หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555

เผด็จการของเสรีนิยม

แดงสังคมนิยม


เผด็จการของเสรีนิยม 


ใคร ในไทยที่ยังหลงเชื่อว่าลัทธิเสรีนิยมจะนำไปสู่ประชาธิปไตย ควรศึกษาสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในยุโรป เพราะในรอบเดือนที่ผ่านมามีการทำ “รัฐประหารเงียบ” ในอิตาลี่และกรีส เพื่อให้มีการแต่งตั้งรัฐบาลเทคโนแครทที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง รัฐบาลในสองประเทศนี้จะต้องทำตามคำสั่งนายธนาคารในการทำลายมาตรฐานชีวิต ประชาชน โดยการตัดสวัสดิการ ทำลายการจ้างงาน และตัดการบริการของภาครัฐ ทั้งหมดเพื่อปกป้องธนาคารต่างๆ ของยุโรป และองค์กรหลักที่ทำรัฐประหารคือ ไอเอ็มเอฟ ธนาคารกลางของอียู และองค์กรบริหารอียูซึ่งอยู่ภายใต้รัฐบาลฝ่ายขวาของเยอรมันและฝรั่งเศส


ล่าสุดนายกรัฐมนตรี แองกาลา เมอร์คัล ของเยอรมัน และประธานาธิบดี นิโคลัส ซาโคซี ก็เสนอว่าทุกประเทศในสหภาพยุโรป จะต้องตกลงกันอย่างเคร่งครัดที่จะ “รักษาวินัยทางการคลัง” ซึ่งเป็นคำสวยหรูที่มีความหมายสกปรกโหดร้าย เพราะไม่ว่าจะออกมาจากปากนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ในไทย หรือออกมาจากปากนักการเมืองฝ่ายขวาในยุโรป มันมีความหมายเดียวคือ ต้องตัดงบประมาณรัฐที่บริการประชาชนส่วนใหญ่ ต้องตัดสวัสดิการ และทำลายการจ้างงาน ในขณะที่เอาใจนายทุนใหญ่และคนรวย

ในกรณียุโรปมีการเสนอว่า “ศาลกลางยุโรป”จะต้องลงโทษรัฐบาลที่ไม่ทำตามข้อตกลงนี้ ซึ่งแปลว่าประชาชนในแต่ละประเทศจะไม่มีสิทธิเสรีภาพทางประชาธิปไตย ในการเลือกรัฐบาลที่มีนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และจะไม่สามารถใช้กลไกประชาธิปไตยในการปกป้องรัฐสวัสดิการหรือเสนอนโยบาย เศรษฐกิจที่ไม่ใช่แนวเสรีนิยม

นี่ละครับคือเผด็จการเสรีนิยมของนายธนาคารและนายทุน เผด็จการของตลาด

ไม่ว่าจะเป็นเสรีนิยมกลไกตลาดทางเศรษฐกิจ หรือ เสรีนิยมทางการเมือง เราแยกออกจากกันไม่ได้ เพราพรรคเสรีนิยมในยุโรปสนับสนุนเผด็จการเสรีนิยมทางเศรษฐกิจแบนี้ และในไทยนักวิชาการเสรีนิยมทั้งหลายล้วนแต่เคยสนับสนุนรัฐประหาร ๑๙ กันยา

บางคนที่ไม่เข้าใจเศรษฐศาสตร์การเมืองเพียงพอ จะพูดว่าความขัดแย้งในสังคมไทยที่นำไปสู่วิกฤต คือความขัดแย้งระหว่างนโยบาย โลกาภิวัตน์กลไกตลาดเสรีของทักษิณและไทยรักไทย ในฐานะที่เป็น กลุ่มนายทุนสมัยใหม่กับนโยบาย ปิดประเทศต้านโลกาภิวัตน์ต้านเสรีนิยมของอำมาตย์หัวเก่า ทั้งหมดนี้ไม่เป็นความจริงเลย

ในความเป็นจริง นโยบายของรัฐบาลทหารหลังรัฐประหาร ๑๙ กันยา และนโยบายของรัฐบาลพรรคทหารของอภิสิทธิ์ ล้วนแต่ใช้แนวเสรีนิยมกลไกตลาดสุดขั้ว ที่คัดค้านการใช้รัฐและงบประมาณรัฐในการพัฒนาสภาพคนจน ส่วนนโยบายของไทยรักไทยเป็นนโยบาย “คู่ขนาน” ที่ใช้รัฐกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าตามแนวเคนส์ (Keynes)ในระดับหมู่บ้านและชุมชนภายในประเทศ ร่วมกับแนวกลไกตลาดเสรีในเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

แต่อย่าพึ่งหลงเชื่อว่าประชาชนยุโรปจะยอมรับเผด็จการเสรีนิยมง่ายๆ ตอนนี้คลื่นการนัดหยุดงานของสหภาพแรงงานและการประท้วงชุมนุมของคนหนุ่มสาว “ผู้โกรธแค้น” หรือขบวนการ “เราคือ 99%” กำลังมาแรงในทุกประเทศ

ประเด็นคือ... ทางออกในการแก้วิกฤตคืออะไร?

ถ้าเป็นฝ่ายทุน หรือฝ่ายเสรีนิยม เขาต้องการจะกดค่าแรงและสวัสดิการของ “ประชาชน99%” เพื่อปกป้องกำไรของกลุ่มทุนและธนาคาร และปกป้องผลประโยชน์ทางชนชั้นของเขา โดยไม่สนใจว่าคนหนุ่มสาวรุ่นหนึ่งจะหมดอนาคตไป ไม่สนใจความยากลำบากของคนจน และไม่สนใจว่าในระยะยาวสังคมจะเป็นอย่างไร จะถอยหลังลงคลองแค่ไหน เขาสนใจเรื่องเดียวคือการปกป้องผลประโยชน์ระยะสั้นของกลุ่มทุนเท่านั้น นี่คือตรรกะของทุนนิยม

ถ้าเป็นฝ่ายเรา แน่นอนเราต้องขัดขืนการตัดสวัสดิการ การกดค่าแรง และการทำลายชีวิตประชาชน เราต้องออกมานัดหยุดงานและประท้วง เพื่อล้มรัฐบาล และล้มเผด็จการเสรีนิยม แต่แค่นั้นไม่พอ เพราะต้องมีข้อเสนอว่าจะเอาอะไรมาแทนที่ ในระยะสั้นต้องยึดธนาคารเอกชนมาเป็นของส่วนรวมภายใต้การบริหารของสหภาพแรงงาน เพื่อที่จะนำเงินทองมหาศาลที่กองอยู่ มาใช้ในการสร้างงานและฟื้นฟูสังคม ไม่ใช่เพื่อให้ทรัพยากรของสังคมถูกใช้เพื่อจ่ายดอกเบี้ยให้นายธนาคาร ในขณะเดียวกันต้องรื้อถอนสกุลเงินยุโร และต้องให้ประชาชนตัดสินใจเองเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจ แต่นั้นเป็นเพียงวิธีแก้ปัญหาระยะสั้นเท่านั้น

วิกฤตทุนนิยมครั้งนี้ และครั้งก่อนๆ ทุกครั้ง เกิดจากแนวโน้มการลดลงของอัตรากำไร และการหันไปสร้างเศรษฐกิจฟองสบู่ อย่างที่คาร์ล มาร์คซ์ เคยอธิบายในหนังสือ “ว่าด้วยทุน” วิธีแก้ปัญหาการลดลงของอัตรากำไรมีแค่สองวิธีเองคือ

วิธีของนายทุน ซึ่งหมายถึงการกดค่าแรงและสวัสดิการ และการทำลายบริษัทและโรงงานจำนวนหนึ่ง เพื่อลดพลังการผลิตล้นเกิน มันนำไปสู่นรกสำหรับประชาชน 99% และคราวที่แล้วที่มีวิกฤตโลกที่หนักแบบนี้ มันนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่สอง

วิธีของนักสังคมนิยม ซึ่งหมายถึงการยึดอำนาจการเมืองและเศรษฐกิจมาเป็นของกรรมาชีพ และการสร้างเศรษฐกิจใหม่ภายใต้การวางแผนด้วยกลไกประชาธิปไตยที่ไม่อาศัยกลไก ตลาด พูดง่ายๆ ต้องยกเลิกทุนนิยม เพราะแค่การเพิ่มงบประมาณรัฐและการสร้างงานในระบบทุนนิยมตามสูตรเคนส์ จะไม่นำไปสู่การฟื้นตัวของอัตรากำไรแต่อย่างใด จะเป็นเพียงการซื้อเวลาระยะสั้นเท่านั้น

ถ้าเราเข้าใจประเด็นเหล่านี้เราจะต้องปรับใช้กับสังคมไทยหลังน้ำลง เพราะเราต้องสร้างข้อถกเถียงว่าจะมีการฟื้นฟูชีวิตของประชาชนไทย 99% ด้วยนโยบายแบบไหน

(ที่มา) 
http://redthaisocialist.com/2011-02-22-09-46-04/303-2011-12-06-13-23-22.html 

นักวิเคราะห์ ฟันธง ปูติน ไม่สามารถอ้างความชอบธรรม แม้ได้รับเลือกกลับเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง

นักวิเคราะห์ ฟันธง ปูติน ไม่สามารถอ้างความชอบธรรม แม้ได้รับเลือกกลับเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง



โดย Washington, D.C./จำเริญ ตัณฑ์สมบุญ | Andre de Nesnera/กรุงวอชิงตัน / voa thai


การเลือกตั้งประธานาธิบดีของรัสเซียจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ ที่ 4 มีนาคมนี้ และถึงแม้จะมีผู้สมัครทั้งสิ้นรวมห้าคน แต่ก็คาดว่านายกรัฐมนตรีวลาดิเมียร์ ปูตินจะได้รับเลือกกลับมาเป็นประธานาธิบดีเป็นครั้งที่สาม โดยคาดว่าเขาจะสลับให้นายดมิทริ เมดเดรเดฟ ผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในปัจจุบันให้กลับเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก ครั้งในรัฐบาลชุดหน้า


อย่างไรก็ตาม นาย Robert Legvold นักวิเคราะห์ชาวรัสเซียชี้ว่า ชาวรัสเซียได้เริ่มประท้วงต่อต้านอำนาจการปกครองของนายกรัฐมนตรีปูตินตาม เมืองใหญ่ต่างๆ ของรัสเซียมาตั้งแต่หลังการเลือกตั้งรัฐสภาเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วจาก ข้อกล่าวหาเรื่องการโกงเลือกตั้ง และนาย Sergei Glebov ผู้เชี่ยวชาญด้านรัสเซียที่ Smith College ในสหรัฐฯ เชื่อว่า ถึงแม้นายกรัฐมนตรีปูตินอาจจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้ แต่เขาก็จะไม่สามารถอ้างความชอบธรรมจากผลการเลือกตั้งได้เหมือนในครั้งปี 2547 ซึ่งเขาได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนรัสเซียถึง 71 % เพราะในขณะนี้คะแนนนิยมในตัวนายกรัฐมนตรีปูตินอยู่ที่ระดับประมาณ 40 % เท่านั้นเอง
 

(ที่มา)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1330592552&grpid=&catid=06&subcatid=0600

Wake up Thailand 01-03-55

Wake up Thailand 01-03-55


Posted Image

(คลิกฟัง)
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=qZMRzJUxIRU#!

รวมปฏิกิริยาจากนักวิชาการ-ปัญญาชน หลัง "วรเจตน์ ภาคีรัตน์" ถูกลอบชก (ภาคสอง)

รวมปฏิกิริยาจากนักวิชาการ-ปัญญาชน หลัง "วรเจตน์ ภาคีรัตน์" ถูกลอบชก (ภาคสอง)

 


 

นักวิชาการ-ปัญญาชนหลายรายยังคงแสดงความเห็นต่อกรณี นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ นักวิชาการคณะนิติราษฎร์ ถูกลอบทำร้ายอย่างต่อเนื่อง ผ่านทางเครือข่ายสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก มติชนออนไลน์ขออนุญาตนำความเห็นบางส่วนเหล่านั้นมานำเสนอ ดังนี้

พวงทอง ภวัครพันธุ์
อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ครก.112


เขาต้องการสร้างความกลัวให้นิติราษฎร์และ ครก.112 ยุติการผลักดันแก้ไข ม.112 แต่ขอบอกว่าวิธีการป่าเถื่อนไร้สติแบบนี้ ไม่สามารถเปลี่ยนเราได้ เมื่อวาน ระหว่างที่รอ อ.วรเจตน์ กลับจากโรงพยาบาล พวกเรายังนั่งประชุมงานของ ครก.112 ต่อไป ไม่มีใครในหมู่พวกเราแม้แต่คนเดียว ที่ถามว่าเราควรจะทำต่อไปไหม ไม่มีแม้แต่วินาทีเดียวที่พวกเราคิดว่าควรยุติการผลักดันนี้ เราจะเดินหน้าต่อไป แรงสนับสนุนของประชาชนจะทำให้เราเดินหน้าต่อไปอย่างเข้มแข็ง

กิตติศักดิ์ ปรกติ
อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


การทำร้ายอาจารย์วรเจตน์ มุ่งข่มเหงความกล้าแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ คือการทำร้ายเสรีภาพขั้นพื้นฐานของสังคม

การประทุษร้ายอาจารย์มหาวิทยาลัย มุ่งเหยียบย่ำทำลายการให้เหตุผลที่กำลังแพร่หลายไปในสังคม ก็คือการมุ่งใช้กำลังปิดหูปิดตาผู้อื่นจากความรู้และเหตุผลทั้งปวง

การใช้กำลังประทุษร้ายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน อย่างอุกอาจ มุ่งทำลายความไว้วางใจในสังคม การบั่นทอนความเชื่อว่าคนเราเห็นต่างกันก็ไว้ใจกันได้ ก็คือการมุ่งทำลายการอยู่ร่วมกันอย่างผู้เจริญ

การเพิกเฉยต่อการละเมิดเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่เกิดขึ้นแม้เพียงกรณีเดียว คือการยอมรับการทำลายเสรีภาพของเราทุกคน

(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1330601304&grpid=&catid=01&subcatid=0100

ค่าแรง 300 บาททั่วประเทศ ทันที (ค่ะ)..วันนี้กลายเป็น"ป้ายล่อฟ้า"

ค่าแรง 300 บาททั่วประเทศ ทันที (ค่ะ)..วันนี้กลายเป็น"ป้ายล่อฟ้า"



ทำร้ายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ คือ “ความป่าเถื่อนต่อการใช้เหตุผล”

ทำร้ายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ คือ “ความป่าเถื่อนต่อการใช้เหตุผล”

 

โดยสุรพศ ทวีศักดิ์



เมื่อเราจะร่วมกันสร้างสังคมให้น่าอยู่ หรือสร้างสังคมประชาธิปไตยแบบอารยะ เราจำเป็นต้องปกป้องแม้กระทั่ง“กลุ่มคนที่โดยธรรมชาติแล้วมีความสัมพันธ์ เชิงปฏิปักษ์กับอำนาจ

“ความอยุติธรรมไม่ว่าเกิดขึ้นที่ไหน ย่อมคุกคามความยุติธรรมไปทุกแห่ง”
มาร์ติน ลูเธอร์ คิง
“คนโง่ที่ฉลาดคนไหนก็สามารถสร้างสิ่งใหญ่โต ซับซ้อนและรุนแรงมากขึ้นได้
แต่การกระทำในทางตรงกันข้ามต้องอาศัยอัจฉริยภาพและความกล้าหาญอย่างมากเท่านั้น”
อี.เอฟ. ชูมาเกอร์
“บางครั้งฉันคิดว่าโลกแบ่งเป็นกลุ่ม
คือกลุ่มคนที่มีสายสัมพันธ์อันอบอุ่นกับอำนาจ
กับกลุ่มคนที่โดยธรรมชาติแล้วมีความสัมพันธ์เชิงปฏิปักษ์กับอำนาจ”
อรุณธตี รอย

ความรู้สึกสะเทือนใจ เศร้า หดหู่กับข่าวการทำร้ายร่างกายอาจารย์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ก็มากพออยู่แล้ว แต่ยิ่งรู้สึก “สะเทือนใจ” ยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อเห็นข่าวนักวิชาการรุ่นใหญ่ อดีตคนเดือนตุลาและเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำ ออกมาแสดงความเห็นว่า

 “...เรื่องดังกล่าวน่าจะเกิดจากความขัดแย้งของสังคม อัน เนื่องมาจากการแสดงความคิดเห็น ดังนั้น การที่นักวิชาการจะเสนอความเห็นต่างๆ จะต้องระมัดระวัง เพราะอาจจะกระทบกับอารมณ์ความรู้สึกของคนในสังคมได้ และอาจนำมาซึ่งความขัดแย้ง”

แต่กลับไม่มีคำเตือนสื่อ นักวิชาการที่โจมตี ใส่ร้ายด้วยความเท็จต่างๆ นานาว่า อาจารย์วรเจตน์และกลุ่มนิติราษฎร์ “ล้มเจ้า” เพื่อปลุกกระแสความขัดแย้งในสังคม 

ผมไม่อยากสรุปว่า คนที่ออกมาเตือนแบบนี้ต้องการให้ “เหตุผลเงียบ” แต่เท่าที่ติดตามการแสดงความเห็นของอาจารย์วรเจตน์ ผมประทับใจมากว่า อาจารย์เป็นคนที่หนักแน่นในหลักการเหตุผล มีสติในการใช้คำพูด ไม่หลุดไปจากหลักการเหตุผลเลย ไม่เคยเห็นอาจารย์ด่า ท้าทายใครๆ ในลักษณะ “ใช้อารมณ์เหนือเหตุผล” 
  
(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2012/03/39477

องค์กรสิทธิระหว่างประเทศร้องไทยต้องประกันความปลอดภัย'นิติราษฎร์'

องค์กรสิทธิระหว่างประเทศร้องไทยต้องประกันความปลอดภัย'นิติราษฎร์' 





องค์กรสิทธิมนุษยชน “Front Line Defenders” ร้องทางการไทยต้องดำเนินการสอบสวนกรณีทำร้าย วรเจตน์ อย่างเป็นกลาง ชี้ต้องใช้มาตรการจำเป็นเพื่อประกันความปลอดภัยของกลุ่มนิติราษฎร์ทั้งทางกาย-จิตใจ

เมื่อวันที่ 1 มี.ค. องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ “Front Line Defenders” ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยว กับกรณีการทำร้ายร่างกายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ และแกนนำกลุ่มนิติราษฎร์ โดยมีข้อเรียกร้องต่อทางการไทยให้ดำเนินการสอบสวนกรณีดังกล่าวอย่างเป็นกลาง และโปร่งใสต่อสาธารณะ และนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามมาตรฐานสากล พร้อมทั้งให้รัฐไทยประกันความปลอดภัยทั้งทางร่างกายและจิตใจต่อวรเจตน์ ภาคีรัตน์ และสมาชิกคณะนิติราษฎร์คนอื่นๆ ด้วย

องค์กรพิทักษ์สิทธิของนักสิทธิมนุษยชน ยังระบุด้วยว่า รัฐไทยต้องมีหน้าที่ประกันสิทธิและเสรีภาพของนักสิทธิมนุษยชน เพื่อให้พวกเขาสามารถทำกิจกรรมรณรงค์ต่างๆ ได้โดยละเว้นจากความกลัวที่จะถูกทำร้ายหรือดำเนินคดีทางกฎหมาย

ในเว็บไซต์ขององค์กร Front Line Defenders ยังมีการรณรงค์ให้ผู้ที่สนใจ เขียนจดหมายไปยังนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อเรียกร้องรัฐบาลไทยให้จับตากรณีดังกล่าวด้วย 
 
(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2012/03/39488

รายการ ที่นี่ความจริง ประจำเดือน มีนาคม 2555

รายการ ที่นี่ความจริง ประจำเดือน มีนาคม 2555

 


ห้องเรียนประชาธิปไตย อ ยิ้ม อ หวาน 01 03 55

http://www.youtube.com/watch?v=odEhsYfM3_I&feature=player_embedded

บรรยากาศประชาชนแห่ให้กำลังใจคณะนิติราษฎร์ กรณี อ.วรเจตน์ถูกลอบทำร้ายในรั้วมหาวิทยาลัย

บรรยากาศประชาชนแห่ให้กำลังใจคณะนิติราษฎร์ กรณี อ.วรเจตน์ถูกลอบทำร้ายในรั้วมหาวิทยาลัย 

 





















ปิยะบุตร แสงกนกกุล ๑ ในกลุ่มนิติราษฎร์ ให้สัมภาษณ์ยืนยันยังเคลื่อนไหวตามกรอบกติกาของกฎหมายและยังใช้ชีวิตเหมือนปุถุชนทั่วไป คงต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น ณ ลานปฏิมากรรม 6 ตุลา 19 ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เนื่องจากประชาชนแห่มาให้กำลังใจกรณีอ.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ถูกคนลอบทำร้ายในรั้วมหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธุ์ 2555
1 มีนาคม 2555

http://www.youtube.com/watch?v=7jEvu1opOeM&feature=player_embedded 

­ 
ปิยะบุตร แสงกนกกุล ๑ ในกลุ่มนิติราษฎร์ ให้สัมภาษณ์ยืนยันยังเคลื่อนไหวตามกรอบกติกาของกฎหมายและยังใช้ชีวิตเหมือนปุถุชนทั่วไป คงต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น ณ ลานปฏิมากรรม 6 ตุลา 19 ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เนื่องจากประชาชนแห่มาให้กำลังใจกรณีอ.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ถูกคนลอบทำร้ายในรั้วมหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธุ์ 2555
1 มีนาคม 2555

http://www.youtube.com/watch?v=UmD-MGsAnz8&feature=player_embedded 


อ.วุฒิสาร ตันไชย ให้ความเห็นกรณี อ.วรเจตน์ถูกลอบทำร้ายร่างกายในรั้วมหาวิทยาลัย ณ ลานจอดรถคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เมื่อ 1 มีนาคม 2555



(ที่มา)
http://sewanaietv.blogspot.com/2012/03/blog-post_5740.html