หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2556

ตำรวจกรีซบุกสลายการประท้วงพนง.รถไฟใต้ดินเอเธนส์

ตำรวจกรีซบุกสลายการประท้วงพนง.รถไฟใต้ดินเอเธนส์


 
ตำรวจปราบจลาจลกรีซบุกเข้าไปยังสถานีรถไฟใต้ดิน ในกรุงเอเธนส์ เพื่อสลายกลุ่มพนักงานซึ่งผละงานประท้วงมาตรการรัดเข็มขัด

ตำรวจรายงานว่า บุกสลายกลุ่มผู้ประท้วงมาตรการรัดเข็มขัดที่สถานีรถไฟใต้ดินของกรุงเอเธนส์ เมื่อเวลาประมาณ 04.00 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา 09.00 น.ตามเวลาไทย โดยมีผู้ประท้วง 3 คน ถูกควบคุมตัวเป็นการชั่วคราว หลังกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงอย่างสงบมาเป็นวันที่ 9

รัฐบาลใช้การประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อขู่จับกุมผู้ชุมนุม หากยังไม่ยอมกลับไปทำงาน อย่างไรก็ดี ยังไม่แน่ชัดว่าจู่โจมครั้งนี้จะทำให้ระบบการขนส่งสาธารณะกลับมาเป็นปกติ หรือไม่ ทางการกรีซระบุว่า ผู้ประท้วงละเมิดคำสั่งศาลที่ประกาศให้การผละงานของพนักงานสถานีรถไฟใต้ดิน เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของกรีซ และเมื่อวานนี้ได้มีคำสั่งให้เข้าสลายการชุมนุมซึ่งส่งผลให้การจราจรในกรุง เอเธนส์กลายเป็นอัมพาตนานกว่า 1 สัปดาห์

สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล : กรณีสมยศขัดหลักบรรทัดฐานสากลอย่างรุนแรง

สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล : กรณีสมยศขัดหลักบรรทัดฐานสากลอย่างรุนแรง





(คลิกฟัง)
http://www.youtube.com/watch?v=-l1zb6-FmQw

จำคุก 'สมยศ พฤกษาเกษมสุข' 11 ปี เหตุเผยแพร่บทความ 'หมิ่น'

จำคุก 'สมยศ พฤกษาเกษมสุข' 11 ปี เหตุเผยแพร่บทความ 'หมิ่น'


Somyot jailed for 11 years under lese majeste

 

เมื่อศาลจำคุกสมยศ ศาลจำคุกเสรีภาพและประชาธิปไตยของคนไทยทุกคน เมื่อศาลจำคุกสมยศ ศาลจำคุกสมองของคนไทยทุกคน


By jailing Somyot, the courts are jailing freedom and democracy for all Thais. By jailing Somyot, they jail the minds of all Thais


Photo

 

 ภาษาไทย
  
ภาษาอังกฤษ

ที่มา

Wake Up Thailand

Wake Up Thailand  
 

NGO ไทยมาช้าเเต่มาเเล้ว

Wake Up Thailand ประจำวันที่ 25 มกราคม 2556  ตอนที่ 2 
NGO ไทยมาช้าเเต่มาเเล้ว
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=LS_20ejEgFE
  
    
ที่ดินในเมืองเรื่องสำคัญของ กทม.

Wake Up Thailand ประจำวันที่ 25 มกราคม 2556  ตอนที่ 1 
ที่ดินในเมืองเรื่องสำคัญของ กทม.
http://www.dailymotion.com/video/xx0cby_y-y-yyyyy 

Coffee with : อ.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์

Wake Up Thailand ประจำวันที่ 24 มกราคม 2556  ตอนที่ 2
Coffee with : อ.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ 
http://www.dailymotion.com/video/xwzhmi_coffee-with-y-yy-y-y 

  
สังคมไทยหลังคำตัดสินคดีสมยศ

Wake Up Thailand ประจำวันที่ 24 มกราคม 2556  ตอนที่ 1
สังคมไทยหลังคำตัดสินคดีสมยศ
http://www.dailymotion.com/video/xwzgo5_y-yyyyyyyy    

The Daily Dose

The Daily Dose 

 
The Daily Dose ประจำวันที่ 24 มกราคม 2556
Wikileaks โฆษณาระดมทุนล้อเลียน MasterCard 
http://www.dailymotion.com/video/xwzvns_wikileaks-yyyyyyyyyy 
 
The Daily Dose ประจำวันที่ 23 มกราคม 2556
THAI ยังจะสั่งซื้อ... ควรยกเลิก 'ดรีมไลเนอร์'
 http://www.dailymotion.com/video/xwyyvd_thai-y-yyyy

Divas Cafe

Divas Cafe
 

การเมืองของความ(อ)ยุติธรรม 
 
Divas Cafe ประจำวันที่ 25 มกราคม 2556
การเมืองของความ(อ)ยุติธรรม
http://www.dailymotion.com/video/xx0eoo_yyyyy 
 

ญี่ปุ่น – ไทย : โกโบริ – อังศุมาลิน

Divas Cafe ประจำวันที่ 24 มกราคม 2556
ญี่ปุ่น – ไทย : โกโบริ – อังศุมาลิน
http://www.dailymotion.com/video/xwzixe_y-y-y 

เหยื่ออธรรม เหยื่อแผ่นดินอธรรม

เหยื่ออธรรม เหยื่อแผ่นดินอธรรม

 


 

บัณฑิตใหม่นิติศาสตร์กับกรณีสมยศ  
 
บูมFree Somyot
  
ที่มา

แถลงการณ์แสงสำนึก ฉบับที่ ๒ “โปรดปล่อยประชาชน”

แถลงการณ์แสงสำนึก ฉบับที่ ๒ “โปรดปล่อยประชาชน”

 

แสงสำนึก

 

แถลงการณ์แสงสำนึก ฉบับที่ ๒
“โปรดปล่อยประชาชน”

วันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๖

นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม ๒๕๕๔  บัดนี้เป็นเวลาร่วม ๑๘ เดือนแล้วที่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งและได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล มีอำนาจรัฐเพื่อบริหารประเทศภายหลังเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองเกิดขึ้น และมีประชาชนถูกจับกุมเป็นจำนวนมากในข้อหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวพันกับการแสดงออกและแสดงความคิดเห็นทางการเมือง

          ๑๘ เดือนกับความหวังว่าจะได้รัฐบาลจากการเลือกตั้งซึ่งเป็นตัวแทนประชาชนอย่าง แท้จริง ที่อย่างน้อยที่สุด จะสามารถสะสางความไม่เป็นธรรมและสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในเบื้องต้น

          เราต่างทราบกันเป็นอย่างดีว่าการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นในปี ๒๕๕๔ นั้นไม่ใช่การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นโดยปราศจากการเรียกร้อง ประชาชนจำนวนมากต้องเอาเลือดเนื้อ อิสรภาพ และแม้แต่ชีวิตเข้าแลก

          เหตุการณ์ขัดแย้งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนับแต่ช่วงก่อนเหตุการณ์รัฐประหาร กันยายน ๒๕๔๙  จนถึงขณะนี้ได้กลายเป็นบทเรียนราคาแพงของสังคมไทย หนทางเดียวที่ความแตกต่างทางความคิดจนไม่อาจประนีประนอมนี้จะอยู่ร่วมกันได้  คือหนทางที่เคารพในหลักการประชาธิปไตย และความเป็นธรรม

“ไม่มีอะไร ก็สู้กันต่อไป”: บทบันทึกจากวันพิพากษา

“ไม่มีอะไร ก็สู้กันต่อไป”: บทบันทึกจากวันพิพากษา


 

 
กว่าศาลจะนั่งบัลลังก์ก็เป็นเวลาเลย 10.30 น.ไปแล้ว

ผู้สังเกตการณ์พิจารณาคดีมากกว่า 150 คน มารอในห้องพิจารณาคดีที่ 704 ของศาลอาญา กันตั้งแต่เวลานัดหมายคือ 9.00 น. ห้องพิจารณาเป็นห้องขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่ใช้ในคดีใหญ่ๆ และมีผู้คนให้ความสนใจค่อนข้างมาก เช่น คดีก่อการร้ายของแกนนำนปช. ห้องมีม้านั่งไม้สำหรับนั่งฟังการพิจารณาจุคนได้กว่า 100 คน ยังต้องเสริมเก้าอี้เดี่ยวเข้าไปอีกหลายสิบตัว แต่หลายคนที่มาทีหลังก็ยังไม่มีที่นั่ง

ผู้เข้าร่วมสังเกตการณ์คดีนี้จำนวนมากเป็นชาวต่างชาติ ทั้งจากสถานทูตประเทศต่างๆ องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน องค์กรด้านแรงงาน รวมทั้งสื่อต่างประเทศ ส่วนคนไทย มีทั้งนักวิชาการ นักกิจกรรม คนเสื้อแดงกลุ่มย่อย รวมทั้งเพื่อนนักศึกษาของไท ลูกชายของสมยศ แต่ดูเหมือนที่ขาดหายไปคือสื่อมวลชนไทยกระแสหลัก และคนในวงการสื่อสิ่งพิมพ์หรือการเขียนการอ่าน ซึ่งเกี่ยวข้องกับประเด็นแห่งคดีนี้พอสมควร

ก่อนขึ้นสู่ห้องพิจารณา หลายคนลงไปทักทายสมยศในเรือนจำใต้ถุนศาล ซึ่งมีกรงกั้นถึงสองชั้น และพูดคุยกันได้ในระยะไกล สมยศยังคงชูสองนิ้วสู้ แต่บอกถึงอาการนอนไม่หลับในคืนก่อนวันพิพากษา นักข่าวหลายสิบคนตั้งกล้องทั้งวีดีโอและกล้องถ่ายรูป รอถ่ายรูปขณะเขาถูกศาลเรียกตัวจากใต้ถุนขึ้นสู่ห้องพิจารณา

ราว 9.30 น. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เดินประกบสมยศในชุดนักโทษขณะเข้ามาในห้องพิจารณา เพื่อนที่นั่งข้างๆ บอกทักตั้งแต่เขายังไม่เข้าสู่ห้องว่า “เสียงโซ่ คุณสมยศมาแล้ว” อาจเพราะเสียงโซ่ตรวนดังกระทบพื้นขณะผู้ต้องหาเดินช่างเป็นเอกลักษณ์ สมยศเดินผ่ากลางม้านั่งไม้ตรงกลางเข้าไปนั่งบนม้านั่งด้านหน้าสุด ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้ม หลายคนเข้าไปทักทายพูดคุย

สักพักหนึ่ง เจ้าหน้าที่หญิงของศาลเดินมาแจกเอกสารเขียนเป็นภาษาอังกฤษและภาษาจีนให้ผู้ สังเกตการณ์ชาวต่างชาติ มีข้อความระบุถึงระเบียบของศาล เช่น ระเบียบการแต่งตัวสุภาพ การให้ปิดโทรศัพท์มือถือ ห้ามนั่งไขว่ห้าง  ขณะที่เจ้าหน้าที่ชายในชุดคล้ายทหารสองสามคนเดินดูผู้สังเกตการณ์ในศาล และคอยห้ามการถ่ายรูปในศาล 

เมื่อเวลารอคอยในศาลเริ่มนานขึ้น เสียงพูดคุยปรึกษาในศาลก็ยิ่งดังขึ้น หลายคนเริ่มกระสับกระส่าย บางคนการเดินไปเดินมา ทักทายผู้คน และพูดกันเล่นๆ ว่าศาลอาจกำลังเขียนคำพิพากษาอยู่  เมื่อใกล้เวลา เจ้าหน้าที่ชายตะโกนแจ้งให้คนอยู่ในความสงบ ศาลใกล้นั่งบังลังก์แล้ว และเอ่ยเตือนว่าเสียงโทรศัพท์ที่ดังถือเป็นการละเมิดอำนาจศาล

หลังจากนั้นความเงียบของการรอคอยเข้าปกคลุมห้องพิจารณาเกือบสิบนาที จนผู้พิพากษาสี่ท่านนั่งบัลลังก์ในเวลาราว 10.35 น. เป็นองค์คณะที่มีการเปลี่ยนแปลงจากช่วงที่มีการสืบพยานในปีที่แล้ว โดยเป็นชายสามท่าน และหญิงอีกหนึ่งท่าน

จากนั้นผู้พิพากษาชายหนุ่มท่านหนึ่งก็เริ่มต้นอ่านคำพิพากษาขนาดยาวใช้ เวลามากกว่าครึ่งชั่วโมง โดยประโยคขึ้นต้นว่า “ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์...” โดยทนายจำเลยสองท่านและสมยศ ลุกขึ้นยืนฟังตลอดการอ่านคำพิพากษา ขณะที่อัยการฝ่ายโจทก์ในคดีไม่ได้มาศาลด้วย ในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เริ่มไปยืนบริเวณประตูออกจากพิจารณาราว 6-7 คน เข้าใจว่าเพื่อป้องกันคนเข้าออกจากห้องขณะอ่านคำพิพากษา

(อ่านต่อ)
http://blogazine.in.th/blogs/%E0%B8%81%E0%B8%B3

บันทึกวันพิพากษา ม.112 สมยศ พฤกษาเกษมสุข

บันทึกวันพิพากษา ม.112 สมยศ พฤกษาเกษมสุข

 

โดย ประวิตร โรจนพฤกษ์
@PravitR
 
หมายเหตุ: ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณสมยศ พฤกษาเกษมสุข ในวันพิพากษา 10 ปีใต้ ม.112 (+1ปี) และมีเกร็ดจำนวนหนึ่งที่บันทึกไว้เพื่อสังคมและคนรุ่นหลัง ดังนี้


1

โซ่ตรวน: สมยศบอกผมว่าแกได้ขอให้ทางผู้คุมลดขนาด โซ่ตรวนที่จองจำข้อเท้าทั้งสอง แต่ก็ถูกปฎิเสธ – อย่างไรก็ตาม สมยศบอกว่าขนาดโซ่ตรวนที่ติดข้อเท้าทั้งสองของแก ก็หาใช่ขนาดที่หนาและหนักที่สุดที่นักโทษไทยโดนไม่


ผมมองโซ่ตรวนด้วยตาและยกมันชั่งดูกับมือ เส้นผ่าศูนย์กลางของเหล็กน่าจะประมาณครึ่งนิ้วถึงสองในสามนิ้ว ส่วนน้ำหนักนั้นก็หลายกิโลอยู่

ปณิธาน พฤกษาเกษมสุข ลูกชายสมยศ ซึ่งนั่งอยู่ที่นั่งแถวหน้าระหว่างรอผู้พิพากษาปรากฎ ก็ได้บอกผมว่าการล่ามโซ่ก่อนตัดสินนั้นขัดรัฐธรรมนูญไทยมาตรา 39 วรรค 3 ที่เขียนว่า ก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุด ผู้ที่ยังไม่ถูกตัดสินจะถูกปฎิบัติเป็นเสมือนผู้กระทำผิดมิได้

สุกัญญา พฤกษาเกษมสุข ภรรยาสมยศได้ยินเช่นนั้นก็พูดเสริมว่าทางกรมราชทัณฑ์อ้างว่ามีเจ้าหน้าที่ ไม่พอ จึงต้องล่ามโซ่เพื่อป้องกันผู้ต้องหาหลบหนีเวลาขึ้นศาล

หลังจากนั้นสักพัก คุณสมยศได้โชว์แผลเป็นบนข้อเท้าซ้าย 2 แผลสีดำเป็นวงใหญ่เห็นชัด อันเกิดจากอาการติดเชื้อและเน่าของผิวหนังบริเวณนั้นเป็น พร้อมบอกว่าอยู่ในคุก ถ้าไม่มียาฆ่าเชื้อย่อมลำบาก แต่ดีที่ภายหลังมีภรรยาคอยส่งยาให้

สมาคมนักข่าว: คุณสุกัญญาบอกผมว่า แม้สมยศจะถูกจองจำในฐานะบรรณาธิการนิตยสาร Voice of Taksin มากว่า 21 เดือนก่อนพิพากษา แต่สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยไม่เคยออกแถลงการณ์อะไรเกี่ยวกับการจองจำ บก.ผู้นี้เลย

เสรีภาพ และสิ่งที่ได้เรียนรู้ตลอด 21 เดือนที่ถูกจองจำและปฎิเสธการประกันตัว 12 ครั้ง: ผม ถามสมยศว่าได้เรียนรู้อะไรตลอด 21 เดือนในคุกและจากการถูกปฏิเสธให้ประกันตัวถึง 12 ครั้ง แกตอบว่า “สิ่งที่สำคัญคือเสรีภาพ ถ้าไม่มีเสรีภาพก็ไม่ควรมีชีวิตอยู่ เพราะเท่ากับเราถูกลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ลงไป คือที่มันเจ็บใจ มีสิทธิประกาศตามรัฐธรรมนูญ แต่ในทางปฎิบัติ ตรงข้าม และระบบนี้ก็บังคับให้สารภาพอย่างเดียว แล้วก็ยังมีรูปแบบการทรมานแบบใหม่เกิดขึ้น คือการไม่ให้ประกันตัว”

“ลองคิดดู ให้ไปตระเวนต่างจังหวัดอยู่ 5 เดือน เปลี่ยนคุกไป 5 คุก กลับมา บอกให้สารภาพดีกว่า… คนที่สู้ไม่ไหวก็ยอม หมดสภาพ หมดสภาพความเป็นคน ถ้ายอมเรื่อยๆ มันก็จะเหวี่ยงแหใครก็ได้ ไม่งั้นอีกหน่อย กล่าวหาใครก็ได้ แล้วไม่ให้ประกันตัว มันก็จะกลายเป็นกฎหมายเลวร้าย”

“น่าจะไม่มีการเลือกปฎิบัติ อริสมันต์หนีไป 1 ปี กลับมาได้ประกัน สนธิ ลิ้ม ถูกตัดสิน 85 ปี ยังได้ประกันตัวตอน 5 ทุ่ม –ขนาดสารภาพว่าผิด”

อัพเดทท่าทีระหว่างประเทศ ประณามคำตัดสินคดีสมยศต่อเนื่อง

อัพเดทท่าทีระหว่างประเทศ ประณามคำตัดสินคดีสมยศต่อเนื่อง




หนึ่งวันหลังศาลอาญาพิพากษาให้สมยศ พฤกษาเกษมสุข บก.นิตยสาร Voice of Taksin มีความผิดตามมาตรา 112 ด้วยการจัดพิมพ์ จัดจำหน่ายและเผยแพร่นิตยสารเสียงทักษิณ (Voice of Taksin) ซึ่งมีบทความเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ  ลงโทษจำคุก 10 ปี จากความผิด 2 กรรม  บวกกับโทษเดิมเมื่อปี 2552 คดีหมิ่นประมาท พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ที่รอลงอาญาไว้อีก 1 ปี รวมเป็นจำคุก 11 ปี

องค์กรระหว่างประเทศยังคงออกแถลงการณ์แสดงความเห็นเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน ชี้คำตัดสินคดีกระทบเสรีภาพสื่อไทย
องค์กร ผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน (RSF) ออกแถลงการณ์ต่อกรณีนี้โดยระบุว่า คำพิพากษานี้ไม่ต่างจากยุทธวิธีทางการเมืองที่ออกแบบเพื่อปิดปากการวิจารณ์ รัฐบาล ข้อเท็จจริงที่ว่า ไม่มีการฟ้องร้องต่อบทความที่ถูกกล่าวหาว่าเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จนกระทั่งหลายเดือนหลังจากการจับกุมตัวสมยศ พิสูจน์ให้เห็นว่าทางการต้องการล่าหัวเขาและเพียงใช้เป็นข้ออ้างที่จะคุมขัง เขา


องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนยังเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวสมยศในทันที และกลับคำตัดสินด้วย นอกจากนี้ ยังเรียกร้องต่อประชาคมนานาชาติให้แสดงท่าทีต่อการพิจารณาคดีนี้ซึ่งเป็นการ โจมตีเสรีภาพสื่อในประเทศไทยโดยตรง กฎหมายหมิ่นกษัตริย์ฯ และมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญาจะต้องถูกยกเลิก

ประเด็นสำคัญของคำพิพากษาคดีสมยศอยู่ตรงนี้

ประเด็นสำคัญของคำพิพากษาคดีสมยศอยู่ตรงนี้


โดย วาด รวี

 

ประเด็นสำคัญของคำพิพากษาอยู่ตรงนี้
..........................
เห็นว่าบทความ คมความคิด ในนิตยสารเสียงทักษิณทั้งสองฉบับ มีเนื้อหาที่ไม่ได้กล่าวถึงชื่อบุคคล แต่เขียนโดยมีเจตนาเชื่อมโยงเหตุการณ์ในอดีต เมื่อนำเหตุการณ์ในอดีตมาเชื่อมโยงแล้วสามารถระบุได้ว่าหมายถึงพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เนื้อหาของบทความเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์
...........................

จากคำแถลงปิดคดีของฝ่ายจำเลย พบว่า ประเด็นสำคัญข้างบนมาจากคำให้การของ ธงทอง จันทรางศุ ตรงส่วนนี้

...........................
พยาน ส่วนใหญ่ของโจทก์ให้ความเห็นว่าผู้เขียนบทความทั้งสองบทความมีเจตนาดูหมิ่น หรือหมิ่นประมาท หรือแสดงความ อาฆาตมาดร้ายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระราชวงศ์ เฉพาะศาสตราจารย์พิเศษธงทองดูเอกสารหมาย จ.๒๔ แล้วเบิกความว่า ไม่ได้ให้ความเห็นว่าเข้าค่ายหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่ แต่ได้ให้ความเห็นว่าข้อความที่ปรากฏอยู่ในหน้า ๔๖ ตรงคำว่า “โคตรตระกูล” นี้นั้นหมายถึงราชวงศ์จักรี และไม่ออกความเห็นเกี่ยวกับเอกสารหมาย จ.๒๕ 
.......................

และส่วนนี้

.......................
เมื่อ เปรียบเทียบความเห็นของพยานโจทก์เฉพาะปากนายกฤษฎา ใจสุวรรณ์ กับ นางสาวชรินรัตน์ อิงพงษ์พันธ์ ในการให้ความเห็นบทความ ตามเอกสารหมาย จ.๒๔ และ จ.๒๕ ยังไปคนละทิศทาง ไม่อาจสรุปได้ว่าความเห็นของฝ่ายใดถูกหรือของฝ่ายใดผิด เช่นเดียวกับความเห็นพยานโจทก์ปากศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ พยานโจทก์ที่เบิกความตอบอัยการโจทก์เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๕ ในหน้าที่ ๒ บรรทัดที่ ๔-๑๓ และในหน้าที่ ๓ บรรทัดที่ ๗-๑๐ นับจากบนลงล่าง ความว่า “พยานดูเอกสารหมาย จ.๒๔ แล้วเบิกความว่า ..........................................คำว่า “โคตรตระกูล” ที่ระบุไว้ทั้งสองแห่งผู้เขียนสื่อความหมายให้ผู้อ่านนึกถึงราชวงศ์จักรี ตรงที่หมายถึงราชวงศ์จักรีนั้นอยู่ตรงคำว่า “พอได้ดีก็โค่นนายตัวเอง จับนายไปจองจำ ชัดว่าสติไม่ดี ดูแลบ้านเมืองไม่ได้ แล้วก็จับลงถุงแดง ฆ่าทิ้งอย่างทารุณ” เป็นประวัติศาสตร์ในช่วงท้ายกรุงธนบุรีในปี ๒๓๒๕ ต่อเนื่องกับตอนต้นของกรุงรัตนโกสินทร์...................โจทก์ให้พยานดู เอกสารหมาย จ.๒๕ เป็นบทความโดยผู้เขียนนามปากกาเดียวกับ จ.๒๔ พยานดูแล้วเบิกความว่าเรื่อง ๖ ตุลา ๒๕๕๓ นี้ ผู้เขียนสมมุติตัวละครเดินเรื่องชื่อ “หลวงนฤบาล” อ่านแล้วข้าฯไม่แน่ใจไม่สามารถให้ความเห็นเด็ดขาดได้ว่าหมายถึงบุคคลหนึ่ง บุคคลใดหรือไม่” 
......................

ศาล อาศัยปากคำของ ธงทอง ที่ตีความคำว่า “โคตรตระกูล” ว่าหมายถึง "ราชวงศ์จักรี" และอาศัยจุดนี้ในการเชื่อมโยงให้ความหมายว่า “หลวงนฤบาล” คือพระเจ้าอยู่หัว

ประการที่หนึ่ง ธงทองไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญหรือมีความรู้ประวัติศาสตร์