ก้าวต่อไปในการต่อสู้
https://www.youtube.com/watch?v=0yRwx3rpc3Q
โดย องค์กรเลี้ยวซ้ายในประเทศไทย
เรา ขอสดุดีผู้กล้าหาญทุกคนที่ออกมาต่อต้านรัฐประหาร การต่อสู้รอบนี้คงใช้เวลา แต่เราต้องสู้อย่างต่อเนื่องด้วยวิธีการต่างๆ ที่หลากหลาย ที่สำคัญคือต้องพยายามขยายกระแส ไปสู่ทุกภาคส่วน ต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
แต่เราต้องฉลาดในการต่อสู้ ต้องเข้าใจยุทธวธีที่มีประสิทธิภาพ เพราะแค่การใช้ “อารมณ์” คงอยู่ได้ไม่นาน
การ ต่อสู้แบบนำตนเอง นัดเอง มาเอง มีความสำคัญยิ่งในสถานการณ์เฉพาะหน้าปัจจุบัน เพราะไม่หวังพึ่งแกนนำ นปช. ที่หมดสภาพในการนำนานแล้ว มันเป็นการแสดงจุดยืนนำตนเอง ไม่พึ่งทักษิณด้วย เพราะทักษิณไม่มีความคิดจะสู้แบบที่จะถอนรากถอนโคนอำนาจทหารหรืออำมาตย์เลย เขาต้องการสู้แบบกดดันให้เขาสามารถกลับมามีบทบาทเท่านั้นเอง
อย่าง ไรก็ตาม หลังจากนี้เราจะสู้แบบ นำตนเอง นัดเอง มาเอง ไปนานๆ ไม่ได้ มันจะค่อยๆ ลดพลังลง ดังนั้นเราต้องหาทางทำงานร่วมกันในรูปแบบองค์กร ประสานการเคลื่อนไหวและต่อสู้ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ในขณะที่คงไว้แกนนำหลากหลาย หลายหัว เพราะจะรักษาความเป็นประชาธิปไตยในองค์กร และทำให้ปราบยากขึ้น ที่สำคัญคือควรมีการนัดคุยกันระหว่างตัวแทนกลุ่มต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อถกเถียงทำความเข้าใจกับภาพรวมทางการเมือง เพื่อกำหนดแนวทางการต่อสู้ ต้องเชิญกลุ่มอื่นๆ มาร่วมมากขึ้นตลอด ไม่มีการกีดกันใคร โดยมีกติกาง่ายๆ ในการประชุม เพื่อไม่ให้ใครครอบงำ
เราต้องทำงานเป็นระบบเหมือนฝ่ายตรงข้าม ที่ทหารทำงานร่วมกับองค์กรอิสระ ศาล ม็อบนกหวีด พรรคปชป.กันเป็นอย่างดี
เรา ต้องให้ความสำคัญในการเชิญกลุ่มสหภาพแรงงานแดงและสหภาพแรงงานที่รัก ประชาธิปไตยมาร่วม สหภาพแรงงานดังกล่าวต้องพยายามทำความเข้าใจกับสมาชิกว่าทำไมเราต้องสู้แบบ “การเมือง” กับอำนาจเผด็จการ และในอนาคน ถ้าสร้างกระแสได้ เราควรพิจารณาการนัดหยุดงาน แต่ต้องทำงานการเมืองพื้นฐานก่อนอย่างเร่งด่วน
ใน
ช่วงอนาคต เรามองไม่เห็นทางที่คณะรัฐประหารจะใช้ ในการแก้ปัญหาสังคม
ในการลดความขัดแย้ง ตามที่เขาอ้าง มันจะแก้ได้ยังไง
อันนี้เนื่องมาจากสังคมที่พัฒนาไปมาก มากเสียจนคนรุ่นใหม่
แทบจะนึกภาพไม่ออกว่าสังคมที่มีประชาธิปไตยครึ่งใบ สังคมที่มีการควบคุมสื่อ
สังคมที่มีการห้ามคนมีความเห็น มันมีหน้าตาอย่างไร
คนจะทนกับสภาพเช่นนี้ได้นานแค่ไหน
และคนส่วนใหญ่ในประเทศไม่ได้สนับสนุนทหารและพรรคประชาธิปัตย์แต่อย่างใด
อย่าให้สื่อมวลชนภายใต้ตีนทหารกล่อมให้เราหดหู่
เราต้องมีช่องทางสือแนวคิดระหว่างกันเอง การพบกันเป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญ
การใช้โซเชียลมีเดียก็สำคัญ แต่ต้องทำหลายอย่าง ไม่ใช่แค่พึ่งอินเตอร์เน็ต
ใน
ระยะสั้น ทหารอาจจะสร้างภาพว่าคุมสังคมได้ด้วยกระบอกปืน
แต่ภายใต้ภาพหลอกลวงนี้ประชาชนโกรธแค้นและไม่ยอมรับทหาร
เราอาจไปประท้วงทุกวันไม่ได้ เพราะต้องไปทำงานหรือเรียนหนังสือ
แต่เราต้องมีกิจกรรมต่อเนื่อง
ใน
ระยะยาว ทหารจะไม่สามารถแบกความต้องการที่หนักหนาซับซ้อนของประชาชนได้
ความต้องการ ข้อเรียกร้องของทั้งฝ่ายสนับสนุนรัฐประหาร และฝ่ายคัดค้าน
จะเพิ่มมากขึ้น ทั้งในมิติการเมือง เศรษฐกิจ ที่มีความขัดแย้งกันอยู่แล้ว
ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดทั่วไปในทุกสังคม
และ
สุดท้าย เราไม่ควรลืมเพื่อน ต้องรณรงค์ให้ปล่อยตัวนักโทษการเมืองโดยไว
ไม่ใช่ปล่อยให้ถูกลืมและเป็นเหยื่อของการเจรจา อย่างที่พรรคเพื่อไทยเคยทำ
(ที่มา)