หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2554

"บอมบ์"ราชดำเนิน สัญญาณเตือนภัย"รัฐบาลปู" 

 

เหตุลอบวางระเบิดบริเวณ "หน้ากองสลากกินแบ่งรัฐบาล" ถนนราชดำเนิน เมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสรุปว่า "คนร้าย" ต้องการสร้างความปั่นป่วน เพราะต่อวงจรไม่สมบูรณ์และตั้งเวลาระเบิดในช่วงที่กิจกรรมย่านนั้นเลิกราไป แล้ว

แต่ถือเป็นการสร้างความปั่นป่วนที่เปี่ยมไปด้วยสัญญาณ "ทางการเมือง"

สถานที่เกิดเหตุ วัน เวลา เป็นเรื่องน่าคิด

ท้าทายให้ประเมินว่าเป็นการลองเชิง-ชิมลาง-หยั่งกระแส ของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือไม่ 


เพราะการสร้างสถานการณ์จนทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง เป็นสาเหตุที่ให้ "รัฐบาล" อยู่ไม่ได้มานักต่อนักแล้ว โดยเฉพาะรัฐบาลที่มีความเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

ซึ่งในอดีตปรากฏให้เห็นแล้วว่า รัฐบาลที่มีความเกี่ยวข้องกับ "พ.ต.ท.ทักษิณ" มี "จุดอ่อน" อยู่ที่งาน "ด้านความมั่นคง" มักโดนเขย่าอำนาจด้วยการลอบวาง "ระเบิด" ก่อกวนมาเกือบทั้งหมด 


(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1323316138&grpid=01&catid=&subcatid=
รอบโลกแรงงานพฤศจิกายน 2554

"กรรมกรทั้งผองล้วนเป็นพี่น้องกัน"


 

ประชาชนประท้วงก่อนประชุมสุดยอดจี 20 ที่ฝรั่งเศส
2 พ.ย. 54 - ผู้ต่อต้านทุนนิยมหลายพันคนหลั่งไหลไปยังชายหาดริเวียราในเมืองนีซของ ฝรั่งเศส เพื่อเดินขบวนประท้วงความโลภของบริษัทใหญ่ก่อนที่จะมีการประชุมผู้นำกลุ่ม ชาติอุตสาหกรรมชั้นนำและเศรษฐกิจเกิดใหม่ (จี 20) ที่เมืองคานส์ในวันที่ 3-4 พฤศจิกายน

ผู้ประท้วงเดินทางมาจากทั่วยุโรปตั้งแต่วันจันทร์ (31 ต.ค.) เดินขบวนส่งเสียงดังไปตามชายหาด พวกเขามาเข้าร่วมการประชุมสุดยอดประชาชน ซึ่งจะจัดขึ้นคู่ขนานกับการประชุมสุดยอดจี 20 ที่เมืองคานส์ อยู่ห่างออกไป 30 กิโลเมตร ตำรวจประเมินว่ามีผู้ร่วมเดินขบวน 5,400 คน แต่ผู้จัดแย้งว่ามีมากถึง 10,000-12,000 คน และหวังว่ารัฐบาลจะฟังเสียงของประชาชน

นักเคลื่อนไหวของกลุ่มออกซ์แฟมราว 100 คนจากหลายประเทศ เช่น สเปน เบลเยียม เม็กซิโก มาร่วมเดินขบวนด้วย หลายคนสวมหมวกโรบินฮู้ด ซึ่งเป็นจอมโจรที่ปล้นคนรวยไปแจกจ่ายให้คนจน และถือกระเป๋าผ้ากระสอบเป็นสัญลักษณ์แทนตลาดหลักทรัพย์ พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลเก็บภาษีการทำธุรกรรมทางการเงิน


การประท้วงต่อต้านทุนนิยมผุดขึ้นกว่า 80 ประเทศในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยได้ต้นแบบมาจากการยึดครองวอลล์สตรีทในสหรัฐ

ท่าเรือสำคัญในแคลิฟอร์เนียยังปิดหลังกลุ่มต่อต้านวอลล์สตรีทประท้วงใหญ่
3 พ.ย. 54 - ท่าเรือโอกแลนด์ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นหนึ่งในท่าเรือพลุกพล่านที่สุดในสหรัฐยังคงปิดในเช้าวันนี้ตามเวลา ท้องถิ่น หลังจากกลุ่มต่อต้านวอลล์สตรีทเคลื่อนขบวนประท้วงครั้งใหญ่

เว็บไซต์ของท่าเรือแจ้งเมื่อกลางดึกวันพุธ (2 พ.ย.) ว่า ท่าเรือแห่งนี้ค้าขายกับเอเชียถึงร้อยละ 59 และเป็นท่าเรือพลุกพล่านอับดับ 4 ของประเทศโดยวัดจากปริมาณสินค้า ทางท่าเรือได้ให้พนักงานกลับบ้านเร็วกว่าปกติเพราะผู้ประท้วงจำนวนมากเข้า ยึดที่เทียบเรือ ท่าเรือจะหยุดการทำงานจนกว่าจะเห็นว่าปลอดภัย หวังว่าจะเริ่มทำงานได้อีกครั้งในวันศุกร์และพนักงานจะสามารถเข้าไปทำงานได้ โดยไม่เกิดเหตุใด ๆ จนถึงขณะนี้ไม่มีพนักงานถูกทำร้ายร่างกาย ไม่มีทรัพย์สินเสียหาย และไม่มีปัญหาความปลอดภัยขั้นร้ายแรง

ท่าเรือโอกแลนด์ปิดหลังจากกลุ่มผู้ประท้วงหลายพันคนชุมนุมใจกลางเมืองโอก แลนด์ เพื่อสนับสนุนการผละงานที่มีผู้ปลุกระดมขึ้นหลังจากตำรวจใช้แก๊สน้ำตาสลาย ฝูงชนเมื่อสัปดาห์ก่อนและมีผู้บาดเจ็บ 1 คน การประท้วงส่วนใหญ่เป็นไปอย่างสงบ แต่มีข่าวว่าการทำลายทรัพย์สินบางจุด เป้าหมายคือสาขาธนาคารที่ปิดทำการ.

(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2011/12/38235
หน้าที่-ความรับผิดชอบ อภิสิทธิ์-สุเทพ เส้นขนานคดี 91 ศพ


















มุมมองของ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกพนักงานสอบสวนเรียกเข้าชี้แจงกรณีการสลายการชุมนุม จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 91 ศพ

ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องการเมือง

ไม่ต่างจาก "สุเทพ เทือกสุบรรณ" อดีตรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ.

ที่มีมุมมอง และวิธีคิดที่ไม่แตกต่างกัน

หาก มองในแง่ความเป็นจริง กรณีดังกล่าว ไม่ใช่เฉพาะคนไทยตาดำๆ ที่เจ็บปวดจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองเมื่อ เดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553

ยังมีช่างภาพชาวญี่ปุ่น และนักข่าวชาวอิตาลี ที่ต้องมาจบชีวิตลงจากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย

ต้องยอมรับว่า ตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีเต็ม ที่การเสียชีวิตของคนไทย "ความเป็นจริง" ไม่ได้ถูกทำให้ปรากฏ

เช่นเดียวกับช่างภาพญี่ปุ่น และนักข่าวอิตาลี

ไม่ น่าแปลกใจที่ทางการญี่ปุ่นและสำนักข่าวรอยเตอร์ซึ่งเป็นต้นสังกัดของช่างภาพ ชาวญี่ปุ่น จะลงทุนลงแรง จ้าง "นักสืบในทางลับ" เพื่อหาข้อมูลการเสียชีวิตที่แท้จริง

การดำเนินการดังกล่าวของทางการญี่ปุ่นและสำนักข่าวรอยเตอร์ เท่ากับเป็นการ "ตบหน้า" กระบวนการสืบสวนหาข้อเท็จจริงของทางการไทย

ที่ดูเหมือนต้องการให้ "ความตาย" หายไปกับ "สายลม"

(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1323316544&grpid=01&catid=&subcatid=
"สุเทพ"ให้ปากคำสลายม็อบเสื้อแดง ลั่นเป็นคำสั่ง ผอ.ศอฉ."มาร์ค"ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
 
สุเทพ เทือกสุบรรณ

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนในคดีสลายการชุมนุมของกลุ่มคน เสื้อแดง โดยใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 3 ชั่วโมงว่า วันนี้เดินทางมาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนในฐานะที่เคยดำรงตำแหน่งรองนายก รัฐมนตรี และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในสถานการณ์ความวุ่นวายของบ้านเมืองเมื่อปี 2553 พนักงานสอบสวนสอบปากคำตนในเหตุการณ์ขอคืนพื้นที่เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ตนสั่งการให้เจ้าหน้าที่ในฐานะ ผอ.ศอฉ. ขอคืนพื้นที่จราจรบริเวณสะพานพระราม 8 และสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า โดยเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานตามคำสั่งนั้น ได้ปฏิบัติตามกรอบของกฎหมายอย่างถูกต้องทุกอย่าง แต่มีคนไปอ้างว่าการปฏิบัติการดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต ซึ่งไม่เป็นความจริง ตนได้ยื่นหลักฐานต่างๆ ให้กับทางตำรวจแล้ว

นายสุเทพกล่าวว่า การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตามคำสั่งของตนนั้น ได้ทำงานอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปี พ.ศ.2548 ซึ่งตนขอยืนยันว่า เหตุการณ์ต่างๆ ที่เป็นคำสั่งของตนในฐานะ ผอ.ศอฉ.นั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด

"ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติตามคำสั่งของผมทำงานอย่างถูกกฎหมาย ทุกอย่าง ไม่มีเหตุรุนแรงที่เกิดจากเจ้าหน้าที่ แต่วันนี้ผมได้ให้ภาพถ่ายกับตำรวจ ที่เป็นชายชุดดำซึ่งเป็นผู้ก่อการร้ายเข้ามาก่อการ เป็นเหตุให้ประชาชนต้องบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม วันนี้ตนมาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตามเหตุการณ์ที่เกิดในวันที่ 10 เมษายน เท่านั้น" นายสุเทพกล่าว

อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนนัดตนอีกครั้งในวันที่ 14 ธันวาคม เวลา 14.00 น. เพื่อจะสอบปากคำเพิ่มเติมในเหตุการณ์สลายการชุมนุมและการขอคืนพื้นที่ ซึ่งตนก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือ

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1323346537&grpid=00&catid=&subcatid=
คลิป รายการ นายแน่มาก โดย คฑาวุธ ประจำวันที่ 07-12-2011









ขอเชิญพี่น้องเสื้อแดง Download คลิปรายการ นายแน่มาก
Artist: คุณคฑาวุธ@konthai.net
Title: รายการ นายแน่มาก
Genre: Political Talk
Release date:07-12-2554
Audio codec: MP3
Quality:  kbps
ขอบคุณ : คุณคฑาวุธ เว็บไซค์ konthai.net  คุณไทยสุริยะ คุณนวมินท์ คุณfazhi2006's
โดย:  Maysa Konthaiukinfo
http://www.konthaiuk.info/home.php
http://www.konthaiuk.com/home.php

http://www.youtube.com/watch?v=y3KiaxpmQuI&feature=player_embedded 

 

(คลิกฟัง)   

http://www.konthaiuk.info/forum/index.php?topic=20120.0

ว่าด้วยผู้นำเผด็จการซีเรียที่คล้ายกับอดีตผู้นำไทย

 



















โดยพิภพ อุดมอิทธิพงศ์ 

ในบรรดาผู้นำที่ปกครองประเทศด้วยกระบอกปืน บาชาร์ อัล อัสซาด (Bashar Al Assad) ประธานาธิบดีซีเรีย นับเป็นเผด็จการที่มีความรู้และการศึกษาดีมากคนหนึ่ง ตั้งแต่เล็ก เขาเป็นเด็กเรียนเก่ง และต่อมาเรียนจนจบแพทย์ในประเทศ ก่อนทำงานเป็นแพทย์เสนารักษ์อยู่สี่ปี จากนั้นจึงไปเรียนต่อด้านจักษุวิทยาจนจบที่ประเทศอังกฤษ


ไม่น่าแปลกใจที่ภาษาอังกฤษเขาอยู่ในระดับที่ดีมาก คล้ายกับอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ผ่านมาของไทยเรา ซึ่งก็ได้รับการศึกษา (และยังเกิด) ที่ประเทศอังกฤษด้วย


นายบาชาร์ อัล อัสซาดขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีจากการเลือกตั้งในปี 2543 และ 2550 โดยไม่มีคู่แข่งทั้งสองครั้ง จะว่าไปก็คงเป็นเรื่องบังเอิญเพราะในวัยเด็กเขาไม่เคยมีความใฝ่ฝันหรือความ สนใจในทางการเมือง แต่เหตุที่ต้องมาสืบทอดบัลลังก์จากบิดาของเขาคือนายฮาเฟซ อัล อัสซาด (Hafez Al Assad) ที่เคยปกครองซีเรียถึง 29 ปีจนเสียชีวิตเมื่อปี 2543 ก็เป็นเพราะว่าพี่ชายของนายอัสซาดซึ่งได้รับการหมายหมั้นให้เป็นผู้นำสืบทอด จากบิดา ต้องจบชีวิตลงกะทันหัน


เมื่อวันก่อน นายอัสซาดให้สัมภาษณ์สื่อตะวันตก เข้าใจว่าเป็นครั้งแรก คือสถานีโทรทัศน์เอบีซีนิวส์ (ABC News) ของสหรัฐอเมริกา ลักษณะการแสดงความเห็นของเขาคล้ายกับนายกฯ คนก่อนของเรา คือแสดงความฉลาดหลักแหลมในการใช้ภาษา การใช้เหตุผล และคารมโวหารต่าง ๆ


ที่เหมือนกันอีกอย่างก็คือสิ่งที่เขาพูดตรงข้ามกับความจริงที่ประชาชน ทั่วโลกรับรู้ โดยเฉพาะเขาปฏิเสธว่าคนที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย 4-5 พันคนที่เสียชีวิตไม่ได้ตายเพราะถูกทหารยิง เหมือนอย่างรายงานขององค์การสหประชาชาติหรือสำนักข่าวในตะวันตกระบุ


(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2011/12/38241
ศาลตัดสินจำคุก "โจ กอร์ดอน" 2 ปีครึ่ง

THAILAND
¤*¨¨*¤.¸¸. ..¸. ☼
\¸. Stop 112 .¸¸.
.\¸.¤*¨¨*¤ .¸¸.¸.¤
..\
☻/
/▌
/ \ .....

 
ศาลตัดสินจำคุก "โจ กอร์ดอน"
คดีแปลหนังสือ TKNS ศาลตัดสินจำคุก "โจ กอร์ดอน" 5 ปี แต่สารภาพจึงลดโทษเหลือ 2 ปีครึ่ง ทนายเล็งขออภัยโทษ ด้านกงสุลสหรัฐแถลงผิดหวังต่อผลการตัดสิน

เวลา 9.00 น. วันนี้ที่ห้องพิจารณาคดี 812 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก มีการอ่านคำพิพากษาคดี โจ กอร์ดอน หรือ เลอพงษ์ (ขอสงวนนามสกุล) ผู้ต้องหา “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” เนื่องจากแปลและเผยแพร่ หนังสือ "The King never smiles" (TKNS) โดยก่อนหน้านี้เมื่อ 10 ต.ค. จำเลยตัดสินใจรับสารภาพ (อ่านข่่าวที่เกี่ยวข้อง)

โดยศาลตัดสินให้ลงโทษจำคุกนายโจ กอร์ดอน เป็นเวลา 5 ปี แต่จำเลยรับสารภาพจึงลดโทษ 2 ปี 6 เดือน โดยทนายความจำเลยเตรียมยื่นขออภัยโทษ หากอัยการไม่ยื่นอุทธรณ์
ทั้งนี้ มีผู้สื่อข่าวไทยและต่างประเทศราว 50 คน ให้ความสนใจการอ่านคำพิพากษาคดีนายโจ กอร์ดอน ที่ห้องพิจารณาคดี ณ ศาลอาญา

ด้านสถานกงสุลสหรัฐในประเทศไทย กล่าวว่าการตัดสินลงโทษดังกล่าวเป็นเรื่อง "รุนแรง" (severe) ถึงแม้ว่าจะนับว่าน้อยแล้วสำหรับนักโทษในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ


(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2011/12/38234