อำนาจอยู่ที่ประชาชน
ในที่สุดวาทกรรม “การปรองร้าย” ก็ชนะ
“การปรองดอง” เพียงเพราะไม่ต้องการให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้าน
ทั้งที่สามารถแก้ไขให้ร่าง.พ.ร.บ.ปรองดองปล็ดล็อคคดีทางการเมืองทั้งหมดได้
โดยไม่เกี่ยวข้องกับคดีของพ.ต.ท.ทักษิณที่มีการพิพากษาไปแล้ว
เช่นเดียวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศห้ามแก้ไขรัฐ
ธรรมนูญมาตรา 309 โดยอ้างว่าเป็นการช่วยเหลือพ.ต.ท.ทักษิณนั้น
ทั้งที่เป็นมาตราที่อัปลักษณ์ที่สุดในรัฐธรรมนูญปี 2550
เพราะเท่ากับประเทศไทยยังยอมรับนับถืออำนาจจากการทำรัฐประหารหรืออำนาจ
อุบาทว์ ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 309 ก็สามารถไม่ให้มีผลย้อนหลังได้
ก็เท่ากับพ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
แต่ทำให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากอำนาจอุบาทว์
เช่นเดียวกับการยุบศาลรัฐธรรมนูญไปอยู่ในองค์คณะในศาลฏีฏา
ซึ่งเป็นการดึงศาลกลับที่ตั้งไม่ให้การเมืองแทรกแซงและยังทำให้สถาบัน
ตุลาการกู้ศรัทธาและความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้อีกด้วย
วันนี้สังคมไทยจึงต้องตาสว่างและประชาชนต้องเป็นพลังในการขับเคลื่อนให้
มีประชาธิปไตยและความยุติธรรมอย่างแท้จริง อะไรผิดก็คัดค้าน
อะไรถูกก็สนับสนุน ปัญหาความความแตกแยกแบ่งสีเลือกข้างก็จะไม่มีความหมาย
เพราะประชาชนไม่ใช่วัวควายหรือโง่จนเจ็บให้ดูถูกดูแคลน
ขณะที่นักการเมืองและรัฐจะต้องถูกตรวจสอบจากประชาชนมากยิ่งขึ้น
นักการเมืองน้ำเน่า ประพฤติชั่ว โกหกตอแหลก็จะค่อยๆ หมดไปในที่สุด
http://www.dailyworldtoday.com/columblank.php?colum_id=72395 |
|||
วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
อำนาจอยู่ที่ประชาชน
สติ คอลัมน์ สถานคิดเลขที่ 12
สติ คอลัมน์ สถานคิดเลขที่ 12
โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร
อ่านสัมภาษณ์
พิเศษ "เต่านา" ม.ล.มิ่งมงคล โสณกุล ธิดาของ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล
อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ในมติชนสุดสัปดาห์ เล่มล่าสุด
มีประเด็นน่าสนใจหลายประเด็น
หม่อมเต่านาชัดเจน ในจุดยืนของตัวเอง
"เรา ไม่รู้และไม่สนใจว่าคนอื่นมองเราเป็นเสื้อสีอะไร รู้แค่เราต่อต้านการรัฐประหาร เพราะการรัฐประหารคือการล้มล้างทุกอย่างรวมทั้งการล้มล้างสถาบันด้วย"
แต่เนื่องจากเธอแวดล้อมด้วย "คนเสื้อเหลือง"
จึงรับทราบความรู้สึกของ "ผู้ใหญ่" คุณป้า คุณน้า ฯลฯ ที่ห่วงใยชาติบ้านเมือง ด้วยความ "ทุกข์ใจ" และ "โมโหแทบขาดใจ" เป็นอย่างดี
ยังไม่อยากให้ถกว่าถูกหรือผิด
แต่อยากให้ทำความเข้าใจกับความรู้สึกดังกล่าว
เช่น คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซื้อไปหมดแล้วทั้งประเทศ
เช่น รู้สึกว่า มีความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นในสังคม
"มีบางคนบอกว่า คนอีสานโง่ ก็เลยมีลูกเยอะๆ แล้วพอโหวต 1 คน 1 เสียง เขาก็เลยคิดว่าพวกนี้จะชนะตลอดไป ซึ่งไม่มีความยุติธรรม"
นี่คือสิ่งที่หม่อมเต่านาสะท้อนออกมาให้เราฟัง
ดังนั้น พอมีฝ่ายที่สร้างคำประเภท "เผด็จการเสียงข้างมากขึ้นมา" ก็พากันเห็นด้วย
และรู้สึกคับแค้นใจในความไม่ยุติธรรม
อยากจะขจัด หรือโค่นล้ม "คนพวกนี้"
และ เมื่อเกิดความขัดแย้งทางการเมืองขึ้นมา ก็เกิดสิ่งที่ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พูดไว้ก็คือ "มีการสร้างพวกฝ่ายละหลายล้านคน แล้วนำเอายุทธศาสตร์ให้ร้ายเพื่อลดความ
น่าเชื่อถือของอีกฝ่ายหนึ่ง" มาใช้
มีประเด็นน่าสนใจหลายประเด็น
หม่อมเต่านาชัดเจน ในจุดยืนของตัวเอง
"เรา ไม่รู้และไม่สนใจว่าคนอื่นมองเราเป็นเสื้อสีอะไร รู้แค่เราต่อต้านการรัฐประหาร เพราะการรัฐประหารคือการล้มล้างทุกอย่างรวมทั้งการล้มล้างสถาบันด้วย"
แต่เนื่องจากเธอแวดล้อมด้วย "คนเสื้อเหลือง"
จึงรับทราบความรู้สึกของ "ผู้ใหญ่" คุณป้า คุณน้า ฯลฯ ที่ห่วงใยชาติบ้านเมือง ด้วยความ "ทุกข์ใจ" และ "โมโหแทบขาดใจ" เป็นอย่างดี
ยังไม่อยากให้ถกว่าถูกหรือผิด
แต่อยากให้ทำความเข้าใจกับความรู้สึกดังกล่าว
เช่น คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซื้อไปหมดแล้วทั้งประเทศ
เช่น รู้สึกว่า มีความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นในสังคม
"มีบางคนบอกว่า คนอีสานโง่ ก็เลยมีลูกเยอะๆ แล้วพอโหวต 1 คน 1 เสียง เขาก็เลยคิดว่าพวกนี้จะชนะตลอดไป ซึ่งไม่มีความยุติธรรม"
นี่คือสิ่งที่หม่อมเต่านาสะท้อนออกมาให้เราฟัง
ดังนั้น พอมีฝ่ายที่สร้างคำประเภท "เผด็จการเสียงข้างมากขึ้นมา" ก็พากันเห็นด้วย
และรู้สึกคับแค้นใจในความไม่ยุติธรรม
อยากจะขจัด หรือโค่นล้ม "คนพวกนี้"
และ เมื่อเกิดความขัดแย้งทางการเมืองขึ้นมา ก็เกิดสิ่งที่ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พูดไว้ก็คือ "มีการสร้างพวกฝ่ายละหลายล้านคน แล้วนำเอายุทธศาสตร์ให้ร้ายเพื่อลดความ
น่าเชื่อถือของอีกฝ่ายหนึ่ง" มาใช้
(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1343558375&grpid=03&catid=02&subcatid=0200
112 ดราม่าเอ่ย เมื่อไรจะหยุดเสียที: IPAD ยังไม่หยุดขู่ฟ้องป๋าจอมตั๊ป
112 ดราม่าเอ่ย เมื่อไรจะหยุดเสียที: IPAD ยังไม่หยุดขู่ฟ้องป๋าจอมตั๊ป
DISS 112 - กรูไม่เอา 112
IPAD หรือ วิพุธ สุขประเสริฐ ไม่หยุดซ่าส์ ขู่ฟ้องนิธิวัติ วรรณศิริ หรือ
"ป๋าจอมตั๊ป" ด้วยมาตรา 112 ที่สถานีตำรวจร้อยเอ็ดเจ้าเก่าอีกเช่นเคย แม้
IPAD จ้ะอ้างว่าเป็นผู้ฟ้องร้องคนด้วยมาตรา 112 มากที่สุดในประเทศไทย
แต่ก็ยอมรับว่า "โดนตีกลับมาเป็น 20-30 คดีแล้ว ที่ตำรวจเห็นไม่ตรงกับผม แล้วไม่ทำคดีให้" กระนั้นก็ยังกร่างไม่เลิก อ้างชื่อหลายคนที่เขาฟ้องทั้ง อ. สุรพศ คุณจีรนุช และคุณประวิตร
ท่าทางงานนี้ IPAD จะเจอคู่สูสี เพราะนิติวัติโต้ตอบทันควันว่า "โดนแร้วจร้า หมายคดี 112 รายต่อไป หวยออกที่ผมเอง แฮ่กๆๆๆ" พร้อมบอก "เหมือนได้ประกาศนียบัตร 112 ยังไงยังงั้น"
ณ ขณะนี้นิธิวัติ ยังไม่ได้รับหมายเรียกของตำรวจร้อยเอ็ด เพียงทราบเรื่องการฟ้องร้องจากคำกล่าวอ้างของ IPAD เท่านั้น
(ที่มา)
http://thaienews.blogspot.dk/2012/07/112-ipad.html
รัฐบาลเบี้ยวคนจน? ชาวบ้านทวงไหน 15 วันแก้ปัญหา ‘ราษีไศลโมเดล’
รัฐบาลเบี้ยวคนจน? ชาวบ้านทวงไหน 15 วันแก้ปัญหา ‘ราษีไศลโมเดล’
ผู้สื่อข่าวรายงานกำหนดการของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ระหว่างวันที่ 29-30 ก.ค. 55 นี้ที่ จ.สุรินทร์
หลังจากวันที่ 20 มิ.ย.55 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหากรณีเขื่อนราษีไศล ตามมติ ครม. วันที่ 12 มิ.ย. 55 ให้แก้ไขปัญหากรณีผลกระทบจากเขื่อนราษีไศลให้แล้วเสร็จโดยด่วน เพื่อให้เป็น ‘ราษีไศลโมเดล’ และเพื่อสร้างบรรทัดฐานในการแก้ไขปัญหากรณีอื่นๆ ต่อไป โดยเฉพาะ ผู้เดือดร้อนจากโครงการ โขง ชี มูล
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในที่ประชุมวันนั้นว่า รัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาให้แล้วเสร็จภายในวาระที่รัฐบาล บริหารประเทศ และสั่งกำกับให้ข้าราชการทุกระดับตั้งใจทำงานให้บรรลุเป้าหมาย จ่ายเท่าไรรัฐบาลยอมจ่ายหากตรวจสอบแล้วเป็นไปตามความเป็นจริง เพราะเป็นเงินภาษีของชาวบ้านเอง ชาวบ้านจะได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังสักที ท่านายกฯ ได้มีคำสั่งให้แก้ไขให้แล้วเสร็จภายใน 7-15 วัน หลังจากนั้นรองนายกฯ ได้ สั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการชุดเล็กมาดำเนินการนี้โดยเฉพาะ มีกำหนดระยะเวลาดำเนินการที่ชัดเจน
นายประดิษฐ์ โกศล ตัวแทนสมัชชาคนจนกรณีเขื่อนราษีไศล กล่าวว่า บัดนี้เป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้ว นับจากการประชุมของคณะอนุกรรมการในครั้งแรกวันที่ 22 มิถุนายน 55 ซึ่งตนเองก็เป็นคณะกรรมการ่วมด้วย พวกเราต้องสลดใจอีกครั้งที่รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคการเมืองที่ได้รับเสียง สนับสนุนข้างมากจากคนรากหญ้ากลับละเลยเพิกเฉยต่อปัญหาความทุกข์ร้อนของคนยาก คนจน รัฐบาลเตะถ่วงเพื่อซื้อเวลาเรื่อยไป วันนี้ ณ ที่นี้ เรา, สมัชชาคนจน ขอเรียกร้องต่อรัฐบาลให้ทำหน้าที่ให้สมกับที่คนรากหญ้าไว้วางใจ เราขอเรียกร้องต่อรัฐบาล
นางสำราญ สุรโคตร ตัวแทนสมัชชาคนจนกรณีเขื่อนหัวนา ปัจจุบันรัฐบาล โดยกรมชลประทาน ยังไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหากรณีเขื่อนหัวนาให้แล้วเสร็จ โดยอ้างเสมอว่าไม่มีงบประมาณดำเนินการ แต่วันนี้กรมชลประทานโดยโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามูลล่าง จะนำเสนอโครงการก่อสร้างผนังกั้นน้ำอย่างเต็มพื้นที่ทั้งบริเวณเขื่อนหัวนา และเขื่อนราษีไศล และโครงการดังกล่าวไม่มีการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ ซึ่งชาวบ้านเรียกร้องมาตลอดว่าหากจะมีการดำเนินโครงการที่มีผลกระทบกับราษฎร ในพื้นที่ จะมีการเปิดเผยข้อมูลและมีการศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาเป็นรายกรณี วันนี้รัฐบาลและกรมชลประทานทำให้เราหมดความเชื่อมั่นใจต่อการแก้ไขปัญหาความ เดือดร้อนของคนจน
(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2012/07/41780
ดีเอสไอ-ผังล้มเจ้า คำเตือนที่พึงพินิจ คำเตือนที่ให้′สติ′
ดีเอสไอ-ผังล้มเจ้า คำเตือนที่พึงพินิจ คำเตือนที่ให้′สติ′
อีกหนึ่งข่าวฮือฮาในรอบสัปดาห์ ก็คือคำให้สัมภาษณ์ของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ หลังการเข้าชี้แจงที่ประชุมกรรมาธิการงบประมาณ เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม
ซึ่งถูก "ไล่ต้อน" อย่างเอาเป็นเอาตายโดยเฉพาะจากกรรมาธิการพรรคประชาธิปัตย์
ที่ฟันธงเปรี้ยงใหญ่ว่า ดีเอสไอไม่เป็นกลาง ในการทำคดีคนเสื้อแดงและคดีผังล้มเจ้า
โดยเฉพาะเมื่อยุติการสั่งสอบสวนในคดีหลัง เพราะหลักฐานไม่พอ
ตรวจสอบไม่ได้แม้กระทั่งว่าผังล้มเจ้ามาจากไหน
ฝีมือใคร?
ปากคำของอธิบดีดีเอสไอต่อเรื่องดังกล่าวก็คือ
ในสังคมปัจจุบัน ปรากฏว่ามีการกล่าวว่า มีแนวโน้มว่าการกระทำความผิดตามมาตรา 112 หรือที่เรียกว่าคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมากขึ้น มูลเหตุเกิดจาก 2 ประการ คือ
1.กระทำผิดตามมาตรา 112 เพิ่มมากขึ้น
2.มีการใช้ข้ออ้างว่ามีการกระทำความผิดเพื่อเป็นเครื่องมือใส่ร้ายฝ่ายตรงข้ามมากขึ้น
"ผม ได้มีโอกาสพบกับท่านผู้ใหญ่ที่ปฏิบัติงานในหน้าที่สนองเบื้องพระยุคลบาทโดย ตรง ท่านให้ข้อคิดสำคัญว่า คดีล่วงละเมิดสถาบัน ผู้เสียหายที่แท้จริงคือพระองค์ท่านและสถาบัน
"ดังนั้น การดำเนินคดี ควรถือหลัก 1.ต้องมีพยานหลักฐานชัดเจนว่ากระทำผิดจริง และ 2.การดำเนินคดีซึ่งไม่เป็นประโยชน์ แต่กลับเป็นผลร้ายหรือผลเสียหายต่อพระองค์ท่านและสถาบัน ควรจะต้องระมัดระวัง
"ซึ่งผมถือว่าข้อแนะนำของผู้ใหญ่ท่านนี้ควรรับฟังอย่างยิ่ง"
ในสังคมปัจจุบัน ปรากฏว่ามีการกล่าวว่า มีแนวโน้มว่าการกระทำความผิดตามมาตรา 112 หรือที่เรียกว่าคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมากขึ้น มูลเหตุเกิดจาก 2 ประการ คือ
1.กระทำผิดตามมาตรา 112 เพิ่มมากขึ้น
2.มีการใช้ข้ออ้างว่ามีการกระทำความผิดเพื่อเป็นเครื่องมือใส่ร้ายฝ่ายตรงข้ามมากขึ้น
"ผม ได้มีโอกาสพบกับท่านผู้ใหญ่ที่ปฏิบัติงานในหน้าที่สนองเบื้องพระยุคลบาทโดย ตรง ท่านให้ข้อคิดสำคัญว่า คดีล่วงละเมิดสถาบัน ผู้เสียหายที่แท้จริงคือพระองค์ท่านและสถาบัน
"ดังนั้น การดำเนินคดี ควรถือหลัก 1.ต้องมีพยานหลักฐานชัดเจนว่ากระทำผิดจริง และ 2.การดำเนินคดีซึ่งไม่เป็นประโยชน์ แต่กลับเป็นผลร้ายหรือผลเสียหายต่อพระองค์ท่านและสถาบัน ควรจะต้องระมัดระวัง
"ซึ่งผมถือว่าข้อแนะนำของผู้ใหญ่ท่านนี้ควรรับฟังอย่างยิ่ง"
ผู้ใหญ่ท่านที่ว่านี้คือใคร? ก็น่าสนใจ
แต่ "ข้อแนะนำ" กลับน่าสนใจกว่า
ไม่แต่กรรมาธิการโดยเฉพาะจากพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นที่ "สนใจ" ความเป็นไปของคดีมาตรา 112
และการยุติการสั่งสอบสวนคดีผังล้มเจ้าเป็นพิเศษ
"ผม เคยไปชี้แจงกับกรรมาธิการบางคณะ ซึ่งผมก็ชี้แจงเหมือนที่ผมบอกข้างต้น แต่ผู้ใหญ่ในกรรมาธิการบางคน กลับพูดว่าแม้จะเกิดความเสียหายต่อสถาบันก็จะต้องดำเนินคดีอยู่ดี
"ผมฟังแล้วรู้สึกสะท้อนใจและไม่สบายใจกับความคิดของผู้ใหญ่ในกรรมาธิการอย่างมาก
"กับคณะกรรมาธิการงบประมาณเมื่อวานนี้ ผมก็ชี้แจงแบบเดียวกันอีก แต่ชุดนี้เงียบไม่ได้พูดอะไร
"ในเมื่อเรารักเราเคารพเทิดทูนสถาบัน ทำไมเราไม่คำนึงถึงว่า ถ้าหากดำเนินคดีไปแล้วเกิดความเสียหายกับสถาบันแล้วจะทำทำไม
"ในกรรมาธิการหลายคนรับไม่ได้ ถึงขั้นพูดสวนผมว่าถึงเสียหายก็ต้องดำเนินคดี
"ผมรู้สึกหน้าชาทันที"
(อ่านต่อ)
เพื่อไทย-ปชป. จัดกระบวนทัพ กลับสู่แนวรบสภา สำรวจเรื่องร้อนๆ
เพื่อไทย-ปชป. จัดกระบวนทัพ กลับสู่แนวรบสภา สำรวจเรื่องร้อนๆ
อีกไม่กี่วันจะเปิดเทอม หรือเปิดสมัยประชุมสามัญของรัฐสภา เริ่มต้น 1 ส.ค.เป็นต้นไป
การเมืองในเวทีสภา ที่พักร้อนไป 1 เดือน จะกลับสู่ความคึกคักร้อนแรงอีกครั้ง
เป็นการต่อสู้ของ "คู่กัด" เจ้าเดิม คือรัฐบาลพรรคเพื่อไทย กับประชาธิปัตย์ ฝ่ายค้านจอมเทคนิค
ทั้งสองฝ่ายต่างเป็น "ตัวแทน" กลุ่มอำนาจ มีเครือข่ายแนวร่วมหนุนหลัง
เป้าหมายของรัฐบาล คือรักษาความเข้มแข็งความได้เปรียบ ใช้ความชอบธรรมจากการเลือกตั้ง ธำรงรักษาสถานะรัฐบาลต่อไป
ผลักดันแผนงานที่ต้องใช้เวทีสภา ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายปรองดอง ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฯลฯ ต่อไป
เป้าหมายของฝ่ายค้าน คือค้าน เพื่อลดความชอบธรรมทางการเมืองของรัฐบาล เพิ่มน้ำหนักความชอบธรรมให้กับเสียงข้างน้อยของตัวเอง
แสดงหลักการ วิธีคิด หรือแนวนโยบายที่เหนือกว่า เป็นประโยชน์กับประชาชนมากกว่า
เพื่อพลิกโอกาส ให้ตัวเองได้กลับเข้าสู่อำนาจ
พรรคเพื่อไทย ใช้จังหวะสภาปิด จัดแถวจัดทัพข้าราชการ
การแต่งตั้งสีกากี ลงตัวด้วย ผบ.ตร.คนใหม่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว
เปลี่ยนตัว ผบช.น.จาก พล.ต.ท.วินัย ทองสอง มาเป็น พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เตรียมรับการเมืองบนถนน
ยังเหลืออีก 1-2 ขั้นตอน โครงสร้างส่วนบนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเสร็จต้นเดือน ส.ค.
กลายเป็นกลไกใช้งานของรัฐบาล
งานด้านฐานคะแนน อันเป็น "จุดแข็ง" พรรคเพื่อไทยจัดการเคลื่อนไหวมวลชนในห้วงปิดสมัยประชุมอย่างถี่ยิบ
ใช้เงื่อนไข ทั้งกรณีศาลรัฐธรรมนูญ ที่โดดออกมาวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291
รวมถึง "วันเกิดปีที่ 63" ของเสี่ยแม้ว
การเมืองในเวทีสภา ที่พักร้อนไป 1 เดือน จะกลับสู่ความคึกคักร้อนแรงอีกครั้ง
เป็นการต่อสู้ของ "คู่กัด" เจ้าเดิม คือรัฐบาลพรรคเพื่อไทย กับประชาธิปัตย์ ฝ่ายค้านจอมเทคนิค
ทั้งสองฝ่ายต่างเป็น "ตัวแทน" กลุ่มอำนาจ มีเครือข่ายแนวร่วมหนุนหลัง
เป้าหมายของรัฐบาล คือรักษาความเข้มแข็งความได้เปรียบ ใช้ความชอบธรรมจากการเลือกตั้ง ธำรงรักษาสถานะรัฐบาลต่อไป
ผลักดันแผนงานที่ต้องใช้เวทีสภา ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายปรองดอง ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฯลฯ ต่อไป
เป้าหมายของฝ่ายค้าน คือค้าน เพื่อลดความชอบธรรมทางการเมืองของรัฐบาล เพิ่มน้ำหนักความชอบธรรมให้กับเสียงข้างน้อยของตัวเอง
แสดงหลักการ วิธีคิด หรือแนวนโยบายที่เหนือกว่า เป็นประโยชน์กับประชาชนมากกว่า
เพื่อพลิกโอกาส ให้ตัวเองได้กลับเข้าสู่อำนาจ
พรรคเพื่อไทย ใช้จังหวะสภาปิด จัดแถวจัดทัพข้าราชการ
การแต่งตั้งสีกากี ลงตัวด้วย ผบ.ตร.คนใหม่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว
เปลี่ยนตัว ผบช.น.จาก พล.ต.ท.วินัย ทองสอง มาเป็น พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เตรียมรับการเมืองบนถนน
ยังเหลืออีก 1-2 ขั้นตอน โครงสร้างส่วนบนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเสร็จต้นเดือน ส.ค.
กลายเป็นกลไกใช้งานของรัฐบาล
งานด้านฐานคะแนน อันเป็น "จุดแข็ง" พรรคเพื่อไทยจัดการเคลื่อนไหวมวลชนในห้วงปิดสมัยประชุมอย่างถี่ยิบ
ใช้เงื่อนไข ทั้งกรณีศาลรัฐธรรมนูญ ที่โดดออกมาวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291
รวมถึง "วันเกิดปีที่ 63" ของเสี่ยแม้ว
(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1343525593&grpid=01&catid=&subcatid=
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)