นิรโทษ “เอาชนะทางการเมือง”
ใบตองแห้ง
พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลจะต้องผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับวรชัย เหมะ ให้ผ่านวาระแรก และวาระแปรญัตติให้เร็วที่สุดเท่าจะทำได้ ไม่ว่าจะมีการต่อต้านคัดค้านรุนแรงสักเพียงใด โดยต้องยืนหยัดในหลักการ “นิรโทษเฉพาะประชาชน”
กระแสต้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษในขณะนี้
มุ่งไปที่การนิรโทษทักษิณ นิรโทษเหมาเข่ง ซึ่งเป็นการ “มองข้ามช็อต”
ไปจากตัวร่าง พ.ร.บ.ที่นิรโทษเฉพาะประชาชน
แน่นอน ผู้ที่หวาดระแวงก็ไม่ได้มองเกินเหตุ
เพราะทักษิณแสดงเจตนาชัดเจน ทั้งร่างปรองดองและคลิปลับ ถ้ามีโอกาส
ก็จะเหมารวมตัวเองเข้าด้วย แต่ในสถานการณ์ที่มีแรงต้านหนักหน่วงเช่นนี้
“โอกาส” ที่ว่าหมดไปแล้ว หากยังดึงดันก็เอากับเอาเสถียรภาพรัฐบาลไปเสี่ยง
ตรงกันข้าม หากพรรคเพื่อไทยยืนหยัดหลักการนิรโทษเฉพาะประชาชน
ผลักดันร่างวรชัยผ่านวาระแรก โดยยืนยันว่าไม่เอา “ปรองดอง” มาแทรก
กระแสต้านก็จะลดลง ถ้าแปรญัตติให้เร็ว
โดยที่พรรคเพื่อไทยไม่แปรญัตติไปสู่ทักษิณเลย เมื่อนำกลับเข้าสภาในวาระ 2
และ 3 เสถียรภาพรัฐบาลจะกลับมา โดยฝ่ายค้านจะเสียหายด้วยซ้ำ
เพราะคัดค้านการนิรโทษคนยากคนจนตาดำๆ ที่รัฐบาลตัวเองกวาดจับ
ที่เทพเทือกประกาศจะนำม็อบต้าน พ.ร.บ.นิรโทษหลังผ่านวาระ 3
ทำได้อย่างเดียวเท่านั้นคือนิรโทษทักษิณด้วย ถ้าไม่นิรโทษทักษิณ
นิรโทษเฉพาะประชาชน 2 ฝ่าย เทพเทือกจะนำม็อบต้านได้ไง มีแต่เสียหาย
กลายเป็นผมหยิก หน้ากร้อ คอสั้น ตัวดำ แล้วยังใจดำ
ปชป.จึงต้องพลิกเกมมาต้าน พ.ร.บ.นิรโทษตั้งแต่ก่อนวาระแรก
อันที่จริง การต่อสู้ทางการเมืองเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษ
พรรคเพื่อไทยจะต้องดึงสังคมออกจาก “ทักษิณ” มาถกเถียงกันว่า
สมควรนิรโทษให้มวลชนทั้งสองฝ่ายหรือไม่ โดดเดี่ยวผู้คัดค้านให้กลายเป็นพวก
“ใจดำ”