จิตร ภูมิศักดิ์
โดย วรศักดิ์ ประยูรศุข
มี การจัดงานรำลึกถึงไปเมื่อ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา อ.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ กล่าวในงานนี้ว่า จิตรทิ้งมรดกต่างๆ ไว้ให้สังคมไทยมากมาย แต่ด้วยอำนาจของรัฐบาลเผด็จการในยุคต่างๆ ทำให้ชื่อของเขาหายไปจากความรับรู้ของผู้คน
ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น
จิตรมีเวลาอยู่บนโลกนี้แค่ 35 ปี (2473-2509) แต่ทำงานราวกับ 100 ปี
จิตรใช้เวลาส่วนหนึ่งเรียนหนังสือที่พระตะบอง, ร.ร.เบญจมบพิตร, ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา และคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ
ติดคุก 6 ปี ระหว่าง 2501-2507 โดยไม่มีความผิดใดๆ นอกจากคิดไม่เหมือนรัฐบาลทหารขณะนั้น
พ้นคุกออกมาอยู่ในเมืองไม่เต็มปี ปลายๆ ปี 2508
เข้าป่าทางอีสาน
ผลงานต่างๆ ของจิตร สร้างสรรค์ขึ้นระหว่าง เรียน ติดคุก และอยู่ในป่านั่นเอง
เดือน พ.ค.2509 โดนเจ้าหน้าที่ล้อมยิงเสียชีวิตที่ อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร ผู้เกี่ยวข้องได้บำเหน็จรางวัลมากมาย ได้ไปเที่ยวอเมริกา เลื่อนยศเลื่อนขั้นกันใหญ่
สะท้อนถึง "ความกลัว" ของรัฐบาลเผด็จการที่มีต่ออุดมคติ และความคิดความรู้ของจิตร
ความ กลัวนั้นตามหลอน ลากยาวมาถึงระหว่าง 2509 ถึง 2516 อันเป็นช่วงรัฐบาลเผด็จการของ จอมพลถนอม กิตติขจร ทำให้ชื่อของจิตร หนังสือและผลงานของจิตร เป็นสิ่งต้องห้าม
จนเกิด 14 ตุลาฯ 2516 จึงมีการรื้อฟื้นผลงาน และประวัติของจิตร กลายเป็นแรงบันดาลใจให้นักเรียนนักศึกษาและปัญญาชน
จนกระทั่งรัฐประหารนองเลือด 6 ตุลาฯ 2519 หนังสือและเรื่องราวของจิตรโดนขึ้นบัญชีดำอีกครั้ง
การเมืองค่อยๆ คลี่คลายไป ทำให้มีการกลับมาสนใจเรื่องราวของจิตรอีกครั้ง
แต่กระนั้นก็ยังเบลอๆ ค่ายเพลงแห่งหนึ่งเคยทำมิวสิกวิดีโอ เพลงจิตร ภูมิศักดิ์ ของหงา คาราวาน ออกมา
จิตรในมิวสิกวิดีโอกลายเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ อาจจะเพราะได้ยินเนื้อเพลงตอนต้นๆ ว่า "...เขาตายในชายป่า"
ถ้า จิตรยังอยู่ และไม่แก่เกินไป ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีข้อมูลและการสื่อสารอย่างนี้ เขาน่าจะสนุกกับการค้นคว้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้อีกมาก
แต่นั่นก็เป็นการสมมุติ ในโลกของความจริง "กลุ่มอำนาจ" ไม่ว่ายุคไหน พร้อมใจกันกลัวคนอย่างจิตร
บีบคั้นจนต้องทิ้งชีวิตในเมืองเข้าป่า แม้ตายยังตามปกปิด ไม่อยากให้คนรู้จัก ไม่พูดถึง ไม่ยกย่อง ไม่เชิดชู
แม้ว่าผลงานวิชาการ หนังสือ บทกวี เพลง ของจิตร ยังอ้างอิงและตีพิมพ์เผยแพร่อยู่เรื่อยๆ
นักวิชาการที่มีจุดยืนประชาธิปไตย มักจะต้องเผชิญชะตากรรมเช่นนั้น อย่างเบาะๆ ก็โดนข่มขู่คุกคาม โดนทำร้าย บุกชกหน้าบ้าง
ต่างจากนักวิชาการอีกแบบ ที่อัดฉีดบำเหน็จรางวัล ตำแหน่ง ลาภยศ เงิน กล่อง ฯลฯ อวยกันไม่ยั้ง
เพื่อให้ทำตัวเป็น "เฟอร์นิเจอร์" ประดับ "ระบบ" ไปเรื่อยๆ
ดูจากการเมืองวันนี้ คงอีกนาน กว่าสภาพที่ว่านี้จะเปลี่ยนไป
และหมายถึงตัวชี้วัด สภาพการเมืองของประเทศไทยอีกด้วย
(ที่มา)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1348751238&grpid=&catid=02&subcatid=0200