนับสนุนอิสราเอลเต็มที่

แต่เราไม่ควรลืมด้วยว่า การปฏิวัติล้มเผด็จการในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะที่อียิปต์ ได้เปลี่ยนดุลอำนาจในพื้นที่ โดยลดอิทธิพลของจักรวรรดินิยมตะวันตกและอิสราเอ็ลลงไปบ้าง เพราะเผด็จการมูบารักที่ถูกมวลชนล้มในอียิปต์เคยเป็นแนวร่วมสำคัญของสหรัฐ และอิสราเอ็ลในอดีต

น้ำมันและเลือด ประวัติศาสตร์ปาเลสไตน์

น้ำมันในตะวันออกกลางเป็นสิ่งที่จักรวรรดินิยมต้องการควบคุมเป็นอย่างยิ่งใน ปลายศตวรรษที่ 20 และในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง อังกฤษทำข้อตกลงกับผู้ปกครองเมือง เมกกะ ชื่อ ชาริฟ ฮุเซน เพื่อยุให้กบฏต่ออาณาจักรเตอร์กี โดยที่อังกฤษสัญญาว่าเขาจะได้ครองพื้นที่อาหรับทั้งหมด รวมถึงปาเลสไตน์ด้วย แต่ในขณะเดียวกันอังกฤษสัญญากับพวก “ไซออนนิสต์” ว่าจะยกปาเลสไตน์ ให้คนยิวจากยุโรป เพราะอังกฤษอยากให้ ไซออนนิสต์ เป็นตัวป่วนและสร้างอุปสรรค์กับการปลดแอกตนเองของชาวอาหรับ ทั้งนี้เพราะอังกฤษกลัวว่าชาวอาหรับจะยึดคลองซุเอส ซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญ และจะเอาน้ำมันในพื้นที่ของตนเองมาเป็นทรัพยากรของชาติ แทนที่จะให้บริษัทต่างชาติครอบครอง
   
การใช้นโยบายหน้าไหว้หลังหลอกของอังกฤษ ทำให้บริษัทน้ำมันอังกฤษยึดน้ำมันของอิรักและอิหร่านได้ แต่ในที่สุดสร้างปัญหาให้อังกฤษเอง เพราะการที่ชาวยิวลัทธิไซออนนิสต์เข้ามากวาดซื้อที่ดินในปาเลสไตน์ ทำให้เกษตรกรรายย่อยที่อาศัยอยู่เดิมถูกไล่ออกไป เกิดความไม่พอใจอย่างยิ่งในหมู่คนอาหรับปาเลสไตน์ นอกจากนี้ชาวยิวที่อพยพเข้ามาจากยุโรป เพื่อหนีการกดขี่เข่นฆ่าในสงครามโลก ถูกผู้นำทางการเมืองบังคับให้กดขี่เข่นฆ่าชาวปาเลสไตน์ เหมือนที่ตัวเองเคยถูกกระทำจากคนอื่น และเมื่ออังกฤษเริ่มจำกัดจำนวนคนยิวที่จะเข้ามาในปาเลสไตน์ อังกฤษก็โดนโจมตีจากทั้งคนอาหรับและคนยิว
  
รัฐบาลอังกฤษแก้ปัญหาสำหรับตนเอง โดยการถอนตัวออกจากปาเลสไตน์ และปล่อยให้กองกำลังไซออนนิสต์ยึดพื้นที่จำนวนมาก โดยเข่นฆ่าชาวบ้านปาเลสไตน์อย่างโหดร้ายป่าเถื่อน มีการใช้กองโจรของพวก "ไซออนนิสต์" เพื่อสร้างภัยและความกลัวและขับไล่ชาวปาเลสไตน์ประมาณ 750,000 คนออกจากหมู่บ้านต่างๆ ของเขา เช่นในหมู่บ้าน Deir Yassin ในปี 1948 ชาวบ้านปาเลสไตน์ ทั้งชาย หญิงและเด็ก ถูกสังหารอย่างเลือดเย็นถึง 300 คน ในที่สุดมีการสถาปนา “รัฐอิสราเอ็ล” ขึ้น เพื่อดูแลผลประโยชน์ตะวันตก โดยที่มหาอำนาจต่างๆ รวมถึงรัสเซียสนับสนุน รัสเซียตอนนั้นสนับสนุนอิสราเอ็ล เพราะอยากมีส่วนในการควบคุมตะวันออกกลางด้วย การตั้งรัฐอิสราเอ็ลทำให้ชาวปาเลสไตนจำนวนมากกลายเป็นผู้หลี้ภัยที่ต้องจาก บ้านเกิดไป ส่วนในพื้นที่แหล่งน้ำมันของตะวันออกกลาง อังกฤษสนับสนุนกษัตริย์หุ่นเชิด เช่นใน อิรัก จอร์แดน และอียิปต์ ให้ดูแลผลประโยชน์ของอังกฤษ
   

สิ่งที่เราควรเข้าใจแต่แรกคือนี่ไม่ใช่การกระทำ ของ “คนยิว” ทุกคน เราควรรู้อีกว่าคนยิวส่วนใหญ่ในโลกไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศอิสราเอ็ล หรือสนับสนุนการกระทำของรัฐอิสราเอ็ลแต่อย่างใด ในยุคนี้ยิวส่วนใหญ่ในโลกไม่เห็นด้วยกับความโหดร้ายของอิสราเอ็ล
   
ในไม่ช้าอิสราเอ็ลกลายเป็น “สุนัขเฝ้าพื้นที่ตะวันออกกลาง” ให้ตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐ แต่สถานการณ์นี้ไม่ได้สร้างความสงบแต่อย่างใด หลังจากที่กองทัพกษัตริย์อาหรับพ่ายแพ้สงครามแรกกับอิสราเอ็ลเพราะไร้ ประสิทธิภาพ มีการกบฏของนายทหารหนุ่มชื่อ อับดุล นัสเซอร์ เพื่อยึดอำนาจและล้มกษัตริย์หุ่นเชิดในอียิปต์ หลังจากนั้น นัสเซอร์ ก็ประกาศว่าคลองซุเอส ซึ่งอยู่ในดินแดนอียิปต์จะต้องเป็นของรัฐอียิปต์ ไม่ใช่ของตะวันตก คำประกาศนี้ทำให้ อังกฤษ ฝรั่งเศส และอิสราเอ็ล บุกอียิปต์ในเดือนพฤศจิกายน 1956
   
การบุกอียิปต์ของอังกฤษ ฝรั่งเศส และอิสราเอ็ลครั้งนี้ ถูกปฏิเสธโดยสหรัฐด้วยการขู่อังกฤษว่าจะงดเงินช่วยเหลือเศรษฐกิจอังกฤษ ซึ่งตอนนั้นอังกฤษยังอ่อนแออยู่หลังสงครามโลก ดังนั้นการผจญภัยของอังกฤษ ฝรั่งเศส และอิสราเอ็ล ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง และเปิดโอกาสให้สหรัฐเข้ามามีอิทธิพลในพื้นที่ตะวันออกกลางแทนอังกฤษ
   
สหรัฐทำงานอย่างใกล้ชิดกับ อิสราเอ็ล โดยให้เงินช่วยเหลือทางทหารมหาศาล ในขณะเดียวกันสหรัฐกลายเป็นผู้อุปถัมภ์ผู้นำอาหรับ เช่น กษัตริย์ซาอุ กษัตริย์ชาร์ในอิหร่านที่ล้มรัฐบาลประชาธิปไตยในปี 1953 และนายทหารชื่อ สะดัม ฮุเซน ในอิรักที่ยึดอำนาจในปี 1962
   
สหรัฐประสบผลสำเร็จในการควบคุมน้ำมันตะวันออกกลางผ่านการสนับสนุนผู้นำเหล่า นี้ และผ่านการยุยงให้ประเทศต่างๆ ทะเลาะกัน เพื่อแบ่งแยกและปกครอง ซึ่งนำไปสู่สงครามระหว่างอาหรับกับอิสราเอ็ลในปี 1967 และ1973 สงครามกลางเมืองในเลบานอนในปี 1976 สงครามระหว่างอิรักกับอิหร่านปี 1980 สงครามระหว่างอิสราเอ็ลกับเลบานอนปี 1982 และ2006 การถล่มกาซาโดยอิสราเอ็ลปี 2008 และสงครามของสหรัฐกับอังกฤษในอิรักปี 1991 และ2003 และตลอดเวลาที่สงครามเหล่านี้เกิดขึ้น ชาวปาเลสไตน์ไม่เคยได้รับการยอมรับช่วยเหลือเลย

"ไซออนนิสต์"  (Zionist) แนวคลั่งชาติปฏิกิริยาสุดขั้ว


ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวโดยพวกนาซีในเยอรมัน ซึ่งทำให้ชาวยิวกว่า 6 ล้านคนถูกเข่นฆ่าอย่างโหดร้ายป่าเถื่อน แนวคิดคลั่งเชื้อชาติแบบ ไซออนนิสต์ ไม่ค่อยเป็นที่นิยมในแวดวงชาวยิวนัก กระแสหลักในหมู่คนยิวยุโรปคือแนวสังคมนิยมและแนวมาร์คซิสต์ เพราะทั้ง มาร์คซ์ ตรอทสกี และโรซา ลัคแซมเบอร์ค ล้วนแต่เป็นยิว และพรรคการเมืองฝ่ายซ้ายของยิวก็แพร่หลายไปทั่ว สายมาร์คซิสต์มองว่าชาวยิวถูกรังแกในยุโรปในลักษณะแพะรับบาปของชนชั้นนายทุน ที่ต้องการเบี่ยงเบนการต่อสู้ทางชนชั้น เหมือนกับที่รัฐบาลไทยสร้างพี่น้องคนพม่าขึ้นมาเป็นแพะรับบาปในไทย ดังนั้นทางออกในการปกป้องยิวและทางออกเพื่อปลดแอกผู้ถูกกดขี่ขูดรีดทั้งหลาย เป็นทางออกเดียวกัน คือกรรมาชีพทุกเชื้อชาติต้องสามัคคีต่อสู้กับนายทุนทุกเชื้อชาติ

   
ยิวสาย ไซออนนิสต์ คือพวกฝ่ายขวาชาตินิยมจัด พวกนี้ต่อต้านการต่อสู้ทางชนชั้นของกรรมาชีพ และมองว่ายิวอยู่กับคนอื่นอย่างสันติไม่ได้เพราะเขาเชื่อว่าเชื้อชาติที่ ต่างกันย่อมฆ่ากันหรือขัดแย้งกันเสมอ ดังนั้นเขาเสนอว่าวิธีการปกป้องชาวยิวคือต้องสร้างชาติ “บริสุทธิ์” ของตนเองขึ้นมา จริงๆ แล้วแนวคิดนี้ใกล้เคียงกับแนวคิดของพวกฟาสซิสต์หรือนาซีที่แสวงหาเชื้อชาติ “บริสุทธิ์” โดยการฆ่าคนยิวในยุโรป บางคนอาจแปลกใจเมื่อค้นพบว่านักการเมืองต่างๆ ในพรรครัฐบาลปัจจุบันของอิสราเอ็ลสืบทอดความคิดจากกลุ่มฟาสซิสต์ ทั้งๆ ที่ฟาสซิสต์ในยุโรป เกลียดชังและฆ่ายิว แต่จริงๆ แล้วนี่คือลักษณะสองด้านของเหรียญเดียวกันของพวกฝ่ายขวา

สิ่งที่น่าเสียดายอย่างยิ่งคือความพ่ายแพ้ของฝ่ายซ้ายและกรรมาชีพในเยอรมัน นำไปสู่ชัยชนะของนาซีในยุค ฮิตเลอร์ และการสังหารชาวยิวถึง 6 ล้านคน เหตุการณ์นี้มีผลในการหนุนกระแสฝ่ายขวา "ไซออนนิสต์" แทนแนวมาร์คซิสต์ จนมีการก่อตั้งประเทศอิสราเอ็ลหลังสงครามโลก ปัญหาสำคัญคือ รัฐอิสราเอ็ลถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ที่มีคนอื่นอาศัยอยู่ คือพื้นที่ที่ชาวปาเลสไตน์และชาวยิวอาศัยร่วมกัน ดังนั้นรัฐเชื้อชาติเดียวที่ถูกสร้างขึ้นต้องอาศัยการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออก จากบ้านเกิด

   
พวก "ไซออนนิสต์" อ้างความชอบธรรมเสมอจากการที่คนยิว 6 ล้านคนถูกฆ่าตายโดยฮิตเลอร์ในสมัยสงครามโลก แต่สิ่งที่เขากระทำกับชาวปาเลสไตน์ ถึงแม้ว่าจะไม่ตายถึง 6 ล้าน ก็โหดพอๆ กัน เช่นในปี 1982 กองทัพอิสราเอ็ล ภายใต้การนำของ อาริอัล ชารอน ซึ่งเป็นผู้นำอิสราเอ็ลปัจจุบัน ได้เข้าไปล้อมค่ายผู้หลี้ภัยปาเสไตน์สองแห่งในประเทศเลบานอนที่ชื่อ Sabra และ Shatilla หลังจากนั้นมีการเปิดทางให้กองกำลังฟาซิสต์เลบานอนเข้าไปสังหารชาย หญิง และเด็กเล็กประมาณ 2000 คนในค่าย เราจะเห็นได้ว่าพวก ไซออนนิสต์เลวพอๆ กับพวกนาซี

และที่น่าเศร้าที่สุดคือนโยบายเหยียดเชื้อชาติและนโยบายการใช้ความรุนแรงกับ ชาวปาเลสไตน์ที่ใช้มาในรอบหกสิบกว่าปีที่ผ่านมา ไม่ได้ปกป้องคนยิวธรรมดาๆ ในอิสราเอ็ลจากความรุนแรงแต่อย่างใด ตรงกันข้าม มันบังคับให้กรรมาชีพยิวในอิสราเอ็ลมีชีวิตอยู่ในสภาพสงครามและความเสี่ยง ตายตลอดกาล จนนับว่าอิสราเอ็ลเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดในโลกสำหรับคนยิว ซึ่งทั้งหมดนี้ทำเพื่อประโยชน์จักรวรรดินิยม


เราควรสมานฉันท์กับชาวปาเลสไตน์


การต่อสู้อันยาวนานของชาวปาเลสไตน์เป็นการต่อสู้ที่ควรให้กำลังใจกับผู้ถูก กดขี่ทุกคนทั่วโลก เพราะเป็นการต่อสู้ที่ไม่เคยยอมแพ้ทั้งๆ ที่เผชิญหน้ากับกำลังอาวุธของอิสราเอ็ลที่เหนือกว่าเสมอ และอิสราเอ็ลได้รับการหนุนหลังโดยจักรวรรดินิยมอเมริกา เราทุกคนควรจะสนับสนุนชาวปาเลสไตน์อย่างเต็มที่ เพราะในรอบ 60 กว่าปีที่ผ่านมาอำนาจจักรวรรดินิยมตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ อังกฤษ หรือฝรั่งเศส ได้อาศัยสมุนรับใช้ในตะวันออกกลางในรูปแบบประเทศอิสราเอ็ล เพื่อสร้างความปั่นป่วนในหมู่ชาวอาหรับ จักรวรรดินิยมจะได้ควบคุมแหล่งน้ำมันที่สำคัญที่สุดในโลกเพื่อประโยชน์ของ กลุ่มทุนใหญ่

   
ในประเทศไทยเราควรทำอะไรบ้าง? เราควรต่อสู้กับจักรวรรดินิยมที่มาในบ้านเรา ต่อต้านรัฐบาลไทยที่สนับสนุนจักรวรรดินิยมนี้ด้วยการฝึกทหารร่วมกับสหรัฐ และเราควรจะทำความเข้าใจและให้ข้อมูลกับกรรมาชีพและคนจนที่คิดจะไปหางานทำใน อิสราเอ็ล เพราะผืนแผ่นดินอิสราเอ็ลเปื้อนเลือดของพี่น้องชาวปาเลสไตน์มานานพอแล้ว

 
(ที่มา)
http://turnleftthai.blogspot.dk/2012/11/blog-post_19.html

'สมรภูมิกาซา' ทดสอบอำนาจสหรัฐฯในตะวันออกกลาง

'สมรภูมิกาซา' ทดสอบอำนาจสหรัฐฯในตะวันออกกลา

 

'คลินตัน' พบผู้นำปาเลสไตน์

การเยือนตะวันออกกลางของนางคลินตันในช่วงที่กำลังเกิดวิกฤติการณ์ ระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ ถูกมองว่าเป็นการหยั่งเชิงทดสอบอิทธิพลของสหรัฐฯในภูมิภาค ซึ่งดูเหมือนจะลดน้อยลงนับจากการปฏิวัติประชาชนในปรากฏการณ์อาหรับสปริง
 
ในขณะที่ตลอดต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั่วโลกต่างจับตามองที่การเดินทางเยือน 3 ประเทศในอาเซียนและเข้าร่วมประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกของนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ รวมถึงการเปลี่ยนนโยบายหันกลับมาหาภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นนโยบายต่างประเทศที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลโอบามา 2 ภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เรียกได้ว่าเป็นจุดศุนย์กลางด้านนโยบายต่างประเทศและความ มั่นคงของสหรัฐฯมาโดยตลอด กลับตกอยู่ในวิกฤติการณ์ครั้งสำคัญ นั่นก็คือการปะทะทางทหารระหว่างอิสราเอลกับกองกำลังติดอาวุธในกาซาของ ปาเลสไตน์ ซึ่งมีทีท่าว่าอาจบานปลายกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบได้
 
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ทันทีที่เสร็จสิ้นภารกิจในการประชุมอาเซียนที่กัมพูชา นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ต้องบินด่วนมายังอิสราเอล พร้อมทั้งประกาศจะเดินทางเยือนอียิปต์และปาเลสไตน์เพื่อหารือเกี่ยวกับความ ขัดแย้งในครั้งนี้

Wake up Thailand ประจำวันพุธที่ 21 พฤศจิกายน 2555

Wake up Thailand ประจำวันพุธที่ 21 พฤศจิกายน 2555



สัมพันธ์ไทย-อเมริกา ความมึนเมาอันแสนหวาน

(คลิกฟัง)
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=oJvu-ypt9-s    

Divas Cafe ประจำวันที่ 21 พฤศจิกายน 2555

Divas Cafe ประจำวันที่ 21 พฤศจิกายน 2555



ได้ประชาธิปไตย อย่าทิ้ง สิทธิมนุษยชน

(คลิกฟัง)
http://www.dailymotion.com/video/xv97t9 

The Daily Dose ประจำวันที่ 21 พฤศจิกายน 2555

The Daily Dose ประจำวันที่ 21 พฤศจิกายน 2555

'ยิ่งลักษณ์' โอกาสดีได้พบประมุขอังกฤษ / สหรัฐฯ

อย่าลืมจีน...มหาอำนาจใน Pacific Century 

(คลิกฟัง)
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=q1LT5-3zZ3I 

ที่นี่ความจริง 20 11 2012

ที่นี่ความจริง 20 11 2012

 

ที่นี่ความจริง อ หวาน อ ตุ้ม 11มิย55


(คลิกฟัง)
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=m09JZ-yu6lw

1 ปธ.สภา : 39,185 ประชาชน คุยกับรากหญ้าเชียงใหม่ หลังแก้ 112 ถูกปัดตก

1 ปธ.สภา : 39,185 ประชาชน คุยกับรากหญ้าเชียงใหม่ หลังแก้ 112 ถูกปัดตก

 

 
คุยกับคนเชียงใหม่ ผู้ร่วมแก้ ม.112


บทสัมภาษณ์ประชาชนชาวเชียงใหม่ ผู้ร่วมลงชื่อสนับสนุนการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ตามข้อเสนอนิติราษฎร์กับ ครก.112 ลองฟังเสียงชาวนา แม่ค้า ผู้รับเหมา คนรับจ้าง ดูว่าเขาคิดอย่างไรหลังร่างกฎหมายนี้ถูกปัดตกไปเงียบๆ
“มาตรา 112 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี”
เราอาจย้อนทบทวนถึงแรงดันสะสมของเรื่อง 112 นี้ไปได้ไกลถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ 6 ตุลา 19 ที่ส่งผลให้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งเรียกกันว่า "กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" นี้ถูกแก้ไขเพิ่มโทษโดยคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2519 เป็นต้นมา 

ในยุคสมัยปัจจุบัน มีความพยายามของสังคมในการเรียกร้องต่อรัฐให้จัดการแก้ไขยกเลิกบ่อเกิดแห่ง ความอยุติธรรมนี้อยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะให้ยกเลิก ให้แก้ไข ให้ความรู้ความเข้าใจในปัญหา ให้ถกเถียงอภิปราย หรือแม้กระทั่งให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์  แต่การจับกุมคุมขังดำเนินคดีก็ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง

จนเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2555 คณะรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 (http://www.ccaa112.org/web/) ซึ่งประกอบด้วยนักวิชาการ ปัญญาชน สื่อมวลชน นักเขียน ศิลปิน ผู้มีชื่อเสียงทางสังคม และนักเคลื่อนไหวทางสังคมจำนวนหนึ่ง ได้นำร่างแก้ไขกฎหมายนี้ของคณะนิติราษฎร์มาทำเป็นข้อเสนอเพื่อยื่นให้รัฐสภา แก้ไขกฎหมายนี้ตามกระบวนการนิติบัญญัติเท่าที่มีอยู่  มีประชาชนจากทั่วประเทศร่วมส่งเอกสารลงลายมือชื่อสนับสนุนเป็นจำนวนถึง 39,185 คน โดยนำเข้าสู่สภาด้วยกิจกรรม “ปรากฏการณ์ 112 ริกเตอร์” เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2555 

ก่อนหน้านั้นไม่นานนัก แรงดันที่สั่นสะเทือนในเรื่องนี้ครั้งใหญ่คือเหตุการณ์วันที่ 8 พฤษภาคม 2555 นายอำพล ตั้งนพกุล หรืออากง SMS ผู้ต้องขังคดี 112 ที่เสียชีวิตในเรือนจำระหว่างถูกคุมขังด้วยโรคมะเร็ง โดยเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวมาตั้งแต่ชั้นจับกุม

แต่แล้วเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2555 ปรากฏว่ามีการเผยแพร่ข่าว (อย่างเงียบๆ) ว่าประธานรัฐสภาได้เขี่ยข้อเสนอร่างแก้ไขกฎหมายตกไปแล้วตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2555  (http://prachatai.com/journal/2012/11/43435) โดยให้เหตุผลสั้นๆ ว่าร่างดังกล่าวไม่เข้าหมวดสิทธิเสรีภาพ  อย่างที่ไม่มีการแจ้งกลับถึงครก.112 ผู้นำในการเสนอหรือเรียกให้ไปชี้แจงแต่อย่างใด
 
(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2012/11/43773

"จาตุรนต์ ฉายแสง" ชำแหละยุทธการ "ชนชั้นนำ" วางเกมรบ "ใน-นอก" สภา

"จาตุรนต์ ฉายแสง" ชำแหละยุทธการ "ชนชั้นนำ" วางเกมรบ "ใน-นอก" สภา


 
 
 "...อาจเป็นการดิ้นรนเฮือกสุดท้ายของกลุ่มที่เคลื่อนไหว แต่อาจจะยังไม่ใช่เฮือกสุดท้ายของชนชั้นนำหรือผู้ที่ไม่เชื่อในระบอบ ประชาธิปไตยส่วนอื่นๆ..."

เมื่อฝ่ายค้านนำโดย "พรรคประชาธิปัตย์" (ปชป.) เตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เปิด "เกมรบ" ในสภาระหว่างวันที่ 25-28 พฤศจิกายน

ขณะ ที่ "องค์การพิทักษ์สยาม" (อพส.) ซึ่งนำโดย "พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์" หรือ "เสธ.อ้าย" นัดชุมนุมใหญ่ตั้งเป้าเปิด "เกมรบ" นอกสภาเพื่อล้มรัฐบาลในวันที่ 24 พฤศจิกายน

"จาตุรนต์ ฉายแสง" อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และอดีตรองนายกรัฐมนตรี วิเคราะห์ถึงยุทธศาสตร์การวางเกมรบ "ใน-นอก" สภาผ่าน "มติชน"


- ให้มองยุทธศาสตร์ฝ่ายค้านวางเกมยื่นญัตติซักฟอกโดยพุ่งเป้าไปที่นายก รัฐมนตรี ทั้งที่คาดว่าจะเน้นไปที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในโครงการจำนำข้าว


เวลาผ่านมา 1 ปีกว่า ฝ่ายค้านคงพุ่งเป้าไปที่นายกฯ อภิปรายคนอื่นบ้างเท่าที่มีข้อมูลชัดเจนเพียงพอ ในกรณีจำนำข้าว เท่าที่ผ่านมาเห็นฝ่ายค้านถือเป็นเรื่องใหญ่ ปัญหาเชิงนโยบาย และต้องการจี้มาที่นายกฯ ซึ่งมีทั้งเป็นจุดอ่อนและจุดแข็ง มีทั้งข้อดีและข้อเสียของฝ่ายค้าน คือจะได้พยายามชี้ให้เห็นปัญหานายกฯ แต่เรื่องทุจริตก็ยากที่จะถึงนายกฯ แม้ตั้งใจพุ่งเป้าไปที่นายกฯแต่อาจไปไม่ถึง ฝ่ายค้านอาจชั่งน้ำหนักมาแล้วทำให้เห็นได้ว่างานนี้เขาพุ่งเป้าที่นายกฯ เต็มๆ
 
- การที่นายกฯไม่ค่อยได้ตอบกระทู้ในสภา หากนายกฯเข้าสภาเพื่อชี้แจงญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเป็นอุปสรรคหรือไม่


ผม คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร คือนายกฯเป็นนายกฯมา 1 ปีกว่า ก็มีประสบการณ์ในการทำงานและบริหารเต็มที่และรู้ว่างานไหนไปถึงไหน ดังนั้น ข้อมูลจากกระทรวง จากเจ้าหน้าที่มาให้ก็เพียงพอที่จะชี้แจง ส่วนเรื่องที่เป็นภาระรับผิดชอบรัฐมนตรีโดยตรง รัฐมนตรีสามารถชี้แจงได้ บางเรื่องเป็นความรับผิดชอบของนายกฯโดยตรงแล้วฝ่ายค้านหยิบยกมาอภิปราย จะให้นายกฯตอบแทนรัฐมนตรีก็คงไม่ได้ ต้องให้รัฐมนตรีขึ้นมาตอบตามสิทธิข้อบังคับและรัฐธรรมนูญ ดังนั้น รัฐมนตรีตอบในส่วนตนเองรับผิดชอบ หรือตอบในลักษณะนโยบายหรือผลงานโดยรวม ผมคิดว่าถ้านายกฯชี้แจงตามข้อเท็จจริงและความเข้าใจไม่น่าจะเป็นปัญหา การที่ไม่ค่อยได้โต้ตอบกับฝ่ายค้าน ไม่น่าจะเป็นปัญหา เพราะว่าการชี้แจงของรัฐบาลคงไม่ใช่การโต้ตอบแค่คำต่อคำกับฝ่ายค้าน ถนัดเรื่องอะไรก็ชี้แจงไปในเรื่องนั้น แต่พรรคประชาธิปัตย์จะมีแทคติคอย่างไร เป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้เหมือนกัน


- ฝ่ายค้านจะโจมตีนายกฯเรื่องใดพิเศษในสภา

ผมคิดว่า 2 ส่วน 1.จำนำข้าว และ 2.เรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น

- หากฝ่ายค้านพาดพิงไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในฐานะพี่ชายของนายกฯจะรับมืออย่างไร

เรื่องแบบนี้เจอมากันจนชินแล้ว ผมคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องน่าเป็นห่วง ถ้าหากเป็นไปตามข้อบังคับใครมีหน้าที่ชี้แจงก็ชี้แจง 
 
(อ่านต่อ) 
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1353464933&grpid=01&catid=&subcatid

"กระหรี่ก็มีศักดิ์ศรีมีงานทำ"

"กระหรี่ก็มีศักดิ์ศรีมีงานทำ"
 

 

"อยากตั้งสหภาพแรงงานกระหรี่แห่งชาติจริงๆ จะปกป้องสิทธิคนขายบริการทางเพศ มันคือการทำงานอย่างหนึ่งมันมีศักดิ์ศรีความเป็นคนเท่ากันกับคนอื่นดีกว่าพวกไม่ทำงานเป็นขอทานชั้นสูงแน่ๆ"

จิตรา คชเดช 
20 พฤศจิกายน 2555