หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ทำไม “เลี้ยวซ้าย” ต่อต้านม๊อบสลิ่ม-ประชาธิปัตย์

ทำไม “เลี้ยวซ้าย” ต่อต้านม๊อบสลิ่ม-ประชาธิปัตย์ 


 

“เลี้ยวซ้าย”  ต่อต้านม๊อบสลิ่ม-ประชาธิปัตย์ เพราะพวกนี้ชอบให้ทหารทำรัฐประหาร อ้างบ้าๆ ว่าอยากเห็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และเห็นด้วยกับการเข่นฆ่าเสื้อแดงเมื่อสามปีก่อน เราต่อต้านม๊อบบ้าคลั่งนี้ด้วยเหตุผลเศรษฐศาสตร์อีกด้วย เพราะเขาเป็นพวกที่ก้มหัวบูชากลไกตลาดเสรี “มือใครยาวสาวได้สาวเอา” เขาต่อต้านการใช้งบประมาณรัฐเพื่อช่วยคนจน ต่อต้านการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างคมนาคม แต่เขาไม่ต่อต้านการเพิ่มงบประมาณทหารและงบประมาณพิธีกรรมต่างๆ นั้นคือความหมายของ “วินัยทางการคลัง” ในภาษาตอแหลของพวกนี้

ถ้าพูดถึง “ภาษาตอแหล” ของสลิ่ม “เผด็จการ” เรียกว่าประชาธิปไตย “อภิสิทธิ์ชนไม่กี่คนที่ถืออำนาจในมือ” เรียกว่าประชาชน และ “การโกงกินคอรรับชั่น” ไม่รวมถึงการโกงกินของทหาร ชนชั้นสูง และประชาธิปัตย์ที่ทำมานาน

อย่างไรก็ตามเราจะไม่วิ่งเข้าไปกอดยิ่งลักษณ์หรือเพื่อไทยหรือแกนนำ นปช. โดยไม่มีเงื่อนไข เพราะเราต้องการเห็นฆาตกรรัฐถูกลงโทษ ทั้งทหารและประชาธิปัตย์ เราต้องการเห็นการยกเลิก 112 และปล่อยนักโทษการเมือง และเราต้องการเห็นนโยบายการเก็บภาษีก้าวหน้าจากคนรวยเพื่อสร้างรัฐสวัสดิการ

สำหรับการพยายามเดาว่าตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้น ลองนึกกลับไปสมัยที่ฝ่ายขวายึดสนามบินและทำเนียบรัฐบาลในสมัยรัฐบาลสมชายและสมัคร มันไม่ได้นำไปสู่รัฐประหาร แต่ศาลมันมาล้มรัฐบาลแทน ทหารเลยตั้งรัฐบาลหุ่นของอภิสิทธิ์ คราวนี้ศาลมีโอกาสหรือไม่ มองไม่ออกตอนนี้ คราวนี้จะตั้งรัฐบาลพรรคอื่นที่ไม่ใช่เพื่อไทยแล้วปกครองได้อย่างไร ในเมื่อประชาชนเสื้อแดงมีการจัดตั้ง? ในที่สุดรัฐบาลอภิสิทธิ์-ทหารก็ต้องออกไปเพราะแพ้การเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่ทหารกราดยิงประชาชน ดังนั้นเวลาวิเคราะห์สถานการณ์ต้องคิดถึงประวัติศาสตร์ และต้องคำนึงถึงการที่เพื่อไทยจับมือกับทหารช่วงชนะเลือกตั้งอีกด้วย ต้องใช้ปัญญา อย่าพึ่งตกใจจนหมดปัญญา

ใครอยากร่วมเคลื่อนไหวต่อสู้ภายใต้อุดมการณ์ของเรา เชิญสมัครเป็นสมาชิกเลี้ยวซ้าย

(ที่มา)
http://turnleftthai.blogspot.dk/2013/11/blog-post_26.html     

รายการ The Chat Room

รายการ The Chat Room 

 

The Chat Room 
(คลิกฟัง)

Wake up Thailand

Wake up Thailand





Wake up Thailand ประจำวันที่ 26 พฤศจิกายน 2556 ตอนที่ 2 
ตรึงกองทัพชนะอย่างที่ร้อง 


Wake up Thailand ประจำวันที่ 26 พฤศจิกายน 2556 ตอนที่ 1
'สุเทพ' ธิปไตย 
http://www.dailymotion.com/video/x17mu38_ส-เทพ-ธ-ปไตย 

Divas Cafe

Divas Cafe 




Divas Cafe ประจำวันที่ 26 พฤศจิกายน 2556 
อย่าทิ้งภาระทางประวัติศาสตร์ให้ลูกหลาน
http://www.dailymotion.com/video/x17my4m_อย-าท-งภาระทางประว-ต-ศาสตร-ให-ล-กหลาน 

Divas Cafe ประจำวันที่ 25 พฤศจิกายน 2556 
ยุติความรุนแรงด้วยประชาธิปไตย 
http://www.dailymotion.com/video/x17ldag_ย-ต-ความร-นแรงด-วยประชาธ-ปไตย 

เก็บตกความ (สิ้น) หวังนักโทษการเมือง หลัง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสูญหาย-บานปลาย

เก็บตกความ (สิ้น) หวังนักโทษการเมือง หลัง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสูญหาย-บานปลาย 

 

   
โดย ทีมข่าวการเมือง

 
ชั่วไม่กี่สัปดาห์ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่เป็นความหวังของนักโทษการเมืองในเรือนจำ 20 กว่าชีวิต-ผู้ที่ได้ประกัน รวมถึงผู้ต้องหาอีกนับร้อยชีวิตก็มีอันตกไป เกิดกระแสต่อต้านอย่างหนักหลังพบว่ามีการขยายเวลาให้ครอบคลุมเหตุการณ์และ ความหมายของผู้จะได้รับนิรโทษกรรมออกไปกว้างขวาง ไม่เพียงผู้เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมปี 2553 ที่จะหลุดรอดและเป็นที่ถกเถียงอย่างหนักในหมู่คนเสื้อแดงก่อนร่างนี้จะผ่าน วาระ 1 แต่รวมไปถึงคดีของอดีตนายกฯ  พ.ต.ท.ทักษิณด้วย เพียงเท่านั้นม็อบใหญ่ก็จุดติด การเมืองระส่ำระสายหนัก มีแรงต้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมและขยายไปถึงการขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 

เป็นอันปิดฉากการนิรโทษกรรมนักโทษการเมืองอย่างสมบูรณ์ และไม่มีใครนึกออกว่าวาระนี้จะกลับขึ้นมาเป็นประเด็นพิจารณาในสังคมอีกอย่าง ไร เมื่อไร  

“นักโทษการเมืองคือคนที่ออกมาเรียกร้องทางการเมือง เรียกร้องประชาธิปไตย ที่เป็นผลมาจากรัฐประหาร คณะรัฐประหารทำลายนิติรัฐยังนิรโทษกรรมตัวเองได้ พวกผมเป็นแค่ประชาชนตาดำๆ”

“ผมไม่ได้บอกว่าจะเอาสุดซอยหรือไม่สุดซอย แต่หวังว่าอันไหนก็ได้ ซักอันจะผ่าน ก่อน พ.ร.บ.จะจบแบบนี้ ผมตั้งความหวังไว้มาก ไม่คิดว่าจะจบง่ายขนาดนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีความหวังตลอดว่าสักวันหนึ่งจะมีการนิรโทษกรรม ถึงวันนี้ก็ไม่รู้จะไปยังไงต่อ”

“พวกผมมีชีวิต มีเลือดเนื้อ มันเหมือนตายทั้งเป็นในนี้ อยู่กันมากี่ปีแล้ว ครอบครัวจะเป็นยังไง ฐานะยากจนกันทั้งนั้น เงินเยียวยาจากรัฐบาลก็ไม่ได้ มีแต่เงินช่วยเหลือจากเสื้อแดงด้วยกันเอง”

(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2013/11/49993 

ถ้าต้องการ “ปฏิรูปประเทศ” จริง ต้องไม่ “บีบบังคับ”

ถ้าต้องการ “ปฏิรูปประเทศ” จริง ต้องไม่ “บีบบังคับ”




โดย นักปรัชญาชายขอบ


การเสนอ "ปฏิรูปประเทศ" แบบที่ทำกันอยู่นี้ไม่มี "ความชอบธรรม" เพราะ...


1. ไม่มีพิมพ์เขียวที่ชัดเจน มีเพียงข้อเสนอที่ไม่แน่ชัดว่าเป็นเอกภาพหรือไม่ ระหว่าง ปชป.และ พธม.เดิม ที่ว่าให้ รบ.ยิ่งลักษณ์ยุบสภา แล้วถวายคืนพระราชอำนาจ งดการเลือกตั้งสัก 2-3 ปี มีนายกพระราชทานและจัดการให้ประชาชนปฏิรูปประเทศ แต่ก็มีข้อเสนออีก เช่นว่า ล้างระบอบทักษิณ ให้ตระกูลชินวัตรออกไปจากการเมือง หรือนอกประเทศทั้งหมด ต้องปกครองด้วย “ระบอบกษัตริย์สมบูรณ์แบบ” จึงไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไรกันแน่

2. ใช้วิธีบีบบังคับให้เสียงข้างมากยอมรับ ด้วยการก่อม็อบยึดสถานที่ราชการ

3. กลุ่มที่เสนอเป็น "เสียงข้างน้อยกลุ่มเดิม" ที่อ้างสถาบันกษัตริย์ต่อสู้ทางการเมือง แพ้การเลือกตั้ง เรียกร้องให้ทหารทำ รปห. และเรียกร้องให้เสียงข้างมากยอมรับนิติรัฐ นิติธรรม และองค์กรที่มาจาก รปห.

ทางออกที่ควรจะเป็น ต้องเสนอแนวทางปฏิรูปประเทศเป็น “พิมพ์เขียว” ให้ประชาชนลงประชามติ อาจจะมีมากกว่า 1 พิมพ์เขียว เช่น

กลุ่มเสียงข้างน้อย (พธม., ปชป. และ ฯลฯ) เสนอไปเลยว่าจะถวายคืนพระราชอำนาจ ขอนายกพระราชทาน การเลือกตั้งแบบ 70-30 การปกครองระบบกษัตริย์สมบูรณ์แบบ ฯลฯ
ส่วนอีกฝ่าย (หรือกลุ่มอื่นๆ) เสนอไปเลยว่า ต้องการปฏิรูปประเทศให้ประชาชนมีสิทธิตรวจสอบสถาบันกษัตริย์และนักการเมือง ได้ในมาตรฐานเดียวกัน, เป็นรัฐสวัสดิการ หรือ ฯลฯ
แล้วให้ประชาชนทั้งประเทศลงประชามติว่าจะรับพิมพ์เขียวใด
ไม่ใช่ก่อม็อบบีบบังคับให้เสียงข้างมากยอมรับการปฏิรูปประเทศตามความต้องการและเงื่อนไขของเสียงส่วนน้อยดังที่กำลังทำอยู่ขณะนี้

วิธีเสนอพิมพ์เขียวให้ประชาชนลงประชามติเป็นวิถีทางประชาธิปไตย แฟร์แก่ทุกฝ่าย ถ้าใช้วิถีทางนี้ไปสู่การปฏิรูปประเทศ ย่อมได้ชื่อว่าเราเริ่มปฏิรูปจริงๆ แล้วคือ ปฏิรูปตั้งแต่ “วิธีการต่อสู้ทางการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย โดยใช้เหตุผลอย่างอารยะ และสันติจริง”

(ที่มา)
http://www.prachatai.com/journal/2013/11/49985 

ผีอำมาตย์ vs. ผีทักษิณ

ผีอำมาตย์ vs. ผีทักษิณ



โดย สมชาย ปรีชาศิลปกุล

แม้จะมีประสบการณ์ไม่มากนัก แต่ผมคิดว่าน่าจะจัดเป็นห้วงเวลาที่น่าขยะแขยงเป็นอย่างมากต่อสถานการณ์การเมืองในห้วงเวลาปัจจุบัน

ท่ามกลางการเคลื่อนไหวอย่างคึกคักของมวลชนนกหวีด บรรดาแกนนำเสื้อแดงทั้งหลายก็พากันป่าวประกาศว่าต้องมาร่วมกันแสดงพลังต้าน รัฐประหาร แหมจำกันไม่ได้หรือครับว่าเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนตอนที่กฎหมายนิรโทษกรรม เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ที่มีเนื้อหาให้ยกเว้นความผิดกับทหารด้วยก็เห็นเงียบกันเป็นเป่าสากกันอย่าง ถ้วนหน้า

ไม่ใช่แค่นั้นนะครับ ในระหว่างที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาล ได้มีความพยายามในการปฏิรูปกองทัพอะไรกันบ้างไหมครับก็ไม่เห็นมีสักแอะ เหมือนกัน พอตอนเพลี่ยงพล้ำจากการผลักดันเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรมก็จะหันมาต้านรัฐ ประหารกันยกใหญ่ ราวกับว่าไม่เคยถีบหัวเสื้อแดงส่งมาเมื่อวันก่อนงั้นแหละ

ชอบกันนักให้ประชาชนมือเปล่าไปต้านรัฐประหาร เดี๋ยวพอมีปะทะกันยิงกันเชื่อได้เลยว่าไอ้ที่บาดเจ็บล้มตายไปก็บรรดามวลชน ผู้ต้องการปกป้องประชาธิปไตยทั้งนั้น ส่วนแกนนำทั้งหลายนั้นบาดเจ็บล้มตายไม่ได้หรอกครับ ท่านมีภารกิจอันยิ่งใหญ่ในทางประวัติศาสตร์รออยู่ จึงจำเป็นต้องหลบรอดปลอดภัยไปก่อน

นอกจากนี้ผมมีความเชื่อส่วนตัวประการหนึ่งว่าที่คนไปร่วมชุมนุมที่ราช ดำเนินอย่างคับคั่งนั้น ไม่ใช่เพราะความสามารถของแกนนำนกหวีดเป็นสำคัญหรอก แต่เพราะการวางจังหวะก้าวที่แสนจะเบาปัญญาของฝ่ายแกนนำเสื้อแดงนั่นแหละที่ ช่วยออกบัตรเชิญให้

ไม่มีอะไรจะน่าสงสารไปกว่ามวลชนเสื้อแดงครับ นอกจากแกนนำซึ่งไม่เห็นหัวคนเสื้อแดงแล้วก็ยังเต็มไปด้วยความเขลาอย่างมาก

พูดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าเพราะฉะนั้นจึงควรไปร่วมกับทางฝ่ายแกนนำมวลชนนกหวีดนะครับ นั่นก็พอฟัดพอเหวี่ยงกันอีกเหมือนกัน