หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ประชาธรรม: ปรองดองฉบับ “นิติราษฎร์” จำแนก 4 กลุ่มก่อนนิรโทษกรรม

ประชาธรรม: ปรองดองฉบับ “นิติราษฎร์” จำแนก 4 กลุ่มก่อนนิรโทษกรรม

 

 

นิติราษฎร์เสนอการจำแนกกลุ่มต่างๆ เพื่อนิรโทษกรรมกับติดตามลงโทษ บนฐานค้นหา “ความจริง” โดยเสนอเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ พร้อมยันเคลื่อนต่องานช้างลบล้างผลพวงรัฐประหาร-ทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะ ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ กองทัพ ศาล และสถาบันการเมือง

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2555  ร้านหนังสือ Book Re:public จัดงานรำลึก 2 ปี 19 พฤษภาคม  เสวนาปรองดองกับความเป็นธรรม?

ปิยบุตร แสงกนกกุล หนึ่งในนักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์ กล่าวว่า ตนไม่ชอบคำว่า ปรองดอง เพราะถูกคนกลุ่มหนึ่งนำไปใช้เรียบร้อยแล้ว และความหมายที่แท้จริงก็ถูกใช้อย่างบิดเบือน ส่วนข้อเสนอของเรา เราเคยคุยในหมู่นิติราษฎร์มาแล้วหลายครั้ง และได้ข้อสรุปตามคำประกาศนิติราษฎร์ฉบับที่ 34  (ซึ่งจะออกฉบับสมบูรณ์ประมาณเดือนมิถุนายน)  คือ หนึ่งเราจะไม่นิรโทษกรรมทุกฝ่าย หรือยึดตามแบบข้อเสนอของสถาบันพระปกเกล้า เพราะว่าสถาบันพระปกเกล้าไม่พูดเรื่องม.112 และใครทำรัฐประหาร 19 กันยายน 2549

แต่สิ่งที่คณะนิติราษฎร์จะทำ คือ เราจะไม่นิรโทษกรรมกับเจ้าหน้าที่และผู้สั่งการทั้งหลาย เพราะประเทศไทยเกิดเหตุการณ์แบบนี้หลายครั้งหลายหน ถ้าเรายอมให้ทำแบบนี้ต่อไปก็จะเกิดการฆ่าหมู่ทางการเมืองอีก ครั้งนี้ต้องยืนยันว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีกต่อไป หมายความว่าเราเสนอให้สืบสวนข้อเท็จจริง และดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่และผู้สั่งการให้หมด

ทีนี้มาดูรายละเอียดว่าเราจะทำแบบไหน ทุกวันนี้เวลาเราพูดเรื่องนิรโทษกรรมจะพูดแบบเหมารวมหมด  ซึ่งเราไม่เอา ในขณะเดียวกันหลายฝ่ายก็รู้สึกอ่อนล้าจากความขัดแย้ง ก็อยากเคลียร์ให้จบ เราจึงเสนอว่าต้องแยกการกระทำออกมาตั้งแต่หลังรัฐประหาร49 ออกมาเป็นชุด ดังนี้

หนึ่ง การกระทำของเจ้าหน้าที่ผู้สั่งการทั้งหลาย จะไม่มีการนิรโทษกรรม จะต้องมีการสืบสวนข้อเท็จจริงกันต่อไปว่าใครเป็นคนสั่ง ใครกระทำความผิด ซึ่งจากข้อเสนอนี้ก็มีข้อโต้แย้งว่า "ดูเจ้าคิดเจ้าแค้นมากเกินไป เจ้าหน้าที่ผู้น้อยที่ทำตามคำสั่งของผู้บัญชาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จะทำ อย่างไร ทำไมถึงไม่ปล่อยเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อย" อยากเรียนว่า ตามกฎหมายพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาตรา17เขียนไว้ว่า ถ้าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการไปโดยสมควรแก่เหตุ ไม่เลือกปฏิบัติ ทำตามอำนาจของตุลาการ เจ้าหน้าที่ก็จะพ้นผิดโดยอัตโนมัติ หมายความว่า หากไม่กระทำเกินกว่าเหตุ เช่น เจตนาไปยิงคนตายด้วยสไนเปอร์ เลือกปฏิบัติ เจตนาฆ่า ก็จะพ้นผิดตามกฎหมายโดยไม่ต้องใช้การนิรโทษกรรม

สอง กลุ่มผู้ชุมนุมหรือบรรดาประชาชนทั้งหลาย ซึ่งเราตั้งคำถามไว้ว่า คนที่ถูกกล่าวหา หรือมีความผิดละเมิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือกฎหมายความมั่นคง และคดีอาญาที่ลหุโทษ มีความผิดเล็กๆน้อยๆ พวกนี้เสนอให้นิรโทษทันที

สาม คือกลุ่มที่ไม่เข้ากลุ่มที่หนึ่งและสอง คือ ประชาชนทั่วไปที่มีความผิดที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งการเมือง มีมูลเหตุจูงใจในทางการเมืองที่เชื่อมโยงมาตั้งแต่ 19  กันยาฯ เราไม่นิรโทษกรรมทันที แต่ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบว่าเกี่ยวกับรัฐประหาร 19 กันยาฯหรือไม่ ถ้าเกี่ยวกับ 19 กันยาฯ นิรโทษ  ไม่เกี่ยวกับ 19 กันยา ไม่นิรโทษต้องดำเนินคดีต่อ ในระหว่างที่กรรมการชุดนี้กำลังวินิจฉัยชี้ขาดว่าเกี่ยวกับความขัดแย้ง 19 กันยาฯหรือไม่ คนที่ถูกจับกุมคุมขังให้มีการปล่อยไปก่อน แล้วค่อยพิจารณาโทษ 

สี่ กลุ่ม ที่โดนคำพิพากษาตัดสินให้จำคุกหรือยังมีคดีติดตัว ที่เป็นคดีที่ริเริ่มมาจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสีย หายแก่รัฐ (คตส.) เสนอให้ (ตามข้อเสนอลบล้างผลพวงรัฐประหาร) เริ่มต้นคดีใหม่ทั้งหมด เช่น คดีทักษิณก็ให้เริ่มต้นใหม่คดีใหม่ แต่ไม่นิรโทษกรรมคุณทักษิณ

ฉะนั้นจะเห็นว่าข้อเสนอของนิติราษฎร์ไม่ใช่ การนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง
 
(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2012/05/40609

ปรองดองเหมาเข่ง(มั่นใจว่าเสื้อแดงจำนวนมากไม่เห็นด้วยกับทักษิณเรื่องการปรองดอง)

ปรองดองเหมาเข่ง(มั่นใจว่าเสื้อแดงจำนวนมากไม่เห็นด้วยกับทักษิณเรื่องการปรองดอง)






พตท.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศชัดเจน "อีกครั้ง" ว่า ความสูญเสียที่ผ่านมาเกิดจาก "ความเข้าใจผิด" และความขัดแย้งที่ผ่านมามันเป็นเรื่อง "ไร้สาระ" และ "ปัญญาอ่อน" และ 6 ปีที่ผ่านมา "ลูกหลานเรา เสียโอกาส" กันมาเยอะแล้ว ดังนั้น ประเทศต้อง "ก้าวไปข้างหน้า" ต้องเอา "เรื่องส่วนตัว...ไว้ทีหลัง ต้องเอาบ้านเมือง" ก่อน (หรือ อย่าเห็นแก่ตัว) ที่สุดเราจึง "จำเป็น" ต้อง "ปรองดอง" ต้องสามัคคี และ ไม่ "เอากันให้ตายไปข้างหนึ่ง"

พร้อมประกาศว่า "คิดห่วงใยพี่น้อง" และหาก "มีการปรองดองเมื่อไหร่...ก็มีโอกาส (กลับบ้าน) ไปตอบแทน"

แม้ พตท.ทักษิณ จะไม่พูดชัดเจนเรื่อง "การนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง" (ที่รวมคนสั่งฆ่า 91 ศพด้วย) เหมือนก่อนหน้านี้ แต่
ท่าทีที่ผ่านมาหลายๆอย่าง (รวมทั้งครั้งนี้ด้วย) ชี้ให้เห็นว่ามันไปในทิศทางนี้อย่างชัดเจน 

ใจ..."ประเด็นสำคัญคือ ทักษิณคงจะได้กลับบ้าน แต่คนที่จะต้อง “จ่าย” หรือ “เสียสละ” คือนักโทษการเมือง และคนที่เสียชีวิตไป ซึ่งไม่มีโอกาสกลับบ้านเหมือนทักษิณ ยิ่งกว่านั้น ถ้าไม่มีการแก้หรือยกเลิก 112 และถ้าไม่มีการลบผลพวงของรัฐประหาร 19 กันยา ตามข้อเสนอของคณะนิติราษฏร์ ประเทศไทยจะมีประชาธิปไตยเสรีไม่ได้เลย"
  

เชือด "จตุพร" ใต้ธง แห่ง ปรองดอง ของ "ยิ่งลักษณ์"

เชือด "จตุพร" ใต้ธง แห่ง ปรองดอง ของ "ยิ่งลักษณ์"




 



















กรณี นายจตุพร พรหมพันธุ์ พ้นจากสมาชิกภาพแห่ง ส.ส.เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ เป็นเรื่องที่ต้องเป็นไป

อย่าโทษคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อย่าโทษศาลรัฐธรรมนูญ

เพราะ 2 ส่วนนี้เสมอเป็นเพียงกลางน้ำ เสมอเป็นเพียงปลายน้ำ ต้องดำเนินไปตามที่ไหลมาจากต้นน้ำ

ต้นน้ำขึ้นอยู่กับกลไกอำนาจรัฐในยุค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

หากไม่ลืม "อดีต" กันรวดเร็วนัก ทุกอย่างของเรื่องนี้มีแรงบันดาลใจมาจากกรณีการจัดการกับ กกต.ยุค พล.ต.อ.วาสนา พูนลาภ

หลังการพบปะกันของ องคมนตรี ของไทคูนสื่อ ของคนในวงการศาลยุติธรรม ของคนในวงการศาลปกครอง โดยมี พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี แจมเข้าไปด้วย

นำไปสู่การประกาศให้เลือกตั้งเดือนเมษายน 2549 โมฆะ

นำ ไปสู่การชุมนุมบริเวณหน้าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และการคุมขังกรรมการการเลือกตั้ง อันได้แก่ พล.ต.อ.วาสนา พูนลาภ เป็นต้น ที่ถูกฟ้องร้อง ผลก็คือ พล.ต.อ.วาสนา พูนลาภ และกรรมการจำนวนหนึ่งที่ถูกฟ้องร้องหมดสิทธิการเป็น กกต.โดยปริยาย

นี่ย่อมเป็น "พิมพ์เขียว"

ทาง 1 เป็นพิมพ์เขียวอันกลไกอำนาจรัฐยุค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นำมาใช้กับนายจตุพร พรหมพันธุ์ อันเท่ากับเป็นการชี้อนาคตเอาไว้แล้ว

เหมือนกับเป็นการมัดมือชก

มัดมือชก นายจตุพร พรหมพันธุ์ มัดมือชกคณะกรรมการการเลือกตั้ง มัดมือชกศาลรัฐธรรมนูญ

ไม่มีทางเลี่ยง

"กกต.ส่งเรื่องมาให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา เราก็ต้องพิจารณาโดยยึดหลักเกณฑ์ของกฎหมาย ไม่ใช่ใช้ความรู้สึกหรือการคิดไปเอง"

ถูกต้องแล้วที่ประธานศาลรัฐธรรมนูญแถลง
 

 

(อ่านต่อ)http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1337571422&grpid=01&catid=&subcatid=

ศาลรธน.ไม่รับวินิจฉัยคำร้องสมยศ-ทนายขอย้ายคดี 112 ไปเรือนจำใหม่-พิพากษาสุรชัย 28 พ.ค.

ศาลรธน.ไม่รับวินิจฉัยคำร้องสมยศ-ทนายขอย้ายคดี 112 ไปเรือนจำใหม่-พิพากษาสุรชัย 28 พ.ค.

 

 

 

20 พ.ค.53  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา ศาลชั้นต้นได้ยกคำร้องขอปล่อยชั่วคราว นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ผู้ต้องขังคดีหมิ่นสถาบันอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เป็นการยื่นขอประกันเป็นครั้งที่ 10 โดยใช้หลักทรัพย์จำนวน 3 ล้านบาท แบ่งเป็นหลักทรัพย์ส่วนตัวของนายสมยศ จำนวน 2 ล้านบาท และเงินสดจากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพอีก 1 ล้านบาท เย็นวันเดียวกัน ศาลมีคำสั่งยกคำร้อง โดยให้เหตุผลว่าศาลอาญาและศาลอุทธรณ์เคยมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว จำเลย โดยระบุเหตุผลไว้ชัดเจนแล้ว  กรณีจึงไม่มีเหตุสมควรที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่ง

นายคารม พลพรกลาง ทนายความสมยศกล่าวว่า การยื่นประกันตัวครั้งนี้นำเป็นครั้งที่ 10 แล้วที่ศาลปฏิเสธ โดยเหตุที่ยื่นเป็นเพราะเห็นว่าการสืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว และกว่าจะมีนัดพิพากษาใช้เวลาอีกยาวนาน เนื่องจากต้องรอผลวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ยื่นไปว่า มาตรา 112 ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ก่อน ประกอบกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับมาตรฐานในของสถานที่ควบคุมที่กำลังเป็นประเด็นร้อน อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะไม่มีการยื่นอุทธรณ์คำสั่ง เนื่องจากศาลอุทธรณ์เองก็เคยชี้มาแล้วว่า คดีนี้เป็นที่กระทบกระเทือนความรู้สึกของปะชาชนจึงไม่ให้ประกันตัว 

นายคารมกล่าวอีกว่า ในสัปดาห์หน้าจะทำหนังสือถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ยุติธรรม เพื่อให้พิจารณาย้ายนักโทษคดี 112 ทั้งหมดไปที่เรือนจำโรงเรียนพลตำรวจ หลักสี่ โดยจะเริ่มที่สมยศ และสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ ซึ่งตนเป็นทนาย มีอำนาจโดยตรงก่อน เนื่องจากนักโทษคดีหมิ่นเบื้องสูงก็เป็นนักโทษการเมือง และสภาพในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นั้นแออัดอย่างมาก ประกอบกับสุขภาพร่างกายของลูกความ เช่น นายสุรชัยก็เจ็บป่วยหลายโรคและอายุมากแล้ว 

ขณะที่นางสุกัญญา พฤกษาเกษมสุข ภรรยานายสมยศกล่าวหลังทราบผลไม่ได้ประกันตัวรอบ 10 ว่า ขอทิ้งระยะไว้สักพักในด้านกระบวนการศาล ตอนนี้ก็มีแผนจะทำหนังสือ และกิจกรรมอื่นๆ ในการเรียกร้องแก้ไข ม.112 และกิจกรรมวันที่ 24 มิถุนา ซึ่งจะจัดโดยกลุ่มนักศึกษาร่วมกับกับกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย 

(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2012/05/40600

ล้านคำบรรยาย การ์ตูนเซีย 21/05/55 รีบหาอะไรนิ่มๆ..มารองก้นหนาๆ

ล้านคำบรรยาย การ์ตูนเซีย 21/05/55 รีบหาอะไรนิ่มๆ..มารองก้นหนาๆ



Posted Image


เมื่อถูกบีบ ถีบกระเด็น เซ่นกิเลส
เพราะวิปริต คิดทุเรศ แห่งเขตขันธ์

โดนไล่บี้ ไม่ลดละ สะใจมัน

ก็..ตามนั้น พ้นหน้าที่ เก้าอี้ผู้แทน....


เขายังเป็น..คนเสื้องแดง ผู้แรงฤทธิ์

ยังมีสิทธิ์ ด้วยคุณค่า น่าหวงแหน

ตัวและใจ ใสสะอาด ไม่ขาดแคลน

ยังเหนียวแน่น แจ่มกระจ่าง อย่างมั่นคง....


พ้นเก้าอี้ สส. อย่าท้อถอย

นับวันคอย ความสมหวัง ดั่งประสงค์

คนเสื้อแดง เลือดผ่องผุด สุดทรนง

พร้อมบรรจง เดินหน้า ท้าอธรรม....


อาจมีเสียง ค่อนแคะ และขัดขวาง

ล้านกลกวง บ่วงมารยา ช่างน่าขำ

ก้าวจากไพร่ สู่อำนาจ ไม่ขาดคำ

แต่โปรดจำ คืนวัน มันฆ่าเรา....


อันเก้าอี้ นุ่มก้นแท้..แค่หัวโขน

เงื้อมมือโจร ยังรุกฆาต ใช่ขลาดเขลา

ความอำมหิต ที่ซ่อนเร้น ตามเป็นเงา

กลัวแต่จะ..หลงมัวเมา..เข้าทางโจร....


๓ บลา / ๒๑ พ.ค.๕๕
http://3blabla.blogspot.com