หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556

นักกิจกรรมสหรัฐฯ จวกสื่อหลักไม่ตั้งคำถามรัฐบาล กรณีสงครามซีเรีย

นักกิจกรรมสหรัฐฯ จวกสื่อหลักไม่ตั้งคำถามรัฐบาล กรณีสงครามซีเรีย

 


 
What the Assault on Whistleblowers Has to Do With War on Syria, CommonDreams, 29-08-2013
http://www.commondreams.org/view/2013/08/28-0

เว็บไซต์เรียกร้องไม่เห็นด้วยกับการทำสงครามซีเรีย
http://act.rootsaction.org/p/dia/action3/common/public/?action_KEY=8463



ผู้ก่อตั้งองค์กรเพื่อการข่าวที่เที่ยงตรงเขียนบทความเสนอว่า ในขณะที่สหรัฐฯ อ้างเรื่องการโจมตีด้วยอาวุธเคมีในซีเรียเพื่อทำสงคราม สื่อกระแสหลักก็มีเพียงแหล่งข่าวจากทางการสหรัฐฯ และไม่มีผู้เปิดโปงซึ่งนำเสนอข้อมูลอีกด้าน หลังรัฐบาลพยายามปราบปรามนักข่าวและผู้เปิดโปงหลายคน

เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2013 นอร์แมน โซโลมอน ผู้ก่อตั้งสถาบันเพื่อความเที่ยงตรงต่อสาธารณะ  (Institute for Public Accuracy) และผู้ร่วมก่อตั้งเว็บไซต์ Rootsaction.org เขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องความเกี่ยวข้องระหว่างผู้เปิดโปงความลับของทาง การสหรัฐฯ กับแผนการณ์โจมตีประเทศซีเรีย ลงในเว็บ Common Dreams

นอร์แมนกล่าวว่า ประธานาธิบดีทุกคนที่ต้องการทำสงครามไม่สามารถทนต่อการมีผู้คอยเปิดโปง เรื่องต่างๆ ได้ เพราะพวกเขาต้องคอยแทรกแซงเหตุการณ์อย่างระมัดระวัง มีการบิดเบือนและโกหกผ่านการโฆษณาชวนเชื่อ โดยที่ต้องนำความจริงไป "กักขัง" ไว้ไม่ให้เล็ดรอดออกมา

"เมื่อไม่มีผู้เปิดโปงความจริงแล้ว สื่อกระแสหลักก็มักจะติดอยู่กับการบอกเล่าเรื่องราวจากฝั่งของรัฐบาล" นอร์แมนกล่าวในบทความ "และในช่วงเวลาเช่นนี้ เรื่องราวจากฝั่งรัฐบาล (ของสหรัฐฯ) คือการปั่นกระแสเรื่องสงครามในซีเรีย"

ได้ตัวแล้ว ตลก.คนใหม่ !!! จะเป็นไงมั่ง??? คอยดูต่อไป

ได้ตัวแล้ว ตลก.คนใหม่ !!! จะเป็นไงมั่ง??? คอยดูต่อไป





คณะกรรมการสรรหาฯ มีมติ 4 ใน 5 เสียง เลือก ‘ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ’ แกนนำกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์ เป็นตุลาการศาล รธน.ผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ แทน ‘วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์’ หลังถกร่วม 4 ชั่วโมง ลงมติ 8 ครั้ง

(อ่านต่อ)

[สาระ+ภาพ] งบประมาณสถาบันกษัตริย์เปรียบเทียบปี 2555

[สาระ+ภาพ] งบประมาณสถาบันกษัตริย์เปรียบเทียบปี 2555

 

jifpp.jpg
"ทำนาบนหลังคน งบกษัตริย์ไทยมากกว่าของยุโรป มากกว่าอังกฤษ 7 เท่า แต่เศรษฐกิจไทยเล็กกว่าอังกฤษ 7 เท่า ถึงเวลาที่ไทยจะต้องเป็นสาธารณะรัฐ เอาเงินไปใช้พัฒนาสาธารณสุขและการศึกษา Millions wasted on Monarchies, but Thailand wastes more than others while the economy is much smaller. Time to abolish monarchies!!"
 

อินโฟกราฟิกด้านล่างแสดงงบประมาณของสถาบันกษัตริย์ในประเทศต่างๆ ที่อยู่ในระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ได้แก่ สหราชอาณาจักร สเปน สวีเดน นอร์เวย์ เดนมาร์ค และไทย โดยเรียงลำดับจากมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) 
ตัวเลขงบประมาณประจำปีของแต่ละแห่ง ได้มาจากรายงานประจำปีของสถาบันกษัตริย์ที่ตีพิมพ์เผยแพร่สู่สาธารณะทุกๆ ปีผ่านทางเว็บไซต์ที่เป็นทางการ ส่วนของไทยนั้นนำมาจากพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2555 ในราชกิจจานุเบกษา 

 

สำหรับงบประมาณสถาบันกษัตริย์ในสเปน ได้ถูกตัดลดลงตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมาเนื่องจากประสบภาวะวิกฤติเศรษฐกิจในทวีปยุโรป โดยในปี 2555 สถาบันกษัตริย์สเปนได้รับเงินจัดสรรงบประมาณคิดเป็นราว 11 ล้านดอลลาร์ หรือราว 330 ล้านบาท และในปีนั้น กษัตริย์ฮวน คาร์ลอส และสถาบันสเปน ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังมีการเผยแพร่ภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นว่าพระองค์เสด็จไปล่าสัตว์ที่ประเทศ บอตสวานา โดยมีค่าใช้จ่ายในการล่าสัตว์อย่างน้อยเกือบแสนดอลลาร์ ซึ่งทำให้ในเดือนเมษายนปีที่แล้ว ราชวงศ์สเปนได้ประกาศว่าจะลดค่าใช้จ่ายลงอีก 220,000 ดอลลาร์ เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับลดงบประมาณต่างๆ ทั่วประเท​ศ 

ส่วนสถาบันกษัตริย์สหราชอาณาจักรปี 2555 ได้รับงบประมาณเพิ่มจากปีก่อนหน้าราว 9 แสนปอนด์ หรือราว 32 ล้านบาท ทำให้งบประมาณสำหรับราชวงศ์ปี 2555 อยู่ที่ 33.3 ล้านปอนด์ คิดเป็น 52 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.5 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม เซอร์อลัน รีด ผู้ดูแลทรัพย์สินส่วนพระองค์ ได้กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายสำหรับสถาบันได้ลดลงร้อยละ 24 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา 
งบประมาณสำหรับสถาบันกษัตริย์ในแถบสแกนดิเนเวียในปี 2555 ทั้งนอร์เวย์ สวีเดน และเดนมาร์ค ไม่มีประเทศใดที่ตัดลดงบประมาณค่าใช้จ่ายสำหรับสถาบัน เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากวิกฤติเศรษฐกิจในยุโรป 

คนอีสานหวั่นวิกฤตศก.ไทย มีแต่ทรงกับทรุด ชี้ความเป็นอยู่ยุค"ปู"กับ"มาร์ค" ไม่ต่างกัน

คนอีสานหวั่นวิกฤตศก.ไทย มีแต่ทรงกับทรุด ชี้ความเป็นอยู่ยุค"ปู"กับ"มาร์ค" ไม่ต่างกัน




 


เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม  อีสานโพล (E-Saan Poll) ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เผยผลสำรวจเรื่อง “ความเห็นชาวอีสาน ต่อภาวะเศรษฐกิจไทย” ผลสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างชาวอีสานส่วนใหญ่เห็นว่าช่วงนี้เศรษฐกิจไทยไม่ใช่ขาขึ้นอีกต่อ ไป และกังวลว่า อาจเกิดวิกฤตเศรษฐกิจได้ อย่างไรก็ตาม มูลค่าทรัพย์สิน หนี้สินครัวเรือน และความอยู่ดีกินดี ในยุคยิ่งลักษณ์และยุคอภิสิทธิ์ไม่แตกต่างกันมาก


ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการอีสานโพล เปิดเผยว่า การสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความคิดเห็นของชาวอีสาน ต่อภาวะเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว โดยทำการสำรวจระหว่างวันที่ 24-26 ส.ค. 2556 จากกลุ่มตัวอย่างคนอีสานอายุ 18 ปีขึ้นไป 1,055 ราย ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ หนองคาย ชัยภูมิ เลย อุบลราชธานี อุดรธานี นครพนม หนองบัวลำภู สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สกลนคร มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ และบึงกาฬ

เมื่อสอบถามความเห็นของกลุ่มตัวอย่างชาวอีสานว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันเป็นอย่างไร อันดับหนึ่งร้อยละ 44.5 รู้สึกว่าเศรษฐกิจเป็นช่วงขาลง รองลงมาร้อยละ 26.9 รู้สึกว่าเศรษฐกิจอยู่ในช่วงทรงตัว อีกร้อยละ 19.8 รู้สึกไม่แน่ใจ โดยมีเพียงร้อยละ 8.8 ที่รู้สึกว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงขาขึ้น

สำหรับความเห็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยในประเด็นต่างๆ เปรียบเทียบกับในอดีตนั้น เมื่อสอบถามกลุ่มตัวอย่างว่า หนี้สินครัวเรือนของกลุ่มตัวอย่างในปัจจุบัน คือช่วงรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เปรียบเทียบกับในอดีต ช่วงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 61.9 รู้สึกว่ามีหนี้สินครัวเรือนพอๆ กัน รองลงมาร้อยละ 14.1 รู้สึกไม่แน่ใจ อีกร้อยละ 12.5 รู้สึกว่าหนี้สินครัวเรือนในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์สูงกว่า และอีกร้อยละ 11.5 รู้สึกว่าหนี้สินครัวเรือนในช่วงรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์สูงกว่า  

(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1377588406&grpid=&catid=19&subcatid=1904

เหตุเกิดที่ภาคใต้ กรณี ′ควนหนองหงส์′ ความจริง คืออะไร

เหตุเกิดที่ภาคใต้ กรณี ′ควนหนองหงส์′ ความจริง คืออะไร
 


พลันที่การชุมนุมของสวนยางเกิดขึ้น ณ แยกควนหนองหงส์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม

ผู้เกี่ยวข้องแต่ละส่วนต่างอยู่ในภาวะ "เกร็ง"

ไม่ ว่าจะเป็นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8 ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ไม่ว่าจะเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดนครศรีธรรมราช

เพราะว่านครศรีธรรมราชเป็นจังหวัด "ใหญ่" ในภาคใต้

เพราะว่าในที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม เพิ่งผ่านเหตุการณ์ในทางประวัติศาสตร์ที่มีการป่วนอย่างโกลาหล

เหมือนกับเป็นการซ้อมมือ

ความ พร้อมของกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8 ในการรับมือกับม็อบแตกต่างกับความพร้อมในการรับมือกับม็อบของกองบัญชาการ ตำรวจนครบาลอย่างแน่นอน ขณะเดียวกัน ฝ่ายปกครองของจังหวัดนครราชสีมาก็อยู่ในอาการกล้าๆ กลัวๆ

ภาพของการ ป่วนในรัฐสภาเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม กับภาพของม็อบเมื่อเดินหน้าเข้าปะทะกับตำรวจที่แยกควนหนองหงส์เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ให้ความรู้สึกแทบไม่ต่างกัน

สินค้าตัวอย่าง "อนาธิปไตย"

ถาม ป๋า??? ด้วยภาพ

ถาม ป๋า??? ด้วยภาพ

 



"ป๋าเปรม" ป่วย! ปวดท้องรุนแรง นำส่ง รพ. คณะแพทย์เฝ้าดูอาการใกล้ชิด
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1377781406&grpid=00&catid=&subcatid= 

วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เล่าข่าวนอกกระแส: ประจำสัปดาห์ 26 สิงหาคม 2556

เล่าข่าวนอกกระแส: ประจำสัปดาห์ 26 สิงหาคม 2556




 
 
- กล่มติดตามน้ำมัน ปตท.รั่ว เตรียมยื่น 3 หมื่นชื่อ ร้องรัฐฯ ตั้ง คกก.อิสระสอบข้อเท็จจริง
- ภารกิจเพื่อชาติ เพื่อ Humanity ของจำกัด พลางกูร
- เตรียมจัดละครเวที 'เพื่อชาติ เพื่อ Humanity'
- ปฏิทินกิจกรรม

กรณีบอย โกสิยพงษ์ เรื่องสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

กรณีบอย โกสิยพงษ์ เรื่องสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์



ราชาธิปไตย
http://www.youtube.com/watch?v=n7_LrwGs79g 
รายชื่อเครื่องบินพระที่นั่งในพระบรมวงศานุวงศ์ไทย
http://bit.ly/11OOLJn
ความจริงเกี่ยวกับสยามพารากอน กับสถาบันกษัตริย์นักลงทุน 
รวมงบประมาณ 2552 - ส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง
http://www.bb.go.th/budget/bu/blue52/25000.pdf  
งบประมาณสำนักราชวัง
http://www.bb.go.th/budget/bu/blue52/25002.pdf 
งบสำนักราชเลขา
http://www.bb.go.th/budget/bu/blue52/25001.pdf 


'จะ เห็นได้ว่า "ผู้มีอำนาจที่แท้จริง" ในการควบคุมการจัดการและใช้สอย "ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์" (และไม่ต้องเสียภาษี) ก็คือ กษัตริย์ นั่นเอง ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัตจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์'

(คลิกอ่าน)
http://blogazine.in.th/blogs/phuttipong/post/4315

มติ 344 ต่อ 140 สภาฯ ผ่าน มาตรา 3 ส.ว.มาจากการเลือกตั้ง

มติ 344 ต่อ 140 สภาฯ ผ่าน มาตรา 3 ส.ว.มาจากการเลือกตั้ง

 

 

“อภิสิทธิ์”เสนอ เลือกตั้ง ส.ว.แบบแบ่งกลุ่มเขตละ 5 คน ปธ.กรรมาธิการ แจงเลือกแบบแบ่งกลุ่มเขต พื้นที่คนน้อยกว่าเสียเปรียบ สุดท้ายมติ 344 ต่อ 140 สภาฯ ผ่าน มาตรา.3 ส.ว.มาจากการเลือกตั้ง

28 ส.ค.56 ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เป็นพิเศษ มีนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มา ส.ว. ที่คณะกรรมาธิการฯพิจารณาเสร็จแล้ว ในวาระที่ 2 เป็นวันที่ 5 โดยยังคงพิจารณาอยู่ที่ มาตรา 3 ซึ่งเป็นการแก้ไขมาตรา 111 เพื่อให้ ส.ว. มาจากการเลือกตั้ง 200 คน และแก้ไขมาตรา 112 ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา โดยการเลือกตั้ง และให้ใช้เขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง และหากในจังหวัดใดที่มี ส.ว.ได้มากกว่า 1 คน ให้ผู้ที่ลงเลือกตั้งซึ่งได้คะแนนสูงสุด เรียงตามลำดับจนครบจำนวน

ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. ได้มีการลงมติ โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามร่างของคณะกรรมาธิการ ด้วยคะแนนเสียง 344 ต่อ 140  งดออกเสียง 32 ไม่ลงคะแนน 2 เสียง

(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2013/08/48450

วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เรื่องของยางพารา

เรื่องของยางพารา



โดย วัฒนะ วรรณ

ยางพารา ถือว่าเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ เช่นเดียวกับ น้ำมัน น้ำตาล ข่าว ที่ผลิตจากที่แหล่งไหน ประเทศใด ก็คล้ายกัน ใช้ทดแทนกันได้

ดังนั้น ราคาตลาดของยางพารา จึงถูกกำหนด โดยตลาดโลก ซึ่งขึ้นตรงต่อภาวะเศรษฐกิจโลก

เหตุผลที่ราคาตกเรื่อยมา เกิดขึ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐ รุกลามไปยุโรป กระทบชิ่งไปญี่ปุ่น เรื่อยมาจนถึงจีน ที่ใครๆ เคยบอกว่าจะเป็นหลุมเพาะจากวิกฤตสหรัฐ แต่จีนกับสหรัฐมีความสัมพันธ์กันทางเศรษฐกิจมาก จึงไม่รอด

เหตุผลที่ราคายางปรับตัวสูงขึ้นก่อนหน้านี้ ก็เป็นผลของการเจริญเติบโต ของเศรษฐกิจจีน เพราะเป็นผู้บริโภคสินค้าโภคภัณฑ์ขนาดใหญ่ ไม่ใช่เฉพาะยางพาราเท่านั้นที่ราคาสูงขึ้น ถ่ายหิน น้ำมัน ฯลฯ ก็สูงขึ้นมากเช่นกัน

ราคายางจะถูกหรือว่าแพง ในภาพใหญ่ จึงมีส่วนเกี่ยวข้องน้อยมาก กับฝีมือการบริหาร ไม่ว่าจะเป็นทักษิณ หรืออภิสิทธิ์ มันขึ้นอยู่กับว่า ใครจะเข้ามารับตำแหน่งในช่วงนี้ไหนเท่านั้น

การบริหารของรัฐแต่ละยุคสมัย กระทำได้เพียงการพยุงราคาไม่ตกต่ำ จนกระทบกับความเดือดร้อนของเกษตรกร เท่านั้น วิธีการหลักๆ ก็ไม่มีอะไรมาก ก็เอาเงินมารับซื้อยางในราคาที่สูงกว่าราคาตลาด จะเก็บไว้ หรือขายขาดทุน ก็สุดแท้แต่

Wake Up Thailand

Wake Up Thailand
 

 
 
Wake Up Thailand ประจำวันที่ 27 สิงหาคม 2556  ตอนที่ 2 
Coffee with : อลงกรณ์ พลบุตร
http://www.dailymotion.com/video/x13pu8j_coffee-with-อลงกรณ-พลบ 

Wake Up Thailand ประจำวันที่ 27 สิงหาคม 2556  ตอนที่ 1
ดราม่าทิ้งทวน พันธมิตรฯร่วมนปช. 
http://www.dailymotion.com/video/x13prz8_ดราม-าท-งทวน-พ-นธม-ตรฯร-วมนปช 
 
Wake Up Thailand ประจำวันที่ 26 สิงหาคม 2556  ตอนที่ 2
'ยิ่งลักษณ์ พบ ป๋า' โบกมือลาพันธมิตร 
http://www.dailymotion.com/video/x13o7zj_ย-งล-กษณ-พบ-ป-า-โบกม-อลาพ-นธม  

Wake Up Thailand ประจำวันที่ 26 สิงหาคม 2556  ตอนที่ 1
พันธมิตรปิดฉากชั่วคราว รอช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่
http://www.dailymotion.com/video/x13o7zb_พ-นธม-ตรป-ดฉากช-วคราว-รอช-วงเปล-ยนผ 

Divas Cafe

Divas Cafe





 
Divas Cafe ประจำวันที่ 27 สิงหาคม 2556
อย่าผูกขาดแม้กระทั่งคำเทศน์ 
http://www.dailymotion.com/video/x13pzke_อย-าผ-กขาดแม-กระท-งคำเทศน 
 
Divas Cafe ประจำวันที่ 26 สิงหาคม 2556
พันธมิตรแกล้งตาย ? 
http://www.dailymotion.com/video/x13o808_พ-นธม-ตรแกล-งตา 

ข้อถกเถียงเรื่องการปฏิรูป "สภาขุนนาง"ในอังกฤษ

ข้อถกเถียงเรื่องการปฏิรูป "สภาขุนนาง"ในอังกฤษ




โดย พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์


ในวาระที่บ้านเมืองของเรากำลังถกเถียงเอาเป็นเอาตาย เรื่องของที่มาของวุฒิสมาชิกกันอยู่นี้ ก็อยากจะนำเอาเรื่องราวที่เขาถกเถียงกันในเรื่องการปฏิรูปสภาขุนนางในอังกฤษ มาเล่าสู่กันฟังสักหน่อย

แต่ก่อนที่จะเล่าเรื่องอังกฤษให้ฟังก็อยาก จะฝากข้อคิดเรื่องเมืองไทยไว้สักนิดว่า ถ้าจะเถียงกันเรื่องการมีอยู่และที่มาของวุฒิสภานั้น ก็คงต้องแยกเรื่องที่จะต้องเถียงกันก่อน ก็คือ

1.เรื่องของหน้าที่ของสถาบันทางการเมืองที่เรียกว่าวุฒิสภา

2.เรื่องของการยึดโยงกับประชาชนของสถาบันที่เรียกว่าวุฒิสภา

ซึ่ง จะพูดถึงทั้งสองประเด็นได้ ก็ต้องตรวจสอบจุดยืนและอคติที่มีในใจก่อนว่า เรามีมุมมองที่ว่าด้วยเรื่องประชาธิปไตยและ "ประชาชน" เช่นไร ไม่เช่นนั้นสิ่งที่เราเถียงกันมันจะเป็นเรื่องของการ "แถ" มากกว่า "เถียง" เพราะมันจะเป็นลักษณะของการที่เราคิดก่อนว่า "ต้องมี" หรือ "ไม่ต้องมี" แล้วเราค่อยไปฟัง หรือหาเหตุผลที่มารองรับสิ่งที่เราต้องการ

ฝากไว้ แค่นี้แหละครับ มาเข้าเรื่องเกี่ยวกับสถาบันทางการเมืองในสังคมที่เป็นหนึ่งในสังคมต้นแบบ สังคมประชาธิปไตย ซึ่งก็คือ ประเทศอังกฤษกันดีกว่าครับ

ประเทศ อังกฤษมักเป็นประเทศที่เรานึกถึงว่าเป็นต้นแบบของประชาธิปไตยแบบรัฐสภา อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ก็เป็นประเทศที่ไม่มีรัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษร ไม่มีกฎหมายหมิ่นกษัตริย์/หมิ่นรัฐบาล (เพราะถูกยกเลิกไปในช่วง ค.ศ. 2009) และมีระบบสองสภาที่ชัดเจนมากว่าเรียกสภาหนึ่งว่า สภาสามัญชน (House of Commons) และอีกสภาเรียกว่า "สภาขุนนาง" (House of Lords) ... จะเรียกสภาอำมาตย์ซะก็กลัวจะแปลไม่ตรง (นัก)

ความรู้เล็กน้อยของคน บ้านเราที่รับรู้กันมาก็คือ สภาขุนนางนั้นเป็นสภาที่มีมาตั้งแต่โบราณ และมีลักษณะที่สืบทอดกันมาทางสายเลือด แต่สิ่งที่เราควรรับรู้เพิ่มก็มีหลายเรื่อง คือ เดิมนั้นสภาขุนนางนั้นมีอำนาจมาก แต่วันนี้มีอำนาจน้อยลง และมีลักษณะที่ "ด้อยกว่าในทางอำนาจ" เมื่อเทียบกับสภาคนธรรมดา อาทิ ไม่มีสิทธิยกเลิกกฎหมาย (มีแต่ให้คำแนะนำและหยุดยั้งได้ชั่วคราว) แถมในบางกรณีก็มีการกำหนดด้วยว่าในเรื่องนั้นจะอภิปรายได้ไม่เกิน 90 นาที

เราชาวสังคมนิยมคัดค้านการทำสงครามในซิเรียของมหาอำนาจตะวันตก

เราชาวสังคมนิยมคัดค้านการทำสงครามในซิเรียของมหาอำนาจตะวันตก



Turnleft Socialist Thailand องค์กรเลี้ยวซ้าย-สังคมนิยม - Bangkok, Thailand
 
"เราชาวสังคมนิยมคัดค้านการทำสงครามในซิเรียของมหาอำนาจตะวันตก ทั้งๆ ที่อาซัดได้ก่ออาชญากรรมโหดร้ายต่อประชาชน และเราสนับสนุนฝ่ายกบฏ แต่ตะวันตกไม่เคยแทรกแซงทางทหารที่ไหนเพื่อมนุษยธรรม มีแต่กการปกป้องผลประโยชน์และพลเรือนตายเพิ่ม"

พวก กลุ่มจีฮ่าร์ด(มุสลิมสุดขั้ว) ไม่สนใจที่จะปฏิวัติเพื่อเสรีภาพ เขามีพวกกษัตริย์ตะวันออกกลางหนุนหลัง และต้องการสร้างความแตกแยก ความหวังอยู่ที่คณะกรรมการประสานงานในพื้นที่ของฝ่ายกบฏ

The regime and the West are both threats to Syrian Revolution
http://www.socialistworker.co.uk/art/34221/The+regime+and+the+West+are+both+threats+to+Syrian+Revolutio 


'โอบามา' สั่งเผยแพร่หลักฐานการใช้อาวุธเคมีในซีเรีย ก่อนโจมตีทางทหาร
http://www.prachatai.com/journal/2013/08/48430 

"สหรัฐ"ฟันธงรัฐบาลซีเรีย ใช้อาวุธเคมี!
http://www.nationchannel.com/main/news/foreign/20130827/378382853/ 

วาทะจุดประกาย: ไม่มีธงผืนใดใหญ่พอที่จะปิดบังความน่าอับอายจากการสังหารผู้บริสุทธิ์ได้มิด

วาทะจุดประกาย: ไม่มีธงผืนใดใหญ่พอที่จะปิดบังความน่าอับอายจากการสังหารผู้บริสุทธิ์ได้มิด

 


 
ดาวน์โหลด mp3(คลิกฟัง)

"ไม่มีธงผืนใดใหญ่พอที่จะปิดบังความน่าอับอายจากการสังหารผู้บริสุทธิ์ได้มิด"
“There is no flag large enough to cover the shame of killing innocent people.”

ฮาวเวิร์ด ซินน์ (Howard Zinn)


นักประวัติศาสตร์สายสังคมนิยมของสหรัฐที่พึ่งเสียชีวิตไปในปี 2010 ผู้เขียนหนังสือ “ประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา ฉบับประชาชน (People"s History of the United States)

ที่แสดงให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาโดยให้ความสำคัญกับบทบาท ของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นกรรมาชีพ เกษตรกร คนพื้นเมือง คนผิวดำ หรือสตรี

เป้าหมายที่ดีงามให้ความชอบธรรมแก่วิธีการที่ต่ำช้า (The End justify the means)

เป้าหมายที่ดีงามให้ความชอบธรรมแก่วิธีการที่ต่ำช้า (The End justify the means)

 

 
โดย ทศพล ทรรศนกุลพันธ์


ในการต่อสู้แบบสันติวิธี ผ่านการใช้เหตุผลและความคิด ด้วยวิธีการสื่อสารนั้น ย่อมต้องคำนึงถึงการให้โอกาสถกเถียงกันอย่างเสมอภาค หรือหลักการให้อาวุธอย่างเสมอภาคกัน (Equal of Weapons Theory) ในการต่อสู้ถกเถียงเพื่อให้ได้มาซึ่ง เหตุผล ที่ดีและตอบกับเงื่อนไขทางสังคมที่มี   ดังนั้นในหลายประเด็นที่มีความเห็นไม่ลงรอยกัน แต่ละฝ่ายจึงได้ทุ่มเทความสามารถและทรัพยากรในการสนับสนุนความคิดและเหตุผล ของตนเอง เพื่อให้ความชอบธรรมกับสิ่งที่ตนต้องการกระทำ

แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง กลับไม่มีความเท่าเทียมระหว่างรัฐใหญ่รัฐกับรัฐเล็ก ฝ่ายรัฐความมั่นคง กับ องค์กรภาคประชาชน    โดยเฉพาะเมื่อเป็นการขับเคี่ยวกันรัฐกำลังพัฒนาที่มีความเหลื่อมล้ำทางอำนาจ สูง   รัฐและฝ่ายความมั่นคงมีอำนาจในการโฆษณาชวนเชื่อผ่านสื่อผสมและช่องทางที่ หลากหลาย เช่น ภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ แผ่น และฉายซ้ำตามความต้องการได้ผ่านอินเตอร์เน็ต ช่องทางที่เข้าถึงได้ไม่ยาก และเนื้อหาที่เข้าใจง่าย เร้าให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกร่วมอย่างแรงกล้า จนกลบทับความจริงอื่น ได้แพร่ไปยังมวลชนวงกว้างจนทำให้ความน่าเชื่อถือของเหตุผลอยู่นอกการรับรู้ ของอารมณ์ความสึกรุนแรงดังกล่าว

ฝ่ายสิทธิมนุษยชนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเนื่องจากมีทรัพยากร เครื่องมือผลิตเนื้อหา และช่องทางในการสื่อสาร น้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด เพราะฉะนั้น เนื้อหาที่ออกมาจึงอยู่ในลักษณะของข้อเท็จจริง เหตุผล ที่จริงจังจนถึงขั้น เครียด และน่าเบื่อไปสำหรับผู้รับสื่อ และไม่อาจแพร่ไปในวงกว้างเพราะต้องใช้พลังงานในการย่อยข้อมูลเป็นอย่างมาก และฝ่ายรณรงค์ประเด็นสิทธิมนุษยชนจำนวนไม่น้อยก็ติดกับตัวเองโดยคิดว่าจะ ต่อสู้ด้วยเหตุผลโดยพยายามไม่เร้าอารมณ์ความรู้สึก ทั้งที่เรื่องชีวิตมนุษย์นั้นเกี่ยวพันกับจิตวิญญาณ ซึ่งบุคคลทั่วไปอาจจะรับรู้ เข้าถึง เข้าใจ กลุ่มเสี่ยงที่ถูกละเมิดสิทธิได้ผ่านการบอกเล่า ประสบการณ์จริงที่สั่นสะเทือนความรู้สึก มากกว่าเหตุผลที่เข้าใจแต่ไม่ได้สร้างแรงบันดาลใจให้ลุกขึ้นมาทำอะไรเพื่อ เปลี่ยนโลก

วิจารณ์มั่วเรื่องอียิปต์ บทความเรื่องอียิปต์ที่วิจารณ์ “นักวิชาการสังคมนิยมท่านหนึ่ง”

วิจารณ์มั่วเรื่องอียิปต์ บทความเรื่องอียิปต์ที่วิจารณ์ “นักวิชาการสังคมนิยมท่านหนึ่ง”


 
ความยากยิ่งในการพยากรณ์การเมืองอียิปต์
http://www.prachatai.com/journal/2013/08/48396 

อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์ เขียนบทความเรื่องอียิปต์ที่วิจารณ์ “นักวิชาการสังคมนิยมท่านหนึ่ง” เดาว่าเป็นผม แต่ อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์ ไม่มีมาตรฐานวิชาการพอ เพราะไม่กล้าเอ่ยชื่อและไม่กล้าอ้างอิงบทความของ ผมโดยตรง เพื่อให้คนไปอ่านและตัดสินใจเอง เพราะอรรถสิทธิ์ไปบิดเบือนสิ่งที่ผมเขียน เช่นการกล่าวหาผมว่าผมเขียนว่า “มวลชน” เป็นกรรมาชีพหมด เป็นต้น และสิ่งที่ตลกที่สุดคือมองว่าผมเป็นผู้วิเคราะห์สถานการณ์ในอียิปต์ แต่ในความเป็นจริงผมอาศัยการวิเคราะห์ของสหายอียิปต์จากองค์กรสังคมนิยม ปฏิวัติต่างหาก สหายพวกนี้อยู่ในพื้นที่ เคลื่อนไหวมานานก่อนการล้มมูบารักด้วยซ้ำ และถึงแม้ว่ามีบทบาทในการกระตุ้นการต่อสู้ในหลายช่วง เขายอมรับว่าองค์กรของเขาเล็กเกินไปที่จะนำ

สหายสังคมนิยม ปฏิวัติอียิปต์ได้วิเคราะห์ลักษณะของพรรคมุสลิมมานาน ว่ามีแกนนำที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยม ในขณะที่มวลชนของพรรค โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว ก้าวหน้ากว่ามากและร่วมในการล้มมูบารักทั้งๆ ที่แกนนำไม่เห็นด้วย และที่สำคัญคือพรรคมุสลิมมิได้เป็นพรรคที่จะนำ “การเมืองอิสลามสุดขั้ว” มาครอบงำสังคมอย่างที่พวกชนชั้นกลางเสรีนิยมชอบอ้าง พรรคมุสลิมในตูรกีก็เช่นกัน

อรรถสิทธิ์ เขียนว่า “ความหวาดกลัวและความเกลียดชังต่ออิทธิพลของพวกเคร่งศาสนาอิสลามย่อมเป็นตัว เร่งขนานใหญ่” แต่นั้นอธิบายไม่ได้ว่าทำไมคนที่ลงคะแนนเสียงให้พรรคมุสลิมมีส่วนในการไล่ มูรซี่ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของมวลชน 17 ล้านคนที่ออกมาในวันที่ 30 มิถุนายน

อรรถสิทธิ์ แสดงความโง่เขลาทางวิชาการเรื่อง “เสรีนิยมกลไกตลาด” เพราะมองว่าต้องเป็นแค่กรรมาชีพเท่านั้นถึงจะไม่พอใจ แต่ในความเป็นจริงนโยบายเศรษฐกิจเสรีนิยมกลไกตลาดทำให้คนจนทั้งหมด รวมถึงเกษตรกร และคนชั้นกลางด้วย เดือดร้อนกันทั้งนั้น และไม่เฉพาะในอียิปต์ ในยุโรปก็เหมือนกัน และประเด็นเศรษฐกิจกลไกตลาดนี้เป็นประเด็นที่จุดประกาย “อาหรับสปริง” แต่แรก และเมื่อเราพิจารณานโยบายเสรีนิยมกลไกตลาด เราไม่สามารถวิเคราะห์อะไรได้ถ้าไม่ใช้กรอบชนชั้น

การใช้กรอบชน ชั้นไม่ได้หมายถึงการพูดถึงกรรมาชีพอย่างเดียว มันเป็นวิธีมองสังคมทั้งหมด อย่างไรก็ตามหลายคนคนที่วิเคราะห์ทุกอย่างโดยเน้นเบื้องบน หรือคนที่ปิดหูปิดตาถึงกรรมาชีพ จะมองไม่เห็นบทบาทของการนัดหยุดงานที่เป็นเรื่องชี้ขาดในการไล่มูบารัก และนี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทหารอิยิปต์ดึงผู้นำสหภาพแรงงานที่ไร้จิตสำนึก มาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลทหารปัจจุบัน

แน่นอนสิ่งที่ ผมและอรรถสิทธิ์มองตรงกัน คือความแย่ของพวกชนชั้นกลางเสรีนิยมที่ออกมาสนับสนุนการเข่นฆ่าของทหาร แต่สหายสังคมนิยมปฏิวัติอียิปต์ก็อธิบายว่า ในจำนวน 17 ล้านคนที่ออกมาไล่มูรซี่ คงต้องมีคนธรรมดาที่ใหม่กับเรื่องการเมืองมากมาย และความหวังคือ พวกนี้ ซึ่งไม่ได้เป็นคนชั้นกลางเสรีนิยม จะตาสว่างเกี่ยวกับกองทัพในไม่ช้า แต่ในโลกจริงมันไม่เคยมีหลักประกันอะไร 

(ที่มา) 
Turnleft Socialist Thailand องค์กรเลี้ยวซ้าย-สังคมนิยม    

อียิปต์ : เมื่อการปล่อยตัวฮอสนี มูบารัค สร้างความไม่พอใจแก่นักปฏิวัติปี 2011

อียิปต์ : เมื่อการปล่อยตัวฮอสนี มูบารัค สร้างความไม่พอใจแก่นักปฏิวัติปี 2011

 

 
 
เกิดอะไรขึ้นที่อียิปต์


อัลจาซีราวิเคราะห์ ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างฝ่ายรัฐประหารกับกลุ่มต่อต้านรัฐประหารปี 2013 ยังไม่มีข้อยุติ การตัดสินใจปล่อยตัวมูบารัคจากเรือนจำเพื่อรอการพิจารณาคดีก็ทำให้ผู้ที่เคย ต่อต้านโค่นล้มเขาในปี 2011 ไม่พอใจขณะเดียวกันก็เผยให้เห็นความซับซ้อนของหลากกลุ่มก้อนผู้ประท้วงใน อียิปต์

25 ส.ค. 2013 - สำนักข่าวอัลจาซีรากล่าวถึงความเห็นของชาวอียิปต์หลังจากที่มีการปล่อยตัว อดีตผู้นำเผด็จการ ฮอสนี มูบารัค ที่ถูกโค่นล้มหลังจากการปฏิวัติในปี 2011 ออกจากคุก
อดีตผู้นำมูบารัคถูกโค่นล้มหลังจากมีการชุมนุมประท้วง 18 วันในปี 2011 และอยู่ระหว่างการถูกดำเนินคดีเรื่องการทุจริตและการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการ สังหารผู้ชุมนุม เขาถูกปล่อยตัวหลังจากการจำคุกช่วงก่อนการพิจารณาคดีจะเสร็จสิ้นเป็นเวลาสอง ปี ซึ่งเป็นเวลาสูงสุดที่ตามกฎหมายอียิปต์อนุญาตไว้ โดยในตอนนี้มูบารัคถูกกักขังอยู่ภายในบริเวณที่กำหนด

วาเอล คาลิล นักกิจกรรมและบล็อกเกอร์ฝ่ายซ้ายที่เข้าร่วมเหตุการณ์ลุกฮือในช่วงปี 2011 กล่าวว่าการปล่อยตัวมูบารัคทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกตบหน้าและคำว่า "การปฏิวัติต้องดำเนินต่อไป" ไม่ใช่แค่เพียงคำพูดโหลๆ เพราะคิดว่ารัฐบาลเผด็จการที่พวกเขาต่อสู้เพื่อโค่นล้มไม่ได้ถูกแตะต้อง


(อ่านต่อ)

นิรโทษกรรมแบบณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ กับละครลิงหลอกเจ้า

นิรโทษกรรมแบบณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ กับละครลิงหลอกเจ้า

 

   
โดย พีระศักดิ์  ชัยธรรม 


ร่าง พรบ.นิรโทษกรรมของนายวรชัย  เหมะ ได้ผ่านการพิจารณาในวาระที่หนึ่งด้วยคะแนนเสียง 300 ต่อ 125 งดออกเสียง 14 ไม่ออกเสียง 2 เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา มีการตั้งคณะกรรมาธิการ 35 คน เพื่อไปลงมติวาระสอง และสามก่อนไปสู่การพิจารณาของวุฒิสภาภายใน 60 วัน ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ทำการคัดค้านทุกรูปแบบทั้งในสภาและนอกสภา โดยอ้างว่าเป็นการนิรโทษกรรมให้กับผู้กระทำความผิดอาญาในคดีเผาบ้านเผาเมือง และคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ รวมทั้งเป็นการลบล้างความผิดให้กับทักษิณ  ชินวัตร ในขณะที่นายณัฐวุฒิ  ไสสเกื้อ ได้อภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2556 ว่าร่าง พรบ.นิรโทษกรรมไม่รวมถึงผู้ต้องหาในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามประมวลกฎหมาย อาญามาตรา 112

1. ต้านนิรโทษกรรมประชาชนเพื่อใคร ?
แต่ไหน แต่ไรมานั้นพรรคประชาธิปัตย์อาศัยสถาบันกษัตริย์เป็นเครื่องมือทำลายผู้อื่น และใช้เป็นวิธีการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน หรือไม่ก็ทำตัวเป็นมือ เป็นตีนให้กับเผด็จการทหารเพื่อจะได้เป็นรัฐบาลส้มหล่นอยู่เสมอ


นี่คือพรรคประชาธิปัตย์ที่อ้างนักหนาว่าเทิดทูนประชาธิปไตย และประชาชนต้องมาก่อน แต่ในความเป็นจริงไม่เคยต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาก่อนเลยในรอบ 60 ปีที่ผ่านมา ในบางสถานการณ์ยังสร้างเงื่อนไขไปสู่การรัฐประหารเสียเอง แม้ได้เป็นรัฐบาลก็มักเอื้อประโยชน์ให้กับเผด็จการทหาร ดังเช่น รัฐบาลนายควง  อภัยวงศ์  ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับผู้ก่อการรัฐประหารในปี่ 2488  และ ปี 2490 สมัยนายชวน  หลีกภัย เป็นพรรคร่วมรัฐบาลพลเอกเปรม  ติณสูลานนท์ ก็เคยนิรโทษกรรมให้กับการรับประหารของกลุ่มยังเตริก หรือล่าสุดในยุคของนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ ยังสนับสนุนรัฐธรรมนูญ 2550 ซึ่งมาตรา 390 ได้นิรโทษกรรมให้กับคณะรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ดังนั้นการที่พรรคประชาธิปัตย์ทำการต่อต้านการนิรโทษกรรมให้กับประชาชนที่ กระทำความผิดอันเนื่องมาจากการชุมนุม และความขัดแย้งทางการเมือง จึงเป็นการแสดงให้เห็นถึงจุดยืนได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์นั้นรักษาผลประโยชน์ ให้กับเผด็จการอย่างไม่ลืมหูลืมตาเลยทีเดียว

วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ชนชั้น

ชนชั้น 

 


 
ชนชั้นกรรมาชีพมีพลังซ่อนเร้นมหาศาล เพราะเป็นผู้ทำงานในใจกลางระบบทุนนิยม การนัดหยุดงานหรือการยึดสถานที่ทำงานโดยชนชั้นกรรมาชีพโดยประสานกันทั้ง ประเทศ อาจนำไปสู่การล้มอำนาจนายทุนและการสร้างสังคมใหม่ได้

โดย ลั่นทมขาว 

นักมาร์คซิสต์จำแนกชนชั้นตามความสำพันธ์กับระบบการผลิตเพราะระบบการผลิตเป็น สิ่งที่ทำให้มนุษย์ทุกคนดำรงชีวิตในโลกได้ และความสัมพันธ์กับระบบนี้ที่แตกต่างกัน นำไปสู่อำนาจที่แตกต่างกันของมนุษย์ในสังคมเสมอ ไม่ว่าจะยุคใดก็ตาม

อำนาจของชนชั้นปกครอง(หรือชนชั้นนายทุน)ในสมัยนี้มาจากอำนาจที่จะควบคุม ทรัพยากรและมูลค่าต่างๆที่คนธรรมดาผลิตในวันทำงาน มันเป็นอำนาจในการคุมระบบการผลิตกับชีวิตงาน และมันเลยไปถึงอำนาจในการคุมกองทัพและสื่อ และที่สำคัญคือนำไปสู่การควบคุมอำนาจรัฐอีกด้วย ส่วนคนทำงานธรรมดา ไม่ว่าจะในภาคเกษตรหรือภาคอุตสาหกรรมและการบริการ ได้แต่เป็นลูกจ้างของผู้มีอำนาจ หรือเป็นผู้ประกอบการรายย่อย

ความสัมพันธ์กับระบบการผลิตที่ต่างกันนี้ นำไปสู่ผลประโยชน์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน เช่นนายจ้างต้องการกำไรมากที่สุด แต่ลูกจ้างต้องการเพิ่มค่าจ้างเพื่อชีวิตที่ดีเป็นต้น

ระบบทุนนิยมมีกลุ่มชนชั้นหลักสามกลุ่มดังนี้คือ

1.นายทุน ผู้ควบคุมหรือเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต เช่นโรงงาน บริษัท หรือรัฐวิสาหกิจ ในโลกสมัยใหม่อำนาจในการควบคุมปัจจัยการผลิตเป็นเรื่องหลัก เพราะนายทุนไม่จำเป็นต้องเป็น “เจ้าของ” ของทั้งบริษัทก็ได้ แค่ถือหุ้นส่วนใหญ่ก็พอ หรือในกรณีรัฐวิสาหกิจ “นายทุน” คือข้าราชการชั้นสูงและทหาร ที่ถือตำแหน่งในกรรมการบริหารของรัฐวิสาหกิจ โดยที่ไม่ได้เป็นเจ้าของเลย

นายทุนทั้งชนชั้นมีอำนาจมาก เพราะควบคุมเศรษฐกิจ และทุกอย่างที่ทำให้เราดำรงชีพได้ โดยไม่มีประชาธิปไตยหรือการเลือกตั้งแต่อย่างใด เขาสามารถตัดสินใจเรื่องการลงทุน การถอนทุน การจ้างงาน หรือการเลิกจ้างได้เสมอ นอกจากนี้ชนชั้นนายทุนคุมอำนาจรัฐในส่วนที่ไม่มีการเลือกตั้งอีกด้วย เช่นกองทัพ ตำรวจ สื่อ หรือศาล และใช้สถาบันเหล่านี้เพื่อประโยชน์ของตนตลอด แต่ชนชั้นนายทุนเป็นคนส่วนน้อยของสังคมและไม่ใช่คนที่ทำงาน และทั้งๆ ที่ประชาชนส่วนใหญ่อาจเลือกรัฐบาลได้ในวันเลือกตั้ง แต่การตั้งรัฐบาลไม่ใช่เรื่องเดียวกับการควบคุม “รัฐ” แต่อย่างใด

2.กรรมาชีพ ผู้ที่เป็นลูกจ้าง ไม่ว่าจะเป็นกรรมกรในโรงงาน พนักงานในออฟฟิศ ข้าราชการชั้นผู้น้อย แรงงานรับจ้างในภาคเกษตร พยาบาล ครู อาจารย์ และรวมทั้งทนายหรือหมอที่เป็นลูกจ้างอีกด้วย กรรมาชีพคือลูกจ้าง ไม่ว่าจะหน้าดำหน้าขาวหรือแต่งตัวอย่างไร และไม่ว่าจะมีระดับการศึกษาใดหรือรสนิยมแบบไหนชนชั้นกรรมาชีพอาจไม่มีอำนาจ ในการคุมปัจจัยการผลิต บริษัทหรือรัฐวิสาหกิจ แต่มีพลังต่อรองสูงถ้ารวมตัวกันตั้งสหภาพแรงงาน คือสามารถทวงคืนมูลค่าที่ตนเองผลิตจากนายทุนได้ในระดับต่างๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับอำนาจต่อรองและการจัดตั้งเราจึงเห็นการนัดหยุดงานเพื่อเพิ่ม ค่าจ้าง

ชนชั้นกรรมาชีพมีพลังซ่อนเร้นมหาศาล เพราะเป็นผู้ทำงานในใจกลางระบบทุนนิยม การนัดหยุดงานหรือการยึดสถานที่ทำงานโดยชนชั้นกรรมาชีพโดยประสานกันทั้ง ประเทศ อาจนำไปสู่การล้มอำนาจนายทุนและการสร้างสังคมใหม่ได้ แต่กรรมาชีพต้องพัฒนาจิตสำนึกทางการเมืองและมีพรรคเป็นองค์กรจัดตั้งของตน เอง ถึงจะล้มนายทุนได้ ที่สำคัญคือในสังคมไทยทุกวันนี้ชนชั้นกรรมาชีพเป็นคนส่วนใหญ่ของสังคม

3. ชนชั้นกลาง ชนชั้นกลางในสังคมสมัยใหม่ เป็น “กลุ่มชนชั้น” มีความหลากหลายและกระจัดกระจาย เป็นคนที่ไม่ใช่นายทุน และไม่ใช่ลูกจ้างระดับธรรมดา เช่นเกษตรกรผู้ผลิตเองรายย่อย พ่อค้าแม่ค้ารายย่อย ผู้ประกอบการเองที่มีลูกจ้างสองสามคน หรืออาจเป็นหัวหน้างานและผู้บริหารที่เป็นทั้งลูกจ้างของนายทุนแต่มีอำนาจ ให้คุณให้โทษแทนนายทุน ชนชั้นกลางเป็นกลุ่มชนชั้นที่ไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ บางส่วนขยายจำนวน บางส่วนเริ่มมีน้อยลงเพราะล้มละลาย และชนชั้นนี้มีปัญหาในการรวมตัวกันเสมอ เพราะไม่เป็นปึกเป็นแผ่น มีผลประโยชน์ต่างกัน และอาจเป็นคู่แข่งกันด้วย

ดังนั้นบ่อยครั้งชนชั้นกลางต้องไปเกาะติดกับชนชั้นที่มีอำนาจมากกว่า เช่นชนชั้นนายทุน หรือบางครั้งอาจเกาะติดกับชนชั้นกรรมาชีพเมื่อมีการต่อสู้ จุดยืนทางการเมืองของชนชั้นกลางจึงไม่คงที่ ชนชั้นกลางมีจำนวนน้อยกว่ากรรมาชีพในสังคมไทยปัจจุบัน เพราะเกษตรกรรายย่อยกำลังล้มละลาย และคนส่วนใหญ่เป็นลูกจ้าง

นักมาร์คซิสต์ให้ความสำคัญกับกรรมาชีพเป็นพิเศษเนื่องจากมีอำนาจซ่อนเร้นทาง เศรษฐกิจ และการต่อสู้ของกรรมาชีพจะเน้นการรวมตัวกันเพื่อประโยชน์ของคนจำนวนมาก เพราะกรรมาชีพในสถานที่ทำงานถูกบังคับโดยสถานการณ์ให้ต่อสู้แบบรวมหมู่เพื่อ ประโยชน์ส่วนรวม ถ้าสู้แบบปัจเจกจะต่อรองกับนายจ้างไม่ได้ แต่กรรมาชีพไทยในเมืองยังต้องจับมือสร้างแนวร่วมกับคนจนในชนบทอีกด้วย เช่นลูกจ้างภาคเกษตรและเกษตรกรรายย่อย เพราะคนเหล่านี้มีจำนวนมากพอสมควร

คนเสื้อแดงส่วนใหญ่เป็นกรรมาชีพหรือเป็นเกษตรกรรายย่อยถึงระดับกลาง ประเด็นที่น่าสนใจคือคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ชื่นชมนายทุนอย่างทักษิณและพรรค เพื่อไทยซึ่งทำให้ต่อสู้เพื่อผลประโยชน์คนส่วนใหญ่ในลักษณะอิสระไม่ได้ จึงต้องจำยอมเดินตามก้นรัฐบาลเพื่อไทยที่จับมือกับทหาร นี่คือสาเหตุที่นักมาร์คซิสต์พยายามจัดตั้งพรรคของคนทำงาน ที่พยายามเสนอแนวคิดที่เป็นประโยชน์กับคนส่วนใหญ่อย่างอิสระ 

(ที่มา)
http://turnleftthai.blogspot.dk/2013/08/blog-post_193.html 

ดีออก เมื่อไม่มีรัฐธรรมนูญ ทำให้ไม่ต้องมี “ศาลรัฐธรรมนูญ”

ดีออก เมื่อไม่มีรัฐธรรมนูญ ทำให้ไม่ต้องมี “ศาลรัฐธรรมนูญ”


 


มีคนเสนอว่า นักการเมืองไทยควรเอาอย่างอังกฤษ ครับ งั้นต้องเริ่มจากฉีกรัฐธรรมนูญไทยทิ้งก่อน เพราะอังกฤษไม่มีรัฐธรรมนูญ (codified constitution) ไม่เคยมีกฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาอังกฤษฉบับไหนที่ถือว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ (เช่นเดียวกับอิสราเอลและนิวซีแลนด์)

ดีออก เมื่อไม่มีรัฐธรรมนูญ ทำให้ไม่ต้องมี “ศาลรัฐธรรมนูญ” มาตีความให้วุ่นวาย ไม่งั้นเหมือนเมืองไทยทั้ง ๆ ที่กฎหมายผ่านความเห็นชอบของตัวแทนปวงชนมาแล้ว ยังต้องมา “แท้ง” เพราะตุลาการศาลไม่กี่คน หรือทั้ง ๆ ที่เป็นคำสั่งโดยชอบของฝ่ายบริหาร ก็ถูกศาลตีความเข้ารกเข้าพง แถมยังเปิดพจนานุกรมตีความมั่วจนนายกฯ ต้องหลุดจากตำแหน่ง

ที่แย่กว่านั้นคือการอ้างว่าต้องมีการลงพระปรมาภิไธยก่อนจึงถือว่าเป็นกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ แสดงถึง “พระราชอำนาจ” ทั้ง ๆ ที่ธรรมเนียมปฏิบัติอันนี้เรี ยกว่าการให้ “royal assent” (จะเห็นว่าเขาไม่ใช้คำว่า “consent” แต่เป็น “assent”) เป็นเพียง “พิธีกรรม” (formality) อย่างหนึ่ง และที่ผ่านมาเป็นร้อยปีไม่เคยปรากฏเลยว่ามีพระมหาษัตริย์อังกฤษที่ไม่ยอมให้ “royal assent” ไม่ว่าในกรณีใด ๆ ต่อกฎหมายที่ผ่านรัฐสภาโดยชอบแล้ว

และจะให้ดีกว่านั้นต้องย้อนกลับไปที่ Magna Carta ของอังกฤษเลยนะครับ เลิกเลยครับ พวกที่อ้าง “พระราชอำนาจ” เพราะสาเหตุสำคัญของการจัดทำ “กฎบัตรใหญ่” ฉบับนี้คือการลดอำนาจของกษัตริย์ “กฎบัตรใหญ่” จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “The Great Charter of the Liberties of England” เพราะพูดถึงอิสรภาพของบุคคล เป็นที่มาของหลักสิทธิมนุษยชนสมัยใหม่

พูดอีกอย่างกษัตริย์ไม่ใช่เป็น “เจ้าชีวิต” คิดจะลงโทษ ริบทรัพย์ หรือฆ่าใครโดยพลการไม่ได้ ต้องมีการไต่สวนคดีจากประชาชนด้วยกันเองก่อน หรือต้องเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ เรียกว่าไม่ว่าเจ้าหรือไพร่ต่างไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายทั้งนั้น

“39. No freemen shall be taken or imprisoned or disseised or exiled or in any way destroyed, nor will we go upon him nor send upon him, except by the lawful judgment of his peers or by the law of the land.”


(ที่มา)
http://historion.net/history-england/chapter-ix-english-democracy
http://www.constitution.org/eng/magnacar.htm
http://en.wikipedia.org/wiki/Magna_Carta
http://www.independent.co.uk/news/uk/politics/the-big-question-why-doesnt-the-uk-have-a-written-constitution-and-does-it-matter-781975.html