หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2556

สังคมไทยคืนสู่สภาพเดิมหรือ?


แดงสังคมนิยม

สังคมไทยคืนสู่สภาพเดิมหรือ?


โดย ใจ อึ้งภากรณ์

 

หลายคนเชื่อหรืออยากฝันว่า สังคมไทยกลับคืนสู่สภาพเดิมหลังรัฐประหาร ๑๙ กันยา หลังการประท้วงจากสองฝ่าย การเข่นฆ่าประชาชนเสื้อแดงโดยทหาร และชัยชนะของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งปี ๒๕๕๔ แต่ก็มีคนเสื้อแดงไม่น้อยที่เชื่อว่าประชาชนจำนวนมาก “ตาสว่าง” และสังคมไทยจะกลับสู่สภาพเดิมไม่ได้ อย่างไรก็ตามความจริงในรูปธรรมมันซับซ้อนกว่านั้น


สำหรับพวกที่เชื่อหรือฝันว่าสังคมไทยกำลังกลับคืนสภาพเดิม แน่นอนมีคนอย่างพวกทหารระดับสูง ที่คิดว่าจะไม่มีการลดอำนาจทหาร ไม่มีการแก้กฏหมาย 112 ไม่มีการปฏิรูประบบศาล ไม่มีการนำฆาตกรอย่างตัวเขาเองมาขึ้นศาล ทั้งหมดเพราะมีข้อตกลงกับนักการเมืองน้ำเน่าในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย และอีกกลุ่มหนึ่งที่หวังว่าทุกอย่างกำลังกลับสู่สภาพเดิมคือทักษิณและนักการ เมืองที่เป็นพรรคพวก และนั้นคือความหมายของการปรองดองแย่ๆ ทำพวกนี้ผลักดัน มันปรองดองบนซากศพวีรชน ปรองดองบนความทุกข์ของนักโทษการเมือง ปรองดองเพื่อให้ชนชั้นปกครองไทยที่เคยทะเลาะกัน กลับมาร่วมกินเสพสุขบนพื้นฐานการกดขี่ขูดรีดประชาชนส่วนใหญ่


นอกจากฝ่ายชนชั้นสูงแล้ว มันมีปรากฏการณ์ในหมู่นักวิชาการและผู้นำเอ็นจีโอหลายคน ที่เคยโบกมือต้อนรับรัฐประหาร ๑๙ กันยา และชื่นชมในทหารที่เข่นฆ่าเสื้อแดง พวกนี้ก็หวังว่าสังคมไทยกำลังกลับคืนสู่สภาพเดิม และเริ่มออกมา “หน้าด้าน” แสดงความเห็นต่อสังคมเรื่องประชาธิปไตย โดยอ้างว่าเป็นผู้แทนหรือปากเสียงของ “ภาคประชาชน” พวกนี้ไม่ต่างจากสัตว์เลื้อยคลานที่ออกมาตอนกลางคืนหลังจากที่แสงสว่างหมดไป จากโลก เราก็เลยเห็นคนที่เคยร่วมทำลายประชาธิปไตย เคยร่วมส่งเสริมเผด็จการ เคยร่วมกันด่าประชาชนธรรมดาเวลาประชาชนเหล่านั้นชุมนุมเป็นเสื้อแดง ตอนนี้ออกมาเป็น “ผู้เชี่ยวชาญหรือพี่เลี้ยง” ในเรื่องประชาธิปไตย หรือ “ผู้ส่งเสริมสิทธิผู้บริโภคหรือสิทธิชาวบ้าน” แต่มันมีเงื่อนไขคือชาวบ้านเหล่านั้นต้องยอมรับการนำของเขา และต้องไม่นำตนเอง
 

ที่น่าสมเพช คือแนวทางในการพัฒนาประชาธิปไตยของพวกนี้มีแต่สูตรเดิมๆ ที่ไม่เคยมีความหมายจริง เพราะไปอาศัยทฤษฏีของฝ่ายชนชั้นปกครองทั่วโลกมาใช้ ซึ่งเป็นแนวคิดฝ่ายขวาที่เป็นอุปสรรค์ต่อการสร้างประชาธิปไตยและเสรีภาพแท้ บ่อยครั้งมันฟังดูดี แต่มันนามธรรมเหลือเกิน ซึ่งเป็นการสร้างภาพให้ดูดีเพื่อให้คงไว้สภาพเดิมเท่านั้น


ขอยกตัวอย่าง มีการพูดว่าประชาธิปไตยต้องไม่ยึดติดกับตัวบุคคลเกินไป เออ...ก็ใช่นะ แต่พวกที่พูดแบบนี้ก็กลับยึดติดกับคนชั้นสูงที่เขาเองรักจนหัวใจพองโต หรือยึดติดกับผู้ก่อตั้งศาสนาในยุคโบราณ หรือมองว่าการเปลี่ยนแปลงในโลกมาจากการกระทำของคนสำคัญ “คนดีไม่กี่คน” “คนฉลาดไม่กี่คน” หรือแม้แต่คนชั้นกลางที่เป็นคนส่วนน้อย แต่พอสะกิดความคิดของเขาด้วยข้อเสนอว่าคนธรรมดานำตนเองได้ สร้างขบวนการเสื้อแดงได้ หรือกรรมกรโรงงานบริหารการผลิตเองได้โดยไม่ต้องมีนายทุนหรือหัวหน้างาน หรือถ้าเราเสนอว่าทุกตำแหน่งสาธารณะในสังคมควรมาจากการเลือกตั้ง เขาจะรีบสวนกลับไปว่าคนชั้นต่ำทำอะไรเองไม่ได้


อีกตัวอย่างหนึ่งคือเรื่องการคอร์รับชั่น ซึ่งเป็นปัญหาจริง แต่เป็นปัญหาจากโครงสร้างสังคมที่เป็นสังคมชนชั้น เพราะพวกที่คอร์รับชั่นจริงในสังคมไทย คือชนชั้นปกครองทั้งชนชั้น ไม่มีดีสักคน เช่นทหารที่เบ่งอำนาจ ใช้งบจากภาษีประชาชนเพื่อสร้างสถานีโทรทัศน์แล้วตั้งตัวเองเป็นกรรมการบอร์ด เพื่อกินกำไรเข้ากระเป๋าส่วนตัว เช่นพวกอภิสิทธิ์ชนที่อาศัยตำแหน่งเพื่อตั้งเงินเดือนตัวเองสูงๆ แล้วกดเงินเดือนประชาชนธรรมดา หรือตัวอย่างอื่นๆ ของคนที่ใช้ตำแหน่งเพื่ออ้างสิทธิพิเศษที่จะร่ำรวยมหาศาลโดยที่ตนเองไม่ทำ งานเลย และเรายังไม่ได้พูดถึงนักการเมืองน้ำเน่าทั้งหลาย แต่พวกที่เคยสนับสนุนรัฐประหาร ๑๙ กันยาจะพูดถึงคนกลุ่มสุดท้ายนี้เท่านั้น


พวกที่ล้าหลังที่สุดที่ตอนนี้คลานออกมาจากใต้ก้อนหินเพื่อสั่งสอนสังคม เคยเสนอว่าประชาชนไทยไม่ควรมีสิทธิ์เลือกตั้งเต็มที่ เพราะเคยไปเลือกทักษิณ โดยที่พวกนี้พยายามปกปิดความจริงว่าประชาชนเลือกทักษิณเพราะชอบนโยบายที่ เป็นรูปธรรมของพรรคไทยรักไทย นั้นไม่ใช่การยึดติดกับตัวบุคคลของเสื้อแดง แต่การเสนอว่าในระบบการเมือง หรือในการเลือกตั้ง ประชาชนไม่ควรยึดติดกับตัวบุคคล มันมีความหมายในอีกแง่ คือมันเป็นวิธีหลีกเลี่ยงประเด็นชนชั้น


เรื่องการคอร์รับชั่นก็เป็นเรื่องชนชั้น และความสามารถในการตรวจสอบการใช้อำนาจ ที่พวกกระแสหลักชอบพูดถึงบ่อยๆ จะไม่มีวันเกิดขึ้นถ้าชนชั้นกรรมาชีพหรือคนทำงานไม่มีอำนาจสูงสุดในแผ่นดิน ยิ่งกว่านั้นการตรวจสอบการใช้อำนาจไม่สามารถเกิดขึ้นได้ถ้ามีกฏหมายเผด็จ การอย่าง 112 ที่ปกป้องทหาร นักการเมือง และอภิสิทธิ์ชน


คนที่ปฏิเสธความสำคัญของชนชั้น และนักวิชาการกับแกนนำเอ็นจีโอเกือบทุกคนมองโลกแบบนี้ เป็นคนที่ปิดหูปิดตาตัวเอง และพยายามปิดหูปิดตาคนอื่นถึงแก่นแท้ของความไม่เท่าเทียมทางอำนาจในสังคม ซึ่งนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจอีกด้วย เพราะถ้าไม่นำเรื่องชนชั้นมาพูด เราจะไม่สามารถมองเห็นการที่คนส่วนน้อยกลุ่มหนึ่ง คุมอำนาจทางการเมืองในมือ และใช้อำนาจนั้นในการบังคับขโมยทรัพย์สินส่วนเกินจากคนส่วนใหญ่ที่ทำงาน จนพวกนี้ร่ำรวยมหาศาล นอกจากนี้คนกลุ่มนี้สามารถร่วมกันใช้ทรัพย์สินส่วนหนึ่ง ผ่านกลไกของรัฐ ในการรักษาความไม่เท่าเทียมทางอำนาจต่อไปได้


ถ้าเราปฏิเสธประเด็นชนชั้น เราเหลือแต่คำอธิบายว่าเศรษฐี คนรวยหรือนายทุน รวยเพราะขยันและรู้จักออม หรือเขารวยหรือมีอำนาจทางการเมือง เพราะเขาฉลาดหรือมีความสามารถพิเศษกว่าเรา


คนที่ปฏิเสธชนชั้นจะมองไม่ออกว่า “การเมือง” เป็นช่องทางในการแย่งผลประโยชน์กันระหว่างคนส่วนน้อยที่คุมอำนาจและการผลิต มูลค่า กับคนส่วนใหญ่ที่ทำงานผลิตมูลค่าดังกล่าว เขาจึงมองว่า “การเมือง” เป็นแค่การเล่นเกม ระหว่างทีมต่างๆ ที่มีรสนิยมต่างกัน การมองว่าการเลือกตั้งระหว่างพรรคเดโมแครด กับพรรคริพับลิแคน ในสหรัฐอเมริกา คือจุดสุดยอดของการพัฒนาประชาธิปไตย เป็นตัวอย่างที่ดีของความคิดปัญญาอ่อนแบบนี้ และเวลามีวิกฤตเกิดขึ้น เรามักจะได้ยินพวกนี้พูดว่า “เราควรสามัคคีเพื่อชาติ” หรือ “ไม่ควรนำการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง” 


แต่ในโลกจริงการเมืองของความขัดแย้งทางชนชั้นไม่เคยหายไป เวลาน้ำท่วมหรือพายุเข้ามา คนจนเดือดร้อนมากกว่าคนรวยหลายร้อยเท่า และคนจนยิ่งเดือดร้อนมากขึ้นเวลาคนรวยที่มีอำนาจ ไม่ยอมให้รัฐของนายทุน เก็บภาษีจากตัวเขาเพื่อพัฒนาสภาพความเป็นอยู่ของคนส่วนใหญ่


เรื่องประชาธิปไตยเป็นเรื่องชนชั้นล้วนๆ เพราะในระบบประชาธิปไตยแท้ ที่พวกเราเรียกว่า “สังคมนิยม” คนทำงานธรรมดาจะมีอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจที่จะควบคุมทุกอย่างในสังคม ร่วมกัน แทนที่จะมีนายทุนที่มีอำนาจล้นฟ้าอย่างทุกวันนี้


ถ้าจะมีประชาธิปไตยแท้ในอนาคต เราต้องมีพรรคการเมืองที่มาจากคนทำงาน และเสนอนโยบายเพื่อคนทำงาน พรรคนี้จะต้องเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์กับคนส่วนใหญ่ที่เป็นคนธรรมดา ซึ่งหมายความว่านโยบายดังกล่าวจะทำให้เศรษฐีนายทุน และพรรคพวกของเขา รวมถึงนายทหารชั้นสูง เสียผลประโยชน์และในที่สุดเสียอำนาจด้วย ในสังคมที่เต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำทางอำนาจและฐานะเศรษฐกิจ การสร้างความเสมอภาคย่อมกระทบกับคนส่วนน้อยที่เคยได้ประโยชน์จากความไม่เสมอ ภาค มันเข้าใจได้ง่าย


ถ้าวกกลับมาพิจารณาว่าสังคมไทยกำลังกลับคืนสู้สภาพเดิมหรือไม่ เราต้องตั้งข้อสังเกตหลายประการ เช่นสังคมที่ไหน ไม่ว่าจะไทยหรือที่อื่น ไม่เคยแช่แข็งหยุดนิ่งโดยไม่เปลี่ยนแปลง แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าการเปลี่ยนแปลงจะทำให้สังคมดีขึ้นโดยอัตโนมัติ มันอาจแย่ลง หรืออาจเปลี่ยนในหลายแง่ แต่ไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง


ประชาชนไทยจำนวนมากผ่านประสบการณ์วิกฤตการเมืองหลังรัฐประหาร ๑๙ กันยา ซึ่งทำให้บางคนตาสว่าง บางคนมองโลกในแง่ใหม่ บางคนอยากเปลี่ยนสังคมต่อไป บางคนพร้อมจะขยับตัวออกมาต่อสู้หรือจัดตั้งเพื่อเปลี่ยนสังคม แต่ในขณะเดียวกันบางคนอาจยิ่งถอยหลังลงคลอง ดื้อในความล้าหลัง ไม่พร้อมจะให้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย เพราะเกลียดและกลัวภาพของการเปลี่ยนแปลงที่เคยเห็นแว๊บๆ ท่ามกลางวิกฤตที่ผ่านมา และอีกสิ่งหนึ่งที่เราไม่ควรลืมคือ คนเปลี่ยนความคิดเสมอ และการเปลี่ยนแปลงทางความคิดอาจไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกันเสมอ อาจเปลี่ยนกลับไปกลับมาได้ ตัวอย่างที่ดีคือคนสมัย ๑๔ ตุลา หรือ ๖ ตุลา ที่ตื่นตัวทางการเมืองและเริ่มขยับไปทางซ้ายสังคมนิยม ในภายหลังวกกลับมามีความคิดอนุรักษ์นิยมอีก พูดง่ายๆ คนที่ตาสว่างหลัง ๑๙ กันยา จะไม่ตาสว่างตลอดไปถ้าไม่มีการต่อสู้เพิ่มเติมและการจัดตั้งทางการ เมืองอย่างต่อเนื่องของฝ่ายสังคมนิยม


ไม่มีหลักประกันว่าตอนนี้สังคมไทยจะไม่กลับคืนสู่สภาพเดิมๆ ที่ไร้ความยุติธรรม แต่ก็ไม่มีหลักประกันอีกด้วยว่าสังคมจะไม่เปลี่ยน ตอนนี้เป็นโอกาสทองที่จะต่อยอดการเคลื่อนไหวต่อสู้ของเสื้อแดง เพื่อผลักดันให้เกิดประชาธิปไตยแท้ และเปลี่ยนโครงสร้างสังคมให้เป็นประโยชน์กับคนส่วนใหญ่ แต่มันขึ้นอยู่กับเราว่าเราจะร่วมกันลงมือทำงานเพื่อเป้าหมายนี้หรือไม่

(ที่มา)

สาระ+ภาพ โรฮิงญา มนุษย์ที่ไม่ถูกนับรวม

สาระ+ภาพ โรฮิงญา มนุษย์ที่ไม่ถูกนับรวม

 

ตามข้อมูลประวัติศาสตร์ โรฮิงญาคือเชื้อสายผสมที่สืบทอดมาจากแขกมัวร์ อาหรับ พ่อค้าเปอร์เซียน เตอร์ก ปาทาน เบงกาลี กับคนพื้นเมืองอาระกัน และตั้งรกรากอยู่ในรัฐอาระกันตั้งแต่สมัยราชวงศ์โมกุลในช่วงศตวรรษที่ 9-15

ปี ค.ศ. 1948 พม่าประกาศเอกราชและก้าวสู่รัฐชาติสมัยใหม่ ขณะที่บังกลาเทศที่รู้จักกันในปัจจุบันประกาศเอกราช แยกตัวจากอินเดีย เป็นปากีสถานตะวันออก เมื่อปี 1947 ก่อนจะแยกตัวเป็นบังกลาเทศในเวลาต่อมา

โรฮิงญาเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับผลกระทบจากรัฐชาติสมัยใหม่ เมื่อมีการขีดเส้นเขตแดน พวกเขาไม่ถูกนับรวมเป็นประชากรของประเทศใดเลย ไม่ว่าจะเป็นพม่าหรือบังกลาเทศ ไม่ได้รับสิทธิในฐานะพลเมือง และพยายามแสวงหาชีวิตที่ดีกว่าโดยการล่องเรือมายังมาเลเซียและไทย และเข้ามาสู่กระบวนการค้ามนุษย์

(อ่านต่อ)

Wake Up Thailand

Wake Up Thailand 


ทางด่วนเกษตร... เยอะ:หรือไม่มีส่วนร่วม

Wake Up Thailand ประจำวันที่ 18 มกราคม 2556  ตอนที่ 2
ทางด่วนเกษตร... เยอะ:หรือไม่มีส่วนร่วม
http://www.dailymotion.com/video/xwulyt_yyyy-yyyyyyy-yyyy-yy-yyy-y-y-yyy-yy_news#.UPszX_JhUlU
 

'จูดี้' ขี่รถขยะทะลุฟ้า

Wake Up Thailand ประจำวันที่ 18 มกราคม 2556  ตอนที่ 1
'จูดี้' ขี่รถขยะทะลุฟ้า 
http://www.dailymotion.com/video/xwuky0 

  
Coffee with : อ.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ 

Wake Up Thailand ประจำวันที่ 17 มกราคม 2556  ตอนที่ 2
Coffee with : อ.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ 
http://www.dailymotion.com/video/xwtguw_coffee-with
  

ลุงบุญมี ฤา ลมจะเปลี่ยนทิศ

Wake Up Thailand ประจำวันที่ 17 มกราคม 2556  ตอนที่ 1
ลุงบุญมี ฤา ลมจะเปลี่ยนทิศ
http://www.dailymotion.com/video/xwtfc9 

The Daily Dose

The Daily Dose 



คะเเนนเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม.ในอดีต

The Daily Dose ประจำวันที่ 18 มกราคม 2556
คะเเนนเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม.ในอดีต
http://www.dailymotion.com/video/xwv05x 

The Daily Dose ประจำวันที่ 17 มกราคม 2556
นายกฯญี่ปุ่นเยือนไทยย้ำความสำคัญของสัมพันธ์ 
http://www.dailymotion.com/video/xwu54b 

Divas Cafe

Divas Cafe 


Divas Cafe ประจำวันที่ 18 มกราคม 2556
รวันดาแซงหน้าไทย
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=45oZJqn41VE 
   

แอรอน ชวาร์ทซ์ ไซเบอร์ โรบินฮู๊ด 

Divas Cafe ประจำวันที่ 17 มกราคม 2556
แอรอน ชวาร์ทซ์ ไซเบอร์ โรบินฮู๊ด 
http://www.dailymotion.com/video/xwtpre 

Thai E-News

Thai E-News


 
 
คำถามVSคำตอบเรื่องไทยอีนิวส์โดนลบ

เรียน ท่านผู้อ่านไทยอีนิวส์ ตลอด 2 วันที่ไทยอีนิวส์โดนลบไปนั้น เราได้พยายามดำเนินการแก้ไขอยู่อย่างต่อเนื่อง

1.เรายังไม่ทราบปัญหาที่แท้จริง และกำลังติดต่ออุทธรณ์กับgoogle ซึ่งเป็นเจ้าของเซิฟเวอร์ของเว็บไทยอีนิวส์อยู่ โดยทั่วไปควรได้รับคำตอบในราวไม่เกิน 48 ชั่วโมงนับแต่ยื่นเรื่องไป

2.มีการตั้งข้อสมมุติฐานความเป็นไปได้ของการถูกลบหลายประเด็น เช่น

-คนที่อยากให้ปิดThaienewsรุมรีพอร์ตจนถึงเกณฑ์ที่ถูกลบอัตโนมัติ
-มีแฮ็คเกอร์เข้ามาแฮ็คและล
-มีแฮ็คเกอร์เข้ามาแฮ็ค ทางgoogleจึงลบเพื่อป้องกันปัญหา
-ปัญหาอื่นๆ ที่เรายังไม่ทราบ

3.ส่วนประเด็นการเมืองนั้น เราคิดว่าไม่ใช่ปัญหาในกรณีนี้ เพราะเรื่องการเมืองกับการปิดกั้นไทยอีนิวส์นั้น เป็นการกระทำตามปกติอยู่แล้วที่ว่า...

-ไทยอีนิวส์ถูกปิดกั้นโดยศอฉ.มาตั้งแต่10เมษายน2553(ยุครัฐบาลอภิสิทธิ์)
-ต่อมาในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ICTก็ปิดกั้นต่อเนื่อง

อย่่างไรก็ตามท่านผู้อ่านสามารถเข้ามาอ่านผ่านช่องทางต่างๆทั้งพร็อกซี่ หรือแคช หรือผ่านกูเกิ้ล เสิร์ซฯลฯ ซึ่งต่างจากกรณีล่าสุดที่โดนลบไปเลย

หากท่านผู้อ่านมีข้อเสนอแนะใดๆ อย่าลังเลที่จะบอกกับเรา

คณะบรรณาธิการไทยอีนิวส์



ระหว่างที่เว็บThaiEnewsโดนลบ โดยยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด และเรากำลังแก้ไขอยู่นี้ ท่านผู้อ่านสามารถติดตามหน้าเวบเพจอย่างเป็นทางการของThai E-news ได้ตามนี้
http://www.facebook.com/Thaienews009?ref=hl
 

มันเป็นยังไงนะ นิรโทษให้ปชช มันถึงยากเย็นนักหนา จะรอพ่องมึงตายก่อนรึไงวะ

มันเป็นยังไงนะ นิรโทษให้ปชช มันถึงยากเย็นนักหนา จะรอพ่อมึงตายก่อนรึไงวะ




Posted Image   
สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล
"แล้ว ข้อเสนอนิรโทษกรรมของ นปช. นี่ เป็นการเสนอนิรโทษกรรมให้ระดับชาวบ้านธรรมดาๆ (ทั้งสองสี) โดยตรง ให้ยกเว้นแกนนำ (ข้อเสนอนิติราษฎร์ ยังรวมหมด ไม่ว่าแกนนำ หรือ ไม่แกนนำ)

การทีคุณวัฒนา ออกมาคัดค้าน (แล้วก็ให้เหตุลผิดๆ ไม่สมกับทำงานฝ่ายนิติบัญญัติเลย)

ไม่ทราบใช้กระโหลกคิดบ้างหรือเปล่าว่า เท่ากับว่า คุณกำลังคัดค้านการช่วยชาวบ้านธรรมดาๆ ให้พ้นคุกน่ะ

งี่เง่า อีเตียต เนรคุณ และเลวมากๆเลยครับ"

 
ใน ตอนหาเสียงใหญ่ของพรรคเพื่อไทยต่อคนเสื้อแดง ผมจำได้ว่ามีการประกาศ"คืนความเป็นธรรมให้ประชาชน" เพื่อให้คนเสื้อแดงช่วยผลักดันให้ได้เป็นรัฐบาล

ดังนั้นการที่ สส.วัฒนา เซ่งไพเราะ แสดงออกซึ่งท่าทีอันรังเกียจการนิรโทษกรรมผู้ชุมนุมทางการเมืองแบบนี้ ก็คงไม่ผิดอะไรหากผมจะบอกว่าสส.คนนี้มีแนวคิดทรยศต่อประชาชน และบิดเบือนแนวทางคืนความเป็นธรรมให้กับประชาชนของพรรคเพื่อไทย

ทางกลุ่มเครือข่ายนักกิจกรรมทางสังคม เพื่อประชาธิปไตย และมวลชนเสื้อแดงจำนวนหนึ่ง เห็นพ้องต้องกันว่า เราจะไปยื่นถอดถอน สส.วัฒนา เซ่งไพเราะ ออกจากตำแหน่งโฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร ในวันอังคารที่ 22 มกราคม 2556 เวลา 10.30 น.

ขอเชิญพี่น้องประชาชนที่สนใจและเห็นพ้องต้อง กันในกรณีนี้ ร่วมยื่นหนังสือถอดถอนนายวัฒนา ต่อหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในวันและเวลาดังกล่าว จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
 


"วัฒนา เซ่งไพเราะ" โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร ตอก ''นิติราษฎร์'' หยุดบิดเบือน ปมตีตก ป.วิอาญาม.112 ยัน ขัด รธน.ม.163 ชัด 
http://www.thairath.co.th/content/pol/303867

"แอนดรูว์ สปูนเนอร์" นักข่าวอิสระตั้งคำถามนักข่าว "ไทม์" ประจำกรุงเทพฯ รับของกำนัลปชป.หรือไม่ ?

"แอนดรูว์ สปูนเนอร์" นักข่าวอิสระตั้งคำถามนักข่าว "ไทม์" ประจำกรุงเทพฯ รับของกำนัลปชป.หรือไม่ ?

 

   

 

หมายเหตุ : นาย แอนดรูว์ สปูนเนอร์ ผู้สื่อข่าวอิสระชื่อดังชาวอังกฤษ ที่ประจำอยู่ทั้งในประเทศไทยและอังกฤษ ล่าสุดเปิดบล็อกข่าวและวิพากษ์วิจารณ์ข่าวต่างๆ ใช้ชื่อว่า http://asiaprovocateur.blogspot.co.uk เขียนบทความล่าสุดตั้งคำถามต่อความสัมพันธ์ระหว่างนายโรเบิร์ต ฮอร์น ผู้สือข่าวนิตยสารไทม์ ประจำกรุงเทพฯ กับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์บางกลุ่ม มีเนื้อหาดังนี้

(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1358476888&grpid=&catid=02&subcatid=0207

'ไทยอีนิวส์' ถูกลบจาก 'บล็อกสปอต'-ยังไม่ทราบสาเหตุ

'ไทยอีนิวส์' ถูกลบจาก 'บล็อกสปอต'-ยังไม่ทราบสาเหตุ

 

 ภาพหน้าจอเมื่อเข้า http://thaienews.blogspot.com/ (เข้าถึงเมื่อ 18 ม.ค.56)

(18 ม.ค.56) สมศักดิ์ ภักดีเดช ผู้ดูแลเว็บบล็อก 'ไทยอีนิวส์' (http://thaienews.blogspot.com) ซึ่งเป็นเว็บเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารทางสังคมการเมืองในประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ เมื่อเข้าเว็บบล็อกไทยอีนิวส์ ก็พบข้อความว่า "บล็อกถูกลบแล้ว" โดยที่ตนเองไม่ได้เป็นผู้ลบ และไม่เคยมีอีเมลแจ้งเตือนล่วงหน้าหรือแจ้งเหตุผลในการลบจากกูเกิลแต่อย่าง ใด ทั้งนี้ ได้กดปุ่มแจ้งอุทธรณ์ไปแล้ว ซึ่งระบบให้รอ 24-48 ชั่วโมง

สมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่คิดว่ามีสาเหตุมาจากการเมือง เพราะบล็อกของตนถูกปิดกั้นมานานแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 ในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ยังปิดต่อเนื่อง แต่ผู้ที่สนใจก็ยังหาทางอ้อมเข้ามาอ่านได้ จึงคิดว่าอาจเป็นปัญหาทางเทคนิค อาจมีผู้กดรีพอร์ตไปยังกูเกิลจนถึงเกณฑ์ จึงถูกลบ อย่างไรก็ตาม ยังมองว่าแปลกที่มาถูกลบในช่วงนี้ เพราะถ้าถูกรีพอร์ตน่าจะโดนมาตลอด เพราะคนไม่ชอบก็มีอยู่มาก แต่ถ้าถามว่ามีเนื้อหาขัดกับกฎหมายไหม ก็คิดว่าไม่ขัด เพราะทางทีมก็ได้คุมไม่ให้มีอะไรที่หมิ่นประมาท หรืออาฆาตมาดร้ายอยู่แล้ว

(ที่มา)
http://www.prachatai.com/journal/2013/01/44747

จำคุก 'เจ๋ง ดอกจิก' 3 ปี คดี 112 ลดโทษเหลือ 2 ปี ไม่รอลงอาญา แต่ได้ประกัน

จำคุก 'เจ๋ง ดอกจิก' 3 ปี คดี 112 ลดโทษเหลือ 2 ปี ไม่รอลงอาญา แต่ได้ประกัน

 

Nithiwat Wannasiri


ศาลสั่งจำคุก 'เจ๋ง ดอกจิก' 3 ปี คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ศาลให้ประกันด้วยเงิน 5 แสนบาท
http://www.prachatai.com/journal/2013/01/44731

นายกยิ่งลักษณ์ !...คุณจะทำหูทวนลมไปถึงไหน

นายกยิ่งลักษณ์ !...คุณจะทำหูทวนลมไปถึงไหน 

 

"เขมรยังปล่อยคนไทย แล้วใยเล่า ไทยไม่ปล่อยไทย"


Posted Image

จดหมายจากนักโทษ112 ถึง ท่านนายกยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
http://www.prachatalk.com/webboard

ไทย-เทศร่วมลงชื่อจดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ ปล่อย ‘สมยศ พฤกษาเกษมสุข’
http://www.prachatai.com/journal/2013/01/44749