เสวนานิติราษฎร์: การรัฐประหารกับระบอบรัฐธรรมนูญ
"2 ปีนิติราษฎร์" ปิยบุตร แสงกนกกุล
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=4HPp0DPj_C0
ประวัติศาสตร์กฎหมายไทยแทบไม่มีการกล่าวถึง 24 มิ.ย.2475...
เมื่อนักกฎหมายตีความและใช้กฎหมายตามระบอบเก่า
การใช้และตีความจึงบิดเบี้ยวอย่างทุกวันนี้ เมื่อเราประกาศตัวเป็นนิติรัฐ
กฎหมายเป็นใหญ่ นักกฎหมายจึงเป็นใหญ่ตาม
บรรดานักกฎหมายจึงพยายามช่วงชิงว่าตัวเองเป็นผู้ผูกขาดการใช้การตีความ
กฎหมาย...ปิยบุตร แสงกนกกุล วิพากษ์บทบาทนักกฎหมายไว้ในตอนหนึ่ง
30 ก.ย.55 นักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์ร่วมเสวนาหัวข้อ
“การรัฐประหารกับระบอบรัฐธรรมนูญ” ที่หอประชุมศรีบูรพา (หอประชุมเล็ก)
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
ธีระ สุธีวรางกูร กล่าวในช่วงเกริ่นนำว่า
ประเทศไทยมีการรัฐประหารเฉลี่ย 3-4 ปีต่อครั้ง
และการรัฐประหารทุกครั้งจะนำมาซึ่งเรื่องใหม่ๆ ทางกฎหมาย
ทั้งการมีองค์กรและกฎเกณฑ์ใหม่ การจัดความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรของรัฐ
การรัฐประหาร 2549
เป็นสาเหตุของการกำเนิดขึ้นของนิติราษฎร์ซึ่งมีข้อเสนอออกมานับตั้งแต่มีการ
รวมกลุ่ม
และมีหลายข้อเสนอที่ก่อให้เกิดการถกเถียงและวิพากษ์วิจารณ์ในทางสาธารณะค่อน
ข้างมาก นั่นคือการลบล้างผลพวงของรัฐประหาร
นอกจากนี้
คือเรื่องความสัมพันธ์ทางอำนาจระหว่างสถาบันกษัตริย์กับประชาธิปไตยที่นำมา
ซึ่งการจำกัดอำนาจของสถาบันกษัตริย์ แต่ระยะเวลา 80
ปีที่ผ่านมาความสัมพันธ์นี้แกว่งไกวมาตลอดแล้วแต่สถานการณ์
แต่ระหว่างการจัดความสัมพันธ์นี้ สิ่งที่เห็นคือ
จะมีบรรดานักนิติศาสตร์ที่ทำหน้าที่อธิบายความสัมพันธ์ในลักษณะที่เป็นการ
เทิดพระเกียรติและอำนาจของสถาบันฯ แต่ข้อเท็จจริงนั้น ก่อนการรัฐประหาร
2549 ในช่วงที่ประเทศอยู่ในภาวะวุ่นวาย
กลไกที่ทำหน้าที่หลักในบ้านเมืองตอนนั้นคือสถาบันตุลาการ
ซึ่งมีบทบาทสำคัญค่อนข้างมากในช่วงที่กำลังจะมีการรัฐประหาร
บทบาทสำคัญอีกประการคือ เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2549
เรื่องปัญหาการเลือกตั้ง ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้เลือกตั้งใหม่
และต้องเลือกคณะกรรมการการเลือกตั้ง
แต่คณะที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามีมติไม่เลือกโดยอ้างพระราชอำนาจ
ตามหนังสือที่ประธานศาลฎีกาเวียนไประบุเหตุที่มีกรณีที่พระมหากษัตริย์ทรง
ใช้พระราชอำนาจโดยตรงทางตุลาการผ่านพระราชดำรัสวันที่ 25 เม.ย.2549
เมื่อมีพระราชดำรัสเช่นนั้นการที่ศาลฎีกาไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ
ก็เป็นการกระทำที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
ธีระกล่าวต่อว่า ที่อ้างมานี้
เพื่อให้เห็นว่าพระมหากษัตริย์ถูกนำมาอ้างอิงเสมอไม่ว่าจากศาลหรือใครก็ตาม
และ 30 ปีที่ผ่านมา
ก็มีคำอธิบายทางนิติศาสตร์มากในเรื่องพระราชอำนาจและอำนาจอธิปไตย
เป็นสิ่งที่ต้องตั้งคำถามและหาคำตอบ
สุดท้าย สิ่งที่ต้องรำลึกเสมอคือ
แม้ว่าปัจจุบันมีการรัฐประหารค่อนข้างยาก
แต่การรัฐประหารแบบคลาสสิกคือการใช้รถถังก็ยังมีอยู่
ก่อนหน้านั้นเราไม่มีองค์ความรู้ในการป้องกันหรือแก้ไขการรัฐประหารเลย
(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2012/10/42914