หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ขอเชิญเข้าร่วมเสวนาวิชาการ วันรพี 2555

ขอเชิญเข้าร่วมเสวนาวิชาการ วันรพี 2555



โรคร้ายในสังคมไทย....

โรคร้ายในสังคมไทย.... 



ที่ผ่านมาปรากฏการณ์รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ในนามพรรคเพื่อไทย และรัฐสภาที่อ่อนแอมีแต่การถอย จะเยียวยารักษาอย่างไรก็ไม่ยอมรับ ชี้ชัดถึงเนื้อแท้ว่าพรรคนี้มิได้เป็นตัวแทนพลังก้าวหน้า หรือพลังการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง 


โรคร้ายในสังคมไทย....

โรคขาดความยุติธรรม บวกความอ่อนแอและภูมิแพ้ของรัฐบาล

โดย ยังดี โดมพระจันทร์

 
แม้ เราจะมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งมาครบปีแล้ว แต่ปรากฏการณ์ต่างๆ กำลังบอกเราว่า สังคมการเมืองไทยเป็นโรคร้าย และเรื้อรัง นั่นคือโรคขาดความยุติธรรม ภายใต้ประชาธิปไตยแบบอำมาตย์ หรืออำมาตยาธิปไตย ภาพสะท้อนสังคมชนชั้นที่ชัดเจน ในช่วงต้นของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ปรากฏการณ์แรกๆ เรื่องรัฐบาลไม่อาจสั่งข้าราชการช่วงน้ำท่วม สั่งปิดเขื่อนไม่ได้ สั่งเปิดประตูน้ำก็ไม่ได้ เราคาดเดาว่าอาจจะเป็นเฉพาะ กทม. หรือข้าราชการที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของผู้ว่า กทม. ในพรรคฝ่ายค้าน เราสงสัยว่าทำไมทหารไม่ออกมาช่วยกั้นน้ำช่วงสองสัปดาห์แรก ทั้งๆ ที่มีเครื่องมือ และทรัพยากรสมบูรณ์ทุกอย่าง จนปริมณฑลหรือจังหวัดรอบๆ กทม.จมน้ำไปแล้ว ทหารจึงออกมาแจกน้ำแจกข้าวให้ประชาชน

เราเห็นภาพ ความพยายามปรองดองของรัฐบาลกับอำมาตย์ผ่านบทบาทนายกหญิงคนแรกของไทย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลายฉากหลายตอน ควงคู่อำมาตย์ใหญ่ไปฟังดนตรี จนมาถึงรองนายก เฉลิม อยู่บำรุง ประกาศไม่ยุ่งกับกฎหมายอาญามาตรา 112 ไม่ช่วยปลดปล่อยนักโทษการเมือง จนมาถึงวันที่อดีตนายกทักษิณประกาศว่า เขาจะไปตามทางของเขาแล้ว มวลชนคนเสื้อแดงที่สู้อุตส่าห์พายเรือมาส่ง ถือว่าถึงฝั่งแล้วหมดภารกิจแล้ว มีผลให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่คนเสื้อแดงอย่างกว้างขวาง

ปรากฏการณ์ ต่อมา วันที่ 24 มิถุนา อันเป็นวันครบรอบ 80 ปีการปฏิวัติ เป็นวันชาติของไทย ขณะที่มีอำนาจรัฐในมือรัฐบาลพรรคเพื่อไทยกลับไม่ให้ความสำคัญกับวันนี้เลย เหมือนเหยียบจมูกปรีดี พนมยงค์ และอุดมการณ์ของคณะราษฎรผู้ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง มาถึงการนำ พรบ. ปรองดองเข้าสู่สภา แบบไม่มีใครคาดคิด ราวกับการส่งผู้ป่วยเข้าผ่าตัดในห้องฉุกเฉิน จนหลายฝ่ายรวมทั้งฝ่ายอนุรักษ์นิยม ต่างตกใจ และอีกหลายอาการ หลายปรากฏการณ์

พรรคเพื่อไทยไร้ภูมิคุ้มกัน

โรคขาด ความยุติธรรม เป็นโรคร้ายที่ซึมซ่าน นานวันภูมิคุ้มกันในตัวรัฐบาลก็สู้ไม่ไหว ฝ่ายตุลาการที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน แต่แต่งตั้งมาโดยคณะรัฐประหาร ย่างสามขุมเข้ามา ขณะที่ปรากฏความวุ่นวายในสภาก็ซ้ำเติม มีการแย่งเก้าอี้ ขว้างปาประธานรัฐสภา ซึ่งเป็นผู้นำฝ่ายอำนาจนิติบัญญัติ ความพยายามยัดเยียด พรบ.ปรองดอง เข้าสู่สภา และการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ (รธน.50) ที่ทำคลอดโดยคณะรัฐประหารกลายเป็นชนวนความตึงเครียดครั้งใหม่  
ด้วยยุทธศาสตร์ที่เน้นการปรองดองไม่เชื่อมั่นมวล ชนของตนเอง คอยแต่จะต่อรองกับเครือข่ายอำมาตย์ รัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ไม่ฟังเสียงทัดทานจากมวลชนคนเสื้อแดง ไม่ฟังเสียงนักวิชาการฝ่ายก้าวหน้า ไม่ฟังเสียงของคณะนิติราษฎร์ซึ่งสามารถฉีดยาเสริมภูมิคุ้มกันให้รัฐบาลได้

วันที่ 4 มิถุนายน คณะนิติราษฎร์ออกแถลงการณ์ เสนอความเห็นเป็นยาฉีดเข็มที่หนึ่ง ว่าเรื่องที่คณะบุคคลซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอนุรักษ์นิยมขวาตกขอบ เสนอคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญที่เรียกว่า “ตลก” ตามมาตรา ๖๘ เพื่อให้ “ตลก” วินิจฉัยว่าการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ อันมีผลยกเลิก รธน.50 ทั้งฉบับ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จนได้อำนาจในการปกครองประเทศ ทั้งๆ ที่มีอำนาจเต็มเป็นรัฐบาลอยู่แล้วโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่ บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการนั้น  คณะ “ตลก” ได้รีบรับคำร้องไว้พิจารณาเองโดยไม่ผ่านอัยการสูงสุด

คณะ นิติราษฎร์ชี้ว่า สภาที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนกำลังใช้อำนาจของรัฐสภาในฐานะองค์กรตาม รัฐธรรมนูญผู้ทรงอำนาจแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญถูกต้องแล้ว ไม่ใช่การกระทำของ "บุคคล" หรือ "พรรคการเมือง" ตามที่ บัญญัติไว้ในมาตรา ๖๘  จะเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมบางส่วนหรือทั้งฉบับก็ย่อมทำได้ และเคยทำมาแล้ว เช่นการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ พ.ศ. 2475 ซึ่งก่อให้เกิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 ซึ่งเป็นฉบับก้าวหน้าที่สุด และการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ พ.ศ. 2534 โดยการจัดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญซึ่งก่อให้เกิดรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540  ที่ประชาชนมีส่วนร่วมร่างมากที่สุด

นอกจากนี้ “ตลก” ยังไม่ อาจรับคำร้องไว้พิจารณาได้ เนื่องจากไม่ชอบด้วยกระบวนการและขั้นตอนในรัฐธรรมนูญ มาตรา ๖๘ ซึ่ง ตลก ก็มาเปิดพจนานุกรมอังกฤษไทยว่าทำได้ หากรัฐสภายอมรับให้คำสั่งของ “ตลก” ทั้งที่ไม่มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ ย่อมส่งผลให้ “ตลก” ขยายแดนอำนาจของตนออกไปจนกลายเป็นองค์กรที่ อยู่เหนือรัฐธรรมนูญ อยู่เหนือองค์กรทั้งปวงของรัฐ และมีผลเป็นการทำลายหลักนิติรัฐ-ประชาธิปไตยลงอย่างสิ้นเชิงในที่สุด

ศุกร์ที่ 13 รัฐประหารโดยตุลาการ หมอไม่รับเย็บ

คณะ นิติราษฎร์ หรือคลินิกหมอหนุ่ม พยายามสร้างภูมิต้านทานให้พรรคเพื่อไทย ด้วยการวินิจฉัยโรคอย่างแม่นยำ ทำให้ศุกร์ที่ 13 กรกฎาเป็นวันที่บ่งบอกว่าโรคร้ายนี้ที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน คุกคามจนการเมืองไทยกลายเป็นแผลหนอง และพองแตกให้เราเห็นนั้นมันเป็นจริง มีการทำรัฐประหารขยายอำนาจให้ตัวเองของ “ตลก” อย่างไม่อายใคร ท่ามกลาง กลุ่มคนแต่งตัวเป็นทหารกองทัพปลดแอก สวมหมวกดาวแดงมาช่วยรายล้อมรักษาการณ์ พิทักษ์อำมาตย์ สร้างความฉงนงุนงง ประกอบกับโรคภูมิแพ้ของรัฐบาล และบรรดา สส.พรรคเพื่อไทย ที่อ่อนระทวย หมอบคลาน....ขวัญอ่อน กลัว “ตลก” กลัว คุก กลัวตะราง กลัวกองทัพ อำนาจปืนเมื่อรับฟังคำสั่ง “ตลก” หลังจากไปให้การกันอย่างต้วมเตี้ยมจบลง  ประธานสภาก็ถอยกรูดใจสั่น ตัวเย็น ร้องบอกว่า ให้ทำตามที่ “ตลก” สั่งจนเสียงหลง

อย่าหวังพึ่งใคร อาศัยพลังมวลชน

รัฐสภา ไทยยิ่งไม่ยึดหลักกฎหมายให้อยู่เหนือศาลรัฐธรรมนูญ หรือคณะตลก ก็ยิ่งอ่อนแอลง พรรคเพื่อไทยยิ่งใช้นโยบายปรองดอง ก็ยิ่งรับสารพิษแทนยาบำรุง จากที่เคยออกอุบายกุข่าวรัฐประหารให้คนเสื้อแดงมาช่วยกัน ก็กลายเป็นรัฐประหารโดยตุลาการไปจนได้

นักมาร์คซิสต์ต้องการเห็นสังคมที่บริหารจัดการแบบ “สังคมนิยม” แทนระบบ “มือใครยาวสาวได้สาวเอา” ของทุนนิยม

เรา ต้องการเห็นพลเมืองในสังคมร่วมกันกำหนดนโยบายการผลิตและการทำงาน ด้วยกระบวนการประชาธิปไตย เพื่อตอบสนองความต้องการของเพื่อนมนุษย์ทุกคน ไม่ใช่เพื่อตอบสนองความโลภและกำไรของคนส่วนน้อย ระบบสังคมนิยมจะพัฒนาฐานะความเป็นอยู่ของทุกคนให้ดีขึ้น และมีความยุติธรรมที่จับต้องได้ ไม่ต้องมาตีความโดยพวกชนชั้นสูง
มวลชนคนเสื้อแดง และผู้รักประชาธิปไตยจะต้องกล้ากำหนดชะตาชีวิตของตนเอง อย่ามัวแต่ถอนหายใจ มองดูคนไข้ที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล ที่แถว่าจะนำประชาชนสู่สังคมใหม่ที่ดีกว่า

ที่ผ่านมาปรากฏการณ์รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ในนามพรรคเพื่อไทย และรัฐสภาที่อ่อนแอมีแต่การถอย จะเยียวยารักษาอย่างไรก็ไม่ยอมรับ ชี้ชัดถึงเนื้อแท้ว่าพรรคนี้มิได้เป็นตัวแทนพลังก้าวหน้า หรือพลังการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง คงถึงเวลาแล้วที่มวลชนต้องนำตนเอง สร้างพรรคที่เป็นตัวแทนชนชั้นล่าง ด้วยแทนพลังก้าวหน้าสร้างสรรค์ต่อสู้กับอำมาตย์ทั้งหลาย ที่กรายพันธ์สลายร่าง สร้างอวตารออกมาหลายรูปแบบ

พลังไพร่แดง พลังกรรมาชีพเท่านั้นที่จะโค่นเครือข่ายอำมาตย์ลงได้ !!!

(ที่มา)
http://turnleftthai.blogspot.dk/2012/08/blog-post_6.html

นายกฯ ซีเรียเข้าร่วมฝ่ายต่อต้านรัฐบาลแล้ว

นายกฯ ซีเรียเข้าร่วมฝ่ายต่อต้านรัฐบาลแล้ว

 

 


ริอาด ฟาริด ฮิญาบ นายกรัฐมนตรีคนล่าสุดของซีเรียที่เพิ่งได้รับตำแหน่งเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา หลบหนีข้ามประเทศไปจอร์แดน พร้อมประกาศถอนตัวจากฝ่ายรัฐบาลไปเข้าร่วมฝ่ายต่อต้าน
 
วันที่ 6 ส.ค. 2012 ริอาด ฟาริด ฮิญาบ นายกรัฐมนตรีคนล่าสุดของซีเรียประกาศว่า เขาขอย้ายข้างไปอยู่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลหลังจากที่สถานีโทรทัศน์ช่องรัฐบาลของซีเรียรายงานว่าเขาถูกปลดออกจากตำแหน่ง 
 
สำนักข่าวอัลจาซีร่า รายงานว่า อดีตนายกรัฐมนตรีที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งจากบาชาร์ อัล-อัสซาดได้แอบหลบหนีข้ามพรมแดนไปยังประเทศจอร์แดน ซึ่งทางการจอร์แดนยืนยันข้อมูลในเรื่องนี้
 
"ผมขอประกาศในวันนี้ว่า ผมขอถอนตัวออกจากรัฐบาลที่เป็นฆาตกรและผู้ก่อการร้าย และผมขอประกาศว่าผมได้เข้าร่วมกับการปฏิวัติที่มีเกียรติ์และมีเสรี ผมขอประกาศว่านับจากบัดนี้ไปผมเป็นหนึ่งในทหารของการปฏิวัติอันศักดิ์สิทธินี้" มูฮัมหมัด เอล-เอตรี โฆษกส่วนตัว อ่านแถลงการณ์ของริอาด
 
เอตรี กล่าวปฏิเสธด้วยว่าริอาดไม่ได้ถูกไล่ออก แต่ทางรัฐบาลได้ประกาศเรื่องนี้หลังจากที่รู้ว่านายกฯ หนีออกจากประเทศไปแล้ว
 
เอตรี เปิดเผยว่าการย้ายข้างของริอาด มีการเตรียมการอยู่หลายเดือน และกระทำการร่วมกันกับกลุ่มกองกำลังปลดปล่อยซีเรีย (FSA) ซึ่งเป็นกลุ่มกบฏ
 
นอกจากนี้อดีตนายกรัฐมนตรียังได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รายอื่นๆ ของซีเรียถอนตัวออกจากฝ่ายรัฐบาล โดยบอกว่าเมื่อตัวเขาถอนตัวออกมาแล้ว เจ้าหน้าที่รัฐบาลที่อยู่ในระดับต่ำกว่าจะ "ไม่มีข้ออ้างใดๆ ที่จะไม่ถอนตัว"
 
อย่างไรก็ตาม ริอาดเตือนว่ารัฐบาลซีเรียมีโอกาสตอบโต้ตามอำเภอใจ ในรูปแบบของคนควบคุมตัวเองไม่ได้ พวกเขาจะทำให้มีการฆ่าเพิ่มขึ้น เจ้าหน้าที่คนใดที่ต้องการถอนตัวต้องกระทำอย่างชาญฉลาด เขาต้องคอยระวังตัวเองและครอบครัวให้ดี
 
"รัฐบาลพูดภาษาเดียว คือภาษาการนองเลือด" เอตรีกล่าวต่ออัลจาซีร่า
 
ไม่มีทางเลือก
ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ได้แต่งตั้งริอาด เป็นนายกฯ เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ที่ผ่านมาหลังการเลือกตั้ง ส.ส. ในเดือนพ.ย.
 
เอตรีอ้างว่า อดีตนายกฯ ไม่มีทางเลือกเมื่อเขาได้รับแต่งตั้ง
 
"การถอนตัวของเขามีการวางแผนไว้แล้วมากกว่า 2 เดือน เขามีตัวเลือกแค่สองทาง คือยอมรับตำแหน่งนายกฯ หรือถูกสังหาร เขามีทางเลือกที่สามอยู่ในใจ คือการวางแผนหนีออกไปด้วยตัวเอง เพื่อเป็นการโบยตีรัฐบาลจากข้างใน และในตอนนี้เขาก็ได้ประกาศการถอนตัวของตัวเองแล้ว" เอตรีกล่าว
 
"ผมเชื่อว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่สุดของซีเรียในตอนนี้ที่ถอนตัวออก ...มันเป็นเรื่องที่นานๆ ทีจะเกิดขึ้น และเป็นการสั่นคลอนรัฐบาลและสื่อความหมายโดยนัยถึงการจบลงของรัฐบาลและความสำเร็จของการปฏิวัติ" เอตรีกล่าว
 
สื่อซีเรียรายงานว่า โอมาร์ กัลลิวานจี ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 ส.ค.
 
ริอาด ฟาริด ฮิญาบ เป็นส่วนหนึ่งของพรรคบาธตั้งแต่ปี 1998 และได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าราชการเขตปกครองลาทาเคียเมื่อเริ่มมีการประท้วงเกิดขึ้นปีที่ผ่านมา (2011)
 
รูลา อามิน นักข่าวอัลจาซีร่ารายงานจากเลบานอนว่า แม้ริอาดจะไม่ใช่สมาชิกคนสำคัญของกลุ่มคนวงในอัสซาด แต่เมื่อเขาหนีไปร่วมกับฝ่ายต่อต้าน เขาถือเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ตกเป็นเป้าสายตาของสาธารณชนมากที่สุด ในฐานะผู้ถอนตัวจากรัฐบาลอัสซาด
 
อดีตที่ปรึกษาของประธานาธิบดีคนก่อนหน้าของซีเรียยืนยันว่า เหตุการณ์นี้มีนัยสำคัญอย่างแน่นอน
 
ที่มา
Syrian prime minister joins opposition, Aljazeera, 06-08-2012
http://www.aljazeera.com/news/middleeast/2012/08/ 20128691725705233.html

(ที่มา)
http://www.prachatai.com/journal/2012/08/41918

Wake Up Thailand 06สค55

Wake Up Thailand 06สค55

 



(คลิกฟัง)
http://www.youtube.com/watch?v=jfEXBzcGLa4

The Daily Dose 06สค55

The Daily Dose 06สค55


(คลิกฟัง)

ที่นี่ความจริง 06สค55

ที่นี่ความจริง 06สค55




(คลิกฟัง)
http://www.youtube.com/watch?v=7zIXKFBN75c&feature=player_embedded

เปิดใจ หนุ่มเสื้อแดง ขับรถหรู บุกพรรคประชาธิปัตย์ มอบเสื้อสกรีน "เราเห็นคนตาย" แด่ "อภิสิทธิ์"

เปิดใจ หนุ่มเสื้อแดง ขับรถหรู บุกพรรคประชาธิปัตย์ มอบเสื้อสกรีน "เราเห็นคนตาย" แด่ "อภิสิทธิ์"


 
“ผมอยากให้สังคมเข้าใจอย่างหนึ่งว่า การเป็นคนเสื้อแดงไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่รักคุณทักษิณอย่างเดียว”


จากกรณีนายซิม ไฮแอท มาตั้งเต็นท์และอดข้าวอดน้ำหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค. เวลา 14.00 น. เพื่อรอยื่นหนังสือถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กรณีนายอภิสิทธิ์ กล่าวปราศรัยพาดพิงคนเสื้อแดงบนเวทีสุดท้ายของพรรค ที่สนามกีฬาเวสน์ 2 ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง กรุงเทพฯ ด้วยข้อความว่า "อยากให้คนเสื้อแดงลองนึกดูให้ดีว่ามีใครพามา"


หลังจากอดอาหารมา3 วัน วันนี้ (6 ส.ค.) นายซิม ไฮแอท ได้ฝากเสื้อยืดสีแดง ที่คนเสื้อแดงเคยใส่มาแล้ว โดยมีข้อความสกรีนบนเสื้อ ระบุว่า “เราเห็นคนตาย I see dead people” ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยมี นายแทนคุณ จิตต์อิสระ โฆษกผู้นำฝ่ายค้านในฐานะอดีตผู้สมัคร ส.ส.เขตดอนเมือง มาเป็นผู้รับมอบ ทั้งนี้ แถลงการณ์มีความว่า


“เรื่อง การขอให้คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถอนทุก ๆ ประโยค ทุก ๆ คำพูดที่พาดพิงถึงอุดมการณ์ของคนเสื้อแดง
 เรียน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ


ข้าพเจ้าคนเสื้อแดง ไม่เห็นด้วยกับการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้พูดพาดพิงถึงอุดมการณ์ของคนเสื้อแดงทุก ๆ คนด้วยการใส่เสื้อแดงขึ้นเวทีผ่าความจริงพร้อมกับแสดงกริยาถากถาง เยาะเย้ยอุดมการณ์ของคนเสื้อแดงโดยไม่คำนึงความรู้สึกของประชาชน ผมจึงมีความประสงค์ที่จะให้คุณอภิสิทธิ์ถอนทุก ๆ ประโยค ทุก ๆ คำพูดที่พาดพิงถึงอุดมการณ์ของคนเสื้อแดง และหวังว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก”


แม้จะถูกบางฝ่ายมองว่าเป็นการสร้างพื้นที่ข่าวแต่อย่างน้อยการกระทำของ นายซิม ไฮแอท ถือเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ทางการเมือง (symbolic politics)


“มติชนออนไลน์” สัมภาษณ์ นายซิม ไฮแอท ไขข้อข้องใจประเด็นต่าง ๆ จากปรากฎการณ์ขับรถหรูบุกที่ทำการพรรคการเมืองเก่าแก่ 


@ช่วยเล่าประวัติคร่าว ๆ


ประวัติผมไม่มีอะไรซีเรียสครับ คนเสื้อแดงจะรู้จักผมอยู่แล้ว ผมเป็นคนเสื้อแดงคนหนึ่งที่ออกมาขับเคลื่อน เราพยายามสู้จริง ๆ จนคนหลาย ๆ คนได้รู้จักผม ไม่ว่าจะเป็นเอเชียอัพเดต พีเพิลชาแนล เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ ก็สุดแล้วแต่ ถึงอย่างนั้นผมก็เป็นเสื้อแดงคนหนึ่ง ใช้คำนี้ดีกว่า


@อะไรคือแรงจูงใจให้ออกมาเคลื่อนไหวที่หน้าพรรคประชาธิปัตย์

จริงๆ หลาย ๆ คนอาจเข้าใจว่าผมมาอดอาหารประท้วงคุณอภิสิทธิ์ เป็นเรื่องที่ผมต้องการแสดงให้คนในสังคมเห็นว่า การที่เป็นคนเสื้อแดงไม่ต้องถูกจ้าง ก็สามารถยอมมานั่งประท้วงได้ ข้อเดียวคือผมต้องการลบข้อกังขา


@ก่อนหน้านี้เคยเคลื่อนไหวทางการเมืองอะไรบ้าง

ก่อนหน้านี้มีขึ้นเวทีจัดรายการโทรทัศน์ เป็นวิทยากร


@จะปักหลังหน้าพรรคประชาธิปัตย์อีกนานไหม

ตอนนี้ได้มีการยื่นหนังสือเรียบร้อยแล้วคงจะกลับเลย ทีมงามกำลังกระจายข่าวออกไปว่าผมจะกลับแล้ว


@มีอะไรจะฝากบอกกับสังคม

ผมอยากให้สังคมเข้าใจอย่างหนึ่งว่าการเป็นคนเสื้อแดงไม่จำเป็นต้องเป็นคน ที่รักคุณทักษิณอย่างเดียว ข้อแรกต้องลบข้อกังขาว่าคนเสื้อแดงถูกจ้าง เมื่อไหร่ที่ลบข้อกังขาข้อนี้ได้ ยอมรับความจริงได้ว่าคนเสื้อแดงไม่ได้ถูกจ้างจะเข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่าง ผมอยากให้กลับไปคิดว่า 500 บาท สามารถซื้อชีวิตคนได้ไหม ลองเข้าไปคุยกับคนเสื้อแดง ลองเปิดใจ ผมมีเพื่อนต่างสีเยอะแยะ แต่เราลองทำตัวเป็นกลางและพูดคุยกัน อะไรหลาย ๆ อย่างจะชัดเจนขึ้น

ผมไม่ได้อยากบอกสังคมว่าต้องทำอย่างนั้น ต้องทำอย่างนี้ แค่เข้าใจก่อนว่าคนเสื้อแดงไม่ได้ถูกจ้างมาแค่นั้น เป็นสิ่งที่ผมต้องการสื่อให้สังคมทราบ

(ที่มา)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1344256877&grpid=01&catid=&subcatid= 

สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 29 ก.ค. - 4 ส.ค. 2555

สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 29 ก.ค. - 4 ส.ค. 2555


การนัดหยุดงานเป็นเพียง “โรงเรียนการทำสงคราม” ไม่ใช่สงครามจริง การนัดหยุดงานเป็นเพียงแง่หนึ่งของการต่อสู้ทางชนชั้นของกรรมาชีพ จากการนัดหยุดงานของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งกรรมาชีพต้องพัฒนาการต่อสู้ไปสู่การ ต่อสู้ของกรรมาชีพทั้งชนชั้นเพื่อการปลดแอกตนเอง สิ่งนี่กำลังค่อยๆ เกิดขึ้นทั่วโลกอยู่แล้ว เมื่อกรรมาชีพที่มีจิตสำนึกทางชนชั้นพัฒนาตนเองเป็นนักสังคมนิยม // Lenin “Collected Works” เล่ม 4
 

 
เผยแรงงานได้ค่าแรงจริงไม่ถึง 300 บ. 
นายเกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เปิดเผยว่า จากการศึกษาดัชนีค่าครองชีพในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาพบว่า แม้ผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศจะได้รับการขึ้นค่าจ้าง 40% ตั้งแต่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยมี 7 จังหวัด ที่มีค่าแรงขั้นต่ำถึง 300 บาทแล้ว ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร (กทม.) นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร สมุทรปราการ นครปฐม และภูเก็ต แต่พบว่าอำนาจการซื้อหายไป 10 บาท เนื่องจากสินค้าประเภทอาหาร พลังงานและสิ่งของจำเป็นภายในบ้านเพิ่มราคาขึ้น เหลือใช้กำลังซื้อที่แท้จริงเพียง 290 บาท และหากปรับเพิ่มเป็น 300 บาททั่วประเทศในปี 2556 อำนาจการซื้อของแรงงานทั่วประเทศจะลดลงยิ่งกว่านี้
 
ขณะเดียวกัน จากการติดตามผลกระทบและการปรับตัวในช่วง 100 วันหลังการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท พบว่า ธุรกิจเอสเอ็มอีใน 7 จังหวัดข้างต้น มีกลุ่มตัวอย่าง 87.5% ได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรง แต่ 73.2% ของกลุ่มที่ได้รับผลกระทบระบุว่ายังสามารถรับมือได้ ส่วนอีก 14.3% ไม่สามารถรับมือกับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นได้
 
นายเกียรติอนันต์ กล่าวว่าข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลคือในระยะเวลา 5 เดือน ที่เหลือก่อนสิ้นปี รัฐจะต้องช่วยเหลือผู้ประกอบการด้วยการบริหารความเสี่ยงทางธุรกิจในภาพรวม เช่น สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ต้องไม่มีความเสี่ยงด้านการเมือง อย่าให้ต้นทุนธุรกิจเพิ่มมากกว่านี้ เช่น ดูแลค่าเงินบาทไม่ให้อ่อนค่าลงกว่าเดิม ดูแลราคาพลังงานอย่าให้ปรับเพิ่มเร็วเกินไป ตลอดจนสร้างบรรยากาศความเชื่อมั่นให้ประชาชนมั่นใจในการบริโภค และนักลงทุนกล้าลงทุนมากขึ้น
 
(โพสต์ทูเดย์, 30-7-2555)

(อ่านต่อ)

เก็บตกเสวนา: บทบาทสถาบันกษัตริย์และภารกิจสองข้อในการปฏิรูปประชาธิปไตย

เก็บตกเสวนา: บทบาทสถาบันกษัตริย์และภารกิจสองข้อในการปฏิรูปประชาธิปไตย



 
5 ส.ค. ยุกติ มุกดาวิจิตร และ ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ ได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรบรรยายในงานโครงการผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง  (Laedership for Change) รุ่นที่ 3 จัดโดย มูลนิธิสัมมาชีพ ณ สมาคมธรรมศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์

เนื้อความดังต่อไปนี้เป็นบันทึกเนื้อหาของวิทยากรทั้งสองท่านในเฟซบุ๊ค หลังจากที่ได้ไปบรรยายในกิจกรรมข้างต้น ประชาไทเห็นว่ามีเนื้อหาน่าสนใจจึงได้นำมมาเผยแพร่ซ้ำอีกครั้ง

ยุกติ มุกดาวิจิตร: บทบาทสถาบันพระมหากษัตริย์ในระบอบการเมืองแบบประชาธิปไตย
 
ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ : ภารกิจสองข้อของการปฏิรูปประชาธิปไตย มายาคติสี่ข้อที่ต้องฝ่าไปให้ได้
 
(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2012/08/41898