หน้าเว็บ

วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เพื่อไทย! เลิกจับประชาธิปไตยเป็นตัวประกัน

เพื่อไทย! เลิกจับประชาธิปไตยเป็นตัวประกัน

 

 


ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคของพวกเราจะมีสิ่งชี้วัดที่จับต้องได้ง่ายมาก เช่น นักโทษการเมืองเสื้อแดงทุกคนจะต้องถูกปล่อยตัวทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข จะต้องมีการยกเลิกกฎหมายหมิ่นฯ และปฏิรูประบบยุติธรรมไปในเวลาพร้อมๆกัน

โดย สมุดบันทึกสีแดง

 
รัฐบาลเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาลได้เกือบจะครึ่งปีแล้ว แต่ประเด็นความคืบหน้าเกี่ยวกับประชาธิปไตยและความเป็นธรรมยังไม่ไปถึงไหน มิหนำซ้ำยังถอยหลังเข้าคลองแบบบ้าคลั่งอีกต่างหาก  การเคลื่อนไหวเกี่ยวกับกฎหมายหมิ่นฯ เป็นผลงานอันอัปยศของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

วินาทีนี้ พวกเราเห็นคนบางคนของพวกอำมาตย์ที่เคยมีสถานะเป็น “ขี้” ช่วงที่การต่อสู้ของคนเสื้อแดงขึ้นสูง แต่ตอนนี้กลับออกมาตอแหลจีบปากจีบคอให้ความเห็นเกี่ยวกับการเมืองไทย การเดินหน้าเซ็นเซอร์และปราบปรามเวป ที่อ้างว่าเข้าข่ายหมิ่นฯ กลายเป็นภารกิจอันดับที่มีความสำคัญต้นๆ ของพรรคเพื่อไทย เป็นเรื่องที่ฝ่ายประชาธิปไตยรับไม่ได้จริงๆ

คนเสื้อแดงส่วนหนึ่ง ยังไม่พร้อมที่จะยอมรับความเป็นจริงว่า ตอนนี้พรรคเพื่อไทยได้เริ่มทรยศหักหลังฝ่ายประชาธิปไตยอย่างเป็นระบบ คนเสื้อแดงกลุ่มนี้ตั้งหน้าตั้งตาหาเหตุผลที่ให้ความชอบธรรมกับพรรคเพื่อไทย เช่น ตอนนี้พรรคเพื่อไทยทำอะไรบุ่มบ่ามไม่ได้ เดี๋ยวฝ่ายโน้นจะทำรัฐประหาร เราก้าวไปข้างหน้ากว่านี้ไม่ได้เดี๋ยวมันจะมีการเสียเลือดเสียเนื้ออีก, ความต้องการของพวกเราจะต้องค่อยๆ เป็น ค่อยไป ฯลฯ... ข้ออ้างเหล่านี้ เหลวไหลทั้งเพ

ในความเป็นจริงโครงสร้างการเมือง โดยเฉพาะส่วนที่เป็นมรดกของรัฐธรรมนูญทหารก็ยังคงอยู่ทุกกระเบียดนิ้ว การปฏิรูปโครงสร้างอันยุติธรรมเหล่านี้เป็นไปได้ ถ้ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งต้องการ ซึ่งถ้ารัฐบาลไม่ทำแปลว่า “รัฐบาลเลือกไม่ทำ” 


เท่านั้นยังไม่พอ รัฐบาลนี้และคนที่ให้การสนับสนุนโดยไม่วิพากษ์วิจารณ์ กำลังจับประชาธิปไตยและประชาชนเป็นตัวประกัน ไม่ให้ประชาชนเคลื่อนไหวหรือมีเสรีภาพที่พึงควรมี ถ้าหากสภาพการณ์ยังคงดำเนินต่อไปแบบนี้ รัฐบาลเพื่อไทยกำลังทำลายขบวนการคนเสื้อแดงอย่างเป็นระบบ


ประเด็นที่มีความสำคัญในขณะนี้คือ การนำตนเองจากข้างล่าง และการเป็นอิสระจากมายาภาพที่เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยคือพรรคการเมืองของพวกเรา ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคของพวกเราจะมีสิ่งชี้วัดที่จับต้องได้ง่ายมาก เช่น นักโทษการเมืองเสื้อแดงทุกคนจะต้องถูกปล่อยตัวทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข จะต้องมีการยกเลิกกฎหมายหมิ่นฯ และปฏิรูประบบยุติธรรมไปในเวลาพร้อมๆกัน

เรื่อง แบบนี้ ประชาชนธรรมดาที่รักประชาธิปไตยจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ถ้ารัฐบาลเพื่อไทยไม่ทำ แสดงว่ารัฐบาลเพื่อไทยไม่ให้ความสำคัญกับคนเสื้อแดง ซึ่งพวกเราต้องถามตัวเองว่า แล้วเราจะไปให้ความสำคัญกับพรรคเพื่อไทยทำไม เราไม่ได้ต้องการเจ้านายใหม่ที่มีความเหี้ยมโหดเหมือนเดิม 

ภารกิจ เร่งด่วนของคนเสื้อแดงที่ควรจะเดินต่อไปคือ การเป็นอิสระจากพรรคเพื่อไทย ถ้าหาก นปช. ไม่กล้านำการต่อสู้ คนเสื้อแดงก็ต้องก้าวพ้นแนวการเมืองของ นปช. ด้วย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะเรามีบทเรียนตอนที่แกนนำ นปช.ถูกจับเข้าคุกหมด หลัง 19 กันยา ที่ราชประสงค์ ตอนนั้นเสื้อแดงเริ่มนำตัวเอง ซึ่งถ้ามันเคยเกิดมาแล้วมันก็สามารถเกิดขึ้นได้อีก

หนทางนี้เท่า นั้นที่จะปกป้องอุดมการณ์ประชาธิปไตยของคนเสื้อแดง สมกับที่วีระชนได้เสียสละชีวิตในการต่อสู้รอบที่แล้ว ไม่เช่นนั้นแล้ว ปีใหม่ที่จะถึงมันควรจะเป็นปีของการเริ่มต้นใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์ ตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่เป็นปีของการเริ่มต้นถอยหลังเข้าคลอง ขอให้ผู้อ่านชาวเลี้ยวซ้ายทุกท่าน มีสุขภาพอนามัยสมบูรณ์ ประชาธิปไตยจงเจริญ

(ที่มา) 

http://turnleftthai.blogspot.com/2012/02/blog-post_01.html

รมว.กลาโหมวอนสื่ออย่าให้ค่ากลุ่มนักวิชาการ หนุนแก้ไขมาตรา 112

รมว.กลาโหมวอนสื่ออย่าให้ค่ากลุ่มนักวิชาการ หนุนแก้ไขมาตรา 112

 

 





ทหารรุมทำร้ายประชาชน แม้จะหมดทางสู้แล้ว ทั้งเตะทั้งตีด้วยกระบอง
http://www.youtube.com/watch?v=6K2NR_-Y7CA&feature=player_embedded


พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า สื่อมวลชนไม่ควรให้ค่ากลุ่มนักวิชาการ ที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ถ้าไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้อีก ไม่นานก็หมดไป สื่อเป็นคนที่มองและเผยแพร่ข่าวนี้ออกไป ถ้าเราไม่ให้ค่า มันก็จบไปเอง

"คนที่มีหน้าที่ก็ได้ติดตามความเคลื่อนไหวอยู่แล้ว อะไรทั้งหลายที่เกิดขึ้นในประเทศชาติ ถ้าสื่อมวลชนได้ช่วยกัน โดยเฉพาะข่าวเรื่องสถาบัน ถ้าพูดไปมากก็ยิ่งสะเทือนมาก ขอให้ช่วยกันดูอย่าให้เป็นข่าวมากนักจะเป็นสิ่งที่ดี" พล.อ.อ.สุกำพลระบุ

เมื่อถามว่า กองทัพได้มีการเตือนกลุ่มบุคคลที่เคลื่อนไหวหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ก็เตือนอยู่แล้ว เราอย่าให้ไปค่าเขามาก ถ้าสื่อคิดว่าไม่ดี ก็อย่าไปให้ค่าเขามาก ตนไม่อยากฝากอะไร ส่วนจะเห็นด้วยหรือไม่ อยู่ที่ใจ ทั้งนี้ ทหารเราก็มีการติดตามข่าวอย่างต่อเนื่อง

(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1328099035&grpid=&catid=01&subcatid=0100



การแก้หรือยกเลิกกฏหมาย 112 เป็นการล้มล้างทหาร กษัตริย์เป็นเพียงองค์ประกอบรอง

 

jifpp.jpg













โดย ใจ อึ๊งภากรณ์

 

ทหารโกหกว่าเขารับใช้กษัตริย์เสมอ แต่แท้จริงแล้ว เขารับใช้ตัวเองต่างหาก

เมื่อทหารก่อรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ทหารโกหกว่ากระทำไปเพื่อ “ปกป้อง” ระบบ ประชาธิปไตยอันมีกษัตริย์เป็นประมุข ต่อจากนั้นมีการเพิ่มการใช้กฏหมายหมิ่นกษัตริย์ฯ (มาตรา 112) ในการปิดปากผู้ที่คัดค้านรัฐประหาร และเพื่อให้ความชอบธรรมกับทุกอย่างที่ทหารและรัฐบาลอภิสิทธิ์ทำในภายหลัง จนในที่สุดมีการเข่นฆ่าประชาชนเสื้อแดงมือเปล่าด้วยข้ออ้างว่ากำลัง “ปกป้องสถาบันกษัตริย์” 


เราจำเป็นที่จะต้องศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง ทหาร กษัตริย์ และ กฏหมาย 112 เพื่อให้เราชัดเจนว่าจะแก้ปัญหาเผด็จการตรงจุดใดบ้าง


ผู้ที่ทำลายประชาธิปไตยไทยอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ยุคจอมพลป. พิบูลสงคราม คือทหาร โดยที่กษัตริย์ภูมิพลมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในการถูกใช้เป็นเครื่องมือเชิงสัญญลักษณ์ เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับทหารเป็นหลัก และกฏหมาย 112 มีไว้เพื่อไม่ให้ตรวจสอบวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของทหาร 


ทหารโกหกว่าเขารับใช้กษัตริย์เสมอ แต่แท้จริงแล้ว เขารับใช้ตัวเองต่างหาก


การสร้างความชอบธรรมจากกษัตริย์มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับทหารไทย เพราะทุกวันนี้กระแสประชาธิปไตยขยายไปทั่วโลกในจิตใจประชาชน เวลาทหารทำรัฐประหารก็อาจพยายามอ้างว่าทำ เพื่อประชาธิปไตยแต่ ไม่ค่อยมีใครเชื่อ เพราะบทบาททหารในการเมืองกับระบบประชาธิปไตยมันไปด้วยกันไม่ได้ นอกจากนี้กองทัพไทยไม่มีประวัติอะไรเลยในการปลดแอกประเทศไทยอย่างในกรณีกอง ทัพอินโดนีเซียหรือเวียดนาม ดังนั้นทหารต้องอ้างความชอบธรรมจากที่อื่น คือจากสถาปันกษัตริย์ ซึ่งทหารเป็นผู้ปั้นขึ้นกับมือในอดีต


นอกจากทหารแล้ว ชนชั้นนายทุนกับข้าราชการชั้นสูงในไทย ก็พยายามเกาะโหนกษัตริย์ภูมิพลในรูปแบบเดียวกันด้วย แต่นั้นไม่ได้แปลว่านายภูมิพลเป็น “เหยื่อ” เพราะ เขาพร้อมใจจะร่วมมือกับทหารและนายทุนเสมอ และที่สำคัญคือพร้อมจะรับตำแหน่งการเป็นประมุขของประเทศ และได้ดิบได้ดีในด้านการเงินจากบทบาทนี้ ถ้าไม่อยากทำก็ควรลาออกตั้งแต่แรก


ชนชั้นปกครองไทย โดยเฉพาะทหาร นายทุนใหญ่ และนักการเมืองในรัฐสภา ต้องการให้ประชาชนมองว่านายภูมิพลเป็นทั้ง “กษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญประชาธิปไตย” “กษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิราชย์” และ “เทวดา” พร้อมๆ กันหมด และจะมีการยัดเยียดสิ่งนี้ตลอด โดยเริ่มในโรงเรียนประถม แต่มันมีเป้าหมายแอบแฟง เพราะทุกอย่างที่ชนชั้นปกครองทำกับพลเมืองไทย ในสังคมที่เต็มไปด้วยความอยุติธรรม จะถูกเสนอว่าเป็นนโยบายของประมุข ดังนั้นเราไม่มีสิทธิ์วิจารณ์ ดังนั้นหน้าที่ของกษัตริย์ภูมิพลคือการให้ความชอบธรรมกับพฤติกรรมเลวๆ ของทหาร นายทุน และนักการเมือง


ผู้เขียนมองว่าเราไม่ได้อยู่ในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ รัฐไทยเป็นรัฐทุนนิยมสมัยใหม่ ทั้งๆที่มีอำนาจนอกรัฐธรรมนูญดำรงอยู่ในรูปแบบทหารและอำมาตย์ส่วนอื่นๆ     การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่าง ทหาร กษัตริย์ และกฏหมาย 112 แบบนี้ แปลว่าในรูปธรรม การจัดการกับกฏหมาย 112 ต้องทำพร้อมกับการลดอำนาจอันไม่ชอบธรรมของทหาร นี่คือสาเหตุที่นายพลหัวโบราณทั้งหลาย น้ำลายฟูมปาก และพูดถึงการทำรัฐประหารรอบใหม่ เมื่อประชาชนออกมาเสนอให้แก้ไขหรือยกเลิก 112

พูดง่ายๆ 112 มีไว้ปกป้องทหารเป็นหลัก



การเริ่มเข้าใจว่าทหารคือศัตรูหลักของประชาธิปไตย และ กฏหมาย 112 ถูก ใช้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของทหารเป็นหลัก ไม่ได้ทำให้การต่อสู้ง่ายขึ้นเท่าไร แต่ อย่างน้อยมันช่วยให้เราชัดเจนว่าเราสู้กับใคร แต่เรายังต้องหาทางกำจัดอำนาจทหารที่มาจากการใช้อาวุธและความรุนแรงอย่างที่ เราเห็นที่ผ่านฟ้าและราชประสงค์เมื่อปี ๒๕๕๓


แน่นอนบทความนี้จะถูกตัดสินโดยทหารและพรรคพวกว่า “ผิดกฏหมาย 112” แต่มันไม่ใช่เพราะบทความนี้สร้างภาพว่ากษัตริย์ภูมิพลอ่อนแอ มัน “ผิด 112” เพราะมันเปิดโปงบทบาทของทหารในการใช้กษัตริย์ต่างหาก


แกนนำ นปช. เปลี่ยนจากนักต่อสู้ไปเป็นไม้ประดับของรัฐบาล


เรา ต้องเข้าใจว่าในอดีต รัฐบาล ไทยรักไทยและนายกทักษิณ ไม่ต่างอะไรจากทหาร นายทุน และนักการเมืองอื่นๆ ที่พยายามใช้กษัตริย์ภูมิพล เพื่อสร้างความชอบธรรมกับอำนาจตนเองในสังคมที่เต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำ นี่คือสาเหตุที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยของยิ่งลักษณ์พร้อมจะใช้ 112 หนักขึ้นและคัดค้านการปฏิรูปใดๆ อีกสาเหตุคือเขากำลังปรองดองยอมจำนนกับอำนาจทหารด้วย


ในขณะเดียวกัน รัฐบาลพรรคเพื่อไทยทราบดีว่าถ้าไม่มีเสื้อแดงแต่แรก เขาคงไม่ได้ชนะการเลือกตั้งแน่ และเขาทราบดีว่าเสื้อแดงจำนวนมากไม่สบายใจกับการจับมือประนีประนอมกับอำนาจ ทหาร ดังนั้นจึงมีการแต่งตั้งรัฐมนตรีเสื้อ แดงอย่าง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ในตำแหน่งที่ไม่ค่อยสำคัญ เพื่อเป็นไม้ประดับหลอกลวงและกล่อมขบวนการเสื้อแดงให้นิ่ง ในขณะเดียวกันแกนนำ นปช. อื่นๆ ก็ค่อยๆ สลายพลังการเคลื่อนไหวของขบวนการ เพื่อที่จะเป็นแค่กองเชียร์ของรัฐบาล และกองเชียร์ของรัฐบาลเพื่อไทย ก็เท่ากับเชียร์ให้กับการก้มหัวให้ทหาร


นี่คือยุทธิ์วิธี “การนำนักเคลื่อนไหวมาเป็นพวก” เพื่อมัดมือปิดปากและสลายขบวนการ ในอดีตมีการใช้วิธีนี้ในฟิลิปปินส์หลังการล้มเผด็จการมาร์คอส และในอังกฤษพรรคแรงงานมีความเชี่ยวชาญในวิธีการนี้เป็นพิเศษ เมื่อใช้กับสหภาพแรงงาน


ด้วยเหตุนี้ ขบวนการรณรงค์ให้แก้หรือยกเลิก 112 และขบวนการเพื่อให้ปฏิรูปรัฐธรรมนูญอย่างถอนรากถอนโคนโดยลบล้างผลพวงของรัฐ ประหาร ๑๙ กันยา มาจากคนก้าวหน้า ทั้งเสื้อแดงและคนอื่น ที่ไม่ได้เป็นกองเชียร์ให้รัฐบาลเพื่อไทย และไม่ได้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ นปช. แต่อย่างใด หกเดือนหลังการเลือกตั้ง คนเหล่านี้คือความหวังของทุกคนที่อยากเห็นประชาธิปไตยและวัฒนธรรมพลเมือง เกิดขึ้นอย่างแท้จริงในประเทศของเรา

(ที่มา)