วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
ฮิวแมนไรทส์วอทช์ชี้กรณี 'อากง' ทำไทยเสื่อมถอยในสายตานานาชาติ
ฮิวแมนไรทส์วอทช์ชี้กรณี 'อากง' ทำไทยเสื่อมถอยในสายตานานาชาติ
ฮิวแมน ไรท์วอทช์ เข้าพบ ประธานกรรมาธิการต่างประเทศ
ระบุการละเมิดสิทธิในไทยไม่ดีขึ้น นักโทษการเมืองจำนวนมากไม่ได้ประกันตัว
เสนอลดอัตราโทษคดีหมิ่นสถาบันฯ ลดการแทรกแซงสื่อออนไลน์
ประธานสิทธิมนุษยชนภาคพื้นแปซิฟิกพบ กมธ.ต่างประเทศแสดงความเสียใจกรณี 'องกง' ตาย หยันไทยเสื่อมถอยในสายตานานาชาติ แนะปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
11 พ.ค. 55 - โพสต์ทูเดย์รายงานว่า
นายแบรด อดัมส์ ประธานองค์การสิทธิมนุษยชนภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก
(ฮิวแมนไรทส์วอทช์) ได้เดินทางเข้าพบนายสุนัย จุลพงศธร สส.บัญชีรายชื่อ
พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การต่างประเทศ
สภาผู้แทนราษฎร เพื่อสอบถามถึงการเสียชีวิตของนายอำพล ตั้งนพกุล หรือ อากง
ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบัน ซึ่งได้เสียชีวิตไปแล้ว
โดยนายแบรด กล่าวว่า
ตนรู้สึกไม่ดีที่ประเด็นนี้ยังไม่ได้ปรับปรุงให้ดีขึ้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้
ตนได้เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และน.ส.ยิ่งลักษณ์
ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ไม่มีอะไรที่ดีขึ้นโดยเฉพาะการให้การประกันตัว
“สถานะของไทยขณะนี้เสื่อมถอยไปมาก ในสายตานานาชาติ
ซึ่งปัจจัยหนึ่งมาจากอัตราโทษที่รุนแรง และจำคุกเป็นเวลานาน
ซึ่งส่วนมากมาจากคดีหมิ่นสถาบัน เป็นเรื่องที่ชาวโลกไม่สามารถเข้าใจได้
อาทิ กรณีคดีอากง บทลงโทษรุนแรงกว่า เมื่อเทียบกับคดีอาชญากรรม คดียาเสพติด
เมื่อเทียบกันแล้วไม่สมเหตุสมผลผมมองว่ารัฐบาลและศาลยุติธรรมควรปฎิรูป
กฎหมาย เพื่อลดอัตราการลงโทษในคดีหมิ่นสถาบัน
เพราะที่ผ่านมาการตัดสินในคดีหมิ่นสถาบันมีการดึงเอาเหตุทางการเมืองเข้ามา
เกี่ยวข้อง ดังนั้นการตัดสินของศาลต้องมีเหตุผลที่อธิบายได้
อดีตไทยเคยมีเสรีภาพทางสื่อออนไลน์มากที่สุด แต่ระยะหลังมีการปิดกั้น
ซึ่งกติการะหว่างประเทศกำหนดให้สังคมประชาธิปไตย
ควรมีการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นให้น้อยที่สุด
แต่ไทยกลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม" นายแบรด กล่าว
ด้านนายสุนัย กล่าวว่า
เป็นปรากฎการณ์ที่หมิ่นเหม่ต่อการละเมิดสิทธิมนุษยธรรมในประเทศไทย
ซึ่งประเด็นนี้ถือว่ามีความสำคัญ และในวันที่ 16 พ.ค.นี้ ทางกรรมาธิการฯ
จะนำเรื่องนี้หารือกัน
รวมถึงกรณีที่นักโทษทางการเมืองยังไม่ได้รับการประกันตัว อาทิ นายสมยศ
พฤกษาเกษมสุข นายสุรชัย (แซ่ด่าน) ด่านวัฒนานุสรณ์ และคนเสื้อแดง
(ที่มา)
ฮิวแมน ไรท์วอทช์ มาตรฐานสิทธิมนุษยชนไทยต่ำ
(คลิกอ่าน)ข้อเสนอรูปธรรม ในการรณรงค์ให้ยกเลิก 112
ข้อเสนอรูปธรรม ในการรณรงค์ให้ยกเลิก 112
ปัญหาที่เราต้องมาร่วมกันคิดคือ เราจะรณรงค์ให้ยกเลิกกฏหมายนี้อย่างไร
กฏหมายมาตรา 112
เป็นกฏหมายที่ขัดกับประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกในทุกรูปแบบและ
เป็นกฏหมายที่เป็นอุปสรรค์ในการสร้างความโปรงใสและการตรวจสอบอำนาจรัฐ
ตรงนี้ผู้รักประชาธิปไตยจำนวนมากเข้าใจดี
และถ้าเราดูประเทศที่เป็นประชาธิปไตยจริง ที่มีกษัตริย์เป็นประมุข
โดยเฉพาะในยุโรป เราจะพบว่าหลายประเทศยกเลิกกฏหมายนี้นานแล้ว
หรือประเทศที่ยังมี ไม่มีการใช้กฏหมายในรูปธรรมในปัจจุบัน
และที่สำคัญคือไม่มีการใช้เพื่อปิดปากคนที่มีความเห็นต่างทางการเมือง
อันนี้คือความจริงไม่ว่านักวิชาการเสื้อเหลืองจะแอบอ้างมาอย่างไร
ดังนั้นการรณรงค์ให้ยกเลิกกฏหมาย 112 เป็นสิ่งที่หลายฝ่ายทำได้ ทั้งคนที่สนับสนุนให้มีประมุขเป็นกษัตริย์ หรือคนที่ต้องการระบบสาธารณรัฐ
ปัญหาที่เราต้องมาร่วมกันคิดคือ เราจะรณรงค์ให้ยกเลิกกฏหมายนี้อย่างไร ผมในฐานะผู้หนึ่งที่โดนกฏหมาย 112 ในปี 2551 มีข้อเสนอดังนี้
กฏหมาย 112 เป็นกฏหมายที่ใช้ปกป้องเผด็จการ โดยเฉพาะทหาร และลูกน้องของทหารเช่นนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ หรือศาลเป็นต้น การรณรงค์ให้ยกเลิก 112 จึงแยกไม่ออกจากการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
ในเมื่อการยกเลิกกฏหมาย 112 เป็น
เรื่องเดียวกับการสร้างประชาธิปไตย
เราควรจะมองเห็นชัดเจนว่าผู้ที่กำลังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
มวลชนคนเสื้อแดงนั้นเอง เป็นผู้ที่สามารถรณรงค์ให้ยกเลิก 112 ได้ ถ้าเขาตัดสินใจร่วมกันที่จะสู้ตรงนี้ ซึ่งแปลว่าถ้าเราต้องการรณรงค์ให้ยกเลิกกฏหมาย 112
เป้าหมายหลักคือการชักชวนมวลชนเสื้อแดงของ นปช. แดงทั้งแผ่นดิน
ให้หันมาร่วมรณรงค์กับเรา เราไม่ต้องไปหวังพึ่งนักวิชาการที่ไม่ใช่เสื้อแดง
เพราะพวกนี้ประกาศนานแล้วในงานเสวนาต่างๆ ว่าไม่อยากให้ยกเลิก 112 ไปหมด อย่างมากก็พูดว่าควร “ปฏิรูป” หรือ “ลดโทษ” ซึ่งเท่ากับปกป้องคงไว้กฏหมายที่กีดกันสิทธิเสรีภาพ
แต่ในขณะเดียวกัน เราต้อง “เข้าใจ” มวลชนเสื้อแดงส่วนใหญ่ เพราะเรื่อง 112
ล้อมรอบด้วยความกลัว
หลายคนอาจคิดว่าเป็นการยกระดับการต่อสู้และเขาอาจไม่แน่ใจว่าเขาพร้อมหรือ
ไม่ ส่วนแกนนำ นปช. แดงทั้งแผ่นดิน
ซึ่งประกาศตัวอย่างซื่อสัตย์ว่าเป็นแนวปฏิรูปในโครงสร้าง
อาจยังไม่พร้อมและอาจกลัวว่าจะโดนป้ายสีว่าเป็นพวก “ล้มเจ้า”
ซึ่งเป็นข้ออ้างของอำมาตย์ไทยเพื่อเข่นฆ่าปราบปรามประชาชนมาตั้งแต่ ๖
ตุลาจนถึงวันนี้
สรุปแล้วเวลาเรารณรงค์เพื่อให้ยกเลิก 112
ในขบวนการเสื้อแดง เราต้องเป็นมิตรกับมวลชนที่อาจยังไม่เห็นด้วยกับเรา
เราต้องใจเย็นในการอธิบายและชักชวน
แต่เราต้องชักชวนอย่างต่อเนื่องให้มวลชนรากหญ้าของ นปช.
แดงทั้งแผ่นดินหันมาต่อต้านกฏหมาย 112 ซึ่งเป็นวิธี
สำคัญที่จะกดดันแกนนำให้เปลี่ยนใจด้วย และไม่แน่...
เราอาจกดดันต่อไปสู่พรรคเพื่อไทยในอนาคตก็ได้
แต่เราหวังพึ่งพรรคเพื่อไทยไม่ได้อยู่ดี
ผู้
ที่สนใจแต่จะชี้หน้าด่าคนที่คิดต่างในแกนนำ นปช. หรือกล่าวหาคนเหล่านั้นว่า
“ไม่แน่จริง (เหมือนกู)” หรือป้ายร้ายว่า “ถูกซื้อตัว” หรือ
“มีสัญญาลับเรื่องการปรองดอง”
เป็นผู้ที่สนใจแต่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง
และสนใจแต่จะแยกตัวปลีกตัวออกจากมวลชนผู้มีพลังจริงในการสร้างประชาธิปไตย
เพื่อไปสร้าง “กองกำลังปฏิวัติแท้” ซึ่งไม่มีวันบรรลุอะไรได้
นักปฏิวัติอย่างเลนินกับมาร์คซ์ พูดเสมอว่าต้องทำงานกับมวลชนที่ยังไม่พร้อม
เพื่อถกเถียงชักชวนให้เขาขยายความคิดและเปลี่ยนความคิด
และเขาพูดอีกว่าเราไม่ควรโกหกมวลชนด้วยนิยายเท็จ
หลายคนทราบดีว่าเมื่อวันที่ 12
มีนาคมที่ผ่านมา มีการ์ด นปช. จับสาวคนหนึ่งที่แจกใบปลิว
แล้วส่งคนนี้ให้ตำรวจ
ในด้านหนึ่งเราเข้าใจความหวาดกลัวของการ์ดหรือคนบนเวที
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น และไม่ควรเกิดขึ้นอีก
แต่มีใครสักกี่คนในแวดวงไซเบอร์ที่ยอมรับว่า ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ออกมาพูดตรงๆ
ว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น?
นอกจากการรณรงค์ให้ยกเลิก 112
จะแยกไม่ออกจากการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแล้ว
เราควรเข้าใจอีกเรื่องหนึ่งคือ ผู้ที่ใช้และปกป้องกฏหมายนี้สุดหัวใจคือทหาร
ทหารต้องการปกป้องกฏหมายนี้เพราะมันให้ความชอบธรรมในการแทรกแซงทางการเมือง
ซึ่งปกติแล้วทหารไม่มีความชอบธรรมตรงนี้ การที่คดี 112 เพิ่ม
ขึ้นอย่างรวดเร็วหลังรัฐประหาร ๑๙ กันยา เป็นเพราะนายทหารชั้นผู้ใหญ่สั่งมา
และสั่งลูกน้องอย่างอภิสิทธิ์หรือนักการเมืองประชาธิปัตย์อื่นๆ อีกด้วย
ลองย้อนกลับไปพิจารณาพระราชดำรัสเดือนธันวาคมปี 2548 มีการตรัสว่าการที่คนบอกว่า... “กษัตริย์ทำอะไรไม่ผิดนั้นเป็นการดูถูกกษัตริย์ เพราะทำไมกษัตริย์จึงจะทำผิดไม่ได้ เพราะแสดงให้เห็นว่าพวกเขามองกษัตริย์ไม่ใช่มนุษย์” .... “สมมติ
ว่าเราพูดอะไรผิด เพราะไม่ตระหนัก นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แต่ทำผิดโดยไม่ตระหนัก และมาตระหนักว่ามันผิด
มันไม่ดีที่จะทำผิดโดยตระหนักว่าทำผิด แต่บางครั้งก็ไม่ได้ตระหนัก
ก็ต้องขอโทษ ถ้าพูดโดยไม่ตระหนัก การไม่ตระหนักคือการไม่ระวัง
ภายหลังก็จะเสียใจ” ... “ถ้าถือคำวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหมดว่าเป็นการหมิ่น พระเจ้าอยู่หัวก็จะเสียหาย”
เราอาจตีความพระราชดำรัสนี้ได้หลายด้าน แต่สำหรับผม พออ่านแล้วชวนให้ผมเชื่อว่าคนที่ยังผลักดันการใช้กฏหมาย 112 คือทหาร เพื่อปกป้องทหารและพรรคพวกเอง
ด้วยเหตุนี้เราควรมองว่าอุปสรรค์สำคัญในการยกเลิกกฏหมาย 112
และการสร้างประชาธิปไตย คือกองทัพ
ซึ่งแปลว่าเราต้องมีข้อเรียกร้องให้ปฏิรูปกองทัพอย่างถอนรากถอนโคนด้วย
และเราต้องชักชวนให้มวลชนเสื้อแดงมาร่วมรณรงค์เรื่องกองทัพกับเรา
ในระยะสั้น
1.เราควรแจกใบปลิว และเก็บลายเซ็นในจดหมายเปิดผนึกเพื่อยกเลิกกฏหมาย 112 ในมวลชนเสื้อแดง นปช. แดงทั้งแผ่นดิน ในทุกโอกาส ทุกชุมชน
2. เราควรเปิดโปงและกดดันองค์กรต่างๆ เช่น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และ Amnesty International ที่เผิกเฉยกับนักโทษ 112 หรือถึงกับสนับสนุนการใช้กฏหมายนี้ เราควรไปยื่นหนังสือและยืนประท้วง
3. เราควรรณรงค์สนับสนุนและไม่ลืมนักโทษ 112 ทุกคน อย่างที่มีการทำมาหลายปีแล้วแต่ควรขยายไปสู่มวลชนจำนวนมากกว่านี้
(ที่มา)
รายการ The Daily Dose
รายการ The Daily Dose
รายการ The Daily Dose ประจำวันที่ 7 พ.ค. 2555
http://www.dailymotion.com/video/xqnjqz_yyyyyy-the-daily-dose-yyyyyy-yy-7-y-y-2555_news
รายการ The Daily Dose ประจำวันที่ 8 พ.ค. 2555
http://www.dailymotion.com/video/xqognx_yyyyyy-the-daily-dose-yyyyyy-yy-8-y-y-2555_news
The Daily Dose ประจำวันที่ 9 พ.ค. 2555
http://www.dailymotion.com/video/xqpald_yyyyyy-the-daily-dose-yyyyyy-yy-9-y-y-2555_news
The Daily Dose ประจำวันที่ 10 พ.ค. 2555
http://www.dailymotion.com/video/xqq9ia_yyyyyy-the-daily-dose-yyyyyy-yy-10-y-y-2555_newsThe Daily Dose ประจำวันที่ 11พค55
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=Iaas-6Es3loรายการ Wake up Thailand
รายการ Wake up Thailand
Wake up Thailand ประจำวันที่ 7 พฤษภาคม 55
http://www.dailymotion.com/video/xqnd72_yyyyyy-wake-up-thailand-yyyyyy-yy-7-yyyyyyy-55_news
Wake up Thailand : ประจำอังคารที่ 8 พ.ค. 55
(ความปลอดภัยแรงงาน 19 ปี ไม่เปลี่ยนแปลง)
http://www.dailymotion.com/video/xqo15b_wake-up-thailand-yyyyyyyyy-yyyyyyy-19-y-yy-yyy-yyyyyy_news
Wake up Thailand ประจำวันพุธที่ 9 พ.ค. 55
(น้ำผึ้งหยดเดียวหรือตายอย่างเงียบๆ)
http://www.dailymotion.com/video/xqox4c_wake-up-thailand-y-yy-yyyyyy-yyyy-yyyyyy-yyyy-yyy_news
Wake up Thailand ประจำวันพฤหัสบดีที่ 10 พ.ค. 55
(อากง เหยื่อที่มากกว่าสีเสื้อ)
http://www.youtube.com/watch?v=NJQjHgFLKJ4
Wake up Thailand ประจำวันศุกร์ที่ 11 พ.ค.55
(เปลี่ยนประเทศ กล้า ๆ หน่อย)
http://www.youtube.com/watch?v=-QZPPRED0jo&feature=relmfuครก.112 แถลงการณ์ไว้อาลัยอากง-เตรียมจัดงานสรุปการรณรงค์แก้112 27 พ.ค.นี้
ครก.112 แถลงการณ์ไว้อาลัยอากง-เตรียมจัดงานสรุปการรณรงค์แก้112 27 พ.ค.นี้
(11 พ.ค.55) คณะรณรงค์แก้ไขมาตรา112 (ครก.112) ออกแถลงการณ์ไว้อาลัยต่อการจากไปของนายอำพล หรือ "อากง" ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา
"เราไม่ได้คาดหวังว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรมของครอบครัวนาย อำพลทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม จะสำนึกผิดในกรรมที่ตนได้กระทำไว้ แต่เราหวังว่าประชาชนที่ได้ติดตามคดีของนายอำพลอย่างต่อเนื่อง และตระหนักถึงปัญหาของมาตรา 112 จะช่วยกันทำให้กฎหมายที่อยุติธรรมนี้ยุติการทำร้ายประชาชนเสียที แม้ว่าจะต้องใช้เวลานานก็ตาม" ครก.112 ระบุ
ทั้งนี้ ครก.112 ชี้แจงด้วยว่า การรณรงค์เพื่อรวบรวมรายชื่อประชาชนเพื่อเสนอ “ร่างแก้ไขประมวลอาญา มาตรา 112 ของคณะนิติราษฎร์” ได้ครบกำหนด 112 วัน เมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา ในขณะนี้ ทาง ครก.112 ได้รับรายชื่อมากกว่าหนึ่งหมื่นแล้ว อันเป็นจำนวนขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด โดยจะแจ้งจำนวนที่แน่ชัดอีกครั้งในวันที่ 27 พ.ค.นี้ เนื่องจากยังมีเอกสารจำนวนมากที่ยังไม่ได้ตรวจนับ และประชาชนยังทยอยส่งรายชื่อเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ โดย ครก.112 กำหนดให้มีการจัดงาน “บันทึก 112 วัน แก้ไข ม.112” ในวันอาทิตย์ที่ 27 พ.ค.นี้ เพื่อสรุปและปิดการรณรงค์การรวบรายชื่อเพื่อแก้ไขมาตรา 112
(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2012/05/40467
การปรองดองของยิ่งลักษณ์ได้แต่ปกป้องอำนาจอำมาตย์
การปรองของยิ่งลักษณ์ ได้แต่ปกป้องอำนาจอำมาตย์
แกนนำ นปช. อาจพูดจานามธรรมเรื่องการไม่ทอดทิ้งวีรชนและการช่วยนักโทษ และอาจมีการเสนอปฏิรูปรัฐธรรมนูญเล็กๆ น้อยๆ แต่ในรูปธรรมบทบาทหลักของ นปช. คือการสลายขบวนการและระงับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแท้ และไม่มีการรณรงค์ให้แก้หรือยกเลิก 112 โดย นปช. แต่อย่างใด
โดย ใจ อึ๊งภากรณ์
สองปีหลังจากที่ทหารฆ่าประชาชนเสื้อแดงที่ผ่านฟ้าและราชประสงค์ และ 9
เดือนหลังชัยชนะในการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย เราเห็นได้ชัดว่าเพื่อไทย
นายกยิ่งลักษณ์ และอดีตนายกทักษิณ
ปรองดองกับทหารมือเปื้อนเลือดบนซากศพคนเสื้อแดง
พร้อมกับหันหลังให้กับนักโทษการเมือง ไม่ว่าใครจะแก้ตัวต่างๆ นาๆ ให้รัฐบาล
แต่ผมขอยืนยันตรงนี้
ทั้งๆ ที่เสื้อแดงจำนวนมากเลือกรัฐบาลยิ่งลักษณ์
แต่รัฐบาลตอบแทนด้วยความกระตือรือร้นในแสดงความเป็นมิตรกับอาชญากรอย่าง
ประยุทธ์ และอนุพงษ์ และแทนที่จะนำฆาตกรมาขึ้นศาล
มีการเลื่อนขั้นและเอาใจทหารมือเปื้อนเลือดแทน
นักการเมืองอย่างอภิสิทธิ์และสุเทพก็ลอยนวลเช่นกัน
แต่ในกรณีหลังมีการเล่นละครในสภาเพื่อสร้างภาพว่าอยู่คนละข้าง
ในความเป็นจริงทั้งสองพรรคการเมืองนี้ไม่ได้อยู่ข้างประชาชน
แต่อยู่ข้างอำมาตย์
การที่รัฐบาลเพื่อไทย นำโดยรัฐมนตรีที่มีภาพอื้อฉาวอย่างเฉลิม
หรือขี้ข้าเสื้อเหลืองอย่างอนุดิษฐ์ เน้นการเร่งใช้กฎหมายเผด็จการ 112
มากขึ้นตั้งแต่ชนะการเลือกตั้ง
อาจเป็นความพยายามของพรรคเพื่อไทยและทักษิณที่จะพิสูจน์ “ความจงรักภักดี”
แต่ที่สำคัญกว่านั้น เป็นการพิสูจน์ว่าเพื่อไทย ยิ่งลักษณ์ และทักษิณ
พร้อมจะคลานและถ่อมตัวต่อกองทัพ
และพร้อมจะให้กองทัพมีอำนาจพิเศษนอกรัฐธรรมนูญในการกำหนดสังคมการเมืองไทย
เพราะกฎหมาย 112 มีความสำคัญที่สุดในการปกป้องทหาร
เพื่อให้ทหารสามารถอ้างความชอบธรรมจากสถาบันกษัตริย์ในทุกอย่างที่ทหารทำ
ไม่ว่าจะเป็นการทำรัฐประหาร หรือฆ่าประชาชน
กฎหมายเผด็จการ 112 ถูกใช้ในการทำลายสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก และทำลายประชาธิปไตยมานาน
ทุกวันนี้นักโทษ 112 จำนวนมากติดคุกอยู่ในสภาพย่ำแย่ คนอย่างคุณสมยศไม่ได้รับการประกันทั้งๆ ที่ยังไม่มีการตัดสินคดี และคนอย่าง อ.สุรชัยหรืออากง ถูกกดดันด้วยอายุและสุขภาพ ให้ “สารภาพผิด” เพื่อหวังได้รับอภัยโทษในอนาคต แต่รัฐบาลตั้งหน้าตั้งตาปฏิเสธที่จะแก้กฎหมายชั่วอันนี้
นักการเมืองเพื่อไทยอาจอ้าง “ภัยจากรัฐประหาร” เพื่อให้ความชอบธรรมกับการปรองดองแบบยอมจำนน แต่ในทางปฏิบัตินโยบายการปรองดองของรัฐบาลมีผลในการปกป้องอำนาจทหารที่จะทำ รัฐประหารอีกในอนาคต ซึ่งคล้ายๆ กับสถานการณ์ในพม่าทุกวันนี้
นอกจากปัญหา 112 และการไม่ยอมนำฆาตกรมาขึ้นศาลแล้ว
ยังไม่มีมาตรการอะไรที่มีความหมายในการปล่อยนักโทษการเมืองเสื้อแดงนอกจาก
การตั้งคุกพิเศษ
อีกสาเหตุหนึ่งที่รัฐบาลเพื่อไทยไม่ยอมนำทหารและคนอย่างอภิสิทธิ์มาขึ้นศาล
ก็อาจเพราะกลัวว่า อาจจะมีคนที่รักความเป็นธรรม
เรียกร้องให้นำทักษิณและทหารมาขึ้นศาลในฐานะที่ฆ่าประชาชนมือเปล่าที่ตากใบ
ด้วย
ทักษิณคงอยากจะปรองดองแบบจับมือกับอำมาตย์
เพื่อหวังกลับประเทศไทยในอนาคตอันใกล้ ในขณะเดียวกันมีการยกฟ้อง จักรภพ
เพ็ญแข ในคดี 112 ซึ่งอาจเป็นการ
“เอาใจ” ทักษิณ เพราะคุณจักรภพเคยใกล้ชิดกับทักษิณ แต่นั้นไม่ได้พิสูจน์ว่าคุณจักรภพต้องการปรองดองแบบนี้กับอำมาตย์ เราคงต้องถามเจ้าตัวเอง
การโยนเงินให้ผู้ที่ได้ผลกระทบจากความขัดแย้งทางการเมือง
ไม่ใช่การปรองดองหรือการเยียวยาที่แท้จริง
มันเหมือนการโยนเงินให้ครอบครัวคนจนโดยเศรษฐี หลังจากอุบัติเหตุบนท้องถนน
ชีวิตมนุษย์โดยเฉพาะชีวิตวีรชนประชาธิปไตย ตั้งค่าเป็นเงินทองไม่ได้
และยิ่งกว่านั้นเงินนี้มาจากภาษีประชาชนคนจนเอง
ไม่ได้เป็นการจ่ายค่าชดเชยโดยทหารฆาตกรจากกระเป๋าตนเองแต่อย่างใด
การโยนเงินให้ครอบครัวพลเรือนที่ถูกทหารฆ่าในภาคใต้ก็ไม่ได้นำไปสู่การแก้
ปัญหาสงครามกลางเมืองในภาคใต้แต่อย่างใดอีกด้วย
เราจะปล่อยให้พวกนั้นซื้อความสงบด้วยเงินของเราเองแบบนี้หรือ?
แกนนำ นปช. อาจพูดจานามธรรมเรื่องการไม่ทอดทิ้งวีรชนและการช่วยนักโทษ
และอาจมีการเสนอปฏิรูปรัฐธรรมนูญเล็กๆ น้อยๆ แต่ในรูปธรรมบทบาทหลักของ นปช.
คือการสลายขบวนการและระงับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแท้
และไม่มีการรณรงค์ให้แก้หรือยกเลิก 112 โดย นปช. แต่อย่างใด
ในขณะที่เพื่อไทย ทหาร ปรองดองกันเพื่อรักษาสถานภาพของอำมาตย์
และขณะที่คณะกรรมการปรองดองของรัฐสภามีประธานที่เคยทำรัฐประหารเพื่อล้มล้าง
ระบบประชาธิปไตย
แสงสว่างแห่งความหวังอยู่ที่คณะนิติราษฎร์ที่ต้องการลบผลพวงรัฐประหาร
และอยู่ที่ขบวนการเพื่อปฏิรูป 112
คนก้าวหน้าทุกคนควรช่วยกันสร้างขบวนการมวลชนเพื่อผลักดันสิ่งเหล่านี้
เพราะถ้าเราไม่เคลื่อนไหว การปรองดองก็จะเป็นแค่การปกป้องอำมาตย์บนซากศพวีรชน
(ที่มา)
http://turnleftthai.blogspot.com/2012/04/blog-post_09.html
เปิดใจ ‘เพื่อนอากง-นักโทษการเมืองแดน 8’ กับคำถามถึงทุกฝ่าย
เปิดใจ ‘เพื่อนอากง-นักโทษการเมืองแดน 8’ กับคำถามถึงทุกฝ่าย
10 พ.ค.55 รายงานข่าวแจ้งว่า ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร คนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งได้เดินทางไปเยี่ยมผู้ต้องขังมาตรา 112 อีกราว 10 คนที่ยังถูกคุมขัง โดยธันย์ฐวุฒิ (ขอสงวนนามสกุล) ผู้ต้องขังคดีหมิ่นฯ ที่อยู่แดน 8 และเป็นผู้ใกล้ชิดกับนายอำพล (อากง) แจ้งว่า ในวันนี้ผู้ต้องขังในแดน 8 ได้พากันใช้ผ้าดำติดเข็มกลัดที่แขนเสื้อเพื่อไว้ทุกข์ให้อากง เนื่องจากอากงเป็นชายชราที่นักโทษอื่นๆ รัก
“สำหรับผม ผมทำอะไรไม่ได้มากเพื่ออากง ได้แค่เพียงโกนหัว และติดแถบดำไว้ทุกข์” ธันย์ฐวุฒิกล่าว
เขาระบุว่า รู้สึกตกใจมากที่อากงจากไปอย่างกะทันหัน เนื่องจากแม้อากงจะมีอาการปวดท้องแต่ก็ไม่ถึงกับน่ากังวล โดยอากงเริ่มปวดท้องหนักตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย. จากนั้นในวันรุ่งขึ้นได้ไปหน่วยพยาบาลภายในเรือนจำ แต่ไม่ได้รับการตรวจรักษา เพียงแต่รับยามารับประทาน เมื่อไม่หายจึงไปหาใหม่ในวันที่ 30 เม.ย. ก็ได้รับยามาทานอีก ซึ่งก็ยังคงไม่หายและอาการทรุดลง จึงมีการประสานเพื่อขอส่งตัวไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ในวันที่ 4 พ.ค.
“OPD โรงพยาบาลข้างใน พวกหมอพยาบาลในนี้มองนักโทษแบบไม่มีค่าเลย คิดว่าไปอยู่ที่นู่น [โรงพยาบาลราชทัณฑ์] จะแตกต่างจากในนี้ ปรากฏว่าเหมือนส่งแกไปตาย...เท่าที่ได้ข่าวจากคนที่ร่วมห้องกับแกที่โรง พยาบาลบอกว่าแกนอนร้องไห้ แกกังวลเรื่องท้อง” ธันย์ฐวุฒิกล่าว
เขายังกล่าวอีกว่า หลังจากอากงจากไป ผู้ต้องขังก็คาดหวังว่ารัฐบาลจะสามารถทำอะไรกับเรื่องผู้ต้องขังได้มากกว่า นี้ ทั้งผู้ต้องขังมาตรา 112 และคดีการเมืองอื่นๆ ทั้งนี้ ผู้ต้องขังคดี 112 ค่อนข้างมีแนวทางที่แน่ชัดแล้ว แต่นักโทษคดีการเมืองที่เรือนจำหลักสี่ยังไม่มีความแน่ชัดในทางคดีแต่อย่าง ใด
“คนตายไปแล้วเพิ่งมาเสียใจกัน ที่ผ่านมาเขาเคยมาเยี่ยมไหม ดีแต่ตีกันมาตรา 112 ออกไป บอกว่าไม่ใช่นักโทษการเมือง คดี 112 ไม่ใช่การเมืองตรงไหน เป็นเรื่องความคิดทางการเมืองล้วนๆ อันที่จริง พวกผมเป็นผลพวงจากแกนนำทั้งนั้น เราอาจจะโง่ที่เลือกเดินทางนี้” ธันย์ฐวุฒิกล่าวพร้อมตั้งคำถามกับ นปช.ว่า ทำไมจึงช่วยเหลือแต่แกนนำ
“ สำหรับรัฐบาล ถ้าวันนี้เขาไม่ช่วยก็ขอให้สังคมข้างนอกพิจารณาเอา แต่ผมเสนอให้ใช้ปทุมธานีโมเดล เพราะคะแนนเสียงเป็นของพวกเรา ประชาชนข้างนอกควรตาสว่างกับพวกเดียวกันเองด้วย” เขากล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ ธันย์ฐวุฒิ ถูกล่าวหาว่าเป็นผู้ออกแบบเว็บไซต์ นปช. ยูเอสเอ แต่เขาต่อสู้ว่าเพียงรับจ้างออกแบบ ศาลพิพากษาจำคุกเขา 13 ปี เมื่อวันที่ 15 มี.ค.54 ขณะนี้เขาและผู้ต้องขังคดี 112 คนอื่นๆ ยกเว้นสมยศ พฤกษาเกษมสุข ได้ถอนอุทธรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ
รายละเอียดคดีธันย์ฐวุฒิอ่านได้ที่ http://freedom.ilaw.or.th/th/case/19
(ที่มา)
http://www.prachatai.com/journal/2012/05/40443
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)