หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ชอบเจ็บๆ ?

ชอบเจ็บๆ ?

 

โดยฐากูร บุนปาน

 

 

มีกองเชียร์รัฐบาลเป็นจำนวนไม่น้อยที่เกิดอาการขัดอกขัดใจอยู่ในปัจจุบัน

เมื่อรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เลือกที่จะ "ถอย" ในสามประเด็นใหญ่ๆ

แทนที่จะพุ่งเข้าไปชนกันให้รู้แล้วรู้รอด

ตั้งแต่กฎหมายปรองดอง

มาถึงร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ

และล่าสุดก็คือกรณีการเข้ามาขอใช้พื้นที่อู่ตะเภาของนาซา ซึ่งหลักฐานข้อเท็จจริงทนโท่อยู่ว่า เป็นเรื่องวิทยาศาสตร์-วิชาการล้วนๆ

ไม่ได้เป็นเรื่องจารกรรมสืบราชการลับตามจินตนาการเลอะเทอะเลื่อนเปื้อนของคนที่ออกมาร้องค้านเสียงแจ๋วๆ บางราย

แต่ถอยก็มีข้อดีของถอย

ถ้าถอยแล้วใช้เวลาที่ "ซื้อ" มาได้ โถมเข้าใส่ปัญหาบ้านเมืองที่รออยู่

ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วมไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำ

การดูแลปากท้องของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะคนที่มีรายได้น้อย

การตั้งรับปัญหาเศรษฐกิจโลกที่กระเพื่อมมาจากยุโรป

ฯลฯ

ทำสำเร็จก็เป็นบุญของชาวบ้าน และเป็นต้นทุนของรัฐบาลเอง

แต่ถ้าเหลว ที่ถอยมานอกจากไม่เกิดประโยชน์แล้ว สถานภาพรัฐบาลก็จะพลอยซวดเซไปด้วย

ไม่ใช่แค่ฝ่ายค้าน ฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายจ้องล้ม จะถือโอกาสถล่มให้ยับเยินเท่านั้น

ฝ่ายเดียวกันที่ "ไปไกลกว่า" ที่ถอยร่นอยู่ ก็จะกลับมามีบทบาทมากขึ้น


เป็นไปตามธรรมชาติของการต่อสู้เคลื่อนไหว

ว่าเมื่อวิธี "ประนีประนอม" ใช้ไม่ได้ผล แนวทาง "แตกหัก" หรือรุกหนักก็จะเสียงดังขึ้น

สมมุตินะครับ-สมมุติ

 

(อ่านต่อ)http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1341404569&grpid=&catid=02&subcatid=0207

ย้อนบทสนทนาลึกอดีตสัมพันธ์ลับ คู่แค้น บิ๊กบัง-ภูมิธรรม-หมอมิ้ง วันคืนอำนาจสู่ทำเนียบ..อีกครั้ง

ย้อนบทสนทนาลึกอดีตสัมพันธ์ลับ คู่แค้น บิ๊กบัง-ภูมิธรรม-หมอมิ้ง วันคืนอำนาจสู่ทำเนียบ..อีกครั้ง

 

 

ฤดูกาล ทิศทางการเมือง หมุนวนกลับไปที่กลุ่มอำนาจเดิมอีกหน

เมื่อคนการเมืองบ้านเลขที่ 111 ระดับหัวกะทิ สายเหยี่ยว พ้นโทษการเมือง เข้าประจำการในรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อีกครั้ง

ต่างไปที่ครั้งนี้หัวขบวนเก่าของสายอำนาจกลุ่มอนุรักษนิยมที่โค่นล้มฝ่าย "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพวก" อย่าง พล.อ.สนธิ

บุญยรัตกลิน หรือ บิ๊กบัง เปลี่ยนขั้ว ย้ายฝ่ายมาเคียงข้างอำนาจนิติบัญญัติของเพื่อไทย ล้างไพ่ในนามของคดี "ปรองดอง"

จากที่เคยต่างฝ่ายต่างเป็นศัตรูคู่แค้น แทบเอาตัวไม่รอด

บัด นี้ ทั้ง พล.อ.สนธิ-พ.ต.ท.ทักษิณ และบริวารคนสำคัญ อย่าง น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช และ นายภูมิธรรม เวชยชัย เข้าประจำการอยู่ในขบวนการเดียวกันอย่างแนบเนียน

ขณะที่ บิ๊กบัง กำลังหัวชนฝา เสนอเส้นทางปรองดอง เปิดบันไดให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้านแบบเท่ ๆ

ขณะที่ นายภูมิธรรม ที่หายจากพรรคไปนาน กลับเข้ามาชุบมือประจำการเป็นผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย

ขณะที่ นายแพทย์พรหมินทร์ เข้าระดมสมองในฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค เป็นกุนซือเงียบให้ "ยิ่งลักษณ์" ในทำเนียบรัฐบาล

หากย้อนไปดูประวัติศาสตร์วันต่อสู้แย่งชิงอำนาจเมื่อ 5 ปีก่อน ทั้ง 3 คนต่างความคิด ต่างสายพันธุ์โดยสิ้นเชิง !!



คลิกอ่านรายละเอียดที่นี่


(ที่มา)
http://www.matichon.co.th

Wake Up Thailand

Wake Up Thailand



Wake Up Thailand 05กค55

http://www.youtube.com/watch?v=3E4ktbC8JYc

The Daily Dose

The Daily Dose

 

The Daily Dose 05กค55

http://www.youtube.com/watch?v=I36MxedklOg&feature=player_embedded

80 ปีกับคำถามซ้ำๆ ซากๆ ของประชาธิปไตยไทย

80 ปีกับคำถามซ้ำๆ ซากๆ ของประชาธิปไตยไทย

 

 

โดยประวิตร โรจนพฤกษ์


ถึงแม้ ‘ประชาธิปไตย’ ไทยจะครบรอบ 80 ปีแล้ว แต่คำถามหรือข้อกังขาบางอย่างซ้ำๆ ซากๆ ก็ยังวนเวียนคงอยู่มิได้หายไปไหน

‘คนไทยส่วนใหญ่พร้อมสำหรับการปกครองแบบประชาธิปไตยจริงหรือ?’
ผู้ที่มีการศึกษาสูง (ในระบบ) มักอ้างว่าประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศซึ่งยากจนและมีการศึกษาน้อยไม่เข้าใจ ประชาธิปไตย รู้จักแต่ขายเสียงแถมโง่และถูกนักการเมืองชั่วๆ หลอกง่ายและมักเป็นเหยื่อนโยบายประชานิยม บางคนคิดไกลไปถึงขนาดเสนอว่าประชาชนที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไปเท่า นั้นที่ควรมีสิทธิเลือกตั้ง บางคนถวิลหาการปกครองระบอบเผด็จการทหารหรือแม้กระทั่งระบอบสมบูรณาญาสิทธิ ราชย์

บุคคลเหล่านี้เชื่อว่าพวกเขาเหนือกว่าและมีคุณธรรมกว่าคนส่วนใหญ่ใน ประเทศและเข้าใจประชาธิปไตยดีถึงแม้คนส่วนใหญ่ที่คิดแบบนี้มักกลับให้การ สนับสนุนรัฐประหารมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว

ผู้เขียนจะไม่ฟันธงยืนยันว่าคนไทยส่วนใหญ่เข้าใจประชาธิปไตยอย่างถ่องแท้ หากอยากจะบอกว่าสังคมจะก้าวหน้าเท่าเทียมมีความยุติธรรมและเป็นประชาธิปไตย ไม่ได้หากคนส่วนใหญ่ในแผ่นดินไม่มีโอกาสลองผิดลองถูกและใช้สิทธิทางการเมือง ที่เราทุกคนพึงมีอย่างเท่าเทียมกัน (ซึ่งการลองผิดลองถูกก็ไม่ต่างจากการหัดขับจักรยานซึ่งต้องมีพลาดบ้างล้ม บ้างเป็นธรรมดา)

อย่างน้อยที่สุด ทุกวันนี้ประชาชนแทบทุกคนคงตระหนักแล้วว่าแต่ละคนมีหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียง เท่าเทียมกัน หากจะเพิกถอนสิทธิประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ สังคมไทยก็คงต้องกลับไปเป็นเผด็จการอย่างเต็มรูปแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ พร้อมอาจเกิดสงครามการเมือง

ไม่มีสังคมใดที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงได้โดยปราศจากการต่อสู้ของคน ส่วนใหญ่ในประเทศ ในแง่นี้ความพยายามที่จะลิดรอนสิทธิทางการเมืองและกดประชาชนให้เงียบหรือ จัดการกับรัฐบาลที่ประชาชนเลือกโดยวิธีการที่ไม่ชอบธรรมและไม่เป็น ประชาธิปไตยจะเป็นตัวเร่งให้ประชาชนลุกออกมาสู้และเรียกร้องสิทธิของพวกเขา เพื่อสิทธิที่จะได้รับการเคารพและปฏิบัติอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าเขาจะเกิดมาจนหรือรวย เป็นคนดีหรือชั่ว หรือเลือกพรรคการเมืองใดก็ตาม

เมื่อเร็วๆ นี้นิด้าโพลเผยว่าคนกรุงฯ ฝันอยากได้ ส.ส.ที่มีคุณธรรม จริยธรรมและมีความรู้มากสุด ซึ่งมันน่าสนใจตรงที่ว่าความคิดเช่นนี้สะท้อนอะไรเกี่ยวกับคนกรุงฯ เหล่านั้น

ระบอบประชาธิปไตยไม่สามารถการันตีว่าสังคมจะได้นักการเมืองดีมาเป็น รัฐบาลเสมอไป หากระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริงการันตีว่าทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันและ สามารถเลือกและเปลี่ยนรัฐบาลที่ตนชอบหรือไม่ชอบได้อย่างสันติวิธี

มันเป็นการดีที่ประชาชนจะเป็นห่วงเรื่องคอร์รัปชั่นหรือนักการเมืองชั่ว แต่ตราบใดที่ทุกบุคคลสาธารณะทุกองค์กรทุกสถาบันไม่สามารถถูกตรวจสอบและ วิพากษ์ได้อย่างเสมอภาค การเรียกร้องแต่ให้มีนักการเมืองดีและขจัดคอร์รัปชั่นแค่ในหมู่นักการเมือง และข้าราชการก็จะกลายเป็นการเรียกร้องให้คงไว้ซึ่งสองมาตรฐานไปโดยปริยาย อย่างหลีกเลี่ยงมิได้

ไม่ว่าผู้อ่านจะถวิลหาระบอบการปกครองแบบใด ตราบใดที่ประชาชนยังไม่มีสิทธิทางการเมืองอย่างเท่าเทียมกันทุกคนอย่างแท้ จริง ตราบใดที่ยังมีการปิดหูปิดตายัดเยียดข้อมูลด้านเดียวบางเรื่องอย่างไม่ รู้จักพอเพียงและจับคนที่ตั้งคำถามเข้าคุก ตราบนั้นการต่อสู้ของประชาชนเพื่อสังคมประชาธิปไตยอย่างแท้จริงก็จักยังคง ดำเนินต่อไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะมนุษย์มิได้เกิดมาเพื่อให้มนุษย์ด้วย กันดูถูกเหยียดหยามกดขี่และล้างสมองว่าตนเองด้อยกว่าตลอดชีวิต

(ที่มา)
http://prachatai.com/journal/2012/07/41400

ญาติผู้ประสบภัยม. 112 เดินหน้ารณรงค์ปล่อยตัวนักโทษ-ผู้ต้องหาคดีหมิ่น

ญาติผู้ประสบภัยม. 112 เดินหน้ารณรงค์ปล่อยตัวนักโทษ-ผู้ต้องหาคดีหมิ่น

 

 

"เครือข่ายญาติและผู้ประสบภัยจากมาตรา 112" แถลงเปิดตัว เดินหน้ากิจกรรมรณรงค์เรียกร้องสร้างความเข้าใจแก่สาธารณะเรื่องสิทธิพื้น ฐานนักโทษคดีหมิ่น พร้อมเรียกร้องปล่อยตัวทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข 

 5 ก.ค. 55 - เวลาราว 11.00 น. ณ สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย เครือข่ายญาติและผู้ประสบภัยจากมาตรา 112 นำโดยสุกัญญา พฤกษาเกษมสุข ภรรยาของสมยศ พฤกษาเกษมสุข ผู้ต้องหาในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ได้แถลงข่าวเปิดตัวกิจกรรมของ "เครือข่ายญาติและผู้ประสบภัยจากมาตรา 112" โดยมีจุดประสงค์เพื่อรณรงค์ให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังและผู้ต้องหาในคดีม. 112 ทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข

 

(อ่านต่อ)http://www.prachatai.com/journal/2012/07/41402

นศ.มข. ออกแถลงการณ์ เดินหน้าคัดค้าน ม.นอกระบบ ต่อ หลังเจรจากับผู้บริหารล้มเหลว

นศ.มข. ออกแถลงการณ์ เดินหน้าคัดค้าน ม.นอกระบบ ต่อ หลังเจรจากับผู้บริหารล้มเหลว

 

นศ. มข. ออกแถลงการณ์ เดินหน้าคัดค้าน ม.นอกระบบ ต่อ หลังเจรจากับผู้บริหารล้มเหลว

หลังจากมีการชุมนุมประท้วง คัดค้านการนำมหาวิทยาลัยขอนแก่นออกนอกระบบ มาอย่างต่อเนื่องของนักศึกษามหาลัยวิทยาลัยขอนแก่น จนกระทั่งวันนี้(5 ก.ค.55) ได้มีการเปิดเวทีเจรจาหาทางออกร่วมกันระหว่างคณะผู้บริหารและตัวแทนนักศึกษา ที่ออกมาคัดค้าน แต่ตัวแทนนักศึกษาได้ออกมาเปิดเผยว่า กลับเป็นการแสดงความเห็นของผู้บริหารเพียงฝ่ายเดียว จนสร้างความไม่พอใจให้กับตัวแทนนักศึกษาที่เราร่วมประชุมในเวทีดังกล่าว และได้ขอถอนตัวจากการประชุมในที่สุด พร้อมกับได้ออกแถลงการณ์อธิบาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมแสดงจุดยืน จะเดินหน้าคัดค้านการนำมหาวิทยาลัยขอนแก่น ออกนอกระบบต่อไป

แถลงการณ์
เครือข่ายนักศึกษาคัดค้านการนำมหาวิทยาลัยขอนแก่นออกนอกระบบ
(ฉบับที่ 3)

ที่มา เฟซบุ๊ค Thiranai Arpong

แสดงจุดยืนในการไม่เข้าร่วมเวทีเจรจาหาทางออกเรื่อง ม.นอกระบบ

จาก การที่อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้จัดเวทีเพื่อเจรจากับเครือข่ายนักศึกษาคัดค้านการนำมหาวิทยาลัยขอนแก่น ออกนอกระบบในวันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม 2555 เวลา 10.00 น. ณ ตึกอธิการบดี เพื่อหาทางออกในการแก้ไขปัญหากรณีที่นักศึกษาออกมาคัดค้านการนำมหาวิทยาลัย ขอนแก่นออกนอกระบบ ซึ่งในเบื้องต้นทางเครือข่ายนักศึกษาคัดค้านการนำมหาวิทยาลัยขอนแก่นออกนอก ระบบได้ตอบรับที่จะเข้าร่วมเวทีดังกล่าวเพื่อเจรจาต่อรอง

แต่เนื่อง จากเวทีที่จัดขึ้นนั้นมิใช่เวทีในการเจรจาต่อรองแต่อย่างใด กลับกลายเป็นเวทีในการปราศรัยให้ข้อมูลของทางฝ่ายผู้บริหารชี้แจงกระบวนการ ทำประชาพิจารณ์ ว่าได้เสร็จสิ้นไปแล้ว และอ้างว่าไม่สามารถที่จะทำให้ประชาคมชาวมหาวิทยาลัยขอนแก่นเข้าใจทั้งหมด ได้ ทั้งที่ในข้อเท็จจริงปรากฏว่ายังมีประชาคมชาวมหาวิทยาลัยขอนแก่นอีกมากที่ ยังไม่รับทราบข้อมูล และยังมีอีกเป็นจำนวนมากที่ยังคัดค้านการนำมหาวิทยาลัยขอนแก่นออกนอกระบบ อยู่

ดังนั้นกระบวนการที่อธิการบดีกล่าวอ้างนั้นแสดงให้เห็นถึงข้อบกพร่องของกระบวนการมีส่วนร่วมตามหลักประชาธิปไตย

ตาม หลักการประชาธิปไตยแล้วนั้น ควรที่จะทำให้เกิดการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นของนักศึกษาและประชาคม ชาวมหาวิทยาลัยขอนแก่นอย่างทั่วถึง ซึ่งทางเครือข่ายนักศึกษาคัดค้านการนำมหาวิทยาลัยขอนแก่นออกนอกระบบขอยืนยัน ในหลักการทำประชาพิจารณ์ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

1.ยุติกระบวนการนำมหาวิทยาลัยขอนแก่นออกนอกระบบโดยการนำร่าง พรบ. มหาวิทยาลัยขอนแก่นกลับมาพิจารณาใหม่

2.เปิด ให้มีเวทีในการให้ข้อมูลกับประชาคมชาวมหาวิทยาลัยขอนแก่น ให้ทราบถึงว่า ม.นอกระบบคืออะไร มีผลดีผลเสีย อย่างไรพร้อมทั้งตัวอย่างของมหาวิทยาลัยที่ออกนอกระบบไปแล้วว่าเป็นเช่นไร อย่างทั่วถึง

3.รับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนและเปิดให้มีการลงประชามติของประชาคมมหาวิทยาลัยขอนแก่น

การ ที่อธิการบดีไม่ได้เปิดเวทีเจรจาที่แท้จริง แต่กลับเปิดเวทีอภิปรายเพื่อสร้างความชอบธรรมว่าได้เจรจากับนักศึกษาที่คัด ค้านการนำมหาวิทยาลัยขอนแก่นออกนอกระบบนั้น ได้สร้างความเจ็บปวดให้ทางเครือข่ายนักศึกษาคัดค้านการนำมหาวิทยาลัยขอนแก่น ออกนอกระบบจนมิอาจที่จะกล้ำกลืนฝืนเข้าร่วมกับเวทีดังกล่าวได้ และขอคัดค้านด้วยการไม่เข้าร่วมเวทีที่จัดขึ้น

ข้อสรุปที่เกิดขึ้น จากเวทีดังกล่าวทางเครือข่ายเครือข่ายไม่มีส่วนร่วมแต่อย่างใด และขอยืนยันว่าการเจราจายังไม่ยุติ ทั้งนี้ทางเครือข่ายจะขอดำเนินการต่อสู้เพื่อกระบวนการมีส่วนร่วมในการนำ มหาวิทยาลัยขอนแก่นออกนอกระบบตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตยต่อไป

ด้วยจิตแห่งความเป็นมนุษย์
5 กรกฎาคม 2555

(ที่มา)
http://turnleftthai.blogspot.dk/2012/07/blog-post_05.html?spref=fb

เวทีเจรจาล่ม นศ.วอล์กเอาต์ ชี้ผู้บริหารมหา'ลัยจัดเวทีหวังสร้างความชอบธรรมนำ มข.ออกนอกระบบ

เวทีเจรจาล่ม นศ.วอล์กเอาต์ ชี้ผู้บริหารมหา'ลัยจัดเวทีหวังสร้างความชอบธรรมนำ มข.ออกนอกระบบ

 

เครือข่าย นศ.ค้าน ม.นอกระบบ ปฏิเสธเวทีเจรจากับอธิการบดี มข.ชี้ไม่ใช่เวทีเจรจาต่อรอง แต่ถูกใช้เป็นพื้นที่ปราศรัยให้ข้อมูลของฝ่ายผู้บริหาร มุ่งสร้างความชอบธรรมให้ตนเอง

 

สืบเนื่องจาก การทำกิจกรรมของเครือข่ายนักศึกษาคัดค้านการนำมหาวิทยาลัยขอนแก่นออกนอกระบบ เพื่อเรียกร้องกระบวนการมีส่วนร่วม ในการนำมหาวิทยาลัยขอนแก่นออกเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับรัฐ หรือการนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา เครือข่ายนักศึกษาฯ ได้จัดการชุมนุมใหญ่ และยกระดับการชุมนุมโดยทำการปิดถนนมิตรภาพบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เรียกร้องการเจราจาร่วมกับผู้บริหาร
 
วันนี้ (5 ก.ค.55) เวลาประมาณ 10.00 น.เครือข่ายนักศึกษาคัดค้านการนำมหาวิทยาลัยขอนแก่นออกนอกระบบเดิน ทางเข้าร่วมประชุมกับ รศ.ดร.กิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ตึกอธิการบดี ตามที่ได้ตกลงกันหลังจากหนึ่งวันก่อนหน้านี้ (4 ก.ค.55) ตัวแทนเครือข่ายนักศึกษาฯ ส่วนหนึ่งได้ติดตามไปเข้ายื่นหนังสือถึงผู้บริหารมหาวิทยาลัยในที่ประชุมสภา มหาวิทยาลัยอีกครั้ง ถึงที่โรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพมหานคร ซึ่ง รศ.ดร.กิตติชัยได้รับปากและนัดเจรจากับเครือข่ายนักศึกษาฯ เพื่อหาทางที่ดีที่สุดร่วมกัน
 
(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2012/07/41401

"จรัญ ภักดีธนากุล" ถอนตัวจากองค์คณะตุลาการ คดีแก้รัฐธรรมนูญ

"จรัญ ภักดีธนากุล" ถอนตัวจากองค์คณะตุลาการ คดีแก้รัฐธรรมนูญ

 

"จรัญหนีความรับผิดชอบ ไม่ใช่มีมารยาท เพราะถ้าจรัญไม่ถอนตัว ก็ต้องยืนยันว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับได้ ไม่ผิด ม.68 แต่นี่จรัญชิ่งหนีสิ่งที่ตัวเองเคยพูดไว้เมื่อปี 2550 (แถมอ้า่งน้ำขุ่นว่าไม่เคยพูดแก้ทั้งฉบับ)

มารยาทหมายถึงไม่กลืนน้ำลาย ไม่กลับคำ และกล้ายืนยันหลักการที่เคยยึดถือ

ถ้าจรัญมีมารยาทจริง ถ้าศาล รธน.เห็นว่าแก้ รธน.ทั้งฉบับไม่ได้ จรัญต้องลาออก

ที่จริง ถ้าจรัญมีมารยาทจริง ร่าง รธน.แล้วก็ไม่ควรมาเป็นตุลาการศาล รธน."

หลังจรัญ ถูกร้องว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี เพราะเคยเป็นกรรมาธิการร่าง รธน.50 ทำให้ขณะนี้เหลือตุลาการศาล รธน.อีก 2 ราย คือนายนุรักษ์ มาประณีต และนายสุพจน์ ไข่มุกด์ ซึ่งเคยเป็นกรรมาธิการยกร่าง รธน.50 นั่งบังลังก์ตุลาการศาล วินิจฉัยคดีนี้

มติชนออนไลน์ รายงานว่า เมื่อเวลา 14.05 น. วันที่ 5 กรกฎาคม 2555 หลังพักการไต่สวนพยานบุคคลฝ่ายผู้ร้องในช่วงเช้า เมื่อเปิดบัลลังก์พิจารณาไต่สวนต่อในช่วงบ่าย นายวสันต์ สร้อยพิสุทธ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้แจ้งให้ฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้องทราบว่านายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้ขอถอนตัวจากการเป็นองค์คณะตุลาการทั้ง 5 สำนวน เพราะเนื่องจากถูกร้องว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีที่ประชุมของตุลาการศาลรัฐ ธรรมนูญได้มีมติอนุญาตให้ถอนตัวได้ เพื่อความเป็นกลาง อย่างไรก็ตาม องค์คณะยังทำหน้าที่วินิจฉัยต่อไปได้ ทำให้เหลือ 8 จากองค์คณะ 9

โดยประธานศาลรัฐธรรมนูญ  กล่าวชี้แจงต่อไปว่า หากนายจรัญ ภักดีธนากุล ร่วมตัดสินใจคดีดังกล่าวทั้ง 5 สำนวน อาจถูกวิจารณ์ว่า รู้คำตอบล่วงหน้า

(อ่านต่อ)http://www.prachatai.com/journal/2012/07/41396

 

จรัญ ภักดีธนากุล (5 ปีที่แล้ว) เสนอให้รับ รธน.50 แล้วค่อยแก้มาตราเดียวเพื่อยกร่างใหม่

 

2007 constitution debate Charan Pakdeethanakul#final: Vote Yes

http://www.youtube.com/watch?v=ve0kcWmbwGw&feature=player_embedded 

 

หมายเหตุ: ตามที่ในวันนี้ (5 ก.ค. 55) ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งนั่งบัลลังก์ศาล ได้ชี้แจงต่อผู้ถูกร้องจากพรรคเพื่อไทยว่า ในสมัยที่เขาเป็น ส.ส.ร.ปี 2550 นั้นเคยบอกว่าให้รับรัฐธรรมนูญ 2550 เพื่อให้พ้นจากระบอบปฏิวัติรัฐประหาร แต่ถ้ารัฐธรรมนูญไม่เหมาะไม่ควรตรงไหนก็ให้แก้ไขเพิ่มเติมได้ แต่ไม่ได้บอกว่าให้ยกร่างทั้งฉบับนั้น

ก่อนหน้านี้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เมื่อวันที 3 ส.ค. ปี 2550 มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิไตยได้จัดดีเบตระหว่างฝ่ายที่สนับสนุน และฝ่ายคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 โดยหนึ่งในผู้อภิปรายฝ่ายสนับสนุนคือจรัญ ภักดีธนากุล สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญในขณะนั้น ปัจจุบันดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยในช่วงที่ 2 ของการอภิปราย นายจรัญได้เสนอให้รับรัฐธรรมนูญปี 2550 ไปก่อน เพราะเป็น "สิ่งที่จำเป็นที่สุดของการกลับคืนมาแห่งอำนาจของประชาชนอย่างราบรื่น ชัดเจน แน่นอน " และหลังจากนั้นสามารถแก้ไขมาตราเดียวแบบเดียวกับที่เริ่มร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 โดยนายจรัญยืนยันว่าเป็นวิธีการที่ "ราบรื่น" กว่าการปฏิเสธร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 โดยมีรายละเอียดของการอภิปรายดังนี้

(อ่านต่อ)http://www.prachatai.com/journal/2012/07/41395 

เอียง"เอียง"เอียง"

"เอียง"เอียง"เอียง"


http://www.matichon.co.th/online/2012/07/13412881531341288359l.jpgPhoto: หยุดกฎหมายล้างผิด หยุดทำผิดให้เป็นถูก หยุดอ้างอำนาจที่ไม่ได้มาจากปวงชน

เมื่อมีการยึดอำนาจของปวงชนก็จะมีการออกกฎหมายลบล้างความผิดของพวกที่ทำการยึดอำนาจ ซึ่งเป็นความผิดฐานกบฏที่มีโทษถึงประหารชีวิต เหมือนโจรที่ปล้นบ้าน แล้วประกาศว่าการปล้นบ้านไม่เป็นความผิด

ตามด้วยประกาศและคำสั่งของพวกที่ทำการยึดอำนาจของปวงชน และยังให้มีผลทางกฎหมาย แม้ว่าคณะรัฐประหารได้ลงจากอำนาจไปแล้ว เหมือนโจรบังคับให้เจ้าของบ้านต้องปฏิบัติตามคำสั่งของพวกโจรตลอดไป แม้ว่าพวกมันจะลงจากบ้านไปแล้ว

รวมถึงการอ้างอำนาจของตุลาการที่มีจากการเลือกกันเองของข้าราชการตุลาการที่มิได้ยึดโยงกับประชาชนแม้แต่น้อยที่ใช้อำนาจโดยไม่มีขอบเขต ทั้งๆที่ตุลาการมีหน้าที่เพียงแค่การพิจารณาคดีความตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายเท่านั้น แต่ไม่มีหน้าที่พิจารณาเรื่องทางการเมืองที่ขึ้นกับการตัดสินใจของประชาชน 
การที่ตุลาการเข้าแทรกแซงกำกับควบคุมเรื่องทางการเมือง ควบคุมการทำงานของสภาและรัฐบาล ก็เท่ากับเป็นการรวบอำนาจหรือปล้นอำนาจของปวงชนนั่นเอง เท่ากับว่ามีคนที่ไม่ใช่เจ้าของบ้านแต่มาอ้างสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องภายในบ้านแทนเจ้าของบ้าน หรือกระทั่งจัดการขับไล่ ลงโทษหรือกลั่นแกล้งตัวแทนเจ้าของบ้าน

ประชาชนผู้เป็นเจ้าของบ้าน จงลุกขึ้นทวงสิทธิ์อันชอบธรรมของตน
จงร่วมกันปฏิเสธกฎหมายล้างผิดให้พวกกบฏที่ปล้นอำนาจของประชาชน
จงปฏิเสธบรรดาประกาศ คำสั่งและกฎหมายของโจรที่ปล้นอำนาจของพวกเรา
จงปฏิเสธตุลาการซึ่งไม่ใช่ตัวแทนของพวกเราแต่กลับมาทำลายและริดรอนอำนาจตัวแทนของพวกเรา

ประชาชนทั้งหลายจงรวมตัวกันเพื่อทวงสิทธิ์อันชอบธรรมของพวกเราคืนจากพวกโจรปล้นอำนาจทั้งหลาย ที่มาในหลากหลายรูปแบบ
เพื่อสร้างประเทศให้เป็นประชาธิปไตย เพื่อลูกหลานไทยทุกคน


ตราชูนี้ดูเที่ยง บ่มิเอียงจริงไหมหือ
ขวาซ้ายเท่ากันหรือ รึจะหย่อนอยู่ข้างไหน
เพ่งดูตราชูตั้ง ข้านี้ยังมิแน่ใจ
ที่เที่ยงนั้นเพียงใด ที่ว่าไม่แค่ไหนกัน
ตราชูคู่กฎหมาย ตราขึ้นไว้เพื่อสุขสันต์
สังคมมิป่วนปั่น เพราะกฎข้อบังคับคาน
แต่นี้เพื่อใครหรือ มวลชนฤาเผด็จการ
อ้ำอึ้งตะลึงลาน ศาลที่ไหนไม่เคยมี
เขายึดเราฮึดสู้ กฎว่าสูต้องเป็นผี
เขาร่างอ้างว่าดี เราแก้มั่งช่างระแวง
ตีความหยามทวยราษฎร์ แย่งอำนาจอย่างผาดแผลง
สิ้นคิดบิดตะแบง พลิกชิวหามาเทียบเคียง
สิ้นธรรมเหลืออำนาจ อาละวาดตวาดเถียง
ตราชูนี้ดูเอียง บ่มิเที่ยงเสียแล้วเอย


เกษียร เตชะพีระ


ทางออกจากตุลาการธิปไตยคือทั้งตุลาการและประชาชน จงอย่ากลัวเลย!

"ไม่ใช่อำนาจหรอก แต่เป็นความกลัวต่างหากที่ทำให้เสื่อมทรามลง

"ความกลัวว่าจะสูญเสียอำนาจทำให้ผู้กุมอำนาจเสื่อมทรามลง
และความกลัวโทษทัณฑ์ของอำนาจก็ทำให้ผู้อยู่ใต้อำนาจนั้นเสื่อมทรามลงด้วย"
"ทางออกคือ อย่ากลัวเลย"

อองซานซูจี

 

ล่าสุด ผมได้ตั้งข้อสังเกตถึงความเสื่อมทรามที่อำนาจตุลาการธิปไตยกระทำให้เกิดขึ้น แก่สถาบันตุลาการในรอบหลายปีที่ผ่านมาหลังรัฐประหาร คปค. ๒๕๔๙ ในบทสัมภาษณ์ นิตยสารสารคดีฉบับ ๘๐ ปีการเมืองไทย (มิ.ย. ๒๕๕๕) ว่า:

"สถาบันและบุคคลที่ใช้อำนาจมากแต่มีสติปัญญากำกับอำนาจน้อยมันเป็นอย่างไร มันก็ชอบธรรมน้อยลง แล้วคนก็หัวเราะเยาะมากขึ้นเรื่อยๆ เกิดอะไรขึ้นกับศาลรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา ใช้อำนาจแบบมหัศจรรย์มาก เปิดพจนานุกรมในการตีความบ้างละ เติมคำว่า “อาจจะ” เข้าไปตอนเรื่องเขาพระวิหารบ้างละ ตอนนี้ก็มาตีความมาตรา ๖๘ แบบมหัศจรรย์ลั่นโลก ขัดแย้งกับตัวเองด้วยซ้ำ คนเขาก็ดูเบาสติปัญญาคุณมากขึ้นเรื่อยๆ อำนาจคุณก็มีอยู่ในรัฐธรรมนูญ คุณยังคงใช้อำนาจนั้นไปได้เรื่อยๆ ก็จริงอยู่ แต่ใครจะฟังคุณ ความยอมรับจะมีแค่ไหน ถ้าคุณใช้อำนาจอย่างเขลา"

เกษียร เตชะพีระ

ศาลเทวดา!!!ตัดสินอย่างไร "ก็ไม่ผิด"มีแห่งเดียวในโลก!!!!!

ศาลเทวดา!!!ตัดสินอย่างไร "ก็ไม่ผิด"มีแห่งเดียวในโลก!!!!! 

 

Posted Image

"ตัดสินล่วงหน้าก็ได้ ตัดสินความผิดย้อนหลังก็ได้ ไม่มีอำนาจก็ตัดสินได้ ศาลเทวดาของไทยไม่มีที่ใดในโลก...อะเมซิ่ง"


Amazing ศาลรัฐธรรมนูญ

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=4NqyWvchzPs

The Daily Dose

หม่อมปลื้ม เผาศาลรัฐธรรมนูญ 

http://www.youtube.com/watch?v=Bg9dp7_fSv4&feature=player_embedded

ปลื้มย้ำ ทักษิณต้องสู้ ก่อนปท จะกู้ไม่กลับ Voice TV

http://www.youtube.com/watch?feature=endscreen&v=Y3r1dXWxrpU&NR=1