หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อำนาจอยู่ที่ประชาชน

อำนาจอยู่ที่ประชาชน


 


ในที่สุดวาทกรรม “การปรองร้าย” ก็ชนะ “การปรองดอง” เพียงเพราะไม่ต้องการให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้าน ทั้งที่สามารถแก้ไขให้ร่าง.พ.ร.บ.ปรองดองปล็ดล็อคคดีทางการเมืองทั้งหมดได้ โดยไม่เกี่ยวข้องกับคดีของพ.ต.ท.ทักษิณที่มีการพิพากษาไปแล้ว

เช่นเดียวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศห้ามแก้ไขรัฐ ธรรมนูญมาตรา 309 โดยอ้างว่าเป็นการช่วยเหลือพ.ต.ท.ทักษิณนั้น ทั้งที่เป็นมาตราที่อัปลักษณ์ที่สุดในรัฐธรรมนูญปี 2550 เพราะเท่ากับประเทศไทยยังยอมรับนับถืออำนาจจากการทำรัฐประหารหรืออำนาจ อุบาทว์ ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 309 ก็สามารถไม่ให้มีผลย้อนหลังได้ ก็เท่ากับพ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ทำให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากอำนาจอุบาทว์

เช่นเดียวกับการยุบศาลรัฐธรรมนูญไปอยู่ในองค์คณะในศาลฏีฏา  ซึ่งเป็นการดึงศาลกลับที่ตั้งไม่ให้การเมืองแทรกแซงและยังทำให้สถาบัน ตุลาการกู้ศรัทธาและความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้อีกด้วย

วันนี้สังคมไทยจึงต้องตาสว่างและประชาชนต้องเป็นพลังในการขับเคลื่อนให้ มีประชาธิปไตยและความยุติธรรมอย่างแท้จริง อะไรผิดก็คัดค้าน อะไรถูกก็สนับสนุน ปัญหาความความแตกแยกแบ่งสีเลือกข้างก็จะไม่มีความหมาย เพราะประชาชนไม่ใช่วัวควายหรือโง่จนเจ็บให้ดูถูกดูแคลน ขณะที่นักการเมืองและรัฐจะต้องถูกตรวจสอบจากประชาชนมากยิ่งขึ้น นักการเมืองน้ำเน่า ประพฤติชั่ว โกหกตอแหลก็จะค่อยๆ หมดไปในที่สุด

(ที่มา)
http://www.dailyworldtoday.com/columblank.php?colum_id=72395 

สติ คอลัมน์ สถานคิดเลขที่ 12

สติ คอลัมน์ สถานคิดเลขที่ 12 




 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร



อ่านสัมภาษณ์ พิเศษ "เต่านา" ม.ล.มิ่งมงคล โสณกุล ธิดาของ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ในมติชนสุดสัปดาห์ เล่มล่าสุด

มีประเด็นน่าสนใจหลายประเด็น

หม่อมเต่านาชัดเจน ในจุดยืนของตัวเอง

"เรา ไม่รู้และไม่สนใจว่าคนอื่นมองเราเป็นเสื้อสีอะไร รู้แค่เราต่อต้านการรัฐประหาร เพราะการรัฐประหารคือการล้มล้างทุกอย่างรวมทั้งการล้มล้างสถาบันด้วย"

แต่เนื่องจากเธอแวดล้อมด้วย "คนเสื้อเหลือง"

จึงรับทราบความรู้สึกของ "ผู้ใหญ่" คุณป้า คุณน้า ฯลฯ ที่ห่วงใยชาติบ้านเมือง ด้วยความ "ทุกข์ใจ" และ "โมโหแทบขาดใจ" เป็นอย่างดี

ยังไม่อยากให้ถกว่าถูกหรือผิด

แต่อยากให้ทำความเข้าใจกับความรู้สึกดังกล่าว

เช่น คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซื้อไปหมดแล้วทั้งประเทศ

เช่น รู้สึกว่า มีความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นในสังคม

"มีบางคนบอกว่า คนอีสานโง่ ก็เลยมีลูกเยอะๆ แล้วพอโหวต 1 คน 1 เสียง เขาก็เลยคิดว่าพวกนี้จะชนะตลอดไป ซึ่งไม่มีความยุติธรรม"

นี่คือสิ่งที่หม่อมเต่านาสะท้อนออกมาให้เราฟัง

ดังนั้น พอมีฝ่ายที่สร้างคำประเภท "เผด็จการเสียงข้างมากขึ้นมา" ก็พากันเห็นด้วย

และรู้สึกคับแค้นใจในความไม่ยุติธรรม

อยากจะขจัด หรือโค่นล้ม "คนพวกนี้"

และ เมื่อเกิดความขัดแย้งทางการเมืองขึ้นมา ก็เกิดสิ่งที่ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พูดไว้ก็คือ "มีการสร้างพวกฝ่ายละหลายล้านคน แล้วนำเอายุทธศาสตร์ให้ร้ายเพื่อลดความ

น่าเชื่อถือของอีกฝ่ายหนึ่ง" มาใช้
 
(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1343558375&grpid=03&catid=02&subcatid=0200

112 ดราม่าเอ่ย เมื่อไรจะหยุดเสียที: IPAD ยังไม่หยุดขู่ฟ้องป๋าจอมตั๊ป

112 ดราม่าเอ่ย เมื่อไรจะหยุดเสียที: IPAD ยังไม่หยุดขู่ฟ้องป๋าจอมตั๊ป


Posted Image















  

 DISS 112 - กรูไม่เอา 112
 http://www.youtube.com/watch?v=foD5X08H5UI


IPAD หรือ วิพุธ สุขประเสริฐ  ไม่หยุดซ่าส์ ขู่ฟ้องนิธิวัติ วรรณศิริ หรือ "ป๋าจอมตั๊ป"  ด้วยมาตรา 112 ที่สถานีตำรวจร้อยเอ็ดเจ้าเก่าอีกเช่นเคย แม้ IPAD จ้ะอ้างว่าเป็นผู้ฟ้องร้องคนด้วยมาตรา 112 มากที่สุดในประเทศไทย แต่ก็ยอมรับว่า  "โดนตีกลับมาเป็น 20-30 คดีแล้ว ที่ตำรวจเห็นไม่ตรงกับผม แล้วไม่ทำคดีให้" กระนั้นก็ยังกร่างไม่เลิก อ้างชื่อหลายคนที่เขาฟ้องทั้ง อ. สุรพศ คุณจีรนุช และคุณประวิตร 

ท่าทางงานนี้ IPAD จะเจอคู่สูสี เพราะนิติวัติโต้ตอบทันควันว่า  "โดนแร้วจร้า หมายคดี 112 รายต่อไป หวยออกที่ผมเอง แฮ่กๆๆๆ" พร้อมบอก "เหมือนได้ประกาศนียบัตร 112 ยังไงยังงั้น"

ณ ขณะนี้นิธิวัติ ยังไม่ได้รับหมายเรียกของตำรวจร้อยเอ็ด เพียงทราบเรื่องการฟ้องร้องจากคำกล่าวอ้างของ  IPAD เท่านั้น

(ที่มา)
http://thaienews.blogspot.dk/2012/07/112-ipad.html

รัฐบาลเบี้ยวคนจน? ชาวบ้านทวงไหน 15 วันแก้ปัญหา ‘ราษีไศลโมเดล’

รัฐบาลเบี้ยวคนจน? ชาวบ้านทวงไหน 15 วันแก้ปัญหา ‘ราษีไศลโมเดล’

 

 
ผู้สื่อข่าวรายงานกำหนดการของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ระหว่างวันที่ 29-30 ก.ค. 55 นี้ที่ จ.สุรินทร์

หลังจากวันที่ 20 มิ.ย.55 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหากรณีเขื่อนราษีไศล ตามมติ ครม. วันที่ 12 มิ.ย. 55  ให้แก้ไขปัญหากรณีผลกระทบจากเขื่อนราษีไศลให้แล้วเสร็จโดยด่วน  เพื่อให้เป็น ‘ราษีไศลโมเดล’ และเพื่อสร้างบรรทัดฐานในการแก้ไขปัญหากรณีอื่นๆ ต่อไป โดยเฉพาะ ผู้เดือดร้อนจากโครงการ โขง ชี มูล 

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในที่ประชุมวันนั้นว่า รัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาให้แล้วเสร็จภายในวาระที่รัฐบาล บริหารประเทศ และสั่งกำกับให้ข้าราชการทุกระดับตั้งใจทำงานให้บรรลุเป้าหมาย จ่ายเท่าไรรัฐบาลยอมจ่ายหากตรวจสอบแล้วเป็นไปตามความเป็นจริง เพราะเป็นเงินภาษีของชาวบ้านเอง ชาวบ้านจะได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังสักที ท่านายกฯ ได้มีคำสั่งให้แก้ไขให้แล้วเสร็จภายใน 7-15 วัน หลังจากนั้นรองนายกฯ ได้ สั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการชุดเล็กมาดำเนินการนี้โดยเฉพาะ มีกำหนดระยะเวลาดำเนินการที่ชัดเจน

นายประดิษฐ์ โกศล ตัวแทนสมัชชาคนจนกรณีเขื่อนราษีไศล กล่าวว่า บัดนี้เป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้ว นับจากการประชุมของคณะอนุกรรมการในครั้งแรกวันที่ 22 มิถุนายน 55 ซึ่งตนเองก็เป็นคณะกรรมการ่วมด้วย พวกเราต้องสลดใจอีกครั้งที่รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคการเมืองที่ได้รับเสียง สนับสนุนข้างมากจากคนรากหญ้ากลับละเลยเพิกเฉยต่อปัญหาความทุกข์ร้อนของคนยาก คนจน รัฐบาลเตะถ่วงเพื่อซื้อเวลาเรื่อยไป วันนี้ ณ ที่นี้ เรา, สมัชชาคนจน ขอเรียกร้องต่อรัฐบาลให้ทำหน้าที่ให้สมกับที่คนรากหญ้าไว้วางใจ เราขอเรียกร้องต่อรัฐบาล

นางสำราญ สุรโคตร ตัวแทนสมัชชาคนจนกรณีเขื่อนหัวนา ปัจจุบันรัฐบาล โดยกรมชลประทาน ยังไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหากรณีเขื่อนหัวนาให้แล้วเสร็จ โดยอ้างเสมอว่าไม่มีงบประมาณดำเนินการ แต่วันนี้กรมชลประทานโดยโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามูลล่าง จะนำเสนอโครงการก่อสร้างผนังกั้นน้ำอย่างเต็มพื้นที่ทั้งบริเวณเขื่อนหัวนา และเขื่อนราษีไศล และโครงการดังกล่าวไม่มีการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ ซึ่งชาวบ้านเรียกร้องมาตลอดว่าหากจะมีการดำเนินโครงการที่มีผลกระทบกับราษฎร ในพื้นที่ จะมีการเปิดเผยข้อมูลและมีการศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาเป็นรายกรณี วันนี้รัฐบาลและกรมชลประทานทำให้เราหมดความเชื่อมั่นใจต่อการแก้ไขปัญหาความ เดือดร้อนของคนจน 

(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2012/07/41780

ดีเอสไอ-ผังล้มเจ้า คำเตือนที่พึงพินิจ คำเตือนที่ให้′สติ′

ดีเอสไอ-ผังล้มเจ้า คำเตือนที่พึงพินิจ คำเตือนที่ให้′สติ′


Posted Image


DISS 112 - กรูไม่เอา 112
http://www.youtube.com/watch?v=foD5X08H5UI



อีกหนึ่งข่าวฮือฮาในรอบสัปดาห์ ก็คือคำให้สัมภาษณ์ของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ หลังการเข้าชี้แจงที่ประชุมกรรมาธิการงบประมาณ เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม

ซึ่งถูก "ไล่ต้อน" อย่างเอาเป็นเอาตายโดยเฉพาะจากกรรมาธิการพรรคประชาธิปัตย์

ที่ฟันธงเปรี้ยงใหญ่ว่า ดีเอสไอไม่เป็นกลาง ในการทำคดีคนเสื้อแดงและคดีผังล้มเจ้า

โดยเฉพาะเมื่อยุติการสั่งสอบสวนในคดีหลัง เพราะหลักฐานไม่พอ

ตรวจสอบไม่ได้แม้กระทั่งว่าผังล้มเจ้ามาจากไหน


ฝีมือใคร?
ปากคำของอธิบดีดีเอสไอต่อเรื่องดังกล่าวก็คือ

ในสังคมปัจจุบัน ปรากฏว่ามีการกล่าวว่า มีแนวโน้มว่าการกระทำความผิดตามมาตรา 112 หรือที่เรียกว่าคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมากขึ้น มูลเหตุเกิดจาก 2 ประการ คือ

1.กระทำผิดตามมาตรา 112 เพิ่มมากขึ้น

2.มีการใช้ข้ออ้างว่ามีการกระทำความผิดเพื่อเป็นเครื่องมือใส่ร้ายฝ่ายตรงข้ามมากขึ้น

"ผม ได้มีโอกาสพบกับท่านผู้ใหญ่ที่ปฏิบัติงานในหน้าที่สนองเบื้องพระยุคลบาทโดย ตรง ท่านให้ข้อคิดสำคัญว่า คดีล่วงละเมิดสถาบัน ผู้เสียหายที่แท้จริงคือพระองค์ท่านและสถาบัน

"ดังนั้น การดำเนินคดี ควรถือหลัก 1.ต้องมีพยานหลักฐานชัดเจนว่ากระทำผิดจริง และ 2.การดำเนินคดีซึ่งไม่เป็นประโยชน์ แต่กลับเป็นผลร้ายหรือผลเสียหายต่อพระองค์ท่านและสถาบัน ควรจะต้องระมัดระวัง

"ซึ่งผมถือว่าข้อแนะนำของผู้ใหญ่ท่านนี้ควรรับฟังอย่างยิ่ง"

ผู้ใหญ่ท่านที่ว่านี้คือใคร? ก็น่าสนใจ

แต่ "ข้อแนะนำ" กลับน่าสนใจกว่า


ไม่แต่กรรมาธิการโดยเฉพาะจากพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นที่ "สนใจ" ความเป็นไปของคดีมาตรา 112

และการยุติการสั่งสอบสวนคดีผังล้มเจ้าเป็นพิเศษ

"ผม เคยไปชี้แจงกับกรรมาธิการบางคณะ ซึ่งผมก็ชี้แจงเหมือนที่ผมบอกข้างต้น แต่ผู้ใหญ่ในกรรมาธิการบางคน กลับพูดว่าแม้จะเกิดความเสียหายต่อสถาบันก็จะต้องดำเนินคดีอยู่ดี

"ผมฟังแล้วรู้สึกสะท้อนใจและไม่สบายใจกับความคิดของผู้ใหญ่ในกรรมาธิการอย่างมาก

"กับคณะกรรมาธิการงบประมาณเมื่อวานนี้ ผมก็ชี้แจงแบบเดียวกันอีก แต่ชุดนี้เงียบไม่ได้พูดอะไร

"ในเมื่อเรารักเราเคารพเทิดทูนสถาบัน ทำไมเราไม่คำนึงถึงว่า ถ้าหากดำเนินคดีไปแล้วเกิดความเสียหายกับสถาบันแล้วจะทำทำไม

"ในกรรมาธิการหลายคนรับไม่ได้ ถึงขั้นพูดสวนผมว่าถึงเสียหายก็ต้องดำเนินคดี

"ผมรู้สึกหน้าชาทันที"

(อ่านต่อ)

จริงไหม กฎหมายไทยเป็นแบบนี้

จริงไหม กฎหมายไทยเป็นแบบนี้ 

 


เพื่อไทย-ปชป. จัดกระบวนทัพ กลับสู่แนวรบสภา สำรวจเรื่องร้อนๆ

เพื่อไทย-ปชป. จัดกระบวนทัพ กลับสู่แนวรบสภา สำรวจเรื่องร้อนๆ


 

อีกไม่กี่วันจะเปิดเทอม หรือเปิดสมัยประชุมสามัญของรัฐสภา เริ่มต้น 1 ส.ค.เป็นต้นไป

การเมืองในเวทีสภา ที่พักร้อนไป 1 เดือน จะกลับสู่ความคึกคักร้อนแรงอีกครั้ง

เป็นการต่อสู้ของ "คู่กัด" เจ้าเดิม คือรัฐบาลพรรคเพื่อไทย กับประชาธิปัตย์ ฝ่ายค้านจอมเทคนิค

ทั้งสองฝ่ายต่างเป็น "ตัวแทน" กลุ่มอำนาจ มีเครือข่ายแนวร่วมหนุนหลัง

เป้าหมายของรัฐบาล คือรักษาความเข้มแข็งความได้เปรียบ ใช้ความชอบธรรมจากการเลือกตั้ง ธำรงรักษาสถานะรัฐบาลต่อไป

ผลักดันแผนงานที่ต้องใช้เวทีสภา ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายปรองดอง ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฯลฯ ต่อไป

เป้าหมายของฝ่ายค้าน คือค้าน เพื่อลดความชอบธรรมทางการเมืองของรัฐบาล เพิ่มน้ำหนักความชอบธรรมให้กับเสียงข้างน้อยของตัวเอง

แสดงหลักการ วิธีคิด หรือแนวนโยบายที่เหนือกว่า เป็นประโยชน์กับประชาชนมากกว่า

เพื่อพลิกโอกาส ให้ตัวเองได้กลับเข้าสู่อำนาจ

พรรคเพื่อไทย ใช้จังหวะสภาปิด จัดแถวจัดทัพข้าราชการ

การแต่งตั้งสีกากี ลงตัวด้วย ผบ.ตร.คนใหม่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว

เปลี่ยนตัว ผบช.น.จาก พล.ต.ท.วินัย ทองสอง มาเป็น พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เตรียมรับการเมืองบนถนน

ยังเหลืออีก 1-2 ขั้นตอน โครงสร้างส่วนบนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเสร็จต้นเดือน ส.ค.

กลายเป็นกลไกใช้งานของรัฐบาล

งานด้านฐานคะแนน อันเป็น "จุดแข็ง" พรรคเพื่อไทยจัดการเคลื่อนไหวมวลชนในห้วงปิดสมัยประชุมอย่างถี่ยิบ

ใช้เงื่อนไข ทั้งกรณีศาลรัฐธรรมนูญ ที่โดดออกมาวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291

รวมถึง "วันเกิดปีที่ 63" ของเสี่ยแม้ว 


(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1343525593&grpid=01&catid=&subcatid=