หน้าเว็บ

วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เมื่อการเมืองปฏิกิริยากำหนดทิศทางคนเสื้อแดง



เมื่อการเมืองปฏิกิริยากำหนดทิศทางคนเสื้อแดง


ประชาธิปไตยโดยหลักการพื้นฐานสามัญนั้นมันต้อง คาบเกี่ยวกับทุกองคาพยบของทุกส่วนในสังคม นั่นเป็นเหตุว่าทำไมคนเสื้อแดงจะต้องสนับสนุนสิทธิของรักเพศเดียวกัน ปกป้องสิทธิของหญิงบริการทางเพศ สิทธิทำแท้งของผู้หญิง ชาวนา ชาวไร่ สิทธิของแรงงาน ฯลฯ

โดย สมุดบันทึกสีแดง

บางทีคำพูดที่เป็นชิ้นเป็นอันและอยู่หลักการประชาธิปไตยทีสำคัญที่สุดที่ออก มาจากปากของคนที่อยู่ในประเทศไทยคือนักโทษการเมืองที่อยู่ในคุก[1]  คนอย่าง


สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์; “เราเตรียมแค่ต่อต้านรัฐประหารเท่านั้น แต่ไม่มีการเตรียมการต่อสู้เชิงรุก เมื่อเป็นรัฐบาลก็เดินไม่ถูก ไม่รู้จะเดินไปทางไหน” 
สมยศ พฤกษาเกษมสุข; วันนี้คนเสื้อแดงยังขาดความมุ่งมั่นด้านประชาธิปไตย ความเป็นธรรมทางสังคม เพราะเล่นบทบาทเป็นหางเครื่องของพรรคเพื่อไทย 
ธันย์ฐวุฒิ ทวีวโรดมกุล (Red Eagle); ผมไม่เหลือความภูมิใจในความเป็นคนเสื้อแดงแล้ว เราเหมือนถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง

เราจะเห็นด้วยกับทัศนะของทั้ง 3 ท่านหรือไม่อย่างไรนั้นไม่ใช่ประเด็น แต่ที่เป็นประเด็นหลักคือ ทั้ง 3 คน พูดถึงการทรยศของพรรคเพื่อไทย


ส่วนแกนนำ นปช. ไม่มีอะไรที่น่าสนใจให้พูดถึงนอกจากผลพวงของการทรยศซึ่งคนเหล่านี้เป็นต้น เหตุผลของการกระทำดังกล่าวได้สร้างผลเสียหายต่อการพัฒนาประชาธิปไตย อย่างมหาศาล คนกลุ่มนี้ได้สร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยการไร้ทางออก  เพื่อปูทางให้กับการทรยศและสร้างความชอบธรรมว่าทำไมถึงไม่เอาฆาตรกรที่ สังหารโหดประชาชนมาลงโทษ


ก่อนหน้าวันครบรอบรำลึกถึงวีระชนนักเสื้อสู้คนเสื้อแดงที่เสียชีวิตเพียงไม่ กี่วัน เฉลิม อยู่บำรุง นักการเมือง น้ำเน่า ได้ออกมาโยนหินถามทางโดยเสนอให้มีการนิรโทษกรรมให้กับอาชญากรมือเปื้อนเลือด ทั้งหลาย อย่างไร้ยางอาย ไร้จรรยาบรรณ โสมมและเห็นแก่ตัว เฉลิม อยู่บำรุง เป็นนักการเมืองที่สังกัดพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทยที่เข้ามาอยู่ตรงนั้นได้ด้วยการเสียสระของวีระชนผู้อยากเห็น ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย แต่พรรคเพื่อไทยก็ได้แต่ก้มหัวเลียเท้าอำมาตย์อยู่ร่ำไป น่าเศร้าใจแทนวีระชน เราจะต้องไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เราต้องหาทางก้าวไปให้พ้นจากวงจรอุบาทว์ตรงนี้ ถ้าเราไม่อยากเห็นวีระชนของเราตายฟรี


3 ปีผ่านไป เราเห็นอะไร?

ข้อสังเกตเกี่ยวกับแถลงการณ์บีอาร์เอ็นครั้งที่สี่และปฏิกิริยารับไม่ได้จากฝ่ายรัฐ

ข้อสังเกตเกี่ยวกับแถลงการณ์บีอาร์เอ็นครั้งที่สี่และปฏิกิริยารับไม่ได้จากฝ่ายรัฐ



Pengistiharan dari Barisan Revolusi Nasional Melayu Patani ( B.R.N ) K - 4
Hasan Taib·1 video
http://www.youtube.com/watch?v=EC5hYrI5Grg&feature=player_embedde


 
BRN ออกแถลงการณ์ฉบับ 4 ยื่นเงื่อนไขยุติปฏิบัติการช่วงรอมดอน

"ประยุทธ์" ลั่น! ไม่ยอมรับข้อเสนอบีอาร์เอ็น ไทยมีรัฐธรรมนูญใครจะมาชี้นำ-แบ่งแยกไม่ได้


1. แถลงการณ์ฉบับนี้ โดยรวมแล้วผมรับได้ และในข้อเท็จจริงก็มีลักษณะของการประสานประโยชน์กับฝ่ายภาคประชาชนอยู่ โดยเฉพาะข้อเสนอเรื่อง การนำกำลังทหารออกจากพื้นที่ ซึ่งก่อนที่จะมีบทของบีอาร์เอ็นในพื้นที่สื่อสาธารณะ ก็มีการนำเสนอเช่นนี้มาตลอด การเสนอให้ทหารออกจากในช่วงเดือนรอมฏอนออกจะเบาไปเสียด้วยซ้ำ กระบวนการสันติภาพจะเกิดขึ้นได้อย่างไรหากทหารยังคุมเข้มและตรึงกำลังในพื้นที่

Wake Up Thailand

Wake Up Thailand

 



Wake Up Thailand ประจำวันที่ 26 มิถุนายน 2556 ตอนที่ 2
พระรุ่นใหม่ไม่ใส่ใจกิเลส
http://www.dailymotion.com/video/x119mxn_%E0%B8

Wake Up Thailand ประจำวันที่ 26 มิถุนายน 2556 ตอนที่ 1
ถึงเวลา Heavyweights เข้าร่วมครม.
http://www.dailymotion.com/video/x119mg9_ถ-งเวลา-heavyweights-เข-าร-วมครม_  

Wake Up Thailand ประจำวันที่ 25 มิถุนายน 2556 ตอนที่ 2
เปิดอกแกนนำ BRN วิกฤตนี้จะผ่านพ้นไปด้วยการเจรจา
http://www.dailymotion.com/video/x118cqz_เป-ดอกแกนนำ-brn-ว-กฤตน-จะผ-านพ- 

Wake Up Thailand ประจำวันที่ 25 มิถุนายน 2556 ตอนที่ 1
ศาลกับระบอบการวิจารณ์โดยสุจริต 
http://www.dailymotion.com/video/x118bdu_ศาลก-บระบอบการว-จารณ-โดยส-จร-ต 
 
Wake Up Thailand ประจำวันที่ 24 มิถุนายน 2556 ตอนที่ 2
Coffee with: พ.ต.พุทธินาถ พหลพลพยุหเสนา
Wake Up Thailand ประจำวันที่ 24 มิถุนายน 2556 ตอนที่ 1
คณะราษฎร ที่มาของประชาธิปไตยไทย 
 http://www.dailymotion.com/video/x1170z5_คณะราษฎร-ท-มาของประชาธ-ปไตยไทย_

Divas Cafe

Divas Cafe


 
 
 
Divas Cafe ประจำวันที่ 26 มิถุนายน 2556
เปิดเหล้าเสรี ช่วยชาวนา
http://www.dailymotion.com/user/VoiceTV/1#video=x119pcz 
   
Divas Cafe ประจำวันที่ 25 มิถุนายน 2556
หน้าที่พลเมืองดีแบบไทยๆ
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=28RnFH1Tq2A 
 
Divas Cafe ประจำวันที่ 24 มิถุนายน 2556 
สตรีหมายเลข 1 ด้านประชาธิปไตย ท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม 
http://www.dailymotion.com/video/x1173wl_สตร-หมายเลข-1-ด-านประชาธ-ปไตย-ท-านผ-หญ-ง

นำความร่ำรวยของนายทุน กลับคืนสู่สังคม ชอบธรรมแล้ว





นำความร่ำรวยของนายทุน กลับคืนสู่สังคม ชอบธรรมแล้ว 


โดย วัฒนะ วรรณ

ในระบบทุนนิยม ความร่ำรวยกินดีอยู่ดี ของนายทุนเกิดขึ้น สร้างมา ด้วยตัวของนายทุนแต่เพียงลำพังใช่หรือไม่ คำถามแบบนี้ มักจะเกิดขึ้น เมื่อนักสังคมนิยมเรียกร้องให้เก็บภาษีสูงๆ เป็นพิเศษจากคนรวยมากๆ ในสังคม หรือแม้กระทั่งการเรียกร้องสวัสดิการเพิ่มของแรงงาน หรือกระทั่งการยึดกิจการมาเป็นของรัฐ ก็ตาม

นายทุนในระบบทุนนิยมไทยมีหลายกลุ่มหลายส่วน บางส่วนตกทอดมรดกมาจากยุคสมัยสมบูรณาญาสิทธิราช บางส่วนเกิดขึ้นยุคเผด็จการทหาร บางส่วนเกิดขึ้นมาภายหลัง ดังนั้นที่มาที่ไปจึงต่างกัน นายทุนบางส่วนที่เกิดมาก่อน 2475 การสะสมทุนอาจจะเริ่มต้นด้วยการบังคับแรงงานไพร่ทาส ทำสงครามปล้นชิงจากเมืองอื่น กวาดต้อนช่างฝีมือจากเมืองอื่นมาสร้างมูลค่าทรัพย์สินให้แก่ตน ส่งมรดกตกทอดมาถึงปัจจุบัน

นายทุนยุคทหารก็อาศัยความสัมพันธ์กับเผด็จการทหารเพื่ออาศัยการเอื้ออำนวย ความสะดวกในการออกกฎหมายกฎระเบียบต่างๆ ให้เหมาะสมกับการสะสมทุน ขูดรีด ขโมยมูลค่าส่วนเกินจากแรงงาน เช่นการได้สัมปทานจากรัฐราคาถูก การออกกฎหมายห้ามรวมกลุ่มต่อรองของแรงงาน การปล่อยให้มีการจ่ายค่าจ้างแรงงานต่ำๆ ชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน โดยที่ไม่ผิดเป็นต้น เรื่องเหล่านี้ในยุคที่พอมีประชาธิปไตยก็มีเช่นเดียวกัน แต่อาจจะมากน้อย หนักเบาต่างกันไป เงื่อนไขบางอย่างก็อาจจะต่างกันด้วย แต่ก็ยกพอให้เห็นภาพคร่าวๆ เท่านั้น

แต่ก็มีนายทุนอีกจำนวนมาก สามารถเริ่มต้นสะสมทุนได้ด้วยตนเอง เก็บเล็กผสมน้อยเช่นในหนังลอดลายมังกร แต่พอถึงที่สุดแล้ว นายทุนเหล่านี้ ก็จะทราบดีว่า การทำงานโดยตัวเองเพียงลำพัง รวมถึงครอบครัว ด้วยวิธีทำงานให้มาก กินใช้ให้น้อย สะสมทุนไปเรื่อยๆ ไม่มีทางจะกลายเป็นนายทุนใหญ่ได้ จึงจำเป็นต้องคิดอ่าน อาศัยเงื่อนไข กฎหมาย กฎระเบียบต่างๆ ที่สร้างขึ้นสนับสนุนระบบทุนนิยมให้เป็นประโยชน์ ด้วยการจ้างแรงงานเพิ่ม และจ่ายค่าจ้างที่ต่ำกว่าจำนวนผลผลิตที่แรงงานเหล่านั้นทำได้ นายทุนก็จะได้ส่วนต่างนี้ เรียกหยาบๆ ว่ากำไร ยิ่งจ้างแรงงานมากขึ้น ส่วนต่างก็ทวีคูณมากขึ้น การสะสมก็จะเร็วมากขึ้น กว่าการทำงานของนายทุนเองเพียงลำพัง

นี่คือเหตุผลที่นักสังคมนิยมพูดเสมอๆ ว่าความร่ำรวยที่เกิดขึ้น ผลผลิตที่เกิดขึ้น ในสังคมทั้งหมดทั้งมวล ล้วนเกิดขึ้นจากการทำงาน ผ่านการใช้แรงงานเปลี่ยนทรัพยากรธรรมชาติให้กลายเป็นสินค้าทั้งสิ้น

จึงมีเหตุผลที่มากพอที่เราจะยึดคืน ความร่ำรวยเหล่านั้นจากนายทุน โดยเฉพาะที่รวยมากๆ ในอัตราสูงพิเศษ นำมากลับคืน มาพัฒนาสังคม นำมาสร้างรัฐสวัสดิการในมิติต่างๆ ให้เกิดผลของความเท่าเทียมให้เกิดขึ้นมากที่สุด ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ที่ดีกว่าการมีโอกาสเท่าเทียมของระบบเสรีนิยม ที่นักกิจกรรมเสรียมชอบพูดถึง เช่นมีโอกาสทานอาหารดีๆ มีโอกาสเรียนโรงเรียนดีๆ มีโอกาสรักษาพยาบาลดีๆ แต่เมื่อสำรวจผลแล้วกับพบว่าไม่นำไปสู่ความเท่าเทียมที่แท้จริงแต่อย่างไร มีแต่คนมีเงินส่วนน้อยเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงบริการเหล่านั้นได้ คนจนที่ถูกขโมยผลผลิตของตนไป ก็ยังยากจนเข้าไม่ถึงบริการที่เหล่านั้นอยู่ดี

และบ่อยครั้ง มักจะมีคนที่สนับสนุนเสรีนิยม ตอบโต้ ว่าการที่นายทุนเอากำไร โดยจ่ายค่าจ้างต่ำๆ เป็นเรื่องที่ชอบแล้ว ถูกต้องแล้ว เพราะนายทุนเหล่านั้นต้องแบกความเสี่ยงในภาวะขาดทุนหรือเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ มากกว่าลูกจ้าง

แต่ถ้าเรามาตรองดูภาพความจริงกันดีๆ เราก็จะพบว่า เมื่อบริษัทขาดทุนหรือเกิดวิกฤต นายทุนหรือผู้บริหารก็จะเป็นคนกลุ่มสุดท้ายที่ได้รับผลกระทบ คนกลุ่มแรกที่มักจะถูกลดค่าจ้าง สวัสดิการ หรือแม้กระทั่งการถูกไล่ออก ก็เป็นลูกจ้างนี่แหละ เมื่อตกงานโดยกะทันหันชีวิตก็เผชิญหน้ากับปัญหาความทุกข์ยากต่างๆ นาๆ แต่นายทุนถึงแม้กิจการจะล้มเลิกไปก็หาได้ลำบากตรากตรำเท่าลูกจ้างไม่ เพราะมีเงินทองที่สะสมไว้จากการทำงานของลูกจ้างเหลือไว้อีกมากที่จะเอาไว้ ใช้สอยส่วนตัว

ระบบทุนนิยมมักจะสร้างภาพ ผ่านเครื่องมือชนิดต่างๆ เผยแพร่ให้คนในสังคมเชื่อว่าระบบทุนนิยมเป็นธรรมชาติของมนุษย์ การจ้างแรงงานเพื่อเอากำไรเป็นธรรมชาติของมนุษย์ แต่แท้จริงแล้วระบบทุนนิยมเกิดขึ้นมาได้ไม่กี่ร้อยปี เราสามารถเปลี่ยนมันได้ สร้างระบบเศรษฐกิจที่ตอบสนองความต้องการของมนุษย์อย่างเท่าเทียม เช่นสังคมนิยม

(ที่มา) 
http://turnleftthai.blogspot.dk/2013/06/blog-post_26.html

อนาคต ′ม็อบ′ ลักษณะ ′ย้อนแย้ง′ ในทางการเมือง

อนาคต ′ม็อบ′ ลักษณะ ′ย้อนแย้ง′ ในทางการเมือง





หากการปรากฏขึ้นของคำว่า "แช่แข็ง" จะนำไปสู่สภาวะแช่แข็งให้กับการชุมนุมทางการเมืองขององค์การพิทักษ์สยาม

การปรากฏขึ้นของคำว่า "นายกฯพระราชทาน" ก็มีผลอย่า′ลึกซึ้งต่อ "ม็อบสนามหลวง"

ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้ววาทกรรมแห่ง "แช่แข็ง" เสมอเป็นเพียงจิตใต้สำนึกอันตกตะกอนนอนก้นอยู่ส่วนลึกภายในก้านสมองของ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์

เช่นเดียวกับ ความต้องการ "นายกฯพระราชทาน" ของ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์

พลันที่คำว่า "แช่แข็ง" สะท้อนความหมายเชิงยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหวของม็อบอันมีจุดเริ่มต้นจากสนามม้า นางเลิ้ง

สังคมก็ต้องงันชะงัก

เพราะว่าการแช่แข็งทางการเมืองจะเกิดขึ้นก็หมายถึงภายหลังความสามารถในการโค่นรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงได้

แล้วใครเล่าที่จะสามารถ

เช่นเดียวกับเมื่อเสนอ "นายกฯพระราชทาน" ขึ้นมา เท่ากับอาศัยข้อเรียกร้องให้สถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามามีบทบาทในทางการเมือง

นี่คือวิถีแห่งการ "โหน" อันล่อแหลม

การอุบัติขึ้นแล้วแตกสลายไปของการเคลื่อนไหวหนึ่งๆ หากดำเนินไปในลักษณะอัน "ย้อนแย้ง" เป็นอย่างสูงย่อมหวาดเสียว

เมื่อองค์การพิทักษ์สยามสำแดงตัว

ปาก 1 เขาต้องการโค่นล้มระบอบทักษิณอันเป็นตัวแทนแห่งเผด็จการรัฐสภา คอร์รัปชั่นโกงกิน ขณะเดียวกัน ปาก 1 เขาเรียกร้องให้อำนาจนอกระบบ นอกกติกามาทำลายรัฐบาลอันเป็นตัวแทนแห่งระบอบทักษิณ

ทั้งๆ ที่รัฐบาลนั้นมาจากการตัดสินใจเลือกของประชาชน