หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2556

พวงทอง ภวัครพันธุ์ วิเคราะห์กก.สิทธิ์สอบม็อบแดง

พวงทอง ภวัครพันธุ์ วิเคราะห์กก.สิทธิ์สอบม็อบแดง


 
รัฐบาล ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 1 หมื่นคน กระสุนจริงใช้ไปกว่า 1 แสน 2 หมื่นนัด ใช้กระสุนของปืนสไนเปอร์กว่า 2 พันนัด นี่คือข้อเท็จจริงที่ไม่ปรากฏในรายงาน

พลัน ที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เผยแพร่ "รายงานผลการตรวจสอบ เพื่อมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย กรณีเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิป ไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ระหว่างวันที่ 12 มี.ค. 2553 - 19 พ.ค. 2553 

ได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ในกลุ่ม นักวิชาการและภาคประชาชน 

พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะผู้ประสานงานศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุสลายการชุมนุมเม.ย.-พ.ค. 2553 (ศปช.)   

ที่เกาะติด ค้นคว้า และตรวจสอบผลกระทบจากเหตุรุนแรงในช่วงดังกล่าว วิเคราะห์รายงานของกรรมการสิทธิฯ ไว้ดังนี้ 

เนื้อหาในรายงานของกรรมการสิทธิฯ ตรงกับข้อเท็จจริงและครบถ้วนหรือไม่
  

(อ่านต่อ)
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd2Iyd3dNakV5TURnMU5nPT0%3D&sectionid=

แม่ ผู้เสียสละ

แม่ ผู้เสียสละ 

"เราทรุดลง เพื่อเป็นการเสียสละอันมีเกียรติ
ในการต่อสู้ที่มีกำลังไม่ทัดเทียมกันนี้
เราเสียสละทุกสิ่งที่เรามี
เพื่ออุดมการแห่งเสรีภาพ
อำนาจบาตรใหญ่ จักต้องพินาศ
ประชาชนจักต้องลุกฮือขึ้น"

 

(เรียนรู้จากวรรณกรรมของโลก)


 

“แม่เป็นคนร่างสูง หลังงอนิดหน่อย เรือนร่างของแม่ถูกทำลายยับเยินด้วยงานหนัก และการทุบตีของพ่อนั้น เคลื่อนไหวไปมาอย่างเงียบเชียงไม่มีเสียง และค้อมเอียงน้อยๆ เหมือนกับกลัวว่าจะไปชนอะไรเข้า ใบหน้ารูปไข่ ใหญ่ฉุ เป็นริ้วย่นของแม่ มีประกายอยู่ก็แต่ที่ดวงตาทั้งสองซึ่งเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความรันทด ระทม เหมือนกับดวงตาของหญิงส่วนมากในย่านนั้น เหนือคิ้วขวามีรอบแผลเป็นรอยใหญ่ รั้งเอาคิ้วกระเดิดสูงขึ้นไปเล็กน้อย เลยทำให้ดูคล้ายกับว่า หูข้างขวาของนางสูงกว่าหูข้างซ้าย สภาพดังกล่าวทำให้ใบหน้าของแม่มีท่าทีเหมือนกับคนที่ต้องหวาดผวา ระวังตัวอยู่เสมอ ผมที่ดกดำของนางเริ่มมีเส้นสีขาวแซมประปราย แม่ช่างดูอ่อนโยนก็ปานนั้น เศร้าก็ปานนั้น และยอมเป็นทาสก็ปานนั้น.....



ในวรรคตอนหนึ่งของ “แม่” (Mother)  ผลงานการประพันธ์ของ แมกซิม กอร์กี้ หรือ Aleksei Maksimovich Peshkov  นักเขียนที่ยิ่งใหญ่แห่งรัสเซีย เขียนนวนิยายแนวอัตถนิยมต้องห้ามของรัสเซียในสมัยพระเจ้าซาร์ และเคยเป็นหนังสือต้องห้ามในประเทศไทยหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519  ฉากของเรื่องทั้งหมดเป็นสถานที่ที่มีอยู่จริง บริเวณลุ่มน้ำโวลก้า
  
มุมมองของ “เลนิน” ที่มีต่องานเขียนอันลือลั่นแห่งการปฏิวัติสังคมนิยมรัสเซีย 
  
"เพราะ เรื่องราวชีวิตของหญิงชราคนหนึ่ง ในสังคมเก่าแก่ของรัสเซีย นางมีความประหวั่นพรั่นพรึงต่ออำนาจนานาประการที่ครอบงำสังคมในเวลานั้น แต่แล้วด้วยเหตุมาจากอิทธิพลที่แวดล้อมตัวเธอ นางก็ได้พลิกความคิดเปลี่ยนพฤติการณ์เสียใหม่ จนได้เข้าช่วยเหลือสนับสนุนขบวนการปฎิวัติในรัสเซีย นางเริ่มคิดได้ ค่อยๆ ซึมซับความเปลี่ยนแปลง จนละเลิกความหวาดหวั่นรั่นพรึงนั้นออกไปเสีย   ในขณะเดียวกันกับที่ลูกชายของนางก็ได้เข้าร่วมอยู่กับขบวนการสายหนึ่งของ การปฏิวัตินั้นด้วย"

วันแม่ วันแม่ วันแม่

วันแม่ วันแม่ วันแม่





ถึงร้อยดาวพราวพรายกระจายแสง
กระจ่างแจ้งแจ่มฟ้าเวหาหน
ถึงร้อยมุกต์เมิลระยับกับสายชล
ที่ริมวนวังหาดดาษดา

ถึงร้อยนกผกผินได้ยินเสียง
ส่งสำเนียงในทำนองร่อนถลา
ถึงร้อยหมู่ภู่ภมรร่อนนภา
เคล้าผกาซาบแสงสุริยัน

ถึงร้อยหยดเย็นเยือกน้ำค้างหยาด
เมื่อสูรย์สาดแลอร่ามงามเฉิดฉัน
ถึงร้อยเมษเพศมฤคอธึกพันธ์
ที่ดุ่มดั้นเล็มหญ้ามาตามชาย

ถึงร้อยสีผีเสื้อเหลือจะนับ
แลระยับในสนามงามเฉิดฉาย
แต่แม่นำกำเนิดบังเกิดกาย
จะหาภายภพนี้มีผู้เดียว


Hundreds of stars in the pretty sky,
Hundreds of shells on t he shore together
Hundreds of birds that go singing by
Hundreds of bees in the sun weather,
Hundreds of dew drops to greet tthe dawn,
Hundreds of lanks in the purple clover,
Hundreds of butterflies on the lawn,
But only one Mother, the wide world over


กวีสรรเสริญพระคุณแม่บทนี้
จิตรแปลมาจากบทกวีที่ชื่อ Only One Mother
ของ George Cooper 


กำเนิดวันหยุดราชการ12สิงหาคม ไทยเป็นเพียงหนึ่งเดียวในโลกที่มีหยุดวันเกิดคู่สมรสประมุขประเทศ
http://thaienews.blogspot.dk/2013/08/12_12.html 

สิ่งที่พวกท่านเลือกทำ !!!

สิ่งที่พวกท่านเลือกทำ !!!
 



วิวาทะรายงานสลายชุมนุม 53: ปธ.กรรมการสิทธิ - ศปช.
http://www.prachatai.com/journal/2013/08/48119

ความจริง พฤษภาอำมหิต..2553? คมชัดลึก 9 08 56
http://www.youtube.com/watch?v=mdyE1Cxn_2o 





อะไรพาพวกท่านให้เดินต่ำลงมาถึงตรงนี้?

พวกเขาก็ตายไปแล้ว เมื่อไม่สามารถปกป้องสิทธิเหนือร่างกายและชีวิตของพวกเขาได้ยามยังมีชีวิต อยู่ ก็ควรปกป้องความจริงแห่งการตายและหลักการว่าด้วยสิทธิเหนือชีวิตและ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของพวกเขาไว้ เพื่อภายภาคหน้า ลูกหลานจะได้ไม่ต้องประสบพบพานกับโศกนาฏกรรมอมนุษย์แบบนี้อีก

แต่พวกท่านเลือกที่จะไม่ทำ และกลับทำตรงข้ามกัน

ผมไม่คิดว่ามี ใครให้อภัยท่านได้ แม้แต่ตัวพวกท่านเอง นับจากวันนี้ไป ทุกครั้งที่ท่านส่องกระจก มองดูใบหน้าและดวงตาตัวเอง มโนธรรมสำนึกใด ๆ ที่มีจะทนดูเงาของตัวเองในกระจกได้หรือ? จะทนเห็นภาพสะท้อนอันบิดเบี้ยวของตัวมันเองได้หรือ? มันจะคงอยู่กับท่านหรืออับอายจนหลีกลี้หนีหายไป?

ผมเกรงว่าชีวิต ที่ไม่หลงเหลือแม้แต่มโนธรรมสำนึกก็ไม่ต่างอะไรกับร่างไร้วิญญาณ ที่ถูกสาปให้อยู่กับอสัตย์อธรรมและบาปอันหนักที่ไม่ช่วยเมื่อช่วยได้แล้วยัง ไปซ้ำเติมผู้บริสุทธิ์เหล่านั้นทั้งที่พวกเขาตายแล้ว

อะไรพาพวกท่าน ให้เดินต่ำลงมาถึงตรงนี้? อะไรที่สูงค่าสำคัญกว่าชีวิตผู้บริสุทธิ์สำหร้บผู้มีหน้าที่ปกป้องสิทธิ มนุษยชน? ท่านเลือกคิดและทำแบบนั้นลงไปได้อย่างไร?