หน้าเว็บ

วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ว่างงานยูโรโซนสูงทุบสถิติเป็นประวัติการณ์ คาดอีซีบีหั่นดอกเบี้ย 0.25 %ช่วยแบงก์

ว่างงานยูโรโซนสูงทุบสถิติเป็นประวัติการณ์ คาดอีซีบีหั่นดอกเบี้ย 0.25 %ช่วยแบงก์

 

 

ไฟแนนเชียลไทม์สรายงานเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ว่า เป็นที่คาดการณ์ในวงกว้างว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในสัปดาห์นี้เพื่อพยายามสร้างความมีชีวิตชีวาให้กับ เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศผู้ใช้เงินสกุลยูโร (ยูโรโซน) ที่กำลังป่วยหลังจากที่อัตราการว่างงานในภูมิภาคไต่ขึ้นสู่ระดับสูงที่สุด เป็นประวัติการณ์ และผลสำรวจภาคการผลิตสำคัญแสดงให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมอยู่ในสภาพอ่อนแอที่ สุดในรอบ 3 ปี

ความสนใจต่อบทบาทของอีซีบีในการช่วยเหลือยูโรโซนให้หลุดพ้นจากวิกฤตหนี้ กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่การประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ได้ข้อสรุปว่าอีซีบีควรจะรับบทบาทในการควบคุมดูแลธนาคารพาณิชย์ของยูโรโซน นอกจากนี้ บรรดาผู้นำยังสนับสนุนมุมมองของนายมาริโอ ดรากี ประธานอีซีบี ที่ว่ากองทุนให้ความช่วยเหลือของยูโรโซนควรจะให้เงินช่วยเหลือกับธนาคารที่ ประสบปัญหาโดยตรง

มีนักวิเคราะห์จำนวนไม่มากที่คาดหวังว่าอีซีบีจะให้ความช่วยเหลือโดยตรง แก่ธนาคารหรือรัฐบาลในรูปแบบเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำหรือการซื้อพันธบัตรเพิ่มอีก ในสัปดาห์นี้ ทว่าตลาดหุ้นมีปฏิกิริยาในแบบที่มีแนวโน้มว่าอีซีบีจะตอบสนองต่อข้อมูลทาง เศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดโดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือระดับต่ำ กว่า 1 เปอร์เซ็นต์ เป็นครั้งแรก เป็นการช่วยเหลือธนาคารของยูโรโซนที่ต้องพึ่งพาการกู้ยืมเงินจากธนาคารกลาง โดยทางอ้อม

"การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25 จุด ดูเหมือนว่าเกือบจะเป็นเรื่องที่ตัดสินใจไปแล้ว" คาร์สเทน เบอร์เซสกี้ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของไอเอ็นจีในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียมระบุไว้ในผลวิจัยที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม
ดรากี ได้ส่งเสียงเตือนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้นของภาพรวมทางเศรษฐกิจ และนักเศรษฐศาสตร์บางส่วนคิดว่าอีซีบีควรจะต้องพิจารณาถึงมาตรการที่แข็ง กร้าวมากกว่านี้ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50 จุด

จูเลียน คัลโลว์ นักเศรษฐศาสตร์ยุโรปของบาร์เคลย์ส บอกว่า "สถานการณ์อยู่ในสภาวะทางลบมากพอที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.5 เปอร์เซ็นต์ เป็นที่ชัดเจนว่าเศรษฐกิจต้องการการกระตุ้นมากขึ้นกว่านี้อย่างเห็นได้ชัด"

สำนักงานสถิติของอียูเปิดเผยวันเดียวกันนี้ว่า ตัวเลขการว่างงานของยูโรโซนเพิ่มเป็น 11.1 เปอร์เซ็นต์ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของเขตเศรษฐกิจสกุลเงินร่วม โดยอัตราว่างงานเพิ่มสูงขึ้นในสเปน ซึ่งอยู่ในระดับที่เกือบ 1 ใน 4 คนไม่มีงานทำ โดยทั่วทั้งยูโรโซน จำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้นราว 1.8 ล้านคนในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งคนว่างงานที่อายุต่ำกว่า 25 ปี ในสเปนและกรีซมีมากกว่า 52 เปอร์เซ็นต์

เบอร์เซสกี้บอกว่า ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ "ต่ำกว่าระดับค่าเฉลี่ยในประเทศยูโรโซนมากเป็นประวัติการณ์" ยกเว้นเพียงแค่ในเยอรมนี ซึ่งอัตราว่างงานยังคงต่ำ ทว่าความเชื่อมั่นก็ลดลงเล็กน้อยเช่นกัน โดยภาคการผลิตของเยอรมนีหดตัวลงด้วยอัตราเร็วที่สุดในรอบ 3 ปี ในเดือนมิถุนายน อ้างอิงจากข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) ของบริษัทมาร์กิต

(ที่มา)

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1341365049&grpid=&catid=06&subcatid=0600

วันชาติของสหรัฐอเมริกา เนื้อหาคำประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกามีว่าอย่างไร

วันชาติของสหรัฐอเมริกา เนื้อหาคำประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกามีว่าอย่างไร

 

ภาพปกหนังสือต้องห้ามในประเทศไทย

ในโอกาสครบรอบวันชาติอเมริกา ประกาศอิสรภาพ 236 ปี ที่"เทพีเสรีภาพยืนหลับไหล" มองไม่ถึงที่เมืองไทย ปล่อยให้ “โจ-กอร์ดอน” ผู้แปลหนังสือ “King never smile” ข้อหาหมิ่นสถาบัน ศาลลงโทษ 2 ปี 6 เดือนโดยไม่รอลงอาญา เขาคือพลเมืองอเมริกา



วันนี้ (4 ก.ค.55) กว่า 236 ปีของการประกาศเอกราชของสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ.1776 จึงขอยกบางตอนของคำประกาศเอกราชมาไว้ ณ ที่นี้
000

เราให้การยอมรับในความจริงที่แน่แท้ในตัวเองว่า มนุษย์ทุกคนเกิดเกิดมาเสมอภาคเท่าเทียมกัน เราได้รับสิทธิและเสรีภาพจากพระเจ้าผู้สร้างอันมิอาจถูกพรากไปได้ ได้แก่ สิทธิในชีวิต อิสรภาพ และสิทธิที่จะแสวงความสุข และเพื่อธำรงรักษาซึ่งสิทธิดังกล่าว เราจึงต้องจัดตั้งรัฐบาลที่ประกอบด้วยประชาชน เพื่อใช้อำนาจปกครองอย่างเป็นธรรมโดยความยินยอมของประชาชนผู้อยู่ใต้ปกครอง และเมื่อใดที่รัฐบาลไม่ว่าในรูปแบบใดกลายเป็นอุปสรรคทำลายเป้าประสงค์ดัง กล่าว นั่นย่อมเป็นสิทธิของประชาชนที่จะเปลี่ยนแปลงหรือล้มล้างรัฐบาลนั้น เพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่และวางรากฐานหลักการดังกล่าวขึ้นใหม่ และจัดระเบียบอำนาจในรูปแบบตามที่จะเห็นสมควรว่าเป็นประโยชน์ได้มากที่สุด ต่อความปลอดภัยและความสุขของประชาชนโดยมีหลักความสง่างามเป็นเงื่อนไขกำหนด ว่ารัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นมาอย่างยาวนานไม่ควรจะต้องถูกเปลี่ยนแปลงเพราะ สาเหตุเพียงเล็กน้อยชั่วครั้งชั่วคราว เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาได้สอนเราแล้วว่า มนุษย์จะต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใดเพื่อแก้ไขสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้้น หากว่าความเลวร้ายที่ยังพอทำเนาก็ย่อมดีกว่าการล้มล้างรูปแบบการปกครองที่ ถือปฏิบัติกันมายาวนาน

แต่เมื่อใดที่ผู้ปกครองมีความประพฤติมิชอบและการล่วงละเมิดสิทธิติดต่อ กันยาวนาน อันแสดงให้เห็นได้ว่ามีเป้าประสงค์ที่จะบั่นทอนการปกครองอันจะนำไปสู่การ ปกครองแบบเผด็จการอย่างสมบูรณ์ นั่นย่อมเป็นสิทธิและหน้าที่ของประชาชนที่จะกำจัดรัฐบาลเช่นนั้นและจัดให้มี ผู้ปกครองใหม่เพื่อความมั่นคงของประชาชนในวันข้างหน้า

โดยที่ดินแดนแห่งนี้ ได้อดทนอดกลั้นต่อความทุกข์ทรมานดังกล่าวมาแล้ว และบัดนี้ เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งยวดแล้วที่จะต้องเปลี่ยนแปลงการปกครองเดิม เป็นเวลา ต่อเนื่องตลอดมา ในประวัติศาสตร์ของกษัตริย์องค์ปัจจุบันแห่งเกาะบริเตนใหญ่ เป็นประวัติศาสตร์ของความเจ็บปวดรวดร้าวและการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของ ประชาชนครั้งแล้วครั้งเล่า อันมีเป้าประสงค์เพื่อจัดตั้งระบอบเผด็จการอย่างสมบูรณ์เหนือดินแดนแห่งนี้

เพื่อพิสูจน์ความจริงดังกล่าว จึงจำต้องเปิดเผยให้โลกรู้ความจริงดังนี้กษัตริย์องค์นี้ ได้ปฏิเสธไม่ให้ความเห็นชอบเพื่อออกกฎหมาย ทั้งที่เป็นประโยชน์และความจำเป็นของประชาชนโดยส่วนรวม

กษัตริย์องค์นี้ ได้ห้ามมิให้ผู้ว่าการรัฐของประองค์ผ่านกฎหมายที่มีความสำคัญและความจำเป็น เร่งด่วน แต่ให้ระงับไว้จนกว่าพระองค์จะเห็นชอบ และไม่เคยสนใจใยดีที่จะพิจารณาให้ความเห็นชอบกฎหมายดังกล่าวแต่อย่างใด

กษัตริย์องค์นี้ ได้ปฏิเสธไม่ให้ความเห็นชอบกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับความเป็นอยู่ในเขตดินแดนใหม่ เว้นแต่ประชาชนเหล่านั้นจะสละสิทธิ การมีตัวแทนในรัฐสภา อันเป็นสิทธิมีค่าสูงสุดประเมินไม่ได้ ซึ่งเป็นที่หวาดหวั่นแก่พวกทรราชย์อย่างยิ่ง

กษัตริย์องค์นี้ ได้เรียกประชุมสภา ณ สถานที่อันไม่ปกติ ไม่สะดวกสบาย ห่างไกลจากที่เก็บบันทึก เพื่อเป้าประสงค์จะบั่นทอนอำนาจของประชาชนให้จำยอมตามความประสงค์ของพระองค์

กษัตริย์องค์นี้ ได้ยุบสภาครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อยืนยันเป้าประสงค์อย่างแข็งขันที่จะเป็นทรราชย์ล่วงละเมิดอำนาจของประชาชน

กษัตริย์องค์นี้ ได้ปฏิเสธตลอดมาที่จะให้มีการเลือกตั้งใหม่ ภายหลังจากที่พระองค์ได้ประกาศยุบสภาครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้ง ๆ ที่อำนาจนิติบัญญัติได้กลับมาสู่ประชาชนและพร้อมใช้สิทธินั้นได้ ทำให้ประชาชนและรัฐทั้งหลายต้องตกอยู่ภายใต้อันตรายจากการรุกรานภายนอกและ ความไม่สงบภายในประเทศ

กษัตริย์องค์นี้ ได้ขัดขวางการบริหารงานยุติธรรมด้วยการปฏิเสธไม่ให้ความเห็นชอบต่อกฎหมายจัดตั้งอำนาจตุลาการ
กษัตริย์องค์นี้ ทำให้ผู้พิพากษาขึ้นตรงต่อพระองค์เพียงผู้เดียว

กษัตริย์องค์นี้ ได้จัดตั้งหน่วยงานใหม่ ๆ และส่งเจ้าหน้าที่จำนวนมากมาที่นี่ เพื่อทำลายประชาชนของพวกเรา และแสวงหาประโยชน์ตามอำเภอใจของพวกเขา

กษัตริย์องค์นี้ ได้กำหนดให้กองทัพเป็นอิสระและเหนืออำนาจของประชาชน


(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2012/07/41377

ความแตกแยกในสยามประเทศ "ร้าวลึก-เละเทะ" เกินกว่าจะแก้ไขเยียวยา

ความแตกแยกในสยามประเทศ "ร้าวลึก-เละเทะ" เกินกว่าจะแก้ไขเยียวยา

 



พลันที่ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านบุกขึ้นไปกระชากตัวท่านประธานสภา ผู้เป็นประมุขด้านนิติบัญญัติ ขณะนั่งปฏิบัติหน้าที่บนบัลลังก์ในสภาอันทรงเกียรติ ประเทศไทยก็เป็นอัน "จบเห่" นับแต่วินาทีนั้น

กิริยาอาการแลพฤติกรรมของสมาชิกสภา (ผู้ทรงเกียรติ) แต่ละท่าน เปรียบประหนึ่งฝูงอสูรกายที่พุ่งเข้าตะปบเหยื่ออันโอชะซึ่งวางอยู่ตรงหน้า แววตาถมึงทึง ส่งเสียงดังคุมสติเอาไว้ไม่อยู่ (แม้จะผ่านมาหลายเพ-ลาแล้วภาพก็ยังติดตาตรึงใจชัดเจน)...สะท้อนให้เห็นถึง วุฒิภาวะทางอารมณ์และระดับสติปัญญาที่แทบไม่ต้องวิจารณ์ให้เปลืองน้ำหมึกว่า สูงส่งอยู่ในขั้นใด

เมืองไทยนั้น "เรียบร้อย" ไปแล้วครับ...ภาษานักเลงเรียกว่า "ช้อยเก็บฉาก"

สยาม ประเทศเริ่มเข้าสู่วิกฤตความร้าวฉาน เมื่อประมาณปีพุทธศักราช 2548 ก่อนหน้าการทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลรักษาการ ซึ่งขณะนั้นได้ประกาศยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน

กระแส "ความเกลียดชังกันและกัน" ของคนไทยได้เริ่มคุกรุ่นขึ้น เมื่อมีการโหมฟืนสุมไฟ "ไม่ยอมรับ" รัฐบาลที่บริหารประเทศอยู่ในเวลานั้น ซึ่งก็คือรัฐบาลภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

ความ "ผิดพลาด" ที่ชาวสยามต้องรับวิบากกรรมร่วมกัน คือการที่คนไทยส่วนหนึ่ง ยอมให้ทหารยกกำลังออกมา "ยึดอำนาจ" ของตน แทนการออกไปใช้อำนาจในคูหาเลือกตั้งที่กำหนดวันไว้แล้ว หลักฐานก็คือพวกเขาได้แสดงความยินดีปรีดาด้วยการออกไปโห่ร้องต้อนรับคณะยึด อำนาจประหนึ่งคนพวกนั้นเป็นวีรบุรุษที่เพิ่งกลับจากสงคราม!

แล้วสยาม ประเทศก็แตกออกเป็น 2 เสี่ยง แบ่งคร่าวๆ เป็น "คนเกลียดทักษิณ" กับ "คนรักทักษิณ" และอาจจะมี "ผู้ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด" อีกจำนวนหนึ่ง

แต่จะไม่นำมาเป็นประเด็นในการเขียนบทความชิ้นนี้

 

(อ่านต่อ)http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1341373694&grpid=&catid=02&subcatid=0200

The Daily Dose

The Daily Dose

 

 

The Daily Dose 04กค55

http://www.youtube.com/watch?v=i-Wsh3TVDSY&feature=plcp

Wake Up Thailand

Wake Up Thailand

 

 

Wake Up Thailand 04กค55

http://www.youtube.com/watch?v=dEZM366EsSE&feature=player_embedded#!

"กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย" ถูกอำมาตย์หลอกใช้สวมเครื่องแบบดาวแดง ตบเท้าให้กำลังใจศาลรธน.

"กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย" ถูกอำมาตย์หลอกใช้สวมเครื่องแบบดาวแดง ตบเท้าให้กำลังใจศาลรธน.


Posted Image 

สบายดีไหมสหาย... สถานการณ์ปฏิวัติสูงเด่น เป็นผลดีแก่พรรคเราในการพิทักษ์ค้ำชูอำมาตยาธิปไตย.... ตลก จงเจริญ จงจาเริญ จงจาเริญ!!!
 
คิดว่าโก้ โถควายเฒ่า เจ้าปลดแอก
ปลดเพื่อแลก หญ้าฟาง อย่างหิวโหย
ยิ่งใกล้ตาย ร่างกาย ยิ่งร่วงโรย
ถูกเฆี่ยนโบย ไม่ว่า ขอหญ้ากิน

ปลดแอกไถ ไว้นา มาเมืองหลวง
งานหนักหน่วง ยิ่งใหญ่ ใฝ่ถวิล
ได้ปกป้อง ผองภัย ให้แผ่นดิน
นั่งนอนกิน หน้าศาล ปานทุ่งนา

ใส่หมวกดาว แต่เขา เจ้ายังโผล่
ดาวแดงโร่ เรืองรอง ทั้งสองบ่า
ควายเฒ่าเอ๋ย เคยอยู่แต่ แค่ปลายนา
เขาไล่มา เล็มหญ้า หน้าศาลเอียง

หารู้ไม่ ต่อไป ใครจะรู้
ควายรุ่นปู่ จะได้ไปขึ้นเขียง
หมดประโยชน์ ทุกอย่าง นั่งคอเอียง
อาจเหลือเพียง เฟียงเหนียว เคี้ยวเอื้องเอย
แดงเขาต่อสู้เพื่อปลดแอก..... แอบอ้างเป็น ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยจอมปลอมที่เอาแอกใส่คอ!?

เขาเอาตีนเหยียบหัว กดหัว ให้ยากจนไปทุกชาติ ทุกชาติ กระทั่งไม่มีกินยังไม่รู้สึกตัวอีก?
พรุ่งนี้จะกินอะไร จะทำงานอะไร มีแต่ดิ้นรน จน จน จน และ ยากจน ทั้ง ๆ ที่ บ้านนี้เมืองนี้ สามารถจ่ายเงินให้ประชาชนเป็นรายเดือนหรือรายสัปดาห์แบบต่างประเทศที่ไม่มี แอก...จะรู้หรือไม่ว่า เงินมันไปกระจุกอยู่ที่คนเอาตีนเหยียบหัวไง

หากประชาชนเท่าเทียมกัน

ประชาชนมีรายได้พื้นฐานสู่กระเป๋าในรูปแบบเงินสวัสดิการทุก ๆ เดือน(รัฐสวัสดิการ)

ประชาชนเรียนฟรี รักษาฟรี

ประชาชนไม่กังวล ว่า พรุ่งนี้จะหาอะไรมายาไส้ ......มันก็จะไม่มีการแย่งกันรวย

มันแย่งกันรวยด้วยการทำลายป่า

มันแย่งกันรวยด้วยการโกงข้อสอบเข้าทำงาน

มันแย่งกันรวยด้วยการค้าของเถื่อน ฯลฯ ต่าง ๆ เหล่านี้จะหมดไปด้วย รัฐสวัสดิการ
 

นี่คือการต่อสู้ของแดงก้าวหน้า  ! 

ญาติลุกยืน รวมตัวตั้งเครือข่ายผู้ประสบภัย 112 เปิดตัว 5 ก.ค.

ญาติลุกยืน รวมตัวตั้งเครือข่ายผู้ประสบภัย 112 เปิดตัว 5 ก.ค.

 

 

สืบเนื่องจากสถิติการจับกุมในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพซึ่งเพิ่มขึ้นอย่าง ต่อเนื่องหลังรัฐประหารปี 2549 รวมถึงมีรายงานจากองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนและสื่อมวลชนถึงปัญหาหลายประการที่ ผู้ต้องโทษและผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพต้องเผชิญ เช่น ไม่ได้รับการรักษาพยาบาลตามมาตรฐานสากล ไม่ได้รับสิทธิการประกันตัว

ล่าสุด ญาติของผู้ต้องโทษและผู้ต้องหา รวมถึงผู้ได้รับผลกระทบจากประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ร่วมก่อตั้ง “เครือข่ายญาติและผู้ประสบภัยจากกฎหมายอาญามาตรา 112” เพื่อเรียกร้องให้ผู้ต้องโทษและผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพได้รับการ ปล่อยตัวโดยเร็วที่สุดอย่างไม่มีเงื่อนไข และได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ เช่น สิทธิในการประกันตัว สิทธิในการเข้าถึงการดูแลรักษาพยาบาลภายในเรือนจำ สิทธิที่จะไม่ถูกซ้อมทรมานและทำร้ายร่างกาย เป็นต้น

นอกจากนี้ การรวมกลุ่มจัดตั้งเครือข่ายยังเป็นไปเพื่อแสดงความต้องการของญาติในฐานะตัว แทนของผู้ต้องโทษและผู้ต้องหา และเพื่อแสดงเจตจำนงของกลุ่มญาติในการรณรงค์เพื่อปล่อยตัวผู้ต้องโทษและผู้ ต้องหาในคดีอาญามาตรา 112 ด้วย

ทั้งนี้ จะมีการจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวในวันที่ 5 กรกฎาคม 2555 เวลา 10.30-12.00 น. ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) เพื่อให้ข้อมูลกับนักข่าวต่างประเทศเผยแพร่ในวงกว้าง และจะจัดแถลงข่าวซ้ำอีกครั้งในวันที่ 7 กรกฎาคม 2555 เวลา 13.00-15.00 น. ณ ห้องประชุมอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ร่วมกับการเสวนา โดยมีผู้เข้าร่วมแถลงข่าวและร่วมเป็นวิทยากรดังนี้

ผู้ดำเนินรายการ: ปณิธาน พฤกษาเกษมสุข
ผู้ร่วมแถลงข่าว: สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ปัญญาชนสยามผู้เคยถูกฟ้องด้วยมาตรา 112
จอน อึ๊งภากรณ์ ผู้แทนคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งประเทศไทย
ประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสหนังสือพิมพ์ เดอะเนชั่น
ศราวุฒิ ประทุมราช สถาบันหลักนิติธรรมและสิทธิมนุษยชน
ตัวแทนกลุ่มสร้างสรรค์ประชาธิปไตยเพื่อสันติภาพ (DPP)


ตัวแทนญาติและผู้ได้รับผลกระทบ: 
ปราณี (ขอสงวนนามสกุล) ภรรยาสุรชัย แซ่ด่าน
กีเชียง (ขอสงวนนามสกุล) พ่อของหนุ่ม เรดนนท์
รสมาลิน (ขอสงวนนามสกุล) ภรรยาอากง
แต้ม (ขอสงวนนามสกุล) แม่ของสุรภักดิ์
ณัฐ (ขอสงวนนามสกุล)

 

(ที่มา)http://www.prachatai.com/journal/2012/07/41369