หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555

ความเท่าเทียมทางเพศเป็นเรื่องชนชั้น

ความเท่าเทียมทางเพศเป็นเรื่องชนชั้น


 

 

 

 

 

 

 

 

"สำหรับแนวคิดเฟมินิสต์ แม้จะมีจุดมุ่งหมายเพื่อปลดแอกสตรี แต่นั้นเป็นเสมือนการเกาไม่ถูกที่คัน เนื่องจากแนวคิดเฟมินิสต์นี้ เรียกร้องให้สตรีทุกชนชั้น ร่วมตัวกันต่อสู้กับอิทธิพลเพศชาย" 

โดย ฮิปโปน้อย บรมสุขเกษม

เป็นที่แน่นอนว่านักมาร์คซิสต์ไม่เคยแยกประเด็น ในเรื่องการต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีออกจากเรื่องชนชั้น หากมองอย่างผิวเผินหรือมองในจุดยืนของนักสตรีนิยม (Feminists) เราอาจคิดว่าการกดขี่ทางเพศ เกิดจากโครงสร้างระบบที่ถือเพศชายเป็นใหญ่ที่มองว่า ตำแหน่งและหน้าที่ทำให้สถานะทางสังคมของเพศหญิงและเพศชาย มีความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมเกินไป เพศชายเป็นศูนย์กลางส่วนผู้หญิงมักไม่มีบทบาท ด้วยโครงสร้างชายเป็นใหญ่นี้เอง จึงเอื้ออำนวยให้เพศชายกดขี่ข่มเหงผู้หญิงได้ย่างเป็นระบบ

ในแนวคิดกระแสหลักของเฟมินิสต์แล้ว จะมีแนวคิดอยู่สองหลักคือแนวคิดแบบเสรีนิยม และแนวคิดที่ต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบรัฐ เพื่อลดบทบาทการนำของเพศชาย ซึ่งทั้งสองแนวทางนี้จะเน้นแต่การปฏิรูปกฎหมาย ปฏิรูปทางการเมือง ให้ผู้หญิงที่เป็นชนชั้นนำได้มีโอกาสเข้าถึงตำแหน่งทางการเมือง พยายามลดทอนอำนาจและอิทธิพลของเพศชาย และยังคงไว้ซึ่งระบบเศรษฐกิจและการเมืองเอาไว้ ดังนั้นแล้วแนวคิดเฟมินิสต์จึงมองปัญหาการกดขี่สตรี เป็นเรื่องของระบบชายเป็นใหญ่ โดยไม่ได้มองถึงระบบโครงสร้างทางชนชั้นในระบบทุนนิยม เนื่องจากสถาบันครอบครัวในระบบทุนนิยม ทำให้ผู้หญิงต้องทำงานหนักและมีภาระเพิ่ม ทั้งจากการทำงานหารายได้นอกบ้าน และต้องกลับมาดูแลงานในบ้านซึ่งเป็นงานที่ไม่มีมูลค่า รวมถึงการเลี้ยงดูลูกซึ่งเป็นหน้าที่หลักของผู้เป็นแม่

สำหรับแนวคิดเฟมินิสต์ แม้จะมีจุดมุ่งหมายเพื่อปลดแอกสตรี แต่นั้นเป็นเสมือนการเกาไม่ถูกที่คัน เนื่องจากแนวคิดเฟมินิสต์นี้ เรียกร้องให้สตรีทุกชนชั้น ร่วมตัวกันต่อสู้กับอิทธิพลเพศชาย ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นเท่ากับว่า  กรรมาชีพหญิงและกรรมาชีพชายต่างเข้าสู่สังเวียนที่ฟาดฟันกันเอง และเหตุนี้จะเป็นตัวทำลายความสามัคคีระหว่างกรรมาชีพหญิงและกรรมาชีพชาย ซึ่งอันที่จริงแล้วปัญหาไม่อยู่ที่ระบบชายเป็นใหญ่ แต่อยู่ที่ตัวระบบทุนนิยมที่ผูกขาดปัจจัยการผลิต กรรมาชีพไม่มีสิทธิในการใช้สอย ผลผลิตที่ตัวเองลงมือทำ

ดังนั้นแล้วหากจะแก้ไขปัญหาการกดขี่สตรีคือ การสร้างรัฐสวัสดิการให้ประชาชนอย่างเป็นระบบ แรงงานหญิงสามารถลางานเพื่อคลอดและเลี้ยงดูลูกได้ โดยยังได้รับเงินเดือนตามปกติ และรัฐบาลเองจะต้องจัดสถานที่เลี้ยงเด็กที่มีคุณภาพ รวมถึงการเข้าโรงเรียนฟรีด้วย เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระเรื่องลูกให้เบาลง นอกเหนือจากนั้นรัฐเองต้องดูแลบุคคลที่ไม่พร้อมจะมีลูก หรือตั้งท้องโดยไม่ได้ตั้งใจ ให้ผู้หญิงเหล่านั้นได้เลือกที่จะทำแท้งอย่างปลอดภัย ตามความสมัครใจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อไม่ให้เด็กที่เกิดมานั้นเป็นภาระของสังคม และพ่อแม่ที่ยังไม่มีความพร้อมในการเลี้ยงดูลูก

การต่อสู้ทางชนชั้นนั้น ไม่สามารถแยกออกจากการต่อสู้เพื่อสิทธิทางเพศ กรรมาชีพทั้งชายและหญิงต่างเป็นผู้ถูกกดขี่ด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้นจากต่อสู้จึงจำเป็นต้องต่อสู้เพื่อรัฐสวัสดิการก่อน ทั้งด้านการรักษาพยาบาล การดูแลคนชราหลังเกษียรจากการทำงาน ให้การบริการด้านอาหารและที่อยู่อาศัย แก่บุคคลไม่มีรายได้ พิการ หรือตกงาน เพื่อเป็นการลดช่องว่างความเหลื่อล้ำ และสร้างความเป็นธรรมให้กับคนทุกเพศ

(ที่มา)
http://turnleftthai.blogspot.dk/2012/09/blog-post_1.html

เสวนา: หมดจิตหมดใจจะใฝ่ฝัน ถึงทางตันขบวนการนักศึกษา?

เสวนา: หมดจิตหมดใจจะใฝ่ฝัน ถึงทางตันขบวนการนักศึกษา?

 

 

 
ถึงทางตันขบวนการนักศึกษาจริงหรือ?
http://www.youtube.com/watch?v=tj5Y8VnStJ4&feature=youtu.be

เราจำเป็นต้องพูดเรื่อง 112  


สวนากลุ่มประชาคมจุฬาฯ เพื่อประชาชน มองขบวนการนศ. ยังฟุบแต่ไม่ถึงทางตัน ต้องใช้เวลาค่อยๆ ฟื้นเพื่อร่วมกับยุคสมัยของขบวนการประชาชน ในขณะที่ "สนนท." ถูกมองว่าไม่ได้เป็นองค์กรนำในกลุ่มนศ. อีกต่อไป

เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 55 กลุ่มประชาคมจุฬาฯ เพื่อประชาชน ซึ่งเป็นกลุ่มกิจกรรมนักศึกษาอิสระในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงานเสวนาในหัวข้อ “หมดจิตหมดใจจะใฝ่ฝัน ถึงทางตันขบวนการนักศึกษา?” โดยมีวิทยากรประกอบด้วยเกรียงกมล เลาหไพโรจน์ เลขาธิการศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (ศนท.) ปี 2518 ชูวัส ฤกษ์ศิริสุข กรรมการบริหารสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ปี 2535 อติเทพ ใชยสิทธิ์ กรรมการบริหารสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ปี 2553 และหนึ่งฤดี นวนสาย สมาชิกกลุ่มประชาคมจุฬาฯ เพื่อประชาชน (CCP)

ดิน บัวแดง หนึ่งในผู้จัดงานครั้งนี้กล่าวถึงจุดประสงค์ของการจัดงานว่า ต้องการจะเผยแพร่องค์ความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ขบวนการนักศึกษา และฟังประสบการณ์จากผู้ที่เกี่ยวข้องในสมัยนั้น เพื่อเป็นบทเรียนและประโยชน์ให้กับกลุ่มนักศึกษาในปัจจุบัน ทั้งในแง่มุมวิชาการและประวัติศาสตร์

วิทยากรประกอบด้วย
เกรียงกมล เลาหไพโรจน์ เลขาธิการศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ปี 2518
ชูวัส ฤกษ์ศิริสุข จากประชาไท
อติเทพ ไชยสิทธิ์ กรรมการบริหารสหพันธุ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ปี 2553
หนึ่งฤดี นวนสาย กลุ่มประชาคมจุฬาฯ เพื่อประชาชน (CCP)

ดำเนินรายการโดย ดิน บัวแดง กลุ่มประชาคมจุฬาฯ เพื่อประชาชน (CCP)

ณ ห้อง 107 ตึก 1 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2555
 
(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2012/09/42543  

เสวนาเงื่อนงำ คำพิพากษา มุมมองต่อ ม 112 ของสมยศฯ อนุสรณ์สถาน

เสวนาเงื่อนงำ คำพิพากษา มุมมองต่อ ม 112 ของสมยศฯ อนุสรณ์สถาน


 
 

เงื่อนงำ คำพิพากษา มุมมองต่อ ม 112 ของสมยศฯ อนุสรณ์สถาน 08กย55
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=Rbp2opZXnXE 
  
เสวนาเงื่อนงำ คำพิพากษา มุมมองต่อ ม 112 ของสมยศฯ  อนุสรณ์สถาน 8 กันยายน 2555

ประกาศ เสวนาประชาชน "เงื่อนงำ และคำพิพากษา"หลากหลายมุมมองกรณี ม.112 ของ สมยศ พฤกษาเกษมสุข
โดย กลุ่มยี่สิบสี่มิถุนาประชาธิปไตย ร่วมกับ Thailandmirror 13.00-17.00 น.

 
เวทีเสวนา พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช ผศ.ดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ประวิตร โรจนพฤกษ์ วีรพัฒน์ ปริยวงศ์

 
ดำเนิเสวนาโดย วิภา ดาวมณี 17.00-20.00 น. เวทีวัฒนธรรม ซันชิโร่ ฮาเมอร์ ซาลวาลา โอเล่24มิถุนา

 
กลุ่มกวีราษฎร์ จ.เจตน์ คาล รีอัล วาดดาว อ้น ชัยนรินทร์ เพียงคำ ประดับความ ธิติ มีแต้ม ฯลฯ  ถ่ายทอดสดโดยทีมงานม้าเร็ว

Divas Cafe

Divas Cafe

แดงโห่ ปชป เฮ นักวิชาการซัด กระแสตีกลับเพื่อไทย Divas Cafe 13มิย55
http://youtu.be/vTCbQdANN1k


Divas Cafe ประจำวันที่ 7 กันยายน 2555  
'ความจริง-ความลับ' ในมือ คอป.
http://shows.voicetv.co.th/divas-cafe/49704.html  

Divas Cafe  6 กันยายน 2555
'กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ' มีมาตั้ง 11 ปี แล้ว !?
http://shows.voicetv.co.th/divas-cafe/49604.html 

Divas Cafe  5 กันยายน 2555 
ถึงเวลาเสื้อแดง..เลือกอนาคตทางการเมือง
http://shows.voicetv.co.th/divas-cafe/49499.html 

เกมการเมือง ปชป.-พท.ไม่จริงใจ 'ดับไฟใต้

เกมการเมือง ปชป.-พท.ไม่จริงใจ 'ดับไฟใต้'

 


วันนี้ (7 กันยายน 2555) รายการ Hot Topic ร่วมพูดคุยกับตัวแทนพรรคการเมืองซึ่งเป็นส.ส.ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้นาย อันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ และนายซูการ์โน มะทา อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ถึงแนวทางการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้
 
นายอันวาร์ กล่าวถึงเหตุผลที่ทางรัฐบาลเชิญมาร่วมพูดคุยแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ แต่พรรคประชาธิปัตย์กลับปฏิเสธว่า ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีและนั่งเป็นประธาน ก็เคยเรียก ส.ส.ใน 3 จังหวัดมานั่งพูดคุยหารือ ข้อเสนอแนะ และแนวทางแลกเปลี่ยน  แต่ก็ยังไม่ได้รับการแก้และการปฏิบัติ และครั้งนี้ทางรัฐบาลก็ได้เรียกคุยอีกครั้ง แต่ตัวนายกฯเองกลับไม่มานั่งเป็นประธานในประชุม ในฐานะผู้ที่มีอำนาจสุงสุดในการแก้ปัญหา
 
ด้านนายซูการ์โน กล่าวว่า คนในพื้นที่อยากเห็นบทบาทในการรับรู้และแก้ปัญหาในจังหวัดชายแดนใต้อย่าง ชัดเจน เนื่องจากปัญหาดังกล่าวไม่ใช่มีเพียงมิติความมั่นคงเพียงด้านเดียวเท่านั้น ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกัน และจริงใจที่จะแก้ปัญหา ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล เพื่อที่จะนำความสงบสุขและสันติสุขกลับคืนมา ส่วนสาเหตุที่นายกฯไม่สามารถที่จะมานั่งเป็นประธานในที่ประชุมได้ เนื่องจากภารกิจ ต้องยอมรับและเข้าใจ แต่ก็ได้มอบหมายให้ผู้ที่เหมาะสมรับผิดชอบแทน

Hot Topic  7 กันยายน 255

(คลิกฟัง) 
http://shows.voicetv.co.th/hot-topic/49698.html

ปฏิวัติ 9 กันยา นัดแล้วไม่มา

ปฏิวัติ 9 กันยา นัดแล้วไม่มา

 

ปฏิวัติ 9 กันยา นัดแล้วไม่มา 

 
เดือนกันยายน ของทุกปี กลายเป็นเดือนที่รำลึกถึงการก่อรัฐประหาร โดยเฉพาะรัฐประหาร 2549 ที่เป็นครั้งที่สร้างความยุ่งเหยิงให้กับสังคมไทยมากที่สุด แต่ในอดีตก็ยังมีการก่อความไม่สงบเกิดขึ้นในเดือนกันยายน นั่นคือ กบฎ 9 กันยายน 2528 ที่มีการยกกำลังทหารเข้าปะทะ และยิงกันกลางกรุงจนมีผู้เสียชีวิตมาแล้ว ย้อนเรื่องราวกบฎวันวานกับ Back Story 
 
เรื่องราวของกบฏ 9 กันยา 2528 นั้น มีการบันทึกไว้ว่า พันเอกมนูญ รูปขจร นายทหารนอกประจำการ ได้นำกำลังทหาร และรถถังจาก ม.พัน 4 ซึ่งเคยอยู่ใต้บังคับบัญชา และกำลังทหารอากาศโยธินบางส่วน ภายใต้การนำของ นาวาอากาศโทมนัส รูปขจร เข้ายึดกองบัญชาการทหารสูงสุด และประกาศให้ พลเอกเสริม ณ นคร เป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติยึดอำนาจการปกครองของประเทศ และมีนายเอกยุทธ อัญชันบุตร ผู้บริหารในภาคเอกชนที่เคลื่อนไหวกับกลุ่มผู้ใช้แรงงาน เข้ายึดองค์การขนส่งมวลชน เป็นกำลังเสริมร่วมด้วย
 
เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นเหตุการณ์ในขณะที่ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี และพลเอกอาทิตย์ กำลังเอก ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก อยู่ระหว่างการไปราชการต่างประเทศ ในเวลานั้น กำลังทหารฝ่ายรัฐบาลโดยการนำของ พลเอกเทียนชัย สิริสัมพันธ์ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้รวมตัวกันต่อต้านและควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ 
 
เมื่อการก่อกบฏล้มเหลว ผู้ก่อการ คือ พันเอกมนูญ รูปขจร และ นาวาโทมนัส รูปขจร ได้ลี้ภัยไปสิงคโปร์และเดินทางไปอยู่ในประเทศเยอรมนีตะวันตก ส่วนคณะที่เหลือให้การว่าถูกบังคับจากคณะผู้ก่อการกบฏ มีผู้ถูกดำเนินคดี 39 คน หลบหนี 10 คน และมีผู้เสียชีวิต 5 คน โดยมีข่าวลือเกี่ยวกับการยึดอำนาจครั้งนั้นว่า พันเอกมนูญ รูปขจร ทำหน้าที่เพียงเป็นหัวหอกออกมายึดสถานที่ เพื่อคอยกำลังเสริมของผู้มีอำนาจ ที่จะนำกำลังออกมาสมทบในภายหลัง และการกบฏครั้งนี้ล้มเหลวเนื่องจาก "นัดแล้วไม่มา"
 
สำหรับทหารฝ่ายรัฐบาล ได้ตั้งกองอำนวยการฝ่ายต่อต้านขึ้นที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ บางเขน และนำกองกำลัง จาก พัน.1 ร.2 รอ. เข้าต่อต้าน ประกอบด้วย พลเอกเทียนชัย สิริสัมพันธ์ รักษาการตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก พลโทชวลิต ยงใจยุทธ รองเสนาธิการทหารบก , พลโท พิจิตร กุลละวณิชย์ ในฐานะผู้ประสานกับฝ่ายรัฐบาล ครั้งนั้นกองกำลังหลักของฝ่ายรัฐบาลคุมกำลังโดยกลุ่มนายทหารจปร. 5 ประกอบด้วย พลโทสุจินดา คราประยูร พลโทอิสระพงศ์ หนุนภักดี พลอากาศโทเกษตร โรจนนิล เป็นกลุ่มนำทีมในขณะนั้น 
 
อีกทั้ง การก่อความไม่สงบครั้งนั้น ยังมีการดึงเอาวงคาราบาว ศิลปินเพื่อชีวิตที่กำลังโด่งดังตอนนั้น มาเปิดเวทีคอนเสิร์ตกลางสวนอัมพร พร้อมการขึ้นเวทีสลับอ่านประกาศของคณะปฏิวัติเป็นระยะเพื่อหวังสร้างแนวร่วม แต่ไม่เป็นผล สุดท้ายเรื่องราวบางส่วนของเหตุการณ์จึงมาปรากฏในบทเพลงชื่อ มะโหนก ในอัลบั้ม อเมริโกย งานเพลงชุดที่ 6 ซึ่งหน้าปกเทปเมื่อกลับหัวจะพบว่าเป็นเลข 9 สะท้อนไปถึง กบฎ 9 กันยา อีกทั้งเนื้อเพลงมีท่อนหนึ่งที่ร้องว่า "โหนกตัดสินใจรับใช้ชาติประชา มาเป็นพลทหารม้าสังกัดมอพันสี่" ซึ่งก็อาจสะท้อนไปถึงผู้นำขบวนการก่อกบฎ และในท้ายเพลงยังบันทึกเสียงปืนจากรถถังที่ยิงใส่เวทีคอนเสิร์ตพร้อมกับ เสียงผู้คนโหวกเหวกในวันเกิดเหตุด้วย 

(ที่มา)
http://news.voicetv.co.th/thailand/49821.html

Wake up Thailand

Wake up Thailand 




 
Wake up Thailand  6 กันยายน 2555
ฝ่าระเบิดลงใต้ยังโดนด่า
http://shows.voicetv.co.th/wakeup-thailand/49560.html

Wake up Thailand 7 กันยายน 2555
ผูกขาดความดี ทำคนตายไปเยอะแล้ว
http://shows.voicetv.co.th/wakeup-thailand/49660.html

กรีซประกาศแผนรัดเข็มขัดครั้งใหม่

กรีซประกาศแผนรัดเข็มขัดครั้งใหม่

 

กรีซประกาศแผนรัดเข็มขัดครั้งใหม่ 

(คลิก) 
http://news.voicetv.co.th/global/49816.html

The Daily Dose

The Daily Dose




The Daily Dose ประจำวันที่ 7 กันยายน 2555
Obama ประกาศพร้อมเป็นปธน.อีกสมัย
http://shows.voicetv.co.th/the-daily-dose 


The daily Dose  6 กันยายน 2555  
เเนะนำ ADAM BRADSHAW เเละรายการ The BreakDown
http://shows.voicetv.co.th/the-daily-dose/49637.html

ตูนิเซีย ประท้วงอีกครั้ง ต่อต้านการคอรัปชั่น

ตูนิเซีย ประท้วงอีกครั้ง ต่อต้านการคอรัปชั่น

 

ตูนิเซีย ประท้วงอีกครั้ง ต่อต้านการคอรัปชั่น 

 
ชาวตูนิเซียหลายพันคนออกมาประท้วง รัฐบาลเพื่อกวาดล้างการคอรัปชั่น และเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวนักโทษการเมืองที่ถูกจับตั้งแต่การปฏิวัติโค่น ล้มรัฐบาลเมื่อปี 2554 
 
  ชาวตูนิเซียหลายพันคนรวมตัวกันที่จตุรัสกัส บาห์ ใกล้กับทำเนียบรัฐบาล ในกรุงตูนิส เพื่อประท้วงการคอรัปชั่นที่พบเห็นอย่างแพร่หลายในรัฐบาลชุดปัจจุบัน
 
ประเทศตูนิเซีย เคยอยู่ภายใต้การปกครองแบบเผด็จการของนายซิเน เอล อาบิดีน เบน อาลี มาก่อน แต่รัฐบาลของนายเบนอาลี ถูกประชาชนประท้วงโค่นล้มไปเมื่อปีที่ผ่านมา 
 
รัฐบาลใหม่หลังการปฏิวัติ  ก็เป็นรัฐบาลที่มาจากพรรคมุสลิม  ที่มีแนวคิดอิสลามสุดโต่ง และกำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า เปิดรับฟังเสียงประชาชนหรือไม่  
 
กลุ่มผู้ประท้วงกล่าวว่า ถึงแม้การปฏิวัติจะสามารถกำจัดนายเบนอาลี ผู้นำเผด็จการได้สำเร็จ   แต่สิ่งที่หลงเหลืออยู่ในรัฐบาลชุดปัจจุบัน คือข้าราชการและนักการเมืองระดับสูงจากรัฐบาลชุดเดิม ที่ยังมีการคอรัปชั่น อันเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ 
 
นอกจากนี้ พวกเขายังเรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัวนักโทษการเมืองทั้งหมด  ที่ถูกจับในช่วงการประท้วงขับไล่รัฐบาลเมื่อปีก่อนด้วย โดยผู้ประท้วงกล่าวว่า กฎหมายนิรโทษกรรมนักโทษทางการเมือง  ก็ถูกร่างขึ้นทันที  หลังจากการปฏิวัติ แต่จนถึงขณะนี้ กฎหมายดังกล่าวยังไม่ถูกบังคับใช้   ซึ่งกลุ่มผู้ประท้วงมองว่า อาจเป็นเพราะนักการเมืองบางพวกที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาลชุดเก่ามีส่วน รู้เห็นในเรื่องนี้

(คลิกฟัง)
http://news.voicetv.co.th/global/49809.html

กรณี ชายชุดดำ วาทกรรม"ซ้ำซาก" ซ้ำรอย ผังล้มเจ้า

กรณี ชายชุดดำ วาทกรรม"ซ้ำซาก" ซ้ำรอย ผังล้มเจ้า


 
ทําท่าว่า กรณี "ชายชุดดำ" กำลัง เดินไปในร่องรอยเดียวกันกับ กรณี "ผังล้มเจ้า"

แม้จะเคยอึกทึกครึกโครมเป็นอย่างสูงในห้วงภายหลังสถานการณ์ขอคืนพื้นที่ เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553

และได้รับการโหมประโคมในห้วงก่อนกระชับวงล้อมก่อนการล้มเป็นใบไม้ร่วงนับแต่วันที่ 13 จนถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2553

แต่แล้วก็ค่อยเงียบหายไปเป็นลำดับ

หาก ประเมินจากถ้อยแถลงหลังสุดของ พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ 98 ศพในเหตุการณ์สลายการชุมนุมเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553 ก็จะมองเห็นเงื่อนงำ

เงื่อนงำอันดำมืด

"ยังไม่ ปรากฏว่ามีหลักฐานใครถูกชายชุดดำยิงบาดเจ็บหรือเสียชีวิต มีเพียงคลิปภาพแต่ที่ถนนราชดำเนินและบ่อนไก่เท่านั้น จึงพยายามหาหลักฐานว่าชายชุดดำที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มเจ้าหน้าที่และทำร้าย เจ้าหน้าที่เป็นใคร"

เป็นความพยายามของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นความพยายามของเจ้าพนักงานสอบสวน

น่าสงสัย

ที่ว่าน่าสงสัยเพราะว่ารัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยเอ่ยอ้างถึง "ชายชุดดำ" อย่างถี่ยิบและมากเป็นพิเศษ


อย่าว่าแต่กรณีเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 เลย


แม้กระทั่งเหตุการณ์การตาย 6 ศพ ที่วัดปทุมวนาราม เขตอภัยทานกลางเมืองในตอนค่ำของวันที่ 19 พฤษภาคม 2553


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็อ้างถึง "ชายชุดดำ"


แม้ ประจักษ์พยานที่ให้การต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ไม่ว่าจะเป็น นายจักรพงษ์ พนาสิริวรภัทร์ ไม่ว่าจะเป็น นายเพิ่มสุข ใจเย็น จะอ้างตรงกันว่า


"เป็นการยิงโดยเจ้าหน้าที่"


"มอง ขึ้นไปบนรางรถไฟฟ้าเป็นคนใส่ชุดลายพราง ถือปืนเล็งลงมา ผมกลิ้งตัวหลบกระสุนแต่ก็ถูกยิงบริเวณก้นและโคนขา จนถึงตอนนี้ผมยังเชื่อว่าการยิงลงมาเป็นการพยายามฆ่า เพราะผมก็ไม่ได้มีอาวุธหรือต่อสู้"

เป็นชายในชุดลายพราง มิได้เป็น "ชายชุดดำ"

ทั้งๆ ที่จากเหตุการณ์เดือนเมษายน พฤษภาคม 2553 รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อยู่ในตำแหน่งจนถึงเดือนกรกฎาคม 2554 แต่ก็ไม่มีการพิสูจน์ แม้ดีเอสไอจะร้องถามครั้งแล้วครั้งเล่า

มิดอิมซิม


ภาวะไม่มีหลักฐาน ไม่ว่าพยานวัตถุ ไม่ว่าพยานบุคคล จึงส่อนัยว่า กรณี "ชายชุดดำ" จะดำเนินไปอีหรอบเดียวกัน กับ กรณี "ผังล้มเจ้า"

คือเสมอเป็นเพียงวาทกรรม


(อ่านต่อ)

เปิดโฉม"ชายชุดดำ" ยังขับซาเล้ง

เปิดโฉม"ชายชุดดำ" ยังขับซาเล้ง


 
 
หากินสุจริต-โต้ข้อหา "ดีเอสไอ"เปิดคลิปบี้! สอบเครียดไก่อู 10ชม. แม่เกดแจ้งจับคนขู่ฆ่า

เปิด ตัว "มานพ"ซาเล้งชายชุดดำ ชีวิตยากจน อยู่เพิงสังกะสีกับเมียและลูก 4 คน เปิดใจทุกวันนี้ยังเก็บขยะขาย เลี้ยงเป็ด ปลูกผัก ทำมาหากินสุจริต เล่าถึงคืน 10 เม.ย. เห็นผู้ชุมนุมล้อมเจ้าหน้าที่เลยอาสาไปเจรจาปลดปืน แล้วถือไปที่เวที พอเหตุการณ์สงบถูกจับยัดข้อหาก่อการร้าย ติดคุกหลายเดือน ด้าน "เสธ.ไก่อู" ให้การดีเอสไอ โดนบี้ 40 คำถาม พร้อมเปิดคลิป 2 สไนเปอร์ให้ดู ตอบเครียดอ้างยิงชายชุดดำตาย แต่เสื้อแดงเอาปืนไปซ่อนเลยไม่มีหลักฐาน ขณะที่ "แม่เกด" แจ้งกองปราบฯ โดนขู่ฆ่ายกครัว คาดสาเหตุไม่พอใจเคลื่อนไหวคดี 6 ศพวัดปทุมฯ "เหวง" แฉอีกเอกสาร "ศอฉ." ตั้งชุดเฉพาะกิจพลยิง 39 นาย สงสัยปฏิบัติงานอะไร เตรียมยื่นดีเอสไอสอบสวน

"แม่เกด"แจ้งตร.ถูกขู่ฆ่า
 
เมื่อ เวลา 10.00 น. วันที่ 7 ก.ย. ที่กองปราบปราม นางพะเยาว์ อัคฮาด และนายณัทพัช อัคฮาด แม่และน้องชาย น.ส.กมนเกด พยาบาลอาสาที่ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.ศราวุธ โชติสุวรรณ พงส. (สบ 3) กก.1 ป. ว่าถูกชายลึกลับโทรศัพท์ข่มขู่ฆ่ายกครัว จนเกรงว่าอาจเกิดอันตรายขึ้นจริง จึงมาแจ้งความ เพื่อให้สืบสวนหาตัวผู้กระทำ และดำเนินคดีตามกฎหมาย


จาก การสอบสวนนายณัทพัชให้การว่า ก่อนหน้านี้ครอบครัวเคยถูกข่มขู่คุกคามมาเกือบทุกรูปแบบแล้ว จนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมามีผู้ชายโทรศัพท์เข้ามาที่เครื่องของแม่ แต่ตนเองเป็นคนรับสายแทน โดยปลายสายพูดว่า "พวกมึงสมควรตาย ถ้าพวกมึงไม่หยุด จะฆ่าให้ตายทั้งครอบครัว" ก่อนรีบวางสายไป ล่าสุดระหว่างเดินทางมากองปราบฯ ผู้ชายคนเดิมก็โทร.มาขู่อีก แต่ครั้งนี้น้ำเสียงดุดัน และเกรี้ยวกราดกว่าเดิม หลังพูดข่มขู่เสร็จก็วางสายไป จึงขอให้กองปราบฯ ช่วยสืบสวนว่าผู้ที่กระทำการดังกล่าวเป็นใคร หากพบตัวขอให้ดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย


มั่นใจเหตุจากคดีวัดปทุมฯ

"ที่ ผ่านมาครอบครัวเราไม่เคยขัดแย้งกับใคร นอกจากเรื่องการทวงถามความยุติธรรมให้พี่สาวที่เสียชีวิต ทราบว่าคดีใกล้จบเข้าไปทุกทีแล้ว และสัปดาห์หน้าจะขอเข้าพบ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เพื่อร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย" นายณัทพัชกล่าว

ส่วนนางพะเยาว์กล่าวว่า สาเหตุน่ามาจากเรื่องที่เคลื่อนไหวเอาผิดผู้เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุม เมื่อปี 2553 จนทำให้ลูกสาวถูกยิงเสียชีวิต อีกทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็สืบสวนชันสูตรพลิกศพ และแถลงความคืบหน้ามาเป็นระยะๆ ขณะนี้ตนและลูกต่างหวาดระแวง ไม่มั่นใจในชีวิต จึงนำเรื่องมาแจ้งความกองปราบฯ และล่าสุดเมื่อเช้าก่อนมาแจ้งความ โทรศัพท์หมายเลขเดิมก็โทร.มาข่มขู่อีกครั้ง เป็นเสียงชายคนเดิม จึงอยากให้กองปราบฯ ช่วยตรวจสอบหาตัวผู้กระทำด้วย

ด้าน พ.ต.ท.ศราวุฒิเปิดเผยว่า จะส่งหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวไปให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบอีกครั้ง และจะได้เรียกตัวเจ้าของหมายเลขมาสอบสวนต่อไป 

(อ่านต่อ)
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOREE0TURrMU5RPT0=&sectionid=TURNd

เผย "คนเก็บขยะ" ที่โดนยัดเยียดให้เป็น "ชายชุดดำ?"
http://www.go6tv.com/2012/09/blog-post_8.html 

รายงานความจริงฟังแล้วน่าตกใจ หมอก็ร่วมกับขบวนเผด็จการกะเขาด้วย

รายงานความจริงฟังแล้วน่าตกใจ หมอก็ร่วมกับขบวนเผด็จการกะเขาด้วย

 

เสวนา ความจริงเพื่อความยุติธรรม 1/2

 

ผมมีโอกาสไปเชียงใหม่ติดอุปกรณ์ถ่ายทอดสดและอัดเทปงานเสวนา รายละเอียดและสารบัญ ความจริงเพื่อความยุติธรรม:เหตุการณ์และผลกระทบจากการสลายการชุมนุม เมษา - พฤษภา 53 ณ.ห้องประชุม คณะสังคมศาสตร์ มช. 01-09-12

มีผู้ร่วมฟังเสวนานี้แค่10กว่าคน แต่เนื้อหารายงานความจริงที่คณะกรรมการ ทำงานค้นคว้าสืบเสาะเป็นปี กว่าจะได้รายงานนี้ ฟังแล้วน่าตกใจ นอกจาก อำมาตย์ ทหาร ตำรวจ รัฐบาล ศาล ในขณะนั้นจะ ทำให้ผู้ชุมนุมตาย แต่ที่น่าตกใจ มีหมอในโรงพยาบาล ที่ไม่ใส่ใจกับผู้ได้รับบาดเจ็บ จนเป็นเหตุให้ผู้ชุมนุมตายโดยหากได้รับการช่วยเหลือจากแพทย์แล้วจะไม่ตายแน่ นอน


ผู้ค้นคว้า วิจัยและรายงานเป็น คณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัย ดังๆชั้นแนวหน้าของประเทศทั้งนั้น จึงการันตีในความแม่นยำของรายงานได้แน่นอน


เสวนา ความจริงเพื่อความยุติธรรม 1/2

เสวนา ความจริงเพื่อความยุติธรรม 2/2

(ที่มา)

รายงานความคืบหน้าอาการป่วยของ xxx (นิยาย Hi s ตอนล่าสุด)

รายงานความคืบหน้าอาการป่วยของ xxx (นิยาย Hi s ตอนล่าสุด)

 

 

เพลง มอญร้องไห้
http://www.youtube.com/watch?v=EOKbPDP7ak8&feature=player_embedded

การกลับมาอีกครั้งของนิยายยอดฮิต เครดิต เขียนโดยคุณ Hi s จากเว็บ คมก.


อาการมาม่ากาก้า(ปากแดง)หนักมาก น่าเป็นห่วง
 
:down: 

'สุชาติ นาคบางไทร' กับทฤษฎีว่าด้วยนักโทษ ม.112 หลังพระราชทานอภัยโทษ

'สุชาติ นาคบางไทร' กับทฤษฎีว่าด้วยนักโทษ ม.112 หลังพระราชทานอภัยโทษ

 

 

สุชาติ ขณะปราศรัยที่ท้องสนามหลวง โดยมีโทรโข่งกับเก้าอี้ 1 ตัว  11 พ.ย. 49 ที่มา เฟสบุ๊ค “สุชาติ นาคบางไทร”


อดีตนักโทษยันไม่มีใครชนะคดี ม.112 เสนอให้เลือกยอมรับ ถึงแม้จะบริสุทธิ์ก็จะได้ลดโทษครึ่งหนึ่งและตัดสินทันที ไม่ต้องยืดเยื้อรอ ย้ำประชาธิปไตยจะต้องมีที่ยืนให้กับคนทุกกลุ่ม

เมื่อวันที่ 29 ส.ค.55 ที่ผ่านมาทางรายการประกายทอล์ค ซึ่งเผยแพร่ทางเวปไซต์ konthaiuk.com ได้สัมภาษณ์ สุชาติ นาคบางไทร หรือนายวราวุธ (สงวนนามสกุล) แกนนำกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ ซึ่งได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 24 ส.ค.55 จากการพระราชทานอภัยโทษตาม พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2555  เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม โดยนายวราวุธถูกศาลพิพากษา จำคุก 6 ปี จากความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112  ซึ่งนายวราวุธให้การรับสารภาพ ลดโทษเหลือ 3 ปี แต่รวมเวลาที่อยู่ในเรือนจำก่อนได้การอภัยโทษทั้งสิ้น 1 ปี กับเกือบ 10 เดือน ซึ่งสุชาติ นาคบางไทร ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการดังกล่าวว่า หลังจากได้รับอภัยโทษ ขณะนี้กำลังตั้งหลักปรับตัวหลังจากห่างหายชีวิตอิสรภาพไปนาน 


สภาพในเรือนจำ
สำหรับคนที่ต้องการลดความอ้วนนี่ แนะนำที่นี่เลย เพราะ 2 สัปดาห์แรก ลดไป 11 กิโลกรัม จิตใจสภาพร่างกาย สภาพแวดล้อม ทุกอย่างเอื้ออำนวยให้น้ำหนักลดมาก อาหารการกินไม่ต้องคิดว่าจะอร่อย สิ่งเดียวที่เราได้รับ คืออาหารที่สะอาดและถูกหลักอนามัย แต่เรื่องที่กลัวก่อนจะเข้าไป กลับไม่ได้พบเลย ได้รับการปฏิบัติเหมือนกับนักโทษคนอื่นๆ ไม่ได้พิเศษหรือแย่กว่าใคร 

ความสัมพันธ์กับอากง (SMS) ขณะที่อยู่ในเรือนจำ
ได้มีโอกาสคุยกับอากง ตอนแรกก็ไม่รู้จักกัน แต่คุณธันย์ฐวุฒิ ทวีวโรดม หรือ หนุ่ม แดงนนท์ เขาจะเป็นคนที่รวบรวมนักโทษทางการเมืองและนักโทษ ม.112 ให้มาได้รู้จักกัน อากง เป็นคนพูดน้อยและดูแววตาแล้วจะเศร้าอยู่ตลอดเวลา ส่วนตนเองก็ยังมีอารมณ์อื่นบ้าง อากงยังดูเหนื่อย มีสภาพร่างกายที่แก่กว่าอายุมาก เมื่อเทียบกับพี่สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ ซึ่งอายุมากกว่าอากง แต่แข็งแรงและกระฉับกระเฉงมาก ซึ่งตอนที่อยู่ในคุกนั้น ไม่ค่อยได้คุยกับใครมากในเรื่องคดีหรือการเมืองเพราะไม่ทราบว่าแต่ละคนที่ เข้ามา เข้ามาด้วยเหตุผลอะไร หรือมีเหตุผลอื่นแอบแฝงด้วยหรือไม่ ส่วนมากจะคุยในเรื่องทั่วๆไป


(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2012/09/42500

นาทีช่างภาพอิตาลีโดนสไนเปอร์ ที่แยกสารสิน

นาทีช่างภาพอิตาลีโดนสไนเปอร์ ที่แยกสารสิน




  














นาทีช่างภาพอิตาลีโดนสไนเปอร์ ที่แยกสารสิน
http://www.youtube.com/watch?v=y66ONZh5k0o&feature=player_embedded#!

น้องสาวช่างภาพอิตาลีหวังความจริงจากศาลไทย
http://www.youtube.com/watch?v=jjYVV3b3Rpo

Who is this man? ตามหาชายนิรนามเก็บกล้องช่างภาพอิตาลี กุญแจไขปริศนาฆาตกรรม19พฤษภา53
http://thaienews.blogspot.dk/2011/10/who-is-this-man-1953.html

ไต่สวน 6 ศพวัดปทุมฯ พยานชี้ชุดพรางพยายามฆ่ายิงลงมาจากรางรถไฟ

ไต่สวน 6 ศพวัดปทุมฯ พยานชี้ชุดพรางพยายามฆ่ายิงลงมาจากรางรถไฟ 

 

ฝากรูป

 

ประจักษ์พยานยัน ผู้ชุมนุมที่มารวมกันอยู่บริเวณวัด ไม่มีใครมีอาวุธหรือต่อสู้ เชื่อชายชุดพรางที่ยิงลงมาจากรางรถไฟฟ้าเป็นเจ้าหน้าที่ และเป็นการพยายามฆ่า


ข่าวสดรายวัน รายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 55 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลไต่สวนคำร้องชันสูตรการเสียชีวิต ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 4 ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนชันสูตรการเสียชีวิตของ นายสุวัน ศรีรักษา อายุ 30 ปี อาชีพเกษตรกร ผู้เสียชีวิตที่ 1, นายอัฐชัย ชุมจันทร์ อายุ 28 ปี บัณฑิตคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ผู้เสียชีวิตที่ 2, นายมงคล เข็มทอง อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ผู้เสียชีวิตที่ 3, นายรพ สุขสถิต อายุ 66 ปี อาชีพพนักงานขับรถรับจ้างในสนามบิน ผู้เสียชีวิตที่ 4, น.ส.กมนเกด ฮัคอาด อายุ 25 ปี อาชีพพยาบาลอาสา ผู้เสียชีวิตที่ 5, และนายอัครเดช ขันแก้ว อาชีพรับจ้าง ผู้เสียชีวิตที่ 6 โดยทั้ง 6 ศพ ถูกยิงเสียชีวิตภายในวัดปทุมวนาราม เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 ในเหตุการณ์สลายม็อบเสื้อแดง สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี

โดยพนักงานอัยการนำประจักษ์พยานเข้าเบิกความรวม 2 ปาก คือ นายเพิ่มสุข ใจเย็น เบิกความสรุปว่า เข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในเดือนพ.ค.2553 ที่แยกราชประสงค์ โดยพักอยู่ที่เต็นท์หน้าโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ในวันที่ 19 พ.ค.2553 ได้ยินเสียงปืนดังมาจากทางสวนลุมพินี ขณะที่แกนนำประกาศยุติการชุมนุม แล้วบอกให้ทุกคนกลับบ้าน โดยใช้เส้นทางแยกเฉลิมเผ่าไปยังสนามกีฬาแห่งชาติ หรือให้ไปหลบภายในวัดปทุมฯ เพราะเป็นเขตอภัยทาน 

นายเพิ่มสุขเบิกความว่า หลังจากนั้นจึงขับรถมาจอดไว้บริเวณทางเข้าวัดปทุมฯ ตอนนั้นมีมวลชนจำนวนมากเข้ามาหลบในวัด ส่วนตนและมวลชนบางส่วนยืนอยู่หน้าวัด กระทั่งเห็นนายอัฐชัยผู้เสียชีวิตที่ 2 ยืนอยู่บริเวณตอม่อรถไฟฟ้าเตรียมจะวิ่งเข้ามาภายในวัด แต่ขณะนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น วิถีกระสุนมาจากที่สูง แต่ไม่เห็นตัวคนยิง จึงตะโกนบอกนายอัฐชัยว่าอย่าเพิ่งวิ่งข้ามมา ไม่นานก็เห็นนายอัฐชัยถูกยิงเข้าที่หน้าอกล้มลง ก่อนจะมีคนเข้าไปช่วยเหลือนำเข้ามาในวัด ขณะนั้นนายอัฐชัยยังไม่เสียชีวิต พยาบาลอาสาปั๊มหัวใจ แต่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา 

เชิญร่วมงาน "กลุ่มศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมืองมาร์คซิสต์"

เชิญร่วมงาน "กลุ่มศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมืองมาร์คซิสต์"






หัวข้อ ภาระสำคัญของเสื้อแดงสังคมนิยมหนึ่งปีหลังเลือกตั้งคืออะไร
นำเสนอโดย พจนา วลัย
วันเสาร์ที่ ๘ ก.ย. ๕๕ เวลา ๑๘.๐๐ น.
ณ สำนักงานโครงการรณรงค์เพื่อแรงงานไทย เลขที่ 149 ซ.ลาดพร้าว 64 แยก 5
สำรองที่นั่ง โทร 085 044 1778
จัดโดย องค์กรเลี้ยวซ้าย

ห้ามเด็ก “เอากัน” ...ทำได้จริงไหม ผู้ใหญ่

ห้ามเด็ก “เอากัน” ...ทำได้จริงไหม ผู้ใหญ่



โดย อลิน จารุอมรจิต


ฉันยืนมองโปสเตอร์รณรงค์ โครงการศึกษาสาธารณสุขร่วมใจเทิดไท้องค์ราชัน ลดโรค เพิ่มสุข วัยรุ่นไทย
ใบหนึ่งเป็นรูปเด็กผู้หญิงในเครื่องแบบนักเรียนกำลังทำหน้าคล้ายจะสิ้นลม ในมือถืออุปกรณ์ที่ใช้ตรวจครรภ์ มีคำโปรยว่า "คิดให้ดีก่อนทำ"

อีกใบเป็นรูปชายในเครื่องแบบนักเรียนกำลังอุ้มทารกตัวน้อย มีคำโปรยว่า "ผู้ชายเป็นต้นเหตุ ให้ผู้หญิงวัยรุ่นคลอดบุตร เฉลี่ย 15 คนต่อชั่วโมง" และ "ผลจากการเช็คเรตติ้ง มีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน เป็นต้นเหตุให้วัยรุ่นคลอดบุตรเฉลี่ย 15 คนต่อชั่วโมง"
ฉันรู้และเข้าใจว่าโปสเตอร์รณรงค์ชิ้นนี้ ชูปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่น

แต่อย่างแรกเลยนะ

จากความรู้วิชาชีววิทยาพื้นฐานมากๆ การตั้งครรภ์นั้นเกิดจากอสุจิผสมกับไข่ และไปฝังตัวที่ผนังมดลูก

ดังนั้น หากบอกว่า "ผู้ชาย" และ "การมีเพศสัมพันธ์" เป็นต้นเหตุ สำหรับฉันมันไม่จริงเลย

เราก็เห็นๆ กันอยู่ว่าผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์แล้วไม่ทำให้ผู้หญิงท้องนั้นมีอยู่เป็น ล้านๆ คน และการมีเพศสัมพันธ์กันก็ไม่ได้ทำให้ผู้หญิงทุกคนท้องเสมอไป

ประโยคเหล่านี้กระเทือนจิตใจผู้ชายนะที่ไปหาเขาว่าเป็นเหตุเกิดเรื่อง และทำให้วัยรุ่นขยาดต่อคำว่า "มีเพศสัมพันธ์" เพราะมันเป็น "ตัวการร้าย" พร้อมทั้งสั่งสอนว่า ควรคิดให้ดีก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์

แต่ในความเป็นจริง "เพศสัมพันธ์" มันใช่เรื่องที่ต้องใช้ความคิดด้วยหรือ มีใครมาใช้ความคิดเมื่อ "เข้าด้ายเข้าเข็ม" รึเปล่า

แล้วหากคิดได้ว่าไม่ควร แต่อารมณ์มันวิ่งไปไกลกว่าความคิดแล้ว..จะทำอย่างไร

ไม่ว่าผู้ใหญ่หรือวัยรุ่น เพศสัมพันธ์เป็นเรื่องแสนธรรมดาที่ร่างกายเราเรียกร้อง เหมือนที่ท้องเราหิวข้าว โดยเฉพาะในวัยรุ่น ยิ่งเป็นช่วงวัยที่พร้อมจะสืบพันธุ์

ดังนั้น คำว่า "ยังไม่ถึงวัยอันควร" ย่อมใช้ไม่ได้แน่ๆ

เพราะทั้งร่างกายและอารมณ์ของวัยรุ่นมันแสดงออกแล้วว่า "นี่ล่ะ คือช่วงเวลาอันควรของฉัน"

แต่ปัญหาคือ ในสังคมปัจจุบัน มันยังไม่ใช่เวลาจะเลี้ยงลูก แต่คือเวลาที่วัยรุ่นต้องเรียนหนังสือ ในเมื่อเรารู้แล้วว่าผู้หญิงตั้งครรภ์เพราะอะไร ทำไมจึงไม่ป้องกันจากจุดนั้น เมื่อเทคโนโลยีก็ก้าวไปไกล ทำไมจึงไม่สอนให้มีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย โดยใช้ถุงยางอนามัย หรือวิธีอื่นๆ

ทำไมนะ ผู้รณรงค์ไม่ลองพยายามหาวิธีฝังความคิดใส่สมองวัยรุ่นดูบ้างว่า...ต้องใช้ ถุงยางอนามัย เมื่อมีเพศสัมพันธ์.. และทำให้ความคิดนั้นฝังไปจนถึงบนเตียง เพราะแก้ปัญหาได้ตรงประเด็นกว่าการพยายามฝังความคิดว่า เพศสัมพันธ์นั้นอันตรายทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์ไม่พร้อมและต้องคลอดลูกเฉลี่ย 15 คนต่อชั่วโมง

บลา..บลา..บลา..

ยังมีโปสเตอร์อีกใบ เป็นภาพเด็กผู้หญิงยืนมั่นใจอยู่หน้ากระดานดำ พร้อมคำโปรยว่า "ฉันไม่พร้อมมีเพศสัมพันธ์" และต่อไปที่ด้านล่างว่า "กล้าประกาศให้รู้ ชีวิตนี้ไม่มีพลาด วัยรุ่นหญิงในวัยเรียน ต้องกล้าปฏิเสธในการมีเพศสัมพันธ์"

ขอบอกหน่อยนะว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในหัวของฉันเมื่อเห็นภาพโปสเตอร์รณรงค์นี้ ซึ่งทำให้การรณรงค์นี้ไม่ได้ผลเลยคือ คำถามว่า "รู้ได้อย่างไรว่าผู้หญิงไม่พร้อมจะมีเพศสัมพันธ์"

ข้อมูลนี้เกิดจากการอนุมานเอาเองของผู้ทำ หรือการสุ่มตัวอย่าง แต่จากประสบการณ์ของฉันคือ

ผู้หญิงบางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยากมีเพศสัมพันธ์ แต่เพราะสังคมแวดล้อมและค่านิยมที่สั่งสอน ว่า "ต้องเป็นคนรักนวลสงวนตัว"

..จะซ่าเรื่องไหนก็ต้องไม่ใช่เรื่องเพศ..

ผู้หญิงที่แสดงออกอย่างชัดแจ้งในเรื่องนี้คือผู้หญิงไม่ดี และมีคำด่าสำหรับผู้ที่แสดงออกเรื่องเพศ

อย่างมากมาย ไม่มีใครอยากจะโดนประณามเช่นนั้น จึง "สั่งสอนตัวเองอีกที" ว่าเราไม่ได้มีความต้องการ ทางเพศ ดังนั้น เมื่อมีผู้ชายมาเอ่ยปากขอมีเพศสัมพันธ์ด้วย ก็พยายามจะปฏิเสธ ซึ่งอาจสำเร็จเพราะบางรายผู้ชายอาจหยุด (แต่ในใจผู้หญิงที่ปฏิเสธกลับรู้สึกว่า "ทำไมไม่ดำเนินการต่อ")

บางรายผู้ชายยังพยายามตื๊อต่อไป และผู้หญิงก็ไม่ได้รู้สึกอย่างจริงจังว่า "ต้องปฏิเสธ" อาจเพราะในใจลึกๆ แล้ว ผู้หญิงเองก็มีความต้องการทางเพศเช่นเดียวกัน ดังนั้น การจะให้พูดอย่างเต็มปากเต็มคำออกมาว่า "ฉันไม่พร้อมมีเพศสัมพันธ์" ก็คงเป็นเรื่องยาก

การพยายาม "สะกดจิตผู้หญิงให้ไม่พร้อมมีเพศสัมพันธ์" เป็นผลร้ายต่อตัวผู้หญิงเอง เพราะเมื่อคิดว่า ยังไงเสีย ตนเองก็จะไม่มี จึงไม่เคยมีความรู้เรื่องการป้องกันการตั้งครรภ์ รวมไปถึงความรู้เรื่องอื่นๆ เช่น โรคต่างๆ ที่จะตามมา การรู้จักนับประจำเดือน

เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้เตรียมพร้อม เช่น โดนบังคับ ข่มขืน อยู่ในอารมณ์มึนเมา หรืออยู่กับคนรักและอารมณ์กำลังพาไปโดยไม่รู้สึกอยากปฏิเสธ จึงเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้มากกว่าผู้ที่เตรียมพร้อมเสมอ

การออกมารณรงค์ว่า "มีเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่นเป็นเรื่องที่ผิดพลาด กลายเป็นตราบาปในชีวิต" ยิ่งเป็นการตอกย้ำค่านิยมให้สังคมเหยียดวัยรุ่นที่มีเพศสัมพันธ์ รังเกียจผู้หญิงที่ท้องในวัยเรียน และทำให้คนที่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นรู้สึกเหมือน "โดนทั้งแผ่นดินกดทับ" คิดว่าตัวเองทำความผิดรุนแรงและ..ไม่มีค่าอีกต่อไป ทั้งที่เพศสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องอันตราย และไม่ได้เป็นสิ่งต้องห้าม

สิ่งที่อันตรายคือ การศึกษา สื่อ และสังคม ที่ไม่เคยให้ความรู้เรื่องการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ป้องกันโรคติดต่อและป้องกันการตั้งครรภ์ ทั้งยังซ้ำเติมคนที่พลาดตั้งครรภ์ในวัยเรียน และไม่เคยมีทางออกให้ นอกจาก...ผู้หญิงต้องก้มหน้าเลี้ยงลูกทั้งที่ไม่พร้อม หากคนไหนไปยุติการตั้งครรภ์และถูกจับได้ ก็โดนประณามว่าเป็น "แม่ใจยักษ์"

ฉันก็ไม่เคยหยุดสงสัยซะทีว่า สังคมเราจะทำเรื่องธรรมชาติให้กลายเป็นความผิดราวก่ออาชญากรรมเพื่ออะไร

เหตุใดผู้ใหญ่จึงเอาแต่ต่อต้าน กดเก็บความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ แม้ว่าเทคโนโลยีและความรู้ เรื่องเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยจะก้าวไปไกลแค่ไหน แต่ค่านิยม การศึกษา และสื่อของสังคมก็ยังคงพูด "เรื่องเดิมๆ" ซึ่งไม่อาจแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างไม่เปลี่ยนแปลงเสียที

อีกอย่างนะ ภาพวัยรุ่นหญิงมัธยมต้นที่นำมาใช้ในโปสเตอร์รณรงค์ชุดนี้ แสดงว่าผู้ทำก็คงรู้แล้วว่า วัยรุ่นเดี๋ยวนี้มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุ 13-14 ปี แต่ลองพลิกเข้าไปดูเนื้อหาการศึกษาระดับมัธยมต้น ในห้องเรียนสิ ยังทำราวกับเด็ก "ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร" ไม่เคยมีการสอนเรื่องเพศศึกษาในเชิงป้องกัน การรู้ทันอารมณ์ทางเพศ และความรู้ในเรื่องเหล่านี้ที่เอาไปใช้ได้จริงๆ ในชีวิตด้วยซ้ำ

มีแต่เนื้อหา "สั่ง ห้าม อย่า" เพียงอย่างเดียว ซึ่งไม่สามารถยืนยันว่าจะประสบผลสำเร็จได้เลย ฉันขอรับรอง

ก็ขนาดยืนดูภาพวัยรุ่นชายหน้าตาคมเข้มบนโปสเตอร์นี้ ฉันยังอดคิดในใจไม่ได้ว่า

"แหม่ คัดหน้าตามาซะหล่อโดนใจ อยากรู้จักจัง”

(ที่มา) 
http://www.prachatai.com/journal/2012/09/42488