หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เสื้อแดงนอกเงาเพื่อไทย

เสื้อแดงนอกเงาเพื่อไทย

 

โดยสมชาย ปรีชาศิลปกุล

 

ความเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยบุคคลในพรรคเพื่อไทยในห้วงเวลาหลายเดือนที่ ผ่านมาได้ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนถึงมวลชนคนเสื้อแดงว่าคงจะต้องมีการปรับ เปลี่ยนท่าทีและความสัมพันธ์ระหว่างกันเสียที

ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าในความเคลื่อนไหวหลายประการที่คนเสื้อแดงเข้าไปมีส่วน อย่างสำคัญ ล้วนถูกมองข้ามหรือไม่ได้ให้ความสำคัญอย่างเพียงพอจากพรรคเพื่อไทยแต่อย่าง ใด การผลักดันการแก้ไขมาตรา 112 ตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งประชาชนได้ร่วมกันล่าลายชื่อสนับสนุนก็ไม่ปรากฏว่า ส.ส. เพื่อไทยคนใดได้มีความเห็นสนับสนุนอย่างจริงจัง และเชื่อได้อย่างสนิทใจว่าเมื่อเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรก็คงจะ ถูกคว่ำอย่างไม่เป็นท่า 

การค้นหาความจริงของเหตุการณ์เมษา/พฤษภาหฤโหดใน พ.ศ. 2553 ก็ไม่มีความคืบหน้ามากมายนักนอกจากการใช้วาทะในการหาคะแนนนิยมไปเรื่อยๆ ทั้งที่บัดนี้ก็อยู่ในสถานะที่จะทำให้กระบวนการค้นหาข้อเท็จจริงสามารถเกิด ขึ้นได้มากกว่าในยามเป็นฝ่ายค้าน ยิ่งกับกรณีของ “อากง” ก็มีแต่เห็นความเงียบชนิดเป่าสาก 

แม้กระทั่งกับกรณีคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 68 ก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าบรรดาเสื้อแดงในพรรคเพื่อไทยต่างมุ่งจะปกป้องความ มั่นคงของรัฐบาลมากกว่าการจะต่อสู้เพื่อสถาปนาอำนาจสูงสุดของประชาชนในระบบ การเมืองให้บังเกิดขึ้น

คนเสื้อแดงทั้งหลายยังพึงพอใจกับท่าทีในแนวทางเช่นนี้ของพรรคเพื่อไทยอยู่หรือไม่

ปฏิเสธไม่ได้ว่าในท่ามกลางคนเสื้อแดงก็มิได้มีความเป็นอันเหนึ่งอันเดียวกัน ไปในทุกด้าน มีหลากหลายกลุ่มในฐานะของขบวนการเคลื่อนไหวที่ไม่ได้มีการจัดตั้งแบบแนวดิ่ง ประเด็นซึ่งเป็นเป้าหมายร่วมกันอาจเป็นการต่อต้านอำนาจนอกระบบ ซึ่งมักจะถูกหยิบขึ้นมาเป็นประเด็นเพื่อระดมไพร่พลในการแสดงพลังหรือกดดัน พลังการเมืองแบบอำมาตย์ อันทำให้ดูราวกับว่าเป็นประเด็นนำของการเคลื่อนไหว

แต่ในความเป็นจริงของความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ทำให้มองเห็นได้ว่าในท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างสีนั้น บัดนี้ได้มีการรอมชอมกันในหมู่ชนชั้นนำบังเกิดขึ้นแม้ว่าความรอมชอมนี้อาจ ไม่ยังไม่เป็นเอกภาพมากนักเนื่องจากความใหญ่โตและสลับซับซ้อนของเครือข่าย แต่ก็สามารถทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ในบางลักษณะให้กันและกัน

ดังเช่นหากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ให้สามารถกระทำได้แต่ก็จะถูกจำกัดให้ อยู่ในขอบเขตเพียงบางประเด็นเท่านั้น ไม่สามารถแก้ไขในทุกประเด็นที่เป็นโครงสร้างของระบบการปกครอง ไม่เพียงแค่ “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” เท่านั้น หากยังหมายรวมถึงอีกหลายสถาบันที่ยังต้องดำรงอยู่อีกต่อไป ในขณะที่การล้มรัฐบาลด้วยการทำงานองค์กรอิสระก็จะไม่บังเกิดขึ้นเช่นกัน

 จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจเมื่อทางคนในพรรคเพื่อไทยเองกลับออกมาเป็นผู้โจมตี ข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์เรื่องยุบเลิกศาลรัฐธรรมนูญอย่างสาดเสียเทเสีย ทั้งที่เป็นข้อเสนอเพื่อจะนำไปสู่การสถาปนาอำนาจนำในทางการเมืองของรัฐสภา จากระบบเลือกตั้ง

ความคาดหวังว่าพรรคการเมืองนี้จะเป็นผู้ถือธงนำในการเปลี่ยนแปลงจึงห่างไกลจากความเป็นจริงอยู่มาก

(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2012/07/41642

รำลึก 26 เดือนสลายการชุมนุม "แม่พยาบาลเกด" เดินหน้าดันคดี 98 ศพสู่ ICC

รำลึก 26 เดือนสลายการชุมนุม "แม่พยาบาลเกด" เดินหน้าดันคดี 98 ศพสู่ ICC

 


(19 ก.ค.55) เมื่อเวลา 16.30 น. บริเวณฟุตบาทหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ แยกราชประสงค์ นางพะเยาว์ และนายณัทพัช อัคฮาด มารดาและน้องชายพยาบาลกมลเกด อัคฮาด 1 ใน 6 ศพวัดปทุมวนาราม ที่ถูกยิงเสียชีวิตในเหตุการสลายการชุมนุมเมื่อ 19 พ.ค.53 แถลงข่าว กรณียื่นหนังสือให้รัฐบาลลงนามรับรองเขตอำนาจศาลโลกในการพิจารณาคดีเฉพาะ กรณีการสลายการชุมนุม 98 ศพ ในปี 53 ของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และการจัดงาน "เวทีรำลึกวีรชนราชประสงค์ ครบ 26 เดือน ร่วมเดินหน้าผลักดันคดีเพื่อนพี่น้อง 98 ศพ ไปสู่ศาลโลก (ICC)" ซึ่งร่วมจัดโดยนางพะเยาว์และเครือข่ายเสรีราษฎร เพื่อวิจารณ์การทำงานของรัฐบาล

นางพะเยาวร์ กล่าวว่า ช่วงบ่ายที่ผ่านมา ได้เดินทางเข้ายื่นจดหมายให้แก่นายกฯ โดยมีรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ คือนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด มารับแทน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลหรือผู้เกี่ยวข้องพิจารณายอมรับอำนาจศาลอาญาระหว่าง ประเทศในส่วนที่เกี่ยวกับอาชญากรรมสังหารประชาชนกลางกรุงเทพมหานคร เมื่อเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553

จากการยื่นจดหมายดังกล่าว นางพะเยาว์ เปิดเผยด้วยว่ารองโฆษกประจำสำนักนายกฯ  ได้รับปากว่าจะนำจดหมายยื่นต่อนายกฯ ในทันทีที่นายกฯ เดินทางกลับจากต่างประเทศ นางพะเยาว์ยังย้ำอีกว่า จะติดตามทวงถามตลอดเวลา โดยจะดูท่าทีก่อน 2-3 สัปดาห์หลังจากนี้หากไม่มีอะไรคืบหน้าจะเดินทางไปทวงถามอีก

สำหรับขั้นตอนการยอมรับอำนาศาลฯ นางพะเยาว์ มองว่าคณะรัฐมนตรีสามารถลงนามเซ็นรับได้เลยโดยไม่ต้องผ่านสภา โดยรัฐบาลควรยอมรับโดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบเดิมอีก เพราะสถานการณ์ขณะนี้อาจเกิดเหตุดังกล่าวได้

นอกจากนี้ นางพะเยาว์ เปิดเผยว่าวันที่ 9 ส.ค. นี้ จะเดินทางไปเบิกความที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ในคดีความ 6 ศพวัดปทุม

"หลักฐานของเรามีเพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้กระทำ เพราะ 6 ศพวัดปทุมถูกฆาตรกรรมโดยเจ้าหน้าที่รัฐ" นางพะเยาว์ กล่าว

ขณะที่นายณัทพัช อัคฮาด น้องชายของพยาบาลเกด เปิดเผยว่าการเคลื่อนไหวของตนเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทุกคนเพราะเป็นการ ป้องกันเหตุและหยุดการเจ็บการตายจากการสลายการชุมนุมอีก

กรณีมีการวิจารณ์ว่าเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ที่เคลื่อนไหวเรียกร้อง ให้ยอมรับอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศเฉพาะกรณีเมษา-พฤษภา 53 นายณัทพัช กล่าวว่า เนื่องจากตนเองเป็นผู้เสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าวโดยตรงจึงเคลื่อนไหวเฉพาะ ส่วนนี้ก่อน และเห็นด้วยกับการขยายไปสู่กรณีความรุนแรงกรณีอื่นๆ และหากสำเร็จก็จะเป็นแนวทางและบรรทัดฐานให้กับกรณีอื่นๆ ด้วยเช่นกัน

สำหรับกิจกรรมในวันนี้ ตามกำหนดการจะมีกิจกรรมเวทีปราศัยและดนตรีรำลึกในบริเวณดังกล่าว ถึงเวลา 24.00 น โดยมีผู้ปราศรัย ทั้งนักวิชาการและนักกิจกรรม เช่น ดร.ประแสง มงคลศิริ ดารุณี กฤตบุญญาลัย ดร.จารุพรรณ กุลดิลก ดร.อภิวันท์ วิริยะชัย และการโฟนอินของนายจักรภพ เพ็ญแข ในเวลา 20.00 น. พร้อมทั้งบทกวีจากนายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ "พ่อน้องเฌอ" ซึ่งเฌอหรือนายสมาพันธ์ ศรีเทพ เป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์สลายการชุมนุมวันที่ 15 พ.ค.53 รวมทั้งจะมีการแสดงดนตรีโดยวงไฟเย็น เป็นต้น

(ที่มา)
http://www.prachatai.com/journal/2012/07/41636