หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556

"เหี้ย"! ชนชั้นปกครองไทยทุกคนอำมาตย์และเพื่อไทยเหี้ยหมด..... ยกเลิก 112!!

"เหี้ย"! ชนชั้นปกครองไทยทุกคนอำมาตย์และเพื่อไทยเหี้ยหมด..... ยกเลิก 112!!
 


โดย ใจ อึ๊งภากรณ์
 
อ.สุรชัยรายงานเกี่ยวกับ “คุกนรก” ที่พัทยา ปัญหาที่หนักที่สุดก็คือปัญหา 2 น. คือ “น้ำ” กับ “แน่น” เรือนจำพิเศษพัทยาเปิดทำการเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เพื่อรองรับผู้ต้องขับประมาณ 600 คน แต่ปัจจุบันคุมขังอยู่ 3,600 คน เกินความจุไปถึง 3,000 คน
ที่นอนก็ยังไม่พอ จึงต้องมีคนไปนอนบนโถส้วม ใช้กล่องกระดารองนอน เวลามีคนจะไปถ่ายก็ต้องปลุกให้ลุกขึ้น แต่ก็ยังไม่พอ ต้องจัดเวรยามห้องละ 5-10 คน ยืนและนั่งเพื่อให้มีที่ว่างให้คนอื่นๆ นอน
 
สภาพห้องขังขนาด 5x10 เมตร เท่ากับ 50 ตารางเมตร ต้องนอนรวมกัน 60 กว่าคน ต้องทำยกพื้นขึ้นไปอีก 1 ชั้นจึงจุได้ 60 กว่าคน
 
ปัญหาเรื่องน้ำจะปล่อยให้ไหลวันละ 2-3 ชั่วโมง 10 โมงเช้าถึงเที่ยงหรือบ่ายโมง ช่วงเช้า ช่วงเย็นและตลอดทั้งคืนไม่มีน้ำ ผู้ต้องขังจึงเป็นหิดและโรคผิวหนังกันมาก

บอกตรงๆ เวลาอ่านแล้วผมพูดได้คำเดียวครับ "เหี้ย"! ชนชั้นปกครองไทยทุกคนอำมาตย์และเพื่อไทยเหี้ยหมด..... ยกเลิก 112!!


ความป่าเถื่อนของระบบศาลและคุกในประเทศไทย
 
ระบบศาลและคุกในประเทศไทยเป็นระบบป่า เถื่อนที่ล้าหลังกว่ามาตรฐานสากลหลายร้อยปี และเป็นที่น่าอับอายขายหน้า แต่การที่ชนชั้นปกครองไทยไม่เคยสนใจที่จะสร้างวัฒนธรรมพลเมืองเสรี และไม่เคยเคารพความเป็นมนุษย์ของประชาชน เพราะมัวแต่มองว่าประชาชนเป็นเพียง “ราษฎร์” ที่ควรจะเจียมตัวยอมรับการปกครองจากเบื้องบน ชนชั้นปกครองไทยจึงไร้จิตสำนึกโดยสิ้นเชิงในการพัฒนาระบบศาลและคุก และฝ่ายประชาชนเอง ซึ่งเจ็บปวดกับสภาพสังคมในหลายด้าน ก็ถูกข่มขู่ ฆ่าหรือขัง เมื่อลุกขึ้นเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ พร้อมกันนั้น ในปัจจุบัน พรรคเพื่อไทย และแม้แต่แกนนำ นปช. แดงทั้งแผ่นดิน ก็ไม่เคยสนใจเรื่องนี้ และในกรณีพรรคเพื่อไทยมีการจงใจแช่แข็งความป่าเถื่อนผ่านการจับมือกับทหาร อีกด้วย อย่างไรก็ตามการตื่นตัวของพลเมือง ทั้งเสื้อแดงบางส่วน และคนที่ไม่สังกัดสีอีกส่วน ภายใต้กระแสนิติราษฎร์ และการแก้ไขกฎหมาย 112 แสดง ว่าพลเมืองไทยไม่น้อยพร้อมที่จะเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปสังคมอย่างจริงจัง ดังนั้นถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะมาร่วมกันพิจารณาปัญหา ความป่าเถื่อนของระบบศาลและคุกในประเทศไทย เพราะสภาพความย่ำแย่ของระบบ “ยุติธรรม” และสภาพคุกในไทย ถูกเปิดโปงจากวิกฤตทางการเมือง

โดยรวมแล้วปัญหาของระบบศาลและคุกไทย สามารถแบ่งเป็นหัวข้อสำคัญดังนี้คือ

1. การที่ผู้พิพากษาเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจในระบบเผด็จการมาตลอด และไม่สามารถถูกวิพากษ์วิจารณ์ และตรวจสอบโดยประชาชน ตามกระบวนการประชาธิปไตย เพื่อความโปร่งใสและความเป็นธรรม เรื่องนี้เกิดขึ้นจากการแต่งตั้งผู้พิพากษาและการมองว่าเขาไม่ใช่เจ้า หน้าที่ที่ต้องได้รับการตรวจสอบจากสังคม มีการใช้ “กฎหมายหมิ่นศาล” ในลักษณะเดียวกับกฎหมาย 112 เพื่อบังคับกีดกันไม่ ให้ใครวิจารณ์คำตัดสินของศาลและกระบวนการของศาล แต่ในหลักสากล “การหมิ่นศาล” มีความหมายต่างออกไปคือ คนที่ “หมิ่นศาล” เป็นเพียงคนที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลเท่านั้น ส่วนใครจะวิจารณ์ผู้พิพากษา การตัดสินของศาล หรือกระบวนการของศาล ทุกคนทำได้อย่างเสรี ตามสิทธิในระบบประชาธิปไตย

นอกจากนี้ในระบบศาลไทย พลเมืองธรรมดาไม่มีส่วนร่วม เพราะไม่มีระบบลูกขุนที่คัดเลือกจากประชาชนโดยไม่เลือกหน้าหรือมีข้อจำกัด ใดๆ ระบบลูกขุนและการมีส่วนร่วมของพลเมืองมีความสำคัญในการคานความอคติของผู้ พิพากษา ลูกขุนมีสิทธิ์ตัดสินว่าผู้ต้องหาผิดหรือไม่ ส่วนผู้พิพากษามีหน้าที่ชี้แจงประเด็นกฎหมาย และลงโทษผู้ที่ถูกตัดสินว่ากระทำผิด ระบบนี้เป็นระบบที่ขยายพื้นที่ประชาธิปไตยเข้าสู่ระบบศาล

2. การที่ผู้พิพากษา ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ศาล ไร้ความเคารพต่อพลเมืองที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับระบบศาลโดยสิ้นเชิง โดยมองว่าประชาชนเหล่านั้นเป็นคนชั้นต่ำที่ย่อมทำความผิด ผู้พิพากษา ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ศาล ไม่เคยมองว่าตนควรจะบริการรับใช้ประชาชนแต่อย่างใด

บ่อยครั้งเจ้าหน้าที่ดังกล่าวจะใช้ท่าทีเหยียดหยามดูหมิ่น ประชาชน มีหลายกรณีที่ผู้พิพากษาไม่ยอมลงมาตัดสินคดีในศาล ผู้ต้องหาจึงต้องคุยกับผู้พิพากษาผ่านโทรทัศน์วงจรปิด ซึ่งเป็นการกีดกันระบบยุติธรรมและสิทธิเสรีภาพในการชี้แจงข้อมูลให้ผู้ พิพากษาอย่างเต็มที่ ในกรณีอื่นผู้พิพากษาบังอาจใช้เสียงในการอ่านคำตัดสินหรือการพูดที่ค่อยเกิน ไป จนผู้ต้องหาและประชาชนทั่วไปไม่มีสิทธิที่จะรับฟัง

ในกรณีคดี 112 ประชาชน ทั่วไปไม่สามารถร่วมพิจารณาคดีได้ และไม่สามารถตรวจสอบความเที่ยงตรงของศาลได้ เพราะสื่อจะถูกห้ามไม่ให้รายงานรายละเอียดของคดีทุกครั้ง

3. การที่ระบบศาลในไทย ไม่ปฏิบัติตามหลักพื้นฐานที่ถือว่าผู้ต้องหาทุกคนบริสุทธิ์ก่อนที่จะมีการตัดสินคดี ทั้งๆ ที่เรื่องนี้ระบุไว้เป็นนามธรรมในรัฐธรรมนูญ พร้อมกันนั้นมีการกีดกันไม่ให้คนจนสามารถได้รับการประกันตัว

4. การล่ามโซ่และบังคับให้ผู้ต้องหาที่อยู่ในขั้นตอนก่อนตัดสินคดีต้องแต่งชุดนักโทษ เป็นการละเมิดมาตรฐานยุติธรรมพื้นฐาน

5. ในระบบศาลและคุกไทย และในสังคมไทยโดยรวมไม่มีการมองถึง “สิทธิมนุษยชน” ของนักโทษที่ได้รับการตัดสินคดีแต่อย่างใด การปฏิบัติต่อบุคคลเหล่านี้จึงขาดแง่ของการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์โดยสิ้นเชิง

6. สภาพคุกไทย แย่พอๆ กับสภาพกรงสัตว์ ไม่มีการคำนึงถึงความเป็นมนุษย์แต่อย่างใด

7. คุกไทยเต็มไปด้วยคนจน ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีคดีประเภท “ลักขโมย” หรือคดียาเสพติด สังคมไทยไม่มีการถกเถียงและพิจารณาว่ามีระบบคุกไว้ทำไม เพื่อแก้แข้น เพื่อลงโทษ หรือเพื่อปกป้องสังคมจากคนอันตราย และไม่มีการพิจารณาความจริงเกี่ยวกับสาเหตุของการลักขโมย หรือสาเหตุของการใช้ยาเสพติด เพื่อหาทางแก้ไขแต่แรกโดยไม่ใช้ความรุนแรงป่าเถื่อน

8. คนรวย คนมีเส้น นายพลระดับสูง นักการเมืองที่ใกล้ชิดกับทหารหรืออำมาตย์ ลูกนักการเมือง ฯลฯ ไม่เคยต้องรับโทษหรือถูกพิพากษาในระบบไทย คนที่ฆ่าประชาชนเป็นหมู่ ลอยนวลเสมอ ดังนั้นระบบศาลและคุกไทยมีไว้ลงโทษ กลั่นแกล้ง และกดขี่คนชั้นล่างเท่านั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อสร้างความยุตธรรมแต่อย่างใด

9. การลงโทษในระบบศาลไทย ไม่สมเหตุผล เช่นคดีฆ่าคน หรือทำร้ายคน ได้รับโทษเบากว่าคดี 112 ซึ่งมาจากการแสดงความเห็นต่อระบบการเมือง โดยที่ผู้กระทำไม่เคยใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด

(ที่มา)

http://botkwamdee.blogspot.dk/2012/02/ji482ak.html 

รายการ คิดเล่นเห็นต่างกับคำผกา ประจำวันที่ 12 มกราคม 2556

รายการ คิดเล่นเห็นต่างกับคำผกา ประจำวันที่ 12 มกราคม 2556 



ทำไมผู้หญิงไทยจึงชอบตัดเครื่องเพศของสามี เพื่อเป็นการลงโทษ

(คลิกฟัง) 
http://www.dailymotion.com/video/xwp4su

Wake Up Thailand

Wake Up Thailand 

 
Coffee with : ดร.กันตธีร์ ศุภมงคล 
 
Wake Up Thailand ประจำวันที่ 11 มกราคม 2556 ตอน 2
Coffee with : ดร.กันตธีร์ ศุภมงคล
http://www.dailymotion.com/video/xwnu0u_coffee-with 


ผู้จัดการ... ขนาด ผบ.ทบ. ยังทนไม่ได้

Wake Up Thailand ประจำวันที่ 11 มกราคม 2556 ตอน 1 
ผู้จัดการ... ขนาด ผบ.ทบ. ยังทนไม่ได้
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=NVWYXx8o-dU 
    

Wake Up Thailand ประจำวันที่ 10 มกราคม 2556 ตอน 2
มหาวิทยาลัย...ราชาที่ดิน 
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=L9ZUu8ApuS4 
 

ชัยชนะเสรีนิยม วันนี้หยุด 'เกรียน'

Wake Up Thailand ประจำวันที่ 10 มกราคม 2556 ตอน 1 
ชัยชนะเสรีนิยม วันนี้หยุด 'เกรียน'
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=fcXstyu0vC

The Daily Dose

The Daily Dose

 
ผู้นำ Search Engine เจอคู่เเข่งใหม่ในโลกโมไบล์

The Daily Dose ประจำวันที่ 11 มกราคม 2556
ผู้นำ Search Engine เจอคู่เเข่งใหม่ในโลกโมไบล์
http://www.dailymotion.com/video/xwoc9s_y-yy-search-engine
 


The Daily Dose ประจำวันที่ 10 มกราคม 2556
สิทธิในการประกันตัวนักโทษการเมือง
http://www.dailymotion.com/video/xwn94w 

Divas Cafe

Divas Cafe  

 
Divas Cafe ประจำวันที่ 11 มกราคม 2556
เอกลักษณ์ไทย เอกลักษณ์เกรียน
http://www.youtube.com/watch?v=rIL6AjoHfq8&feature=player_embedded 
 
 
ค่าแรง 300 ธุรกิจไม่อยากเจ๊ง ต้องปรับตัว 
 
Divas Cafe ประจำวันที่ 10 มกราคม 2556
ค่าแรง 300 ธุรกิจไม่อยากเจ๊ง ต้องปรับตัว
http://www.dailymotion.com/video/xwmssy_y-yyyy-300   

"นิติราษฎร์" เสนอร่างรธน.นิรโทษกรรมผู้ชุมนุม ชี้ถ้ารบ.จริงใจให้เดินหน้าได้เลย ย้ำทุกสี ทุกฝ่ายได้ปย.

"นิติราษฎร์" เสนอร่างรธน.นิรโทษกรรมผู้ชุมนุม ชี้ถ้ารบ.จริงใจให้เดินหน้าได้เลย ย้ำทุกสี ทุกฝ่ายได้ปย.


 
คณะนิติราษฎร์ อ.วรเจตน์ 13-1-2013 


 

วันนี้ (13 ม.ค.) ที่ห้องจิตติ ติงศภัทิย์ คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ คณะนิติราษฎร์ นำโดยนายวรเจตน์ ภาคีรัตน์, นายปิยะบุตร แสงกนกกุล, นางจันทจิรา เอี่ยมมยุรา อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แถลงข้อเสนอวิชาการ เรื่องร่างรัฐธรรมนูญว่าด้วยนิรโทษกรรมและการขจัดความขัดแย้ง

นายวรเจตน์ กล่าวว่า ปลายปี 2553 คณะนิติราษฎร์เสนอล้มล้างผลพวงรัฐประหารไปครั้งหนึ่งแล้ว เกี่ยวกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่ ร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับนี้เกี่ยวเฉพาะผู้ร่วมเดินขบวน ชุมนุมทางการเมือง เกี่ยวเนื่องกับการชิงอำนาจรัฐ หลังรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 รวมทั้งบุคคลที่กระทำการโดยมีมูลเหตุจูงใจมาจากความขัดแย้งทางการเมืองหลัง รัฐประหาร ดังนั้น จึงไม่เกี่ยวกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ส่วนการล้มล้างผลพวงรัฐประหาร ยกเลิกการดำเนินคดีทั้งหมด และประกาศให้ผู้ทำรัฐประหารเป็นโมฆะ จะเกิดในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่น่าจะได้ออกเสียงประชามติ ในอนาคต

ส่วนสาเหตุที่ เสนอร่างเป็น ร่างรธน. โดยไม่เสนอเป็นพ.ร.บ. หรือพ.ร.ก. นั้น เพราะมีความซับซ้อนเมื่อเทียบกับพ.ร.บ.ปรองดอง ฉบับอื่นๆ ที่เสนอก่อนหน้านี้ นายวรเจตน์มองว่าร่าง พ.ร.บ.ทั้งหมดนั้นไม่ครอบคุลมไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่สลับซับซ้อน และร่างรธน. นี้ ไม่ได้แยกแกนนำกับผู้ชุมนุมเพราะเป็นเรื่องที่ทำได้ลำบาก จึงเสนอรวมไปในครั้งเดียว โดยหวังให้ครอบคลุมผู้มี ความเห็นการเมืองทุกฝ่าย ทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดง และสีอื่นๆ ภายใต้เงื่อนไขที่รธน. กำหนดไว้


(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1358067279&grpid=03&catid&subcatid 

"เพื่อไทย" ประชุม หาผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.

"เพื่อไทย" ประชุม หาผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.

 

 พท.ประชุม หาผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.

(คลิกฟัง)
http://www.dailymotion.com/video/xwpxxt

Electrolux เลิกจ้าง รัฐบาลต้องคุ้มครองสิทธิการเจรจาเรียกร้องค่าแรง 300 บาท ของสหภาพแรงงาน

Electrolux เลิกจ้าง รัฐบาลต้องคุ้มครองสิทธิการเจรจาเรียกร้องค่าแรง 300 บาท ของสหภาพแรงงาน

 


บุญยืน สุขใหม่
ผู้ประสานงานกลุ่มพัฒนาแรงงานสัมพันธ์ตะวันออก


ปัจจุบัน บริษัทอีเลคโทรลักซ์ ระยอง มีพนักงานรวมทั้งหมดกว่า 650 คน และเป็นฐานการผลิตสำคัญของผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้าฝาหน้า เครื่องซักผ้าฝาบน เครื่องซักและอบผ้า และเครื่องอบผ้า จากการลงทุนในครั้งนี้ โรงงานมีกำลังการผลิตเครื่องซักผ้ารวมทั้งสิ้นมากกว่า 1 ล้านเครื่องต่อปีและเป็นหนึ่งของศูนย์กลาง การผลิตเครื่องซักผ้าอีเลคโทรลักซ์ในระดับโลก มีสำนักงานตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรม IRL (เหมราช) เลขที่ 169 ตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย ระยอง


เหตุเกิดเมื่อ 10 มกราคม 2556 เวลาประมาณ 13.00 น. หลังจากที่ประธานสหภาพแรงงานอีเลคโทรลักซ์ ประเทศไทย ได้เข้าเจรจากับผู้บริหารเรื่องนโยบายการปรับค่าจ้างตามที่รัฐบาลประกาศ ซึ่งส่งผลกระทบกับวิถีการดำรงชีวิตของผู้ใช้แรงงานทุกคน ซึ่งปัญหาที่ได้รับผลกระทบคือค่าครองชีพที่สูงขึ้น จึงขอให้บริษัทฯ พิจารณาปรับค่าจ้างให้กับพนักงานทุกคนในสัดส่วนที่เหมาะสม ไม่ใช่ปรับให้เฉพาะคนที่ยังมีค่าจ้างไม่ถึง 300 บาทหรือเกินกว่านั้นเพียงบางส่วนเท่านั้นโดยไม่คำนึงอายุงานว่าใครจะทำงานมา นานเท่าไร คือ


ค่าจ้างเดือนละ 8000-8099
ปรับเพิ่ม 1000 บาท
ค่าจ้างเดือนละ 8100-10000
ปรับเพิ่ม 900 บาท
ค่าจ้างเดือนละ 10001-15000
ปรับเพิ่ม 800 บาท

ในเบื้องต้นการเจรจาผู้บริหารบอกว่าจะเข้าใจรับไปพิจารณาและรับปากว่า จะให้คำตอบในวันรุ่งขึ้นโดยรับปากว่าจะพิจารณาปรับเพิ่มให้ตามความเหมาะสม และจะมีข่าวดีแน่นอน


ต่อมาในวันที่ 11 มกราคม 2556 เวลาประมาณ 08.00 น. ผู้บริหารได้มาชี้แจ้งต่อที่ประชุมของพนักงานว่าไม่สามารถปรับเพิ่มโดยไม่ ชี้แจงเหตุผลให้กับพนักงานทุกคนทราบ หลังจากนั้นประธานสหภาพแรงงานจึงได้โต้แย้งว่าทำไมจึงไม่ปรับเพิ่มให้ตามที่ ได้คุยกันไว้ ทำให้ผู้บริหารเกิดความไม่พอใจ และได้จูงมือปรานสหภาพแรงานฯ ออกมานอกโรงงานและบอกว่าเลิกจ้างเพราะสร้างความแตกแยกและทำให้บริษัทฯได้รับ ความเสียหาย และให้รถตู้ไปส่งยังที่พัก


ส่วนพนักงานซึ่งรอฟังคำชี้แจงอยู่ต่างก็ไม่เข้าใจในการกระทำของบริษัทฯ ซึ่งมีการเลิกจ้างประธานสหภาพแรงงานฯ โดยไม่มีเหตุผลจึงได้รวมตัวกันอยู่ภายในบริษัทฯ และขอให้บริษัทฯ รับประธานสหภาพกลับเข้ามาและเจรจากันให้เข้าใจว่าบริษัทฯ มีเหตุผลอะไรที่ไม่สามารถปรับผลต่างของค่าจ้างขึ้นต่ำตามที่รัฐบาลประกาศได้ ทั้งที่มีการรับปากแล้วว่าจะพิจารณาปรับเพิ่มให้ แต่ผู้บริหารก็ไม่ฟังเหตุผลแต่อย่างใด และได้กักบริเวณพนักงานไม่ให้ไปให้รับประทานอาหารเที่ยงที่โรงอาหาร จนพนักงานต้องให้เพื่อนซึ่งอยู่นอกโรงงานหาวิธีซื้ออาหารเข้ามากินกันเอง


ต่อมาเวลาประมาณ 15.00 น. บริษัทได้ออกมาแจ้งกับพนักงานทุกคนว่า “บริษัทเลิกจ้างกรรมการและสมาชิกสหภาพแรงานทุกคนแล้ว” แต่พนักงานก็ขอให้บริษัทฯ แจ้งรายชื่อพนักงานที่ถูกเลิกจ้างให้กับพนักงานทุกคนทราบด้วยเนื่องจาก พนักงานที่ถูกเลิกจ้างส่วนหนึ่งเป็นพนักงานกะกลางคืนที่มาร่วมรับฟังคำชี้ แจงเท่านั้นและไม่ได้มีความผิดอะไร รวมทั้งเพื่อนพนักงานในกะเช้าเองก็ไม่ได้มีความผิดแต่อย่างใดทุกคนต่างก็ ต้องการได้รับข่าวสารที่เป็นจริง และการปรับค่าจ้าง 300 บาท ก็เป็นนโยบายของรัฐบาลซึ่งผู้ใช้แรงงานทุกคนต่างก็ได้รับผลกระทบจากค่าครอง ชีพที่สูงขึ้นก็ควรที่จะได้รับค่าจ้างที่สูงขึ้นตามที่รัฐบาลประกาศกำหนด


ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนถึงขั้นการเลิกจ้างในครั้งนี้เป็นความ ผิดของใครกันแน่ เพราะถ้ารัฐบาลไม่ประกาศปรับเพิ่มค่าจ้างสินค้าก็ไม่ขึ้นราคา แต่วันนี้รัฐบาลประกาศปรับค่าจ้างไปแล้วแต่ไม่ได้หันมาดูแลหรือสนใจผู้ใช้ แรงงานว่าแต่ละคนนั้นได้ปรับค่าจ้างจริงตามที่รัฐบาลประกาศหรือเปล่า “หรือเพียงแค่จะคิดแค่หาเสียงแบบประชานิยมไปวันๆเท่านั้นเอง”

(ที่มา)
http://www.prachatai.com/journal/2013/01/44626


Electrolux ระยองเลิกจ้างสหภาพแรงงานฯ ยกเข่ง หลังต่อรองปรับค่าจ้าง 300
http://www.prachatai.com/journal/2013/01/44628   

วิวาทะ

วิวาทะ





"..ไอ้หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ผมบอกได้เลยว่า มันเขียนห่วย ด่าผมอย่างโน้นอย่างนี้ เอาอะไรมาด่าผม เอาศักดิ์ศรีอะไรมาด่าผม ทำไมรักประเทศชาติอยู่คนเดียวหรืออย่างไร ไปดูพฤติกรรมตัวเองเป็นยังไงกันบ้างผมทนมานานสมควรแล้ว"

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา, 10 ม.ค.56
ผู้บัญชาการทหารบก

จดหมายถึงอธิบดีราชทัณฑ์: พัทยา คุกนรก? ข้อเสนอแนะจากผู้ต้องขัง

จดหมายถึงอธิบดีราชทัณฑ์: พัทยา คุกนรก? ข้อเสนอแนะจากผู้ต้องขัง

 



โรงเรียนการเมือง นปช.

เรื่อง พัทยาคุกนรกเมืองท่องเที่ยว
เรียน อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
           
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2555 ข้าพเจ้าไปขึ้นศาลพัทยาในข้อหาร่วมชุมนุมบุกโรงแรมพัทยารอยัลคลิฟฟ์ เมื่อปี 2552 ที่มีนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง, ส.ส.พายัพ ปั้นเกตุ, ส.ส.วรชัย เหมะ และ อ.สุรชัย แซ่ด่าน รวมอยู่ด้วย

ได้รับการร้องขอจาก อ.สุรชัย ที่ถูกคุมขังอยู่คนเดียวในคุก ต้องเบิกตัวมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ย้ายมายังเรือนจำพอเศษพัทยาเพื่อขึ้นศาลพัทยาว่า

สภาพเรือนจำพิเศษพัทยาเหมือน “คุกนรก” ปัญหาที่หนักที่สุดก็คือปัญหา 2 น. คือ “น้ำ” กับ “แน่น” เรือนจำพิเศษพัทยาเปิดทำการเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เพื่อรองรับผู้ต้องขับประมาณ 600 คน แต่ปัจจุบันคุมขังอยู่ 3,600 คน เกินความจุไปถึง 3,000 คน

เมื่อเป็นเช่นนี้ สภาพผู้ต้องขังก็ถูกอัดแน่นกันเป็นปลากระป๋อง เวลานอนต้องสลับหัวสลับเท้า เพื่อให้ส่วนกว้างของร่างกายคือช่วงไหล่ของคนหนึ่งอยู่ที่ช่วงเท้าของอีกคน หนึ่ง ทำให้ใบหน้าแต่ละคนอยู่ตรงช่วงฝ่าเท้าของคนอื่น ต้องนอนดมฝ่าเท้าซึ่งกันและกัน

แต่ขนาดนี้แล้วที่นอนก็ยังไม่พอ จึงต้องมีคนไปนอนบนโถส้วม ใช้กล่องกระดารองนอน เวลามีคนจะไปถ่ายก็ต้องปลุกให้ลุกขึ้น แต่ก็ยังไม่พอ ต้องจัดเวรยามห้องละ 5-10 คน ยืนและนั่งเพื่อให้มีที่ว่างให้คนอื่นๆ นอน เลยกลายเป็นอาชีพรับจ้างเข้าเวรยามทั้งคืน แล้วค่อยแอบงีบหลับตามซอกมุมในตอนกลางวัน ช่างน่าอนาถใจ

ส่วนปัญหาเรื่องน้ำจะปล่อยให้ไหลวันละ 2-3 ชั่วโมง 10 โมงเช้าถึงเที่ยงหรือบ่ายโมง ช่วงเช้า ช่วงเย็นและตลอดทั้งคืนไม่มีน้ำ ผู้ต้องขังจึงเป็นหิดและโรคผิวหนังกันมาก ต้องแก้ปัญหากันเองด้วยการพกน้ำใส่ขวดขึ้นไปบนเรือนนอน ไว้ใช้ล้างก้น ล้างส้วม กลายเป็นขาใหญ่ก็สะดวก คนเข้าใหม่ขาเล็กก็คงลำบาก

สำหรับอาจารย์สุรชัย แซ่ด่าน ถูกย้ายไปคุมขังอยู่ 5 วัน ศาลก็อนุญาตให้ส่งกลับจากการที่ทนายร้องขอต่อศาลว่าจำเลยอายุ 71 ปีแล้ว และป่วยเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และต่อมลูกหมากโต ต้องพบแพทย์ประจำ อีกทั้งข้อหาก็เล็กน้อยเพียง “ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน” เท่านั้นเอง จึงไม่ต้องเบิกตัวจำเลยมาฟังการพิจารณา

อาจารย์สุรชัย บอกว่าอยู่แค่ 5 วัน ก็รู้สึกทรมานสุดๆ ขนาดหัวหน้าฝ่ายควบคุมกลางอนุเคราะห์เป็นพิเศษแล้วในฐานะเป็นนักโทษคดีการ เมือง อายุมากและป่วย อีกทั้งมีผู้ใหญ่ฝากฝังไว้ โดยให้ไปอยู่แดนสูทกรรมที่ถือว่าดีที่สุดของเรือนจำพิเศษพัทยา และสภาพห้องขังขนาด 5x10 เมตร เท่ากับ 50 ตารางเมตร ต้องนอนรวมกัน 60 กว่าคน ต้องทำยกพื้นขึ้นไปอีก 1 ชั้นจึงจุได้ 60 กว่าคน

มีผู้ต้องขังคนหนึ่งสละที่นอนให้อาจารย์สุรชัย อาจารย์ต้องไต่กระไดลิงขึ้นไปนอน เพราะชั้นล่างอับและผู้ต้องขังสูบบุหรี่กันทั้งห้อง ขืนปล่อยให้คนแก่ที่ป่วยนอนสูดควันบุหรี่ทั้งคืน ไม่เกิน 7 วันก็คงตาย ชั้นบนอากาศค่อนข้างโปร่งหน่อย แต่ก็ยังต้องนอนเอาผ้าอุดจมูก

ที่ลำบากมากคือ อ.สุรชัย ต้องลุกขึ้นมาปัสสาวะบ่อย คืนหนึ่งเกือบสิบครั้ง การปีนกระไดลิงขึ้นลงอันตรายมาก แล้วพอลงมาก็ไม่สามารถเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างปกติ เพราะมีคนนอนอยู่เต็มทางเดิน ต้องค่อยๆ โหนข้ามศีรษะคนอื่นๆ ไป พอปัสสาวะเสร็จก็ไม่มีน้ำราด กลิ่นปัสสาวะกระจายฟุ้งทั้งห้อง ไม่เรียกนรกแล้วจะเรียกอะไร ส่วนการถ่ายหนักต้องกลั้นเอาไว้ ค่อยถ่ายกลางวัน อ.สุรชัย บอกว่าขอติดคุกเพิ่มอีกสองปีดีกว่าไปถูกขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษพัทยา

ดังนั้น การแก้ปัญหา อ.สุรชัย เสนอ 3 ขั้นตอน คือ เฉพาะหน้า ระยะกลาง และระยะยาว เฉพาะหน้าในการแก้ปัญหา 2 น. คือ น้ำกับแน่น เรื่องน้ำทำอย่างไรที่จะปล่อยให้ใช้วันละ 4 เวลา คือเช้า 1 ชั่วโมง ลงจากตึกขังจะได้ล้างหน้า แปรงฟันอาบน้ำและใช้ในสุขา เที่ยงสัก 1 ชั่วโมง เย็นก่อนขึ้นห้องสัก 1 ชั่วโมง และกลางคืนสัก 20 นาที รวมแล้ว 3 ชั่วโมง 20 นาที แทนการเปิด 10 โมงถึงบ่ายโมง เวลาพอกัน การใช้น้ำก็พอกัน

ทางด้านการแก้ปัญหาคุกแน่น เฉพาะหน้า ขอให้กรมราชทัณฑ์ใช้ระเบียบอย่างยืดหยุ่นต่อเรือนจำพิเศษพัทยา คือตามระเบียบเดิมกำหนดผู้ต้องขังคดีเด็ดขาด โทษ 10 ปีขึ้นไปจึงจะย้ายไปเรือนจำอื่นๆ จึงควรผ่อนผันเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โทษตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไปก็ควรย้ายได้ด้วยความสมัครใจ และควรมีมาตรการจูงใจให้ผู้ต้องขังอยากย้ายเรือนจำ เพราะผู้ต้องขังโดยทั่วไปเมื่ออยู่ที่ใดเข้าที่แล้วมักคิดว่าเป็นที่ที่ดี ที่สุด หากย้ายไปที่อื่นจะลำบาก จึงไม่อยากย้าย เพราะต้องกลายเป็นคนใหม่ในที่ใหม่ ต้องเริ่มต้นใหม่

ผู้ต้องขังที่เป็นคนในพื้นที่จะไม่ต้องการย้ายเรือนจำ เพราะจะไม่สะดวกในการเยี่ยมญาติ แต่ผู้ต้องขังนอกพื้นที่และผู้ที่ไม่มีญาติจะไม่เป็นปัญหา ก็ให้ทางเรือนจำพิเศษพัทยาต้องอำนวยความสะดวกและรวดเร็วในการย้ายไปเรือนจำ อื่นๆ

สำหรับการแก้ปัญหาระยะกลาง ก็ควรสร้างแดนและสร้างตึกนอนเพิ่มจากเวลานี้ เรือนจำพิเศษพัทยามีแดนใหญ่และตึกนอนรองรับผู้ต้องขังอยู่ 2 แดน ผู้ต้องขังแออัดกันอยู่แดนละพันกว่าคน มีแดนพยาบาลควบคุมผู้ต้องขังอยู่จำนวนหนึ่งไม่มาก และมีแดนสูทกรรมที่มีผู้ต้องขัง 60 กว่าคน อีกแดนหนึ่งคือแดนหญิง 500 กว่าคน ถ้าเพิ่มแดนและตึกนอนเท่ากับแดนใหญ่อีกหนึ่งแดนก็จะแบ่งเบาความแออัดได้ หนึ่งในสามของผู้ต้องขังชาย ทราบว่าทางเรือนจำมีโครงการสร้างตึกนอนเพิ่มแล้ว รอแต่งบประมาณจากกรมราชทัณฑ์เท่านั้น จึงต้องขอเร่งจากท่านอธิบดีกรมราชทัณฑ์เพราะการเพิ่มขึ้นของผู้ต้องขังมีทุก วัน

ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาว ทางกรมราชทัณฑ์จะต้องขยายเรือนจำพิเศษพัทยาเพิ่ม เพราะมีพื้นที่พอจะขยายได้เพื่อรองรับการเติบโตของเมืองท่องเที่ยว เมืองอุตสาหกรรม ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง ที่จะเชื่อมต่อกับโครงการทวายโปรเจ็คในอนาคต เพราะเมื่อเมืองขยายตัว สังคมก็โตขึ้น คนก็มากขึ้น คนทำผิดกฎหมายก็มากขึ้น คุกก็จะยิ่งแน่นขึ้นเป็นลูกโซ่

การเป็นเมืองอุตสาหกรรม ท่าเรือน้ำลึกและเมืองท่องเที่ยว ถือเป็นหน้าตาของประเทศ การปล่อยให้เรือนจำพิเศษพัทยากลายเป็น “คุกนรก” ทำให้เป็นที่น่าอับอายต่อชาวต่างประเทศที่ต้องมีคนของเขามาถูกคุมขังอยู่

อ.สุรชัย จึงร้องขอต่อข้าพเจ้าให้ช่วยเป็นปากเป็นเสียงแทนผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ เรือนจำพิเศษพัทยาที่ขอร้องมาทาง อ.สุรชัย อีกที ในฐานะผู้มีประสบการณ์เรื่องคุกและเคยเป็นคณะอนุกรรมาธิการการปกครองสภาผู้ แทนราษฎร ตรวจติดตามศึกษาสภาพความเป็นอยู่ผู้ต้องขังและเรือนจำต่างๆ ทั่วประเทศมาก่อน

หากการร้องขอต่อข้าพเจ้าไม่เป็นผล อ.สุรชัย ที่เป็นสมาชิกขององค์กรกาชาดระหว่างประเทศ (ไอซีอาร์ซี) หมายเลข 201416 ก็จะร้องต่อคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศให้เข้าไปตรวจติดตามในเรือนจำพิเศษ พัทยา เพราะเป็นสภาพที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมที่เป็นหน้าที่โดยตรงของคณะกรรมการ กาชาดระหว่างประเทศจะต้องดูแล

จึงหวังว่าท่านอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ท่านรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม จะได้พิจารณาแก้ปัญหา เพื่อให้เรือนจำพิเศษพัทยา พ้นจากสภาพ “คุกนรก” ด้วยเถิด
                                                                                                                                                         ขอแสดงความนับถือ                                                                                      
(นิสิต สินธุไพร)
                                                                              
ผู้อำนวยการโรงเรียน นปช.
                                                                                      
1 มกราคม 2556

(ที่มา)
http://www.prachatai.com/journal/2013/01/44616

กรุงเทพโพลล์: ผลสำรวจเรื่อง “ความคิดของเด็กฝากถึงผู้ใหญ่ ในวันเด็กแห่งชาติ”

กรุงเทพโพลล์: ผลสำรวจเรื่อง “ความคิดของเด็กฝากถึงผู้ใหญ่ ในวันเด็กแห่งชาติ”

 

 


@ ทำอย่างไรให้ลูกหลานเราช่างคิด
และมีจิตประชาธิปไตยใฝ่สร้างสรรค์
มองเห็นคนเป็นคนเท่าเทียมกัน
ที่สำคัญนั้นผู้ใหญ่คิดอย่างไร

@ อยากให้เด็กก้าวหน้าพาจำเริญ
รู้ก้าวเดินทันโลกไม่โศกใหญ่
จงปลูกฝังจิตสำนึกประชาธิปไตย
รู้คิดลึกกว้างไกลใฝ่เสรี

@ ผู้ใหญ่ทำตัวอย่างในทางดี
รู้รักสิทธิ์เสรีมีศักดิ์ศรี
รู้ทันโลกทันสมันใฝ่เทคโนโลยี
เป็นคนดีในระบอบประชาธิปไตย

@ ทำอย่างไรให้ลูกหลานเราช่างคิด
รู้ลิขิตโชคชะตาพาสดใส
ไม่เพียงเอาตัวรอดแลปลอดภัย
รักษ์ประชาธิปไตยที่แท้จริง


เผยผลสำรวจ กรุงเทพโพลล์ เด็กๆ อยากได้ไอแพด แท็บเล็ต เป็นของขวัญจากนายกฯ มากที่สุด  และอยากบอกผู้ใหญ่ในสังคมให้สามัคคีปรองดอง เลิกทะเลาะกัน  

เนื่องด้วยวันเสาร์ที่ 12 มกราคม นี้ ตรงกับวันเด็กแห่งชาติ ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์)  จึงได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของเด็กๆ ที่มีอายุ 6-14 ปี ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล      จำนวน 1,115 คน เมื่อวันที่ 8 – 10  มกราคม ที่ผ่านมา พบว่า

(อ่านต่อ)