หน้าเว็บ

วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2556

กลุ่ม StopG8 ประท้วงในลอนดอน ต้านระบบทุนนิยม

กลุ่ม StopG8 ประท้วงในลอนดอน ต้านระบบทุนนิยม





กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านระบบทุนนิยม ที่เรียกตัวเองว่ากลุ่ม "StopG8" (ไม่เอา G8) รวมตัวกันที่ย่านเวสต์ เอนด์ ของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพื่อประท้วงการจัดการประชุม G8 สัปดาห์หน้าที่ประเทศไอร์แลนด์เหนือ


กลุ่ม StopG8 ประกาศ ตัวว่า เป็นกลุ่มต่อต้านทุนนิยม ที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของกลุ่มอิสระและประชาชนทั่วไป ซึ่งได้เรียกร้องให้ประชาชนออกมาแสดงพลัง หน้าสถานที่ที่สำคัญๆ เช่น ธนาคาร กระทรวงกลาโหม และบริษัทเหมืองแร่ เพื่อเป็นการเดินขบวนต่อต้านระบบทุนนิยม ก่อนที่ผู้นำประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลกทั้ง 8 ประเทศจะมารวมตัวกันสัปดาห์หน้า

"เราต้องการให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างเป็นประชาธิปไตยและโปร่งใส เราไม่อยากให้กลุ่มผู้นำเป็นคนตัดสินใจแทนทุกๆคน" หนึ่งในกลุ่มผู้ประท้วงหญิงคนหนึ่งกล่าว

"ระบบในปัจจุบันนั้นทำให้คนสามารถร่ำรวยมากขึ้นจนไม่รู้จะใช้เงินยังไง ขณะที่ประชาชนอีกหลายคนบนโลกต้องอดตาย" ผู้ประท้วงชายคนหนึ่งกล่าว

"พวกเขาทุจริต และไม่ว่าจะไปหารือกันที่ไหน พวกเขาก็ทำการทุจริต พวกเขาตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตฉัน ชีวิตลูกของฉัน และชีวิตของพวกเราทุกคน" ผู้หญิงอีกคนหนึ่งกล่าว

ด้านตำรวจระบุว่าได้จับกุมผู้ประท้วงไปแล้ว 32 ราย หลังจากที่บุกเข้าไปในอาคารแห่งหนึ่งที่ใช้เป็นที่รวมตัวของสมาชิกกลุ่ม StopG8 โดยผู้ประท้วงถูกจับกุมในข้อหาทำลายข้าวของเสียหาย โจมตีเจ้าหน้าที่ และมีอาวุธในครอบครอง

(ที่มา)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1371002962&grpid=&catid=06&subcatid=0600

สร้างพรรคสังคมนิยม ปล่อยนักโทษการเมือง // นสพ.เลี้ยวซ้าย ปีที่ 9 ฉบับที่ 1 มิถุนายน 56

สร้างพรรคสังคมนิยม ปล่อยนักโทษการเมือง // นสพ.เลี้ยวซ้าย ปีที่ 9 ฉบับที่ 1 มิถุนายน 56


คลิ๊กดาวน์โหลด

ญาติฯ เม.ย.-พ.ค.53 ร้องนายกเร่งคดี ย้าย ‘ธาริต’ ไม่หนุน พรบ.นิรโทษกรรมฉบับวรชัย

ญาติฯ เม.ย.-พ.ค.53 ร้องนายกเร่งคดี ย้าย ‘ธาริต’ ไม่หนุน พรบ.นิรโทษกรรมฉบับวรชัย

 

https://farm4.staticflickr.com/3708/9027149656_5d321f4bc4.jpg 


11 มิ.ย.56 เวลา 09.15 น. ที่ประตูฝั่งถนนราชดำเนิน ทำเนียบรัฐบาล นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา นางสาวกมลเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม 19 พฤษภาคม 2553 และนายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ พ่อของน้อง “เฌอ” (สมาพันธ์ ศรีเทพ) พร้อมด้วยกลุ่มญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ทางการเมือง เม.ย. – พ.ค. 53 เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้โยกย้ายนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ออกไปจากการทำหน้าที่ในดีเอสไอ เนื่องจากเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย แต่งตั้งคณะกรรมการเร่งรัดคดีโดยมีข้าราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจ ดีเอสไอ อัยการ แพทย์ ฯลฯ เร่งรัดคดีที่ผ่านการไต่สวนขึ้นสู่การพิจารณาคดีของศาลอาญา และรัฐบาลต้องไม่สนับสนุน ร่าง พรบ.นิรโทษกรรม ที่มีเนื้อหาไม่เอาผิดผู้สั่งการและผู้ปฏิบัติการในการสังหารหมู่ประชาชน

โดยมีนายสุพร อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เป็นผู้รับหนังสือ โดย มติชนออนไลน์ รายงานด้วยว่า นายสุพร รับปากว่าจะนำข้อเรียกร้องดังกล่าวเสนอต่อนายกรัฐมนตรีให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ตนไม่อยากให้มีการออกมาชุมนุมปิดล้อมบริเวณทำเนียบรัฐบาล แต่หากนางพะเยาว์ต้องการมายื่นหนังสือขอให้ติดต่อมายังตนที่ห้องทำงานหรือ ห้องรับเรื่องร้องทุกข์ได้ตลอดเวลา

ขณะที่นายพันธ์ศักดิ์ศรีเทพ เปิดเผยว่า ทางกลุ่มญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เมษายน - พฤษภาคม 2553 มีแนวคิดว่าจะทำ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับประชาชน ที่จะล้างผิดให้กับประชาชนผู้ชุมนุมทุกกลุ่มทุกสี แต่จะไม่รวมผู้ปฏิบัติและสั่งการฆ่าประชาชน โดยร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว ในเรื่องของเทคนิคด้านกฎหมายจะขอให้อาจารย์จากคณะนิติราษฎร์ เป็นที่ปรึกษา และจะประสานให้ ส.ส.เสื้อแดงของพรรคเพื่อไทย นำไปให้ ส.ส.ในพรรคลงชื่อให้การสนับสนุน นำส่งต่อรัฐสภาให้ทันก่อนเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญ ในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อให้สามารถพิจารณาร่วมกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับอื่น ๆ ได้ ส่วนพรรคเพื่อไทยจะสนับสนุนร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้หรือไม่นั้น เป็นเรื่องของพรรค แต่เชื่อว่าเมื่อเข้าสู่กระบวนการแปรญัตติแล้วเนื้อหาก็ต้องมีการเปลี่ยน แปลงอยู่ดี

นางพะเยาว์ อัคฮาด กล่าวด้วยว่า ร่าง พรบ.นิรโทษกรรม ฉบับของ นายวรชัย เหมะ สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย นั้น ในตอนแรกไม่ได้ดูร่างทั้งหมด แต่เมื่อได้มีการเปิดดูทั้งหมดแล้ว ถึงได้ทราบว่า ร่าง พรบ.ดังกล่าวมันมีการนิรโทษกรรมให้กับทหารด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการสอดไส้ ปกปิดประชาชน

(อ่านต่อ)

ข่าวที่ไม่เป็นข่าว

ข่าวที่ไม่เป็นข่าว

 

 

โดย ชำนาญ จันทร์เรือง


ในรอบปีที่ผ่านมามีเหตุการณ์สำคัญๆเกิดขึ้นมากมายทั่วโลก สื่อต่างๆมีการเผยแพร่ข่าวที่ตนเองที่คิดว่าสำคัญตามความคิดเห็นของตนเอง  แต่ไม่น่าเชื่อว่าเหตุการณ์สำคัญๆในปีที่แล้ว คือ ปี 2555 ที่ผ่านมาหลุดรอดการนำเสนอของสื่อไป อาจจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม มหาวิทยาลัยโซโนมาสเตท(Sonoma State University) แห่งสหรัฐอเมริกา ได้จัดตั้งโครงการ Project Censored ขึ้นมาเพื่อให้ความรู้แก่นักศึกษาและประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับบทบาทของสื่อมวล ชนรวมทั้งวิพากษ์วิจารณ์การปิดกั้นข่าวและเซ็นเซอร์ตัวเองของสื่อมวลชนสหรัฐ โดยให้นักหนังสือพิมพ์ นักวิชาการ และประชาชนทั่วโลก เสนอข่าวที่คิดว่ามีความสำคัญแล้วทางโครงการจะคัดกรองให้เหลือ 25 ข่าวที่เห็นว่าสำคัญ โดยผมจะยกบางข่าวที่น่าสนใจมานำเสนอโดยไม่ได้เรียงตามลำดับเดิม แต่เรียงตามความสนใจของผม ดังนี้
 
เครือข่ายองค์กรเพียงไม่กี่กลุ่มที่ครอบงำเศรษฐกิจของทั้งโลก

ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยซูริกพบว่ามีเพียงบริษัทวงแคบๆกลุ่มหนึ่งซึ่ง ส่วนใหญ่เป็นธนาคารพาณิชย์กุมอำนาจเหนือชะตาเศรษฐกิจของทั้งโลกไว้อย่างทรง พลัง ในขั้นตอนแรกการศึกษาชิ้นนี้ได้สำรวจบรรษัทข้ามชาติทั้ง 43,060 แห่งและสืบสาวเครือข่ายความสัมพันธ์ไปสู่ตัวเจ้าของกิจการที่แท้จริง และจากการวิเคราะห์เครือข่ายเหล่านี้พบว่ามีเพียง 147 บริษัทเท่านั้นที่กุมอำนาจสูงสุดในบริษัทลูกทั้งหลายและเป็นตัวควบคุมความ มั่งคั่งรวมของเศรษฐกิจโลกถึงร้อยละ 40  การที่เครือข่ายความสัมพันธ์มีลักษณะเล็กและแคบเช่นนี้เป็นตัวบ่งชี้ว่า เครือข่ายนี้มีแนวโน้มที่จะพบกับความเสี่ยงที่เป็นระบบหรือความเสี่ยงใน ลักษณะลูกโซ่(Systemic Risk) และมีความเปราะบางที่จะเกิดความล่มสลายในที่สุด

(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2013/06/47167

คดี 2 ศพใต้ด่วนพระราม 4 พ.ค.53 ร่วมกตัญญูเบิกทีมถูกยิงหลังทหารถาม “มึงด้วยใช่ไหม”

คดี 2 ศพใต้ด่วนพระราม 4 พ.ค.53 ร่วมกตัญญูเบิกทีมถูกยิงหลังทหารถาม “มึงด้วยใช่ไหม”




คนเสื้อม่วง หมุนเคว้ง ถูกยิง.mp4
http://www.youtube.com/watch?v=SwKAoYEsSpU&feature=player_embedded

เบิก 2 พยาน ไต่สวนการตาย  2 ศพใต้ทางด่วนพระราม 4 เหยื่อกระสุน 16 พ.ค.53 ร่วมกตัญญู เบิก จนท.ประจำรถถูกยิงหลังทหารตะโดนถาม “มึงด้วยใช่ไหม” เพื่อนผู้ตายยันไม่พบชายชุดดำหรือบุคคลถืออาวุธปืนในที่เกิดเหตุ

10 มิ.ย.56 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ฯ ศาลนัดไต่สวนคำร้องชันสูตรศพ คดีที่พนักงานอัยการ สำนักอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีอาญาใต้ ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตของนายเกียรติคุณ ฉัตร์วีระสกุล อายุ 25 ปี อาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ผู้ตายที่ 1  และนายประจวบ ประจวบสุข ผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จ การแห่งชาติ (นปช.) ผู้ตายที่ 2 ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณใต้ทางด่วน  ถ.พระราม 4 เมื่อวันที่ 16 พ.ค.53 ช่วงกระชับพื้นที่การชุมนุมของ นปช. โดย ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 


นายธีรภัทร เบิกความต่อศาลว่า ทหารตะโกนถามพยานว่า “มึงด้วยใช่ไหม” ซึ่งขณะนั้นทหารอยู่ห่างจากระยะไม่เกิน 10 ม. จึงตอบกลับไปว่า “ไม่เกี่ยวเป็นพยาบาล” เมื่อพูดจบมีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ทะลุกระจกหน้ารถ ส่วนกระจกหลังรถแตกกระจาย จึงหมอบลงกับพื้น  น.ส.มุนินทร์ได้ตะโกนว่านายสรายุทธโดนยิง พยานจึงเปิดประตูข้างรถไปมีเลือดพุ่งออกมาจากมือซ้ายของนายสรายุทธ  จากนั้นปฐมพยาบาลนายสรายุทธแล้วออกรถนำตัวไปส่งที่โรงพยาบาล  และขับออกจากทางเข้าโรงแรมผ่านทหาร จึงลดกระจกลงแล้วถามทหารว่ายิงทำไม ทหารในกลุ่มที่ใช้ปืนยิงตอบมาว่า “พวกมึงขว้างกูก่อน” จากนั้นจึงรีบขับรถไปโรงพยาบาลจุฬาฯ

แต่นายสรายุทธได้ถูกย้ายจากโรงพยาบาลจุฬาฯ ไปโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าเป็นห้องพิเศษในโรงพยาบาล โดยทราบจากนายสรายุทธภายหลังว่าทางทหารต้องการแสดงความรับผิดชอบจึงได้ย้าย มารักษาที่นี่  จากนั้นเช้าวันรุ่งขึ้นรัฐมนตรีกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบกได้เข้าเยี่ยมนาย สรายุทธเป็นการเฉพาะด้วย ช่วงที่นายสรายทุธรักษาตัวอยู่ พยานอยู่ดูแลอยู่ราว 20 วัน จนกระทั่งออกจากโรงพยาบาล ซึ่งบางวันพยานก็อยู่นอนเฝ้าบางวันก็ไปเยี่ยม หลังจากเกิดเหตุก็ไม่ได้กลับไปปฏิบัติหน้าที่อีกเนื่องจากรถได้รับความเสีย หายและไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำรถ

นายธีรภัทร เบิกความด้วยว่าตอนที่นายสรายุทุธถูกยิงอยู่ในท่าทางมือซ้ายยกชูเหนือศีรษะ ไว้ มือขวากดหัวให้ น.ส.มุนินทร์ก้มหลบเอาไว้ และในรถยังเปิดไฟส่องสว่างเอาไว้ด้วย ลักษณะของคนที่อยู่บริเวณซอยงามดูพลีมีลักษณะเหมือนแอบมองดูไปทางที่ทหาร อยู่  และขณะนั้นไม่มีเหตุทะเลาะวิวาทอะไรในซอย.....

(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2013/06/47162 

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุก 15 ปี ‘ดา ตอร์ปิโด’ ฎีกาต่อหวังบันทึกประวัติศาสตร์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุก 15 ปี ‘ดา ตอร์ปิโด’ ฎีกาต่อหวังบันทึกประวัติศาสตร์


 

12 มิ.ย.56 ห้องพิจารณาคดี 801 ผู้พิพากษาอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำที่ อ.3959/2551 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ ดา ตอร์ปิโด ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทหรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยระบุว่า การกระทำของจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นควรลงโทษสถานหนักเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนลงโทษจำคุก 15 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนอ่านคำพิพากษา ศาลได้ถามจำเลยว่าต้องการให้อ่านคำพิพากษาทั้งหมดหรือฉบับย่อ จำเลยตอบว่าขอฟังคำพิพากษาทั้งหมด แต่ในท้ายที่สุด ศาลได้อ่านเพียงสั้นๆ ราว 1 นาทีถึงผลคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ 

ขณะที่ดารณี ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลายสำนักก่อนฟังคำพิพากษาว่า หากผลคำพิพากษาลงโทษจำคุก 10 ปีหรือน้อยกว่านั้น เธอจะไม่ยื่นฎีกาเนื่องจากขณะนี้ถูกคุมตัวในเรือนจำมา 5 ปีแล้วทำให้มีความหวังเรื่องการพักโทษ ซึ่งมีหลักเกณฑ์ว่าต้องโทษมาแล้ว 2 ใน 3 สามารถพักโทษได้ แต่หากพิพากษายืน 15 ปีก็จะฎีกาต่อไป เพื่อให้คำพิพากษานี้ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

“ถ้าคดีถึงที่สุด คำพิพากษานี้จะได้ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์” ดารณีกล่าว

(อ่านต่อ)