หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2555

นิยายและเรื่องจริง – อีกสมัยของโอบาม่า

นิยายและเรื่องจริง – อีกสมัยของโอบาม่า



 
วิกฤตทุนนิยมไม่ใช่เรื่องที่ เดโมแครต หรือ รีพับลิกัน จะแก้ได้ พวกนี้ในที่สุดก็ต้องหันมาเล่นงานชนชั้นแรงงานอยู่ดี

โดย Anindya Bhattacharyya
แปลโดย สหายโต้ง
ที่มา http://socialistworker.co.uk/art.php?id=29971




“เราเป็นครอบครัวคนอเมริกันและเราจะรุ่งเรืองขึ้นหรือเสื่อมถอยลงไปพร้อมๆ กัน เราเป็นหนึ่งประเทศหรือเป็นบุคคลเดียว" สุนทรพจน์ของ บารัก โอบาม่า หลังได้ชัยจากการเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิบดี สมัยที่สอง

ความจริงคืออัตราคนว่างงานที่พุ่งขึ้นสูงตั้งแต่สมัยแรกของเขาก็ยังคงสูง ช่องว่างคนจน-คนรวยก็ยังคงขยาย และแนวโน้มการเมืองของคนอเมริกัน มีการแบ่งข้างแยกพวกกันตามความเชื่อมากที่สุดในระยะ ๒๕ ปีที่ผ่านมา แนวโน้มนี้เริ่มมา ๕ ปีแล้วนับจากวิกฤตการเงิน พวกคนที่ค่อนข้างจะเอียงซ้ายก็ซ้ายมากขึ้น พวกฝ่ายขวาก็ยิ่งเอียงกว่าเดิม

โอบาม่าเอาประโยชน์ได้จากความไม่พอใจร่วมของประชาชนต่อคนรวย แต่ในขณะเดียวกันพยายามสลายหรือชักชวนให้พวกผู้ต่อต้านทุนนิยมเลิกประท้วง ด้วยความกลัวว่าแผนตัดลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลเขาจะกลายเป็นสิ่งที่จุดประกาย การประท้วง

สี่ปีก่อน โอบาม่าเป็นความหวังอย่างยิ่งในการเปลี่ยนแปลง แต่ครั้งนี้คนที่เลือกเขาไม่ได้คิดอย่างนั้นอีก แต่เพราะไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่า รีพับลิกันก็ยิ่งเลวร้าย ชนกลุ่มน้อย แรงงานรุ่นใหม่ และชนชั้นกลางบางส่วนที่เคยเชียร์โอบาม่าในสมัยแรก ลดจำนวนลง แต่ไม่เป็นตัวเลขที่สูงนัก คนที่มีรายได้น้อยยังคงเลือกเขา ส่วนคนมีรายได้มากยังคงชอบ มิต รอมนี่ และในพื้นที่เมืองใหญ่และในหมู่ชนชั้นคนงานส่วนมากเลือก โอบาม่า ขณะที่คนในเมืองเล็กและที่ห่างไกลเลือกรอมนี่มากกว่า และไม่เกี่ยวกับสีผิว

รอมนี่ใช้เรื่องสีผิวเอามาหาเสียงด้วย แต่ก็ยังตามโอบาม่าไม่ทัน คนดำ คนฮิสปานิก และคนเชื้อสายเอเชีย เลือกโอบาม่าเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม คนขาวส่วนใหญ่ที่เป็นคนชั้นกลางหรือคนรวยเลือกรอมนี่แต่แรงงานผิวขาวส่วน ใหญ่เลือกโอบาม่า

อารมณ์ของคนอเมริกันส่วนใหญ่ไม่ได้ใส่ใจ ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับการเลือกตั้ง เหมือนอย่างที่พวกสื่อกระแสหลัก เอามากระหน่ำออกขาย แต่อารมณ์ของรูปแบบการประท้วง อ๊อกคิวพาย-วอลสตรีท(พวกเราคือ ๙๙%) ยังคงมีกระแสสูง กระจายไปทั่ว และได้รับการสนับสนุนเพิ่มขึ้น มันแสดงให้เห็นเช่นในการทำประชามติที่ยอมรับการแต่งงานของพวกเกย์ใน ๔ รัฐ ยอมรับให้กัญชาถูกกฎหมายใน ๒ รัฐ ความไม่พอใจของคนอเมริกันยังเห็นได้อีกจากข้อมูลว่า คนที่มีสิทธิ์ไปลงคะแนน แต่สละสิทธิ์ มีถึง ๘๔ ล้านคน และเริ่มซ้ายมากขึ้น พวกนี้เป็นคนงานหนุ่มสาว คนมีรายได้น้อย และพวกเชื้อสายลาตินอเมริกันส่วนใหญ่

ผลของการเลือกตั้งและความกลัวว่าฝ่ายขวาจะชนะ นำไปสู่การพยายามลดทอนอารมณ์ที่จะต่อสู้ของนักสหภาพแรงงานและข้อเรียกร้อง ต่างๆ ลงในช่วงเวลานี้

หลังชนะเลือกตั้ง โอบาม่าก็ปากปราศรัยไปเรื่อย เรื่องการสร้างชาติร่วมใจกันอีกครั้ง แต่การจะร่วมมือกับรอมนี่คือการตัดลดสวัสดิการ

วิกฤตทุนนิยมไม่ใช่เรื่องที่ เดโมแครต หรือ รีพับลิกัน จะแก้ได้ พวกนี้ในที่สุดก็ต้องหันมาเล่นงานชนชั้นแรงงานอยู่ดี ประเทศก็จะแตกแยกกันมากขึ้น พวกเราจะต้องเชื่อมั่นว่าพลังของเราอยู่ที่การรวมตัวกัน เราต้องคิดไปให้ไกลกว่าที่เดโมแครตเสนอ ที่ชนะเลือกตั้งเพราะเรา แต่ตอบแทนเรากลับเล็กน้อยมาก


(ที่มา)
http://turnleftthai.blogspot.dk/2012/12/blog-post_25.html

คลิปปฏิญญาหน้าศาล เสวนา "เรื่องการนิรโทษกรรมให้ผู้ชุมนุมทางการเมือง"

คลิปปฏิญญาหน้าศาล  เสวนา "เรื่องการนิรโทษกรรมให้ผู้ชุมนุมทางการเมือง"






การ ร่างกฎกติกาประชาธิปไตยต้องอยู่ในสภาวะอากาศของเสรีภาพ ก้าวแรกของประชาธิปไตยต้องไม่มีใครถูกกักขังเป็น " นักโทษการเมือง" ฟังหลักนิติศาสตร์เพื่อออกจากวิกฤตการเมืองไทย ด้วยการนิรโทษกรรมให้กับผู้ชุมนุมทางการเมือง


อ ปูนเทพ ศิรินุพงษ์ จากนิติราษฎร์ ปฎิญญาหน้าศาล 23 12 2012
http://www.youtube.com/watch?v=O_PTK4PDwR8&feature=player_embedded

ซิม ปฎิญญาหน้าศาล 23 12 2012
http://www.youtube.com/watch?v=iIgLNOJrbeI&feature=player_embedded  

ช็อก รบ.ซีเรียบอมบ์ผู้คนเข้าคิวรอรับขนมปังในเมืองกบฎควบคุม ตายเจ็บเกลื่อนกว่าร้อยศพ (ชมคลิป)

ช็อก รบ.ซีเรียบอมบ์ผู้คนเข้าคิวรอรับขนมปังในเมืองกบฎควบคุม ตายเจ็บเกลื่อนกว่าร้อยศพ (ชมคลิป) 

 



สำนัก ข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุเครื่องบินรัฐบาลซีเรียปฎิบัติการโจมตีทางอากาศ โดยทิ้งระเบิดใส่ผู้คนที่กำลังเข้าแถวรอรับขนมปัง ในเมืองฮัลฟายาที่ฝ่ายต่อต้านฯควบคุม เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 คน และบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก โดยกลุ่มฝ่ายต่อต้านระบุว่า ผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตขณะเข้าคิวรับขนมปังโดยจำนวนมากถูกฝังร่างใต้ซากปรัก หักพัง และระเบิดได้ฉีกร่างผู้คนเป็นชิ้น ๆ ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของประชาชน ที่ช็อกกับเหตุโจมตีที่เกิดขึ้น

ด้านอังกฤษได้ออกแถลงการณ์ประณามรัฐบาลซีเรียโดยทันที ระบุว่า เหตุการณ์นี้ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนครั้งใหญ่ ที่กระทำโดยรัฐบาลบาชาร์ อัสสาด และจะต้องมีการนำผู้เกี่ยวข้องมารับโทษทางกฎหมาย นอกจากนี้ รัฐบาลอังกฤษยังเรียกร้องให้ซีเรียมีการถ่ายโอนอำนาจทางการเมืองโดยเร็วที สุดเพื่อยุติความรุนแรงระหวางสงครามระหว่างรัฐบาลอัสสาดและกลุ่มต่อต้านฯ

(ที่มา)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1356412911&grpid=01&catid=&subcatid=

Wake Up Thailand

Wake Up Thailand

 


ไพร่ก็เป็นเจ้าของพื้นที่เหมือนพวกคุณ

Wake Up Thailand ประจำวันที่ 25 ธันวาคม 2555 ตอน 2
ไพร่ก็เป็นเจ้าของพื้นที่เหมือนพวกคุณ 
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=91D5U1pQ6B0 


รถติดเพราะทุกคน ยกเว้นเราเอง

Wake Up Thailand ประจำวันที่ 25 ธันวาคม 2555 ตอน 1
รถติดเพราะทุกคน ยกเว้นเราเอง
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=nDn4BqGn1cM 

Merry Christmas for the Top 1% of Americans!

Merry Christmas for the Top 1% of Americans!




โจเซฟ สติ๊กลิทซ์ อดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ธนาคารโลกและผู้ได้รางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า:

-คนอเมริกันรวยที่สุด ๑% ได้ส่วนแบ่งรายได้ ๒๐% ของคนอเมริกันทั้งหมด, มีทรัพย์สิน ๑/๓ ของคนอเมริกันทั้งหมด, ได้ส่วนแบ่งจากผลได้งอกเงยจากเศรษฐกิจอเมริกันเริ่มฟื้นตัวหลังถดถอยในระยะที่ผ่านมาถึง ๙๓%


-ในทางกลับกัน คนอเมริกันรวยที่สุดเหล่านี้เสียภาษีน้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้มหาศาลของตัว จากเดิมเคยเสียถึง ๗๐% ตอนนี้ได้รับการลดหย่อนลงไปเหลือแค่เสีย ๓๕% โดยเฉพาะถ้าเป็นรายได้จากดอกเบี้ยหรือรายได้จากการลงทุน นายมิตต์ รอมนีย์ มหาเศรษฐีตัวแทนแข่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกันนั้นเสียภาษีเพียง ๑๔% ของรายได้ขณะที่คนอเมริกันชั้นกลางเสียราว ๓๐ - ๓๕%


-ดังนั้นคติ "ความฝันแบบอเมริกัน" ที่เชื่อว่าขอแต่คุณทำงานหนกและมีความเฉียบแหลมทางธุรกิจ คุณก็รวยได้ในอเมริกาอันเป็นดินแดนแห่งโอกาสนั้น ไม่จริงอีกต่อไป เป็นแค่ตำนาน เอาเข้าจริงถ้าคุณเกิดมาจนในอเมริกา คุณมีโอกาสมากที่จะจนต่อไปตลอดชีวิต

(ภาพประกอบ: หนังสือ The Price of Inequality ของ Joseph Stiglitz และแผนภูมิแสดงขนาดที่ดินทั่วอเมริกาหากแบ่ง

 
(ที่มา)
http://www.facebook.com/kasian.tejapira 

คำ ผกา เขียนถึงรางวัลกรรมการสิทธิฯ : "เลือดท่านเย็นยะเยียบทีเดียว"

คำ ผกา เขียนถึงรางวัลกรรมการสิทธิฯ : "เลือดท่านเย็นยะเยียบทีเดียว"

 

"ท่านมอบรางวัลให้กับเจ้าของวาทะ "ฆ่าเวลาบาปกว่าฆ่าคน" โดยที่ท่านมิได้เฉลียวใจว่าการฆ่าเวลานั้นเป็นบาปไปตั้งแต่เมื่อไหร่????" -คำ ผกา เขียนถึงรางวัลกรรมการสิทธิฯ 25-12-12  

 

บทความ "ยะเยียบ" มติชนสุดสัปดาห์ฉบับประจำวันที่ 21-27 ธันวาคม 2555
จะ ว่าไป การอยู่ในประเทศไทยแลนด์นั้น สิ่งที่เราได้เรียนรู้กันมาตามลำดับของการเจริญทางสติกอปรด้วยปัญญาคือการ เรียนรู้ว่าอย่าไปอินังขังขอบกับการมอบ"รางวัล" ใดๆ ในประเทศนี้

ไม่ เพียงแต่ไม่อินังขังขอบ เรายังเรียนรู้ว่าใครก็ตามที่ได้รับรางวัลอะไรสักอย่างในประเทศนี้ มันแสดงให้เห็นว่ารางวัลนั้น และคนผู้นั้นชักจะมีอะไรไม่ชอบมาพากล หรือพูดให้ง่ายลงว่า คนผู้นั้นคือคนที่ "เขา" อยากขอไปเป็นพวก หรือ คนผู้นั้นได้ไปเป็นพวกของ "เขา" แล้ว

จากประสบการณ์ เราได้เห็น "คน" เปลี่ยนพวก เปลี่ยนข้าง เปลี่ยนอุดมการณ์ เพราะหวังรางวัลกันมาก็มาก บ้างก็รู้ตัวบ้างก็ไม่รู้ตัว

รางวัล เหล่านั้นอาจไม่ได้นำมาซึ่งทรัพย์ศฤงคารโดยตรงแต่ก็นำมาซึ่งวิถีแห่งการไหล มาเทมาของศฤงคารนั้นๆเพราะมันเอาไปหลอมให้คนเชื่อถือไว้ใจเป็นต้นทุนทาง สังคมที่ล้ำค่ายิ่งสำหรับสังคมที่บูชาโล่ ประกาศนียบัตร และถ้อยแสดงเกียรติคุณอย่างฟุ้งเฟ้อ

เราอยู่ในสังคมที่ยกย่องผู้คนกันที่

- หูย เขาจบจากอ๊อกซ์ฟอร์ดเชียวนะ จะมาว่าเค้าหนีทหาร สั่งใช้กระสุนจริง ไม่เข้าใจประชาธิปไตยได้ยังไง เค้าไม่ใช่พวกโกงบ้านโกงเมืองนะ หูย นี่เขาได้รางวัลกวีแห่งชาติเชียวนะ เพราะฉะนั้น เขาต้องเป็นคนดีแน่ๆ

- หูยนี่ ต้นตระกูลเค้ารับใช้ชาติมาหลายชั่วคน เป็นไปไม่ได้ที่เค้าจะทำอะไรไม่ดี

- หูยนี่ คนนี้เค้าบริจาคเงินตั้งเยอะ คนดีๆ แบบนี้หายาก

- หูยนี่ เค้าได้รับรางวัลส่งเสริมมนุษยชนดีเด่นเชียวนะ เราต้องศรัทธาสิ่งที่เค้าทำนะ ถ้าเค้าเป็นคนไม่ดี จะได้รางวัลได้ไง ฯลฯ


(เอ๊ะ คำว่า ตรรกะ สะกดยังไงเหรอ?)

แม้ จะเรียนรู้ว่าไม่ต้องไปอะไรนักหนากับรางวัลที่ประเทศนี้เค้ามอบให้กัน ไปอวยกันเองเออกันเอง แต่สำหรับรางวัลเกียรติยศ "ผู้ส่งเสริมมนุษยชน" ที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มอบให้แก่ นายวีระ สมความคิด, พระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี), พญ.พรทิพย์ โรจนสุนันท์ นั้นเป็นที่กังขาของสังคมเป็นอย่างยิ่ง


อีกสองท่านคือ นางอรุณี ศรีโต และ นางสายสุรีย์ จุติกุล-ซึ่งหากคณะกรรมการสิทธิฯ อยากให้รางวัลของท่านเป็นรางวัลระดับกรม, กอง แจกๆ กันให้หมดหน้าที่ แจกกันเงียบๆ รู้กันสัก 15 คน เป็นข่าวสัก 2 นาที ไม่มีบทสนทนา ชื่นชม หรือวิพากษ์วิจารณ์ ไม่มีความเห็นบวกหรือลบตามมา เรียกว่าให้แล้วเท่าทุน การมอบรางวัลให้คุณอรุณี หรือคุณสายสุรีย์ ก็ดูเหมาะสม เข้าเป้า

แต่ ดูเหมือนคณะกรรมการสิทธิฯ ไม่ได้อยากเข้าเป้าแต่อยากล่อเป้า หวยจึงมาออกที่บุคคลสามท่านที่สังคม-อึ้ง-ว่า เอ่อ...เป็นผู้ส่งเสริมสิทธิมนุษยชนตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ไหน อย่างไร?


(ที่มา)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1356352639&grpid=01&catid=&subcatid=