หน้าเว็บ

วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555

กำเนิดครอบครัวและระบบกรรมสิทธิ์

กำเนิดครอบครัวและระบบกรรมสิทธิ์

 

การเปลี่ยนมาเป็นระบบผัวเดียวเมียเดียวนี่เอง จึงเป็นการเอื้ออำนวยให้เกินเป็นกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคลขึ้น จากที่แต่ก่อนทรัพย์สมบัติต้องเป็นของโคตรตระกูล ก็มาเปลี่ยนเป็นของลูกที่สืบเชื้อสายทางบิดา และนี่คือจุดเริ่มต้นแรกของการมีระบบกรรมสิทธิ์

โดย ฮิปโปน้อย บรมสุขเกษม


หนังสือเรื่อง "กำเนิดครอบครัวของมนุษยชาติ ระบอบกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคลและรัฐ” ที่เขียนไว้โดยเองเกลส์นั้น เป็นการสานต่องานเขียนที่ไม่เป็นรูปเป็นร่าง ก่อนหน้าที่มาร์กซ์จะเสียชีวิตลง เนื่องจากมาร์กซ์เคยได้เขียนเรื่องโครงหลวมๆ เกี่ยวกับงานชิ้นนี้ไว้ก่อนแล้ว เพราะมาร์กซ์ได้เคยศึกษางานของ ลูอิส มอร์แกน ที่ได้เล่าถึงความเป็นไปในการพัฒนาครอบครัวของมนุษย์ในแต่ละยุคของสังคม ตั้งแต่ยุคคนป่าจนถึงยุคอารยธรรม

ซึ่งจากงานศึกษาของมอร์แกนนี้มาร์กซ์ได้เล็งเห็นว่า มีความเกี่ยวข้องกันบนพื้นฐานของทฤษฎีวัตถุนิยมประวัติศาสตร์ และก่อนที่เราจะทำความเข้าใจ ว่ารัฐนั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไรนั้น เราต้องศึกษาต้นกำเนิดของการเกิดครอบครัวให้ได้ก่อน เพราะวิวัฒนาการของครอบครัว เป็นพื้นฐานในการเกิดรัฐ


แรกเริ่มเดิมทีในสังคมยุคบุพกาล รูปแบบของครอบครัวมนุษย์นั้น ไม่ได้อยู่กันเป็นหน่วยเล็กๆ หรือครอบครัวเดี่ยวอย่างที่เราคุ้นเคยกัน แต่เป็นการอยู่ร่วมกันเป็นหน่วยใหญ่แบบอันหนึ่งอันเดียวกัน หรือที่เรียกว่า
“สังคญาติ” โดยมอร์แกน(นักมนุษยวิทยา) ได้ศึกษาจนค้นพบถึงรูปแบบการแต่งงาน และรูปแบบของการดำรงรักษาเผ่าพันธุ์มนุษย์ในยุคบุพกาล ว่ามีลักษณะเป็นการสมสู่แบบส่ำส่อน หรือที่เรียกว่าการสมรสหมู่ โดยทั้งชายและหญิงที่อยู่ด้วยกัน ต่างก็เป็นผัวเป็นเมียเป็นของกันและกันอย่างเท่าๆ กัน โดยมีกฎเกณฑ์ไว้ว่า ชายหญิงที่ต่างรุ่นกันไม่สามารถแต่งงานกันได้ ซึ่งสามารถแบ่งการสมรสได้เป็น 4 รุ่นด้วยกันดังนี้

รุ่นแรกคือ ปู่ ย่า ตา ยาย เป็นผัวเมียกัน แล้วรุ่นที่สองคือ ลูกๆ ที่เกิดจากรุ่น ปู่ ย่า ตา ยาย ก็จะแต่งงานกันมีลูกกัน จึงเกิดเป็นรุ่นที่สามคือ ลูกของ พ่อ แม่ ในรุ่นสอง ก็จะแต่งงานกันจนเกิดเป็นรุ่นที่สาม ตามลำดับ อย่างเป็นขั้นเป็นตอน รวมกันทั้งหมดเท่ากับว่ามี การแต่งงานเป็นสี่รุ่น ลูกๆ ที่เกิดมานั้นจะนับว่าเป็นลูกเป็นหลานของคนทุกคน


ดังนั้นจึงมีการตั้งข้อสังเกตจากลักษณะครอบครัวสมรสหมู่ว่า ใครเป็นพ่อของเด็กนั้นไม่อาจรู้ได้ แต่ในส่วนของการหาว่าใครเป็นแม่ของเด็กนั้น เป็นเรื่องที่รู้กันได้ ถึงแม้ผู้หญิงจะเรียกเด็กทุกคนว่าเป็นลูกๆ ก็ตาม แต่ก็สามารถรู้ได้ว่าเด็กคนไหนเป็นลูกที่เกิดจากตนเอง ดังนั้นจึงได้เกิดเป็นสิทธิทางมารดาขึ้น


การดำรงอยู่ของมนุษย์ในยุคบุพกาล ที่ยังไม่รู้จักการสะสมทรัพย์นั้น จะมีความเป็นอยู่แบบหาอาหารกินไปวันต่อวัน มนุษย์ยังไม่รู้จักการสะสมอาหารและเพาะปลูก จนกระทั่งมนุษย์สามารถพัฒนาความเป็นอยู่ได้ ก็เริ่มมีการสะสมอาหาร การเลี้ยงสัตว์ การเพาะปลูกเป็นฤดูกาล และมีเครื่องมือทำมาหากินมากขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเหตุให้มีการสะสมทรัพย์สมบัติของมนุษย์



และด้วยรูปแบบการดำรงชีพที่เป็นเพียงการหาอาหาร แบบวันต่อวัน ยังไม่รู้จักการสะสมอาหารและเลี้ยงสัตว์ ทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างก็มีส่วนช่วยในการผลิตที่เท่าๆ กันตามหน้าที่ ผู้ชายเป็นฝ่ายล่าสัตว์ส่วนผู้หญิงดูแลเรื่องในครัวเรือน ผลผลิตที่ได้ก็จะเป็นของกลาง แม้ว่าเครื่องมือจะเป็นของส่วนตัว 

รำลึก 36 ปี 6 ตุลา ประชาธิปไตยประชาชน

รำลึก 36 ปี 6 ตุลา ประชาธิปไตยประชาชน








จาก 14 ถึง 6 ตุลา
นิธิ เอียวศรีวงศ์ (คำนำ)
ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ (บรรณาธิการ)
E-book : http://www.openbase.in.th/files/puay011.pdf
 
เพลงชีวิต ตุลารำลึก (1.5) พลังประชาชน (หมู่) สู้ไม่ถอย มาร์ชประชาชนเดิน (กรรมาชน)
http://soundcloud.com/plangoctober1-1/1-5 
 
(คลิกอ่าน) www.2519.net  

กลุ่มในเดนมาร์กประท้วงรัสเซีย ร้องปล่อยตัวสมาชิกวง "พุสซี่ ไรออต" ทันที

กลุ่มในเดนมาร์กประท้วงรัสเซีย ร้องปล่อยตัวสมาชิกวง "พุสซี่ ไรออต" ทันที

 

 
กลุ่ม "ฟรี พุสซี ไรออต อาร์ฮุส" ในเดนมาร์ก ประท้วงพร้อมกลุ่มสมานฉันท์อื่นทั่วโลก ร้องรัสเซียปล่อยตัวสมาชิกวง "พุสซี ไรออต" ทันที เหตุศาลรัสเซียไต่สวนอุทธรณ์คำตัดสินสมาชิกวงพุสซีไรออตเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา

สืบเนื่องจากการที่ศาลรัสเซียตัดสินจำคุกสมาชิก 3 คนของวงดนตรีสาวรัสเซีย "พุสซี่ ไรออต" เป็นเวลา 2 ปี เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา ในข้อหากระทำอันธพาลที่ก่อให้เกิดความเกลียดชังต่อศาสนา จากการที่สมาชิกของวงได้ขึ้นไปร้องเพลงวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีวลาดิเมีย ร์ ปูติน ภายในโบสถ์คริสต์ออร์โธดอกซ์ โดยผลตัดสินดังกล่าวนำมาซึ่งการประณามจากองค์กรสิทธิมนุษยชน และการประท้วงจากประชาชนผู้สนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออกทั่วโลก สมาชิกของวงพุสซีไรออต ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินดังกล่าว และศาลมีกำหนดนัดไต่สวนอุทธรณ์ในวันที่ 1 ต.ค. 55

กลุ่ม "ฟรี พุสซี ไรออต อาร์ฮุส" ที่ประเทศเดนมาร์ก จึงได้จัดการประท้วง ร่วมกันกับกลุ่มประชาชนที่สนับสนุนพุสซี ไรออต ในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยมีรายงานว่าในเมืองอาร์ฮุส มีผู้ชุมนุมมาประท้วงร่วมกันกว่า 80 คน เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวสมาชิกวงพุสซีไรออตโดยทันที โดยระบุว่า "คำตัดสินดังกล่าวเป็นการโจมตีเสรีภาพการแสดงออก และเป็นความพยายามที่จะปิดปากฝ่ายค้านหรือผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล"

อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่า ศาลได้เลื่อนการไต่สวนอุทธรณ์ออกไปเป็นวันที่ 10 ต.ค.ที่จะถึงนี้ เนื่องจากหนึ่งในจำเลยขอเปลี่ยนทนายความ เพราะความคิดเห็นในการต่อสู้คดีไม่ตรงกัน 

(ที่มา)
http://www.prachatai.com/journal/2012/10/42944

Divas Cafe ประจำวันที่ 3 ตุลาคม 2555

Divas Cafe ประจำวันที่ 3 ตุลาคม 2555

แดงโห่ ปชป เฮ นักวิชาการซัด กระแสตีกลับเพื่อไทย Divas Cafe 13มิย55
http://youtu.be/vTCbQdANN1k

ประชาธิปไตย VS ศีลธรรม ไปกัน (ไม่)ได้ในสังคมไทย ?

(คลิกฟัง)
http://www.dailymotion.com/video/xu1scf

Wake up Thailand ประจำวันพุธที่ 3 ตุลาคม 2555

Wake up Thailand ประจำวันพุธที่ 3 ตุลาคม 2555    
 


ผิดที่เกิดมาเป็น 'ชาวนา'


(คลิกฟัง)
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=aLa36U6_7yE

แรงงานอินโด 2 ล้านคนนัดหยุดงานครั้งใหญ่ทั่วกรุงจาการ์ตาร์

แรงงานอินโด 2 ล้านคนนัดหยุดงานครั้งใหญ่ทั่วกรุงจาการ์ตาร์

 

Thousands of protesters from the Indonesian Council of Workers (MPBI) join a rally on Jalan H.R. Rasuna Said in South Jakarta on Sept. 27, demanding an end to outsourcing practices in which companies hire workers from other companies, commonly subjecting them to less generous employee benefits. (Antara Photo/Widodo S. Jusuf)
แรงงานอินโดฯประท้วงครั้งใหญ่ ร้องค่าแรงเพิ่ม
http://www.dailymotion.com/video/xu22r 


โรงงานหลายร้อยแห่งในกรุงจาการ์ตาหยุดดำเนินการในวันนี้ เหตุสภาแรงงานอินโดนีเซียนัดผละงานเพื่อประท้วงการจ้างแบบเหมาช่วง โดยคาดว่าการชุมนุมที่ใหญ่ที่สุดอาจมีคนเข้าร่วม 5 แสนคน

เว็บไซต์จาการ์ตาร์ โพสต์ ของอินโดนีเซียรายงานว่า คนงานในโรงงานหลายร้อยแห่งในกรุงจาการ์ตาร์ ประเทศอินโดนีเซีย กว่า 2 ล้านคน เตรียมนัดผละงานครั้งใหญ่วันนี้ เพื่อประท้วงการจ้างงานแบบรับเหมาช่วง หรือ "Outsource" ซึ่งมีผลทำให้คนงานได้รับสวัสดิการและความมั่นคงน้อยกว่า มีการคาดการณ์ว่า การชุมนุมที่ใหญ่ที่สุดวันนี้อาจมีผู้เข้าร่วมประมาณ 5 แสนคน

ผู้สื่อข่าวอัลจาซีราห์ ระบุว่า โรงงานในกรุงจาการ์ตาราว 800 แห่ง ได้ปิดดำเนินการแล้ว ในขณะที่คนงานเริ่มรวมตัวกันประท้วงครั้งใหญ่ 
 
ซาอิด อิคบาล ประธานสมาพันธ์สหภาพแรงงานอินโดนีเซีย กล่าวว่าการประท้วงในวันนี้ จะเริ่มขึ้นตั้งแต่ 9.00 น. ไปจนถึง 18.00 น. โดยคาดการณ์ว่าน่าจะมีคนงานเข้าร่วมในการผละงานครั้งนี้ราว 2.8 ล้านคน จาก 21 เขต และ 80 นิคมอุตสาหกรรม ส่วนการประท้วงที่มีผู้เข้าร่วมราว 5 แสนคน จะเกิดขึ้นบริเวณเขตอุตสาหกรรม 7 แห่งในเขตเบกาสี 
 
โดยข้อเรียกร้องในการผละงานครั้งนี้ อิคบาลระบุว่า ต้องการเรียกร้องให้ยุติการจ้างงานแบบเหมาช่วง (outsourcing) ซึ่งผู้จ้างใช้วิธีจ้างแรงงานต่อจากบริษัทภายนอก ทำให้คนงานได้รับสวัสดิการน้อยกว่าปรกติ นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้ยุติค่าจ้างที่ต่ำ และคัดค้านข้อเสนอของรัฐบาลที่เสนอให้คนงานหักเงินเดือนร้อยละ 2 เพื่อสมทบในประกันสุขภาพ 
 
ทั้งนี้ ค่าจ้างขั้นต่ำของแรงงานอินโดนีเซีย อยู่ระหว่างราว 900,000- 1,400,000 รูปีห์ (หรือราว 2,880 - 4,500 บาท) ต่อเดือน 
 
อิคบาลกล่าวต่อว่า หากรัฐบาลยังไม่สามารถจัดหาประกันสังคมให้กับประชาชนทุกคนได้อย่างเท่าเทียม กันภายในวันที่ 1 ม.ค. 2556 คนงาน 10 ล้านคน ใน 28 จังหวัด จะร่วมกันนัดหยุดงานในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้เป็นเวลา 7 วันติดต่อกัน 
 
ด้านรัฐมนตรีมหาดไทยของอินโดนีเซีย เอ็ม. เอส. ฮิดายาต ได้ขอให้มีการเจรจากับผู้นำแรงงานเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยแสดงความกังวลว่าการนัดหยุดงานจะมีผลทำให้ผลผลิตมวลรวมของชาติหยุดชะงัก ลง และเกรงว่าจะมีผลกระทบต่อผู้ที่อาศัยอยู่ในเมือง 
 
เขาระบุว่า ในความเป็นจริง การรับเหมาช่วงงานถูกสั่งห้าม ยกเว้นในธุรกิจห้าประเภท รวมถึงอุตสาหกรรมการขุดเจาะน้ำมัน เขากล่าวว่า รัฐบาลจะพยายามทำตามข้อเรียกร้องร้องของสหภาพแรงงาน ในขณะเดียวกันก็จะต้องรักษาบรรยากาศการลงทุนที่เหมาะสม 
 
(ที่มา)
http://www.dailymotion.com/video/xu22ri

The Daily Dose ประจำวันที่ 3 ตุลาคม 2555

The Daily Dose ประจำวันที่ 3 ตุลาคม 2555


 

ไม่มีเสียงตอบโต้จาก วิษณุ / บวรศักดิ์ / มีชัย


(คลิกฟัง)
http://www.dailymotion.com/video/xu1ztx 

นักกฎหมาย-นักเศรษฐศาสตร์ มองต่างมุม "จำนำข้าว"

นักกฎหมาย-นักเศรษฐศาสตร์ มองต่างมุม "จำนำข้าว"


โดย นายวรากรณ์ สามโกเศศ


การรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล เป็นประเด็นร้อนฉ่าขึ้นทันที

หลัง นายอดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา คณบดีคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) นำรายชื่ออาจารย์นิด้า อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนักศึกษารวม 146 รายชื่อ  ยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้มีคำวินิจฉัยยับยั้ง หรือยุติโครงการดังกล่าว

ด้วยเหตุผลรัฐบาลได้ปรับเปลี่ยนวิธีการรับซื้อและเข้ามาผูกขาดแต่เพียง ผู้เดียว จนทำลายกลไกการตลาด ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 43 และมาตรา 84 (1) ที่ระบุ รัฐต้องสนับสนุนระบบเศรษฐกิจแบบเสรีและเป็นธรรมโดยอาศัยกลไกตลาด และสนับสนุนให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และต้องไม่ประกอบกิจการที่มีลักษณะเป็นการแข่งขันกับเอกชน

ขณะที่สมาคมชาวนาไทยเห็นต่างว่าโครงการดังกล่าวประโยชน์ตกอยู่กับชาวนา จึงตั้งข้อสงสัยนักวิชาการที่ออกมาต้านมีนัยยะอะไรหรือไม่

พร้อมทำจดหมายเปิดผนึกถึงผู้คัดค้าน ขณะเดียวกันก็ยื่นจดหมายถึงรัฐบาลให้เดินหน้าโครงการต่อ

ที่ผ่านมาการจำนำข้าวมีการนำเสนอข้อมูลทั้งจากฟาก ของกลุ่มธุรกิจ กลุ่มชาวนา และนักการเมือง ทั้งมีที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย

สำรวจมุมมองในกลุ่มนักวิชาการยังเห็นต่างกันในประเด็นนี้

ในแง่มุมกฎหมาย นายปูนเทพ ศิรินุพงศ์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เห็นว่าการยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญไม่น่าจะทำได้


ศาลรัฐธรรมนูญไม่สามารถพิจารณาการร้องเรียนเรื่องนโยบายรัฐบาลได้ การยื่นต่อศาลปกครองน่าจะตรงกว่า เข้าใจว่าผู้ยื่นร้องน่าจะทราบดี เข้าใจว่าอาจเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อแสดงสัญลักษณ์อะไรหรือไม่


ส่วนเสียงวิจารณ์กรณีรัฐเข้ามาผูกขาด อ.ปูนเทพ เห็นว่า หากนโยบายจำนำข้าวมีเจตนาหรือพิสูจน์ได้ว่าแทรกแซงกลไกการตลาดเพื่อประโยชน์ ของประชาชน เพื่อคุ้มครองชาวนาแล้วรัฐสามารถผูกขาดได้

(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1349254028&grpid=&catid=01&subcatid=0100

ถ้าประเทศไทยไม่มีกองทัพ

ถ้าประเทศไทยไม่มีกองทัพ



ชำนาญ จันทร์เรือง
เผยแพร่ครั้งแรกในกรุงเทพธุรกิจฉบับประจำวันพุธที่ 3 ตุลาคม 2555


ไม่น่าเชื่อว่าท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียดไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์การเผาสถานกุงสุลที่เบงกาซี ลิเบีย จนเอกอัครราชทูตสหรัฐเสียชีวิต กรณีเผชิญหน้ากันระหว่างจีนกับญี่ปุ่นในการแย่งชิงเกาะเตียวหยูหรือเซนกากุ การประกาศจะถล่มอิหร่านของอิสราเอล ฯลฯ แต่ยังมีประเทศที่ปราศจากกองทัพอีกจำนวนหลายสิบประเทศที่ยังอยู่อย่างสุข สบายดี

ประเทศที่ไม่มีกองทัพเลย คือ เกรนาดา คอสตาริกา คิรีบาส ซานมาริโน ซามัว เซนต์คิดส์และเนวิส เซนต์ลูเซีย เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ โดมินิกัน ตูวาลู นาอูรู ปานามา มัลดีฟส์ ลิกเตนสไตน์ วาติกัน วานูอูตู หมู่เกาะโซโลมอน และเฮติ (ที่มา : Sarbey 2001)

ประเทศที่ไม่มีกองทัพแต่มีสนธิสัญญาป้องกัน คือ นีเออู (นิวซีแลนด์) ปาเลา (สหรัฐอเมริกา) โมนาโก (สหรัฐอเมริกา) ไมโครนีเซีย (สหรัฐอเมริกา) หมู่เกาะคุก (นิวซีแลนด์) หมู่เกามาร์แซลล์(สหรัฐอเมริกา) อันดอร์รา (สเปน,ฝรั่งเศส) และไอซ์แลนด์ (นาโต,สหรัฐอเมริกา) (ที่มา: Sarbey 2001)

สำหรับประเทศที่เหลือที่ถึงแม้ว่าจะมีกองทัพ แต่ก็ไม่มีการเกณฑ์ทหาร คือ กรีซ กายนา คาซัคสถาน แคนาดา โครเอเชีย ซิมบับเว ซูรินาเม ไซปรัส เดนมาร์ก นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ บราซิล บัลแกเรีย เบลเยียม เบอร์มิวดา ปารากวัย โปแลนด์ โปรตุเกส ฝรั่งเศส ฟินแลนด์ มอลโดวา มอลตา ยูเครน ยูโกสลาเวีย เยอรมัน รัสเซีย โรมาเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย สเปน สวิตเซอร์แลนด์ สวีเดน สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐเช็ก สโลวีเนีย ออสเตรเลีย ออสเตรีย อาเซอร์ไบจัน เอสโตเนีย แอฟริกาใต้ อังกฤษ อิสราเอล อิตาลี อุรุกวัย อุซเบกิสถาน และฮังการี(ที่มา : Horeman and Stolwijk 1998)

สภาพที่ไม่มีกองทัพ หรือถึงแม้ว่าจะมีกองทัพแต่ก็ไม่มีการเกณฑ์ทหาร จึงเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจะน่าแปลกใจสำหรับคนไทยที่เห็นว่า กองทัพเป็นปัจจัยที่ขาดไม่ได้ต่อความมั่นคงของชาติ แต่ตัวอย่างประเทศที่ยกมาข้างต้นแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่ประเทศไทยจะ ปราศจากกองทัพ หรือหากแม้จะมีกองทัพแต่ก็ไม่มีการเกณฑ์ทหาร

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าประเทศไทยไม่มีกองทัพ
1) เมื่อไม่มีกองทัพ ย่อมไม่มีการรัฐประหารเกิดขึ้น เพราะจากประวัติศาสตร์การเมืองของไทยเราที่ผ่านมา การรัฐประหารหรือกบฏที่เกิดขึ้น ล้วนแล้วแต่เกิดจากการใช้กำลังทหาร ไม่ว่าจะเป็นการนำโดยทหารบกหรือทหารเรือ ตลอดจนการสนับสนุนจากทหารอากาศในการเข้ายึดอำนาจจากพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณหรือการเข้าร่วมเป็นองค์คณะของผู้ทำการรัฐประหารในเวลาแถลงข่าว โดยใช้ชื่อแตกต่างกันไป เช่น คณะปฏิวัติ คณะปฏิรูป คณะรักษาความสงบเรียบร้อย ฯลฯ ซึ่งก็คือคณะรัฐประหารดีๆ นี่เอง แต่ไม่มีใครยอมเรียกชื่อตัวเองว่า เป็นคณะรัฐประหารเลย


2) เมื่อไม่มีกองทัพก็ย่อมที่จะไม่มีการเกณฑ์ทหารเกิดขึ้น ช่องทางที่ใช้ทำมาหากิน ทุจริตคอรัปชันในการเกณฑ์ทหารก็หมดไป ที่สำคัญคดีหนีทหารของคนสำคัญๆ ที่คาราคาซังฟ้องร้องหมิ่นประมาทหรือปลอมแปลงเอกสารกันอยู่ย่อมหมดไปด้วย (ไม่ฮา) พ่อแม่ผู้ปกครองของเยาวชนที่ครบอายุเกณฑ์ทหารก็ไม่ต้องนอนผวาว่า ลูกหลานตนเองจะถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร บางคนลูกตนเองเป็นนายทหารอยู่ดีๆ วิ่งเต้นย้ายโอนไปเป็นนายตำรวจเสียดื้อๆ อ้างว่าไม่อยากให้ลูกตนเองถูกส่งไปภาคใต้เสียอย่างนั้น มิหนำซ้ำยังให้เหตุผลในการโอนย้ายว่า ลูกชายตนเองยิงปืนแม่นเสียอีกแน่ะ