อั้ม โนโกะ กับความดัดจริต (เถื่อน)ของสังคมไทย
โดย นุ่มนวล ยัพราช
จาก นสพ เลี้ยวซ้าย ต.ค. ๕๖
ในขณะที่พรรคเพื่อไทยเลือกเฉยเมยที่จะนำคนผิดมาลงโทษและสร้างบรรทัดฐานใหม่
ให้เกิดขึ้นในสังคม ผลที่เกิดขึ้นคือ
ความเละตุ้มเป๊ะและความป่าเถื่อนแบบไทยๆยังคงยืนเด่นทะมึนเป็นภัยต่อไป
ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ต่อไป กรณี อั้ม โนโกะ
ไม่ใช่กรณีแรกที่ถูกรังแกด้วยความคับแคบล้าหลังอั้นนี้ และ
หากไม่มีการจัดการปฏิรูปสังคมอย่างเป็นระบบ อั้ม โนโกะ
คงไม่ใช่คนที่สุดท้าย
ในเวทีทางการเมืองเสื้อแดงการปราศรัยที่เต็มไปด้วยการเหยียดเพศดูเหมือนกลาย
เป็นเรื่องปกติ มาดูซีกพรรคประชาธิปัตย์อันนี้ก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
อยู่ในสภาวะวิกฤติที่กู่ไม่กลับเสียด้วยซ้ำ
เมื่อหัวหน้าพรรคออกมาประณามหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
ด้วยคำเหยียดและดูถูกทางเพศ
การถกเถียงทางการเมืองที่ถูกปกคลุมไปด้วยเรื่องแบบนี้ถือว่าเละตุ้มเป๊ะ
จริงๆ
ล่าสุดมีการแจ้งความ อั้ม โนโกะ ด้วยมาตรา 112
เพราะพวกขวาจัดไม่พอใจเรื่องการรณรงค์ของเธอ อั้ม โนโกะ
นักศึกษาธรรมศาสตร์ผู้ซึ่งกล้าท้าท้ายกฎระเบียบอันล้าหลังของมหาวิทยาลัย
โดยการตั้งคำถามเชิงประชดประชันเกี่ยวกับการใส่เครื่องแบบนักศึกษา
ซึ่งได้ลากไส้ความจริงอันปัญญาอ่อนออกมาหลายอย่าง เช่น
อาจารย์ประจำคณะได้สวมใส่เครื่องแบบนักศึกษาเพื่อรณรงค์เพื่อให้นักศึกษาใส่
เครื่องแบบโดยอ้างว่าเพื่อสร้างความเป็นกันเอง
แต่การรณรงค์ดังกล่าวเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความอนุรักษ์นิยม
เน้นความเป็นเด็กที่ต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่
เชิดชูแนวความคิดแยกเขาแยกเราโดยการกล่าวว่าหลายคนไม่มีโอกาสใส่ชุดนักศึกษา
แทนที่จะตั้งคำถามอย่างคนมีปัญญาว่าทำไมการศึกษาของประเทศเรายังไปไม่ทั่ว
ถึง
ทำไมเด็กไทยทุกคนไม่มีหลักประกันว่าพวกเขาเหล่านั้นจะได้รับโอกาสเล่าเรียน
ขั้นสูงในระดับมหาวิทยาลัย อะไรคืออุปสรรคใหญ่
สถาบันแบบไหนที่เคยเป็นอุปสรรคต่อการรู้แจ้งทางปัญญาของสังคมไทย