พรรคปฏิวัติสังคมนิยม ปลาเล็กๆ ในแม่น้ำใหญ่
พรรคหรือองค์กรปฏิวัติ ที่เป็นปลาตัวเล็กๆ
ที่พยายามว่ายไปกับมวลชนกระแสใหญ่ท่ามกลางการต่อสู้ในสมัยนี้
มีหลายตัวอย่าง และประสบการณ์ก็หลากหลาย บางครั้งได้ผล บางครั้งล้มเหลว
แต่ในทุกกรณีมีการสร้างองค์กรของตนเองพร้อมๆ กับการทำงานแนวร่วม
และสิ่งที่ชัดเจนคือ ในเรื่องแนวร่วมไม่มีอะไรคงที่ถาวร
โดย ลั่นทมขาว
พรรคปฏิวัติสังคมนิยมเหมือนปลาตัวเล็กที่ว่ายน้ำในแม่น้ำใหญ่
และปัญหาหลักที่พรรคต้องจัดการเสมอคือ
จะรักษาจุดยืนและขยายสมาชิกองค์กรอย่างไร พร้อมๆ
กันนั้นต้องทำงานแนวร่วมและขยายสมาชิกแนวร่วมในลักษณะที่ประนีประนอมกับ
เสียงส่วนใหญ่อีกด้วย ทั้งสองแนวที่ขัดแย้งกันนี้มีความสำคัญเท่ากัน
ไม่ใช่ว่าอันหนึ่งเป็นเรื่องหลักอีกอันเป็นเรื่องรอง
คำว่า “พรรคปฏิวัติสังคมนิยม” เป็นศัพท์เฉพาะ และเลนินเป็นผู้เชี่ยวชาญสำคัญในการสร้างพรรคและการปรับการปฏิบัติการของ พรรคตามสถานการณ์ที่แตกต่างกัน บางครั้งปลาตัวเล็กของพรรคว่ายน้ำตามกระแสน้ำเชี่ยวขนาดใหญ่ บางครั้งต้องทวนกระแส บางครั้งกระแสน้ำเลิกไหล นิ่งและแห้งลง แต่ในทุกสถานการณ์พรรคต้องเป็นจุดรวมศูนย์ของคนก้าวหน้าที่เข้าใจทฤษฏีมาร์ คซิสต์จากบทเรียนทั่วโลกในอดีตและปัจจุบัน เพื่อนำมาปฏิบัติ ดังนั้นสมาชิกพรรคต้องเป็น “ศิลปินในการปฏิวัติ”
คำว่า “พรรคปฏิวัติสังคมนิยม” ไม่ได้แปลว่าต้องจดทะเบียนและลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบประชาธิปไตยทุนนิยม ทุกครั้ง บางครั้งอาจทำแบบนั้น แต่ส่วนใหญ่เน้นการสร้างองค์กรด้วยการศึกษาและการปฏิบัติ ซึ่งต้องทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอเพื่อประสานงานการทำงาน บางครั้งพรรคอาจไม่เรียกตัวเองว่าพรรคด้วยซ้ำ เพราะถ้าเล็กเกินไปการเรียกตัวเองว่าพรรคจะกลายเป็นเรื่องตลก ชาวบ้านจะมองว่าอวดเกินเหตุแต่ไม่ว่าจะเรียกชื่อตัวเองว่าอะไรก็ต้องปฏิบัติ การเหมือนพรรคปฏิวัติสังคมนิยม
คำว่า “พรรคปฏิวัติสังคมนิยม” เป็นศัพท์เฉพาะ และเลนินเป็นผู้เชี่ยวชาญสำคัญในการสร้างพรรคและการปรับการปฏิบัติการของ พรรคตามสถานการณ์ที่แตกต่างกัน บางครั้งปลาตัวเล็กของพรรคว่ายน้ำตามกระแสน้ำเชี่ยวขนาดใหญ่ บางครั้งต้องทวนกระแส บางครั้งกระแสน้ำเลิกไหล นิ่งและแห้งลง แต่ในทุกสถานการณ์พรรคต้องเป็นจุดรวมศูนย์ของคนก้าวหน้าที่เข้าใจทฤษฏีมาร์ คซิสต์จากบทเรียนทั่วโลกในอดีตและปัจจุบัน เพื่อนำมาปฏิบัติ ดังนั้นสมาชิกพรรคต้องเป็น “ศิลปินในการปฏิวัติ”
คำว่า “พรรคปฏิวัติสังคมนิยม” ไม่ได้แปลว่าต้องจดทะเบียนและลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบประชาธิปไตยทุนนิยม ทุกครั้ง บางครั้งอาจทำแบบนั้น แต่ส่วนใหญ่เน้นการสร้างองค์กรด้วยการศึกษาและการปฏิบัติ ซึ่งต้องทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอเพื่อประสานงานการทำงาน บางครั้งพรรคอาจไม่เรียกตัวเองว่าพรรคด้วยซ้ำ เพราะถ้าเล็กเกินไปการเรียกตัวเองว่าพรรคจะกลายเป็นเรื่องตลก ชาวบ้านจะมองว่าอวดเกินเหตุแต่ไม่ว่าจะเรียกชื่อตัวเองว่าอะไรก็ต้องปฏิบัติ การเหมือนพรรคปฏิวัติสังคมนิยม
พรรคปฏิวัติสังคมนิยมตามแนว มาร์คซิสต์ ตามแนวเลนินและตรอดสกี้ ต้องเน้นหลักการว่า “สังคมนิยมมาจากการสร้างด้วยมือของมวลชนผู้ทำงานเท่านั้น”
ซึ่งแปลว่าการจับอาวุธลุกขึ้นสู้ของคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ใช่มวลชนย่อมกระทำไม่
ได้ นั้นคือข้อแตกต่างที่เรามีกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย หรือพรรค
สตาลิน-เหมาอื่นๆ และมันแปลว่าการไว้วางใจให้ “คนอื่น”
มาปลดแอกเราจะไม่นำไปสู่สังคมนิยม ไม่ว่าพวกนั้นจะเป็น สส. หรือกองทัพแดง
ด้วยเหตุนี้เรามองว่าสังคมนิยมต้องสร้างจากรากหญ้า ไม่ใช่บนลงล่าง หรือแบบ “ท่านให้”
(อ่านต่อ)
http://turnleftthai.blogspot.dk/2012/09/blog-post_27.html