หน้าเว็บ

วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

รมว.ไอซีทีเผย ขอเฟซบุ๊กปิดเพจหมิ่นฯแล้วกว่าหมื่นยูอาร์แอล

รมว.ไอซีทีแจงขอความร่วมมือไปสนง.ใหญ่เฟซบุ๊ก ปิดเพจหมิ่นฯ แล้วกว่าหมื่นยูอาร์แอล นักข่าวสำนักข่าวไทยระบุไอซีทียันสาวถึงตัวได้ ส่วนโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คผุดแคมเปญ "หยุด Like" "หยุดด่า" "หยุดเม้น" "หยุดแชร์" ชวนกดรายงานเพจหมิ่นฯ พร้อมนัดปฏิบัติการ Bomb Report กดรายงานเพจรัวๆ

(23 พ.ย.54) เว็บไซต์สำนักข่าวไทย รายงาน ว่า น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่า กระทรวงไอซีทีขอความร่วมมือไปยังเฟซบุ๊กสำนักงานใหญ่ เพื่อขอให้ปิดหน้าเฟซบุ๊ก (URL) ที่เป็นต้นตอการโพสต์รูปภาพและข้อความหมิ่นสถาบันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พบเป็นการกระทำจากต่างประเทศ ทำให้การปิดเว็บเป็นไปด้วยความลำบาก แต่สั่งปิดแล้วกว่า 10,000 URL หากใครพบเห็นการโพสต์ข้อมูลและข้อความหมิ่นสถาบัน กรุณาอย่ากด Like หรือคอมเมนต์ เพราะจะเป็นการเผยแพร่ทางอ้อม ยอมรับ 2-3 วันที่ผ่านมามีการหมิ่นสถาบันการกระจายรวดเร็วมาก หากช่วยเผยแพร่จะเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ทันที

(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2011/11/38004
สำนึกรัฐบาลอียิปต์ สะท้อนสำนึก(บาง)รัฐบาลไทย

แม้การลาออกของ คณะรัฐบาลอียิปต์ ที่นำโดย นายอัสซาม ซาราฟ นายกรัฐมนตรีอียิปต์ จะมีขึ้นหลังการชุมนุมใหญ่อีกครั้ง ของประชาชนชาวอียิปต์
 
เป็นการลาออกหลังมีกลุ่มผู้ชุมนุมเสียชีวิตไปแล้ว 33 คน และยังมีผู้บาดเจ็บอีกนับพันคน
 
ท่ามกลางการประกาศ ของ โมฮัมเมด ฮาเกซี โฆษกรัฐบาล ที่ประกาศถ้อยแถลงดังกล่าว ผ่านสำนักข่าวมีนา ระบุว่า "รัฐบาล ของนายกรัฐมนตรีอัสซาม ชาราฟ ยื่นใบลาออกต่อ (คณะผู้ปกครอง) สภาทหารสูงสุดแล้ว แต่เนื่องด้วยกรณีแวดล้อมอันยากลำบากที่ประเทศกำลังเผชิญ รัฐบาลจะยังคงทำงานต่อไปจนว่าใบลาออกจะได้รับการอนุมัติ"



การตัดสินใจดำเนินการดังกล่าว จะเป็นเพียงแค่การเจาะช่องระบายแรงดันความโกรธแค้นจากประชาชนชาวไอยคุปต์เหล่านี้
 

เพราะยังมีอีกหนึ่งเป้าหมายใหญ่ ที่มีการระบุว่า “สภาทหารสูงสุด” ยังเป็น “เบื้องหลัง” ที่สร้างความไม่พอใจในการปกครองประเทศ เนื่องจากประชาชนยังคงต้องการ “ประชาธิปไตย” ที่ใสสะอาด และอยากให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 28 พฤศจิกายน เป็นไปอย่างโปร่งใส ซึ่งถือเป็นศึกเลือกตั้งครั้งแรกนับตั้งแต่การปฏิวัติโค่นล้มประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค ในเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา....

เพื่อจะหาทางบีบให้ “ชนชั้นปกครอง” ลดช่องว่างความเป็นอยู่ลงมาบ้าง เพราะดินแดนแถบนั้นอุดมไปด้วย “ทองคำสีดำ” ที่เป็นแหล่งสร้างทรัพย์สมบัติให้ชนชั้นผู้ปกครองร่ำรวยกันอย่างล้นเหลือกับธุรกิจน้ำมันที่กวาดเงินจากทั่วโลกเข้าตัวเอง
 
แต่เมื่อประชาชนถูกเอาเปรียบ และถูกกดขี่ จึงทำให้การประท้วงลุกฮือเกิดขึ้น
 
ก็ไม่ต่างไปจากประเทศไทย ที่มีการเมืองบนความแตกต่าง ทั้งความคิด และความเป็นอยู่ กับคนสีหนึ่ง กับฝ่ายหนึ่งที่มีอีกสี





และเมื่อวันหนึ่งมีการชิงความได้เปรียบ ด้วยการ “อุ้ม” กลุ่มการเมืองบางกลุ่ม เพื่อเพิ่มจำนวนนับ ให้เกิดการสลับขั้วในการตั้งรัฐบาลเกิดขึ้น จนทำให้ นายอภิสทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้นั่งเก้าอี้ตัวนี้สมใจ กระทั่งนำไปสู่การชุมนุมเรียกร้องสิทธิ และต่อต้านอำนาจนอกระบบที่เข้ามาแทรกแซง ภายใต้การนำของ กลุ่มแนวร่วมต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ในเหตุการณ์ “สงกรานต์เลือด” ในเดือน เม.ย.2552 จนต่อเนื่องไปถึงการชุมนุมใหญ่อีกครั้งของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้าน เผด็จการแห่งชาติ ในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 ที่บริเวณแยกราชประสงค์


 


 
และเป็นรัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่เข้าบริหารจัดการปัญหามวลชนชุมนุมครั้งนี้ ด้วยการใช้ ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. เข้าดำเนินการ ภายใต้การประกาศใช้พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี นั่งแท่นเป็นประธาน ศอฉ. มี พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา อดีตผบ.ทบ. เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบ และมีคนที่โผล่หน้าผ่านโทรทัศน์บ่อยๆ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด เป็นโฆษก ศอฉ.

 
และการสลายการชุมนุมครั้งนั้นส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปถึง 91 ศพมีทั้งนักข่าวช่างภาพจากต่างประเทศ ผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก

(อ่านต่อ)
http://news.voicetv.co.th/thailand/23954.html
ของเก่าเล่าสู่กันใหม่??? ร่วมกันเดินหน้าต่อ...
เปิดตัวกลุ่ม ‘อาร์ติเคิล112’ รณรงค์เพื่อตื่นรู้ – หลายกลุ่มรณรงค์ยกเลิก ม.112 
  


27 มี.ค.54 ภายหลังการเสวนาเรื่องกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยกลุ่มนิติราษฎร์ มีการแถลงข่าวเปิดตัวกลุ่มกิจกรรม “มาตรา 112: รณรงค์เพื่อความตื่นรู้” หรือ Article 112: Awareness Campaign” ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเชิญชวนให้สังคมไทย ร่วมกันสร้างพื้นที่สนทนาเกี่ยวกับการใช้กฎหมาย หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ พระราชินี และรัชทายาท หรือที่เรียกกันว่า “กฎหมายหมิ่นฯ” โดยมีผู้ร่วมลงชื่อกับการณรรงค์เรื่องนี้กว่าร้อยชื่อประกอบไปด้วย บุคคล หลากหลายสาขาอาชีพ เช่น นักเขียน ศิลปิน นักสหภาพแรงงาน นักวิชาการ สื่อมวลชน นักกฎหมาย ข้าราชการ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ (รายชื่อดูในไฟล์แนบด้านล่าง)


ทั้งนี้ ชื่อโครงการดังกล่าวมาจากประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่ระบุว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี”

(อ่านต่อ)
http://www.prachatai3.info/journal/2011/03/33753



ตัดสินคดี sms ‘อากง’ ผิดคดีหมิ่น+พ.ร.บ.คอมพ์ จำคุก 20 ปี

 

ศาลก่ออาชญากรรม
การด่าทอไม่ใช่อาชญากรรม
ผู้เปล่งวาจาด่าทอไม่ใช่อาชญากร
แต่กระบวนสั่งจำคุกประชาชนคือกระบวนการอาชญากรรม


ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลอาญา รัชดา วันนี้ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีที่นายนายอำพล (สงวนนามกุล) อายุ 61 ปี หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “อากง” ซึ่งถูกฟ้องว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยข้อกล่าวหาว่าส่งเอสเอ็มเอสที่มีข้อความหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไปยัง โทรศัพท์ของเลขานุการของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี

ศาลพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดจริงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และพระราชบัญญัติการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มาตรา 14 อนุ 2 และ 3 ลงโทษจำคุก 20 ปี

รูปภาพ

ยี่สิบปี “อากง” คงชัด
รัฐไทย ใต้สัตว์ เดรัจฉาน
ปรองดอง กราบพ่อ ขอทาน
เทิดทูน ซาตาน บูชา

ผู้ชรา ทัศนะ บริสุทธิ์
ประดุจ พ่อมัน มันฆ่า
เตรียมเดือด เลือดไทย ไว้ทา
ปฏิวัติ นครา “อากง”

("จักรภพ เพ็ญแข" จารึกไว้ ณ วันพุธที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เมื่อ “อากง” หรือ “นายอำพล ตั้งนพกุล” ถูกศาลสั่งจำคุก ๒๐ ปีในคดีหมิ่นสถาบันฯ)

(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2011/11/37991 

รูปภาพ