หน้าเว็บ

วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ศาลเลื่อนพิจารณาเพิกถอนประกันตัว "5แกนนำแดง" ที่มีเอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครอง ออกไป 29 พ.ย.

ศาลเลื่อนพิจารณาเพิกถอนประกันตัว "5แกนนำแดง" ที่มีเอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครอง ออกไป 29 พ.ย.



Posted Image


เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 9 สิงหาคม ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอาญานัดสอบถามนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวกลุ่มร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย จำเลยที่ 2 ในคดีร่วมกันก่อการร้าย และพวกรวม 24 คน กรณีที่ นายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และนายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง ประชาธิปัตย์ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา เพื่อให้มีคำสั่งเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวนายจตุพร นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก และนายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กรณีมีพฤติการณ์เข้าข่ายผิดเงื่อนไขการให้ประกันตัว ขึ้นเวทีปราศรัยที่บริเวณหน้ารัฐสภา กล่าวโจมตีพาดพิง ข่มขู่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่รับคำร้องขอให้วินิจฉัยร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 291 ขัดมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่

ผู้พิพากษาได้ออกนั่งบัลลังก์พิจารณาคำร้องในการเพิกถอนการประกันตัว ของผู้ต้องหาทั้งหมด โดยสรุปให้เลื่อนการพิจารณาในส่วนผู้ต้องหาที่มีเอกสิทธิ์ความเป็น ส.ส.คุ้มครอง จำนวน 5 คนออกไปเป็นวันที่ 29 พ.ย. 2555 เนื่องจากเห็นว่าควรให้ปิดสมัยประชุมสภาฯ เสียก่อนเพื่อป้องกันการคัดค้านและไม่ต้องการก้าวล่วงอำนาจในฝ่าย นิติบัญญัติ โดยบรรยากาศบริเวณด้านหน้าศาลอาญากลุ่ม นปช.ที่มาให้กำลังใจต่างโห่ร้องด้วยความดีใจแต่อยู่ในความสงบเรียบร้อยไม่มี เหตุการณ์ความรุนแรงแต่อย่างใด

สำหรับผู้ต้องหาที่มีเอกสิทธิ์ความเป็น ส.ส.คุ้มครอง ประกอบด้วย 1. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ 2. นายก่อแก้ว พิกุลทอง 3. นายการุณ โหสกุล 4. นพ.เหวง โตจิราการ และ 5. นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท

ทั้งนี้ จำเลยคดีก่อการร้าย 24 คน ประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์, นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นพ.เหวง โตจิราการ, นายก่อแก้ว พิกุลทอง, นายขวัญชัย สาราคำ หรือขวัญชัย ไพรพนา, นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก, นายนิสิต สินธุไพร, นายการุณ หรือเก่ง โหสกุล, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท, นายภูมิกิติ หรือพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง, นายสุขเสก หรือสุข พลตื้อ, นายจรัญ หรือยักษ์ ลอยพูล, นายอำนาจ อินทโชติ, นายชยุต ใหลเจริญ, นายสมบัติ หรือแดง หรือผู้กองแดง มากทอง, นายสุรชัย หรือหรั่ง เทวรัตน์, นายรชต หรือกบ วงค์ยอด, นายยงยุทธ ท้วมมี จำเลยที่ 1-19 คดีหมายเลขดำที่ อ.2542/2553, นายอร่าม แสงอรุณ หัวหน้าการ์ด นปช จำเลยคดี อ.4339/2553, นายเจ็มส์ สิงห์สิทธิ์, นายสมพงษ์ หรืออ้อ หรือแขก หรือป้อม บางชม และนายมานพ หรือเป็ด ชาญช่างทอง กลุ่มการ์ด นปช. จำเลยคดีหมายเลขดำที่ อ.757/2554 และนายอริสมันต์ หรือกี้ร์ พงษ์เรืองรอง จำเลย คดีหมายเลขดำที่ อ.4958/2554
        
(ที่มา)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1344492582&grpid=00&catid=&subcatid=

ถ้าระวังเสื้อแดงบุกศาล ก็ต้องระวังสื่อเล่นเสื้อแดง

ถ้าระวังเสื้อแดงบุกศาล ก็ต้องระวังสื่อเล่นเสื้อแดง


โดย อ.พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์


เรื่องราวของศาลกับเสื้อแดงที่จะเกิดขึ้นจากการพิพากษาว่าแกนนำเสื้อแดง ควรจะอยู่ในคุกนั้น ความจริงอาจไม่ใช่เรื่องราวง่ายๆ ระหว่างศาลกับเสื้อแดงหรอกครับ

แต่อาจจะเป็นเรื่องระหว่าง สื่อ กับ เสื้อแดง หรือเปล่า?

โดยหลักวิชาทางด้านนิเทศศาสตร์เชิงวิพากษ์ ได้มีการพูดถึงเรื่องราวของ "กระบวนทัศน์ของสื่อที่มีต่อการชุมนุมประท้วง" (protest paradigm) เอาไว้อย่างน่าสนใจ โดยพิจารณาเรื่องการนำเสนอข่าวในฐานะการผลิตข่าวด้วยกรอบ-แนวดำเนินเรื่อง บางประการ (framing)

พูดง่ายๆว่าสื่อไม่ได้รายงานข่าวอย่างเดียว แต่อาจจะสร้าง-ผลิตข่าวด้วย

กรอบแนวคิดหรือกระบวนทัศน์นี้จะทำหน้าที่เป็นเครื่องมือช่วยให้ผู้รับสาร เข้าใจข้อมูล โดยที่ผู้ผลิตข่าวนั้นทำหน้าที่คัดสรร เบียดขับ หยิบเน้น และขยายความข้อมูลต่างๆ

อาทิการระบุปัญหา การอธิบายเหตุผล-ที่มาที่ไป นำเสนอการตัดสินถูกผิด หรือแม้กระทั่งการนำเสนอทางออก

กล่าวง่ายๆ ก็คือ สื่อไม่ได้ทำหน้าที่แค่บอกว่า เกิดอะไรขึ้น แต่สื่อบอกเราว่าเราควรจะมองเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งเมื่อเรื่องราว-ตัวแสดงที่อยู่ในสื่อนั้นถูกผลิต-บอกเล่าผ่านกระบวน ทัศน์ ก็จะนำไปสู่การเลือกโดยประชาชนว่าใครคือคนที่ควรจะถูกกล่าวหาสำหรับปัญหาที่ เกิดขึ้น

ยกเลิก112 สิ แล้วจะเล่าให้ฟัง

ยกเลิก112 สิ แล้วจะเล่าให้ฟัง

Posted Image

 
รายชื่อบริษัทที่มีสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ถือหุ้น

วีรพัฒน์ ปริยวงค์ เจาะคำวินิจฉัยส่วนตนคดีแก้รธน ในจุดเปลี่ยนประเทศไทย 08 08 55

วีรพัฒน์ ปริยวงค์ เจาะคำวินิจฉัยส่วนตนคดีแก้รธน ในจุดเปลี่ยนประเทศไทย 08 08 55

 

(คลิกฟัง)
http://www.youtube.com/watch?v=WYKNnO6Fb8M&feature=share

เช็ก"กำลัง-แผน"รปภ.ศาล ชี้ชะตา"24แกนแดง"คุกหรือรอด?!!

เช็ก"กำลัง-แผน"รปภ.ศาล ชี้ชะตา"24แกนแดง"คุกหรือรอด?!!

 


 

ลุ้นระทึกอีกครั้งสำหรับแกนนำกลุ่มแนว ร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง 24 คน จำเลยคดีก่อการร้าย ที่ศาลอาญาเรียกให้มาพบเพื่อสอบถามและไต่สวนเพื่อพิจารณาว่าจะถอนประกันหรือ ไม่ ในวันที่ 9 สิงหาคมนี้

และแน่นอนว่า เมื่อแกนนำเสื้อแดงมาศาล กลุ่มแนวร่วมคนเสื้อแดงก็ต้องมาให้กำลังใจเป็นธรรมดา ทำให้การรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยบริเวณศาลอาญาเป็นไปอย่างเข้ม งวด

และจากบทเรียนความยุ่งเหยิงอลหม่านในบริเวณศาลเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ที่ศาลอาญาเรียกนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.มาไต่สวน กรณีนายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ร้องถอนประกัน วันนั้นกองเชียร์เดินเข้าออกห้องพิจารณาและใช้โทรศัพท์ในห้องพิจารณาโดยไม่ ฟังเสียงเตือน ใช้รถติดเครื่องขยายเสียงปราศรัยบริเวณหน้าศาล ส่งเสียงดังลอดเข้ามาในห้องพิจารณาคดี ยึดริมทางเท้าเป็นตลาดนัดตั้งร้านขายอาหาร เครื่องดื่ม ของที่ระลึก จนเต็มพรืด ส่งผลให้รถติดยาวเหยียด

มาครั้งนี้ ศาลอาญาจึงประชุมวางแผนป้องกันความโกลาหล และรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยงัดกฎเหล็ก ข้อหาละเมิดอำนาจศาล โทษจำคุก 6 เดือนออกมาปราม สั่งห้ามก่อความไม่สงบเรียบร้อย ก่อความรำคาญ ยั่วยุหรือสนับสนุน และห้ามวางสินค้ากีดขวางทางเข้าออกศาล

โดยล่าสุดองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กำหนดแผนเตรียมการป้องกันเหตุที่ศาลอาญาเบื้องต้น มีแนวทางการปฏิบัติ ดังนี้

(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1344412324&grpid=01&catid=&subcatid=

'หรือคุกไทยมีไว้ขังคนจน?'

'หรือคุกไทยมีไว้ขังคนจน?'


 


สัมมนาทางวิชาการ
เรื่อง"หรือคุกไทย มีไว้ขังคนจน"
ณ ห้องจิ๊ด เศรษฐบุตร (แอล ที ๑) คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
วันพุธที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๕ เวลา ๐๙.๓๐ - ๑๓.๐๐ น.


8 8 55 ข่าวค่ำDNN รายงานพิเศษ 'หรือคุกไทย มีไว้ขังคนจน

เสวนาวันรพี จาก มธ 8 8 2012-2

 

คุยกับแพะ : รวยแล้วไม่ติดคุก (15 เม.ย. 54)
จริงหรือไม่ ที่คุกมีไว้ขังคนจนกับแพะเท่านั้นคนรวย มีเงิน มีอำนาจ นามสกุลใหญ่โตไม่เคยได้เข้าไปสัมผัส ความจริงที่ไม่อาจปฎิเสธ คือคนรวย...ได้ประกัน คนดัง...รอลงอาญา รวยแล้ว ไม่ติด คุก ?......
 
คุยกับแพะ : รวยแล้วไม่ติดคุก 15/04/54 Thai Pbs 

Divas cafe

Divas cafe


 
   
พบกับ มุมมอง ที่ชัดเจน ตรงไปตรงมา ของ คุณเต่านา-ม.ล.มิ่งมงคล โสณกุล ที่มีต่อการเมืองไทย ความแตกแยกแบ่งสี ชนชั้นอมาตย์-ไพร่  และอนาคตรัฐบาล ภายในการนำของนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย อย่าง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
 
รายการ Divas cafe ประจำวันที่ 8 สิงหาคม 2555

เปิดมุมมองการเมือง คุณเต่านา ตอน 1

(คลิกฟัง)


รายการ Divas cafe ประจำวันที่ 7 สิงหาคม 2555

เปิดมุมมองการเมือง คุณเต่านา ตอน 2 

(คลิกฟัง)

Wake Up Thailand 08สค55

Wake Up Thailand 08สค55 


(คลิกฟัง)
http://www.youtube.com/watch?v=pOKdelqsP40

The Daily Dose 08สค55

The Daily Dose 08สค55


(คลิกฟัง)
http://www.youtube.com/watch?v=SFO8HnWtlY4

สิทธิในการขอเปลี่ยนตัวผู้พิพากษา

สิทธิในการขอเปลี่ยนตัวผู้พิพากษา

 
 


ประเวศ ประภานุกูล อาชีพทายความร่วมเสวนาบาทวิถีเรื่อง "ความเป็นอิสระของผู้พิพากษาตามหลักยุติธรรมสากล" จัดโดยกลุ่มปฏิญญาหน้าศาล ณ บริเวณหน้าศาลอาญา กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2555

(คลิกฟัง)
http://www.youtube.com/watch?v=HptKnyYAVrI&feature=player_embedded

ศราวุฒิ ประทุมราช นักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ในเสวนาบาทวิถีเรื่อง "ความเป็นอิสระของผู้พิพากษาตามหลักยุติธรรมสากล"
 
(คลิกฟัง)
http://www.youtube.com/watch?v=jqxhZtIrZ8g 

เอฟทีเอ ว็อทช์จี้พาณิชย์แจงเหตุเร่งเอฟทีเอไทย-อียู พร้อมยื่นข้อเสนอแนะ

เอฟทีเอ ว็อทช์จี้พาณิชย์แจงเหตุเร่งเอฟทีเอไทย-อียู พร้อมยื่นข้อเสนอแนะ

 

 

8 ส.ค.55 นางสาวกรรณิการ์ กิจติเวชกุล ผู้ประสานงานกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (เอฟทีเอ ว็อทช์) เปิดเผยว่า ทางเอฟทีเอ ว็อทช์ได้ทำหนังสือถึงนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และสำเนาถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อขอคำชี้แจงในกระบวนการการเจรจาหนังสือสัญญาระหว่างประเทศตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 จากการที่กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้แถลงข่าวกับสื่อมวลชนเมื่อวัน ที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมาว่าจะมีการเสนอรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบกรอบการเจรจา ความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) ให้ได้ในเดือน ส.ค.นี้

เอฟทีเอ ว็อทช์ ให้เหตุผลว่า เนื่องจากการเจรจาการค้าระหว่างประเทศไทยกับประเทศต่างๆ จะต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง โดยไม่สร้างผลกระทบเสียหายกับสาธารณชนโดยรวม  รวมถึงต้องไม่เป็นไปเพื่อผล ประโยชน์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นการเฉพาะ ดังนั้นกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ในฐานะหน่วยงานภาครัฐจึงต้องรักษาหลักการดังกล่าว โดยดำเนินการให้วิธีการในกระบวนการเจรจาทางการค้าฯ เป็นไปอย่างโปร่งใสและทำให้สาธารณชนเข้าใจ อย่างน้อยโดยการให้ความชัดเจนเกี่ยวกับข้อคำถามเบื้องต้นเหล่านี้

1.การที่กระทรวงพาณิชย์จะนำเสนอต่อรัฐบาลเพื่อให้รัฐสภาเห็นชอบกรอบการ เจรจาภายใน  ส.ค.นี้ ร่างกรอบเจรจาฯดังกล่าว จะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนหรือไม่ อย่างไร และเมื่อใด ก่อนหรือหลังการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตามมาตรา 190 วรรค 3 ระบุว่า “ก่อนการดำเนินการเพื่อทำหนังสือสัญญากับนานาประเทศหรือองค์การ ระหว่างประเทศตามวรรคสอง คณะรัฐมนตรีต้องให้ข้อมูลและจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และต้องชี้แจงต่อรัฐสภาเกี่ยวกับหนังสือสัญญานั้น ในการนี้ ให้คณะรัฐมนตรีเสนอกรอบการเจรจาต่อรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบด้วย” แต่จนถึง ขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ในส่วนของการให้ข้อมูลและการจัดรับฟังความเห็นประชาชน 
 
(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2012/08/41951

พบนายจ้าง 258 แห่งไม่ทำตามขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำร้อยละ 40

พบนายจ้าง 258 แห่งไม่ทำตามขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำร้อยละ 40





กระทรวงแรงงานพบหลังปรับค่าจ้างร้อยละ 40 ใน 70 จังหวัด พบลูกจ้างได้รับผลกระทบ 5,624 คน ผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง 258 แห่ง พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ชี้แจงและเร่งปฏิบัติให้ถูกต้อง

8 ส.ค. 55 - เว็บไซต์โลกวันนี้รายงาน ว่านายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า จากการติดตามและเฝ้าระวังผลกระทบจากนโยบายการปรับขึ้นค่าจ้าง 300 บาทใน 7 จังหวัด และปรับขึ้นค่าจ้างร้อยละ 40 ใน 70 จังหวัดที่เหลือว่า ตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงปัจจุบันได้ส่งพนักงานตรวจแรงงานของกรมสวัสดิการและ คุ้มครองแรงงานลงพื้นที่สุ่มตรวจสถานประกอบการทั่วประเทศ โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มแรกเป็นสถานประกอบการใน 70 จังหวัด ที่ได้รับการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำร้อยละ 40 จำนวน 18,415 แห่ง มีลูกจ้างจำนวน 857,403 คน ซึ่งพบว่ามีสถานประกอบการจำนวน 191 แห่ง ปฏิบัติไม่ถูกต้องในเรื่องของการจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำ โดยมีลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจำนวน 3,791 คน

ขณะที่กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มที่ได้รับการปรับขึ้นค่าจ้าง 300 บาทใน 7 จังหวัด จากการสุ่มตรวจสถานประกอบการจำนวน 10,379 แห่ง และลูกจ้างจำนวน 515,973 คน พบว่ามีสถานประกอบการที่ปฏิบัติไม่ถูกต้อง 67 แห่ง มีลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจำนวน 1,833 คน อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้พนักงานตรวจแรงงานให้คำแนะนำแก่สถานประกอบการเพื่อปฏิบัติให้ถูก ต้อง ซึ่งขณะนี้พบว่าสถานประกอบการเริ่มปฏิบัติถูกต้องแล้ว

(ที่มา)
http://www.prachatai.com/journal/2012/08/41952

เสื้อแดงล่าแสนชื่อ ดันรัฐให้สัตยาบันกรุงโรมว่าด้วย ICC ชี้ไม่ติดมาตรา 8

เสื้อแดงล่าแสนชื่อ ดันรัฐให้สัตยาบันกรุงโรมว่าด้วย ICC ชี้ไม่ติดมาตรา 8



สหภาพเพื่อประชาธิปไตยประชาชน ตั้งโต๊ะล่ารายชื่อแสนชื่อเพื่อยื่นต่อรัฐสภาให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมว่า ด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ ย้ำไม่ได้ทำเพื่อคนเสื้อแดงแต่ทำเพื่อทุกคน ป้องกันเหตุการณ์เข่นฆ่าประชาชนในอนาคต ชี้ไม่ขัดรธน.ม.8 โดย 9 ส.ค.นี้จะยื่นรายชื่อต่อสภาแม้ยังไม่ครบ

(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2012/08/41934

ละครตลกร้ายเรื่องการนำอาชญากรรัฐมาขึ้นศาล

 

 

โดย ใจ อึ๊งภากรณ์

ในเมื่อชนชั้นปกครองไทย ไม่ว่าจะเป็นซีกทหาร ประชาธิปัตย์ เพื่อไทย หรือทักษิณ จงใจไม่กำจัดผลพวงของรัฐประหาร และจงใจให้คนที่ฆ่าประชาชนลอยนวลอีกครั้ง เป็นครั้งที่สี่ ความหวังอยู่ที่กระแสของคณะนิติราษฎร์ แต่เขาทำเองสองสามคนไม่ได้ มวลชนที่รักประชาธิปไตยและความเป็นธรรมต้องเคลื่อนไหวร่วมกับเขา 

แนว ทางของทักษิณและเพื่อไทยในการปรองดอง จริงๆ แล้วเป็นการยอมจำนนบนซากศพวีรชน และสังเวยนักโทษการเมือง เพื่อให้ทักษิณกลับมาและเพื่อให้นักการเมืองพรรคเพื่อไทยดำรงตำแหน่งและกอบ โกยผลประโยชน์ต่อไป และที่ชัดเจนคือฆาตกรสี่คนที่มือเปื้อนเลือดเสื้อแดง คือประยุทธ์ อนุพงษ์ อภิสิทธิ์ กับ สุเทพ จะไม่ถูกนำมาขึ้นศาลแต่อย่างใด ตรงนี้เราดูได้จากคำพูดของทักษิณในบทสัมภาษณ์กับ จอม เพชรประดับ ในวันที่ 17 เมษายนปีนี้ที่เขมร ดูได้จากทักษิณโฟนอินในวันที่ 19 พฤษภาคม และดูได้จากร่าง พรบ.ปรองดอง

แต่ละครตลกร้ายที่กำลังเล่นคู่ขนานกันกับการยอมจำนนนี้ คือการสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ของวิกฤตหลังรัฐประหาร ๑๙ กันยา คือมีการ “เอดิด” ตัดลบบทบาทชั่วร้ายของทหารออกไป ไม่พูดถึงอาชญากรรมการก่อรัฐประหาร และไม่พูดถึงบทบาทประยุทธ์กับอนุพงษ์ในการเข่นฆ่าเสื้อแดง นิยายใหม่ที่เข้ามาแทนที่ประวัติศาสตร์จริง คือการเสนอว่าศัตรูหลักของเพื่อไทย เสื้อแดง หรือทักษิณ คือแค่พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น โดยเฉพาะอภิสิทธิ์กับสุเทพ อันนี้เราก็เห็นได้จากคำสัมภาษณ์ของทักษิณอีก และการที่เพื่อไทย และ นปช. เลิกวิจารณ์ทหาร ประกอบกับการที่ยิ่งลักษณ์ไปจับมือกับประยุทธ์และไปกราบเปรม เนื้อหาอยู่ที่สิ่งที่ไม่พูด

ในละครตลกร้ายอันนี้ อภิสิทธิ์ กลายเป็นของเล่นของ ทักษิณ เพื่อไทย และ นปช. เพราะประชาธิปัตย์มีอำนาจน้อย ไม่เหมือนทหาร ในอดีตอภิสิทธิ์เป็นนายกหุ่นเชิดของทหารเท่านั้น จึงนำมาแกล้ง เตะ และหยอกล้อได้ เหมือนที่เด็กๆ เล่นกัน และคงไม่เจ็บหรอก คือมีการแกล้งทำเป็นว่าจะมีการสอบสวนบางคดีที่คนตายท่ามกลางการชุมนุม โดยสร้างภาพว่าอาจเกี่ยวกับอภิสิทธ์ แต่การสอบสวนอันนี้ไม่มีวันออกผล เพราะทุกฝ่ายของชนชั้นปกครองคุยกันแล้วว่าทุกคนต้องลอยนวล.... ยกเว้นคนก้าวหน้าที่โดน 112
ถ้าพวกนั้นไม่จัดการให้ตนเองลอยนวล ใครจะไปรู้ ทักษิณอาจโดนนำมาขึ้นศาลคดีตากใบก็ได้ และทหารจะหมดอำนาจลงมากเพราะหมด “สิทธิ์” ที่จะใช้ความรุนแรงในอนาคต

อีกส่วนหนึ่งของละครตลกร้าย คือการที่ทักษิณจัดการให้ทนาย โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม มาค้นหาข้อมูลเรื่องการนองเลือดที่ผ่านฟ้าและราชประสงค์ เพื่อนำ อภิสิทธิ์ มาขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ อันนี้เป็นไพ่ใบสุดท้ายในการสร้างภาพของทักษิณ เพื่อเบี่ยงเบนความไม่พอใจของเสื้อแดงในการปรองดอง เพราะทนาย โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม เป็นคนที่จริงใจในการรื้อข้อมูลทั้งหมด และจริงใจเดินหน้าเพื่อพยายามนำ อภิสิทธ์มือเปื้อนเลือด มาขึ้นศาล

เรา ต้องเข้าใจว่าทนายที่เก่งๆ ต้องเชื่อในสิ่งที่ตนเองทำ ไม่ใช่รับเงินค่าจ้างมาแล้วไม่แคร์ การเป็นทนายเก่งนั้นคือลักษณะของ โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม แต่เราต้องเข้าใจอีกว่า ทนายกับนักเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือนักสิทธิมนุษยชนไม่เหมือนกัน ทนายต้องทำทุกอย่างในกรอบ และกรอบที่จำกัด สิ่งที่ทนาย อัมสเตอร์ดัม ทำได้ คือการที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะไม่ยกมือรับอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศในไทย ซึ่งแปลว่า ทนาย อัมสเตอร์ดัม จะต้องเล่น อภิสิทธิ์ คนเดียวนอกประเทศ ในฐานะที่ อภิสิทธิ์ มีสัญชาติอังกฤษกับสัญชาติไทย (อังกฤษยอมรับอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ) อันนี้อำนวยความสะดวกในการ “ลืม” ทหารของทักษิณ กับ เพื่อไทย เป็นอย่างมาก

ทั้งๆ ที่ ทนาย อัมสเตอร์ดัม จะพยายามอย่างถึงที่สุด ผมเชื่อว่าจะไม่ประสบความสำเร็จกับศาลอาญาระหว่างประเทศ เขาเองก็เตือนเราไม่ให้หวังอะไรมากไป และเมื่อประสบความล้มเหลวในอนาคต ทักษิณ เพื่อไทย และ นปช. ก็จะอ้างว่า “เราพยายามแล้วแต่ไม่สำเร็จ” ทั้งนี้เพื่อปกปิดการหักหลังวีรชนที่เกิดขึ้นจริง
นอกจากนี้แกนนำ นปช. ก็ออกมาพูด “ภาพใหญ่” เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้เราลืมรายละเอียดว่า นปช. ไม่ยอมรณรงค์ให้แก้หรือยกเลิก 112 เลย และไม่สนับสนุนข้อเสนอของนิติราษฎร์อย่างเป็นรูปธรรมทางการ

มีอีกละครหนึ่ง เป็นละครเล็กนอกระบบข้างถนน ละครนี้เสนอว่าคนระดับบนเป็นคนสั่งทุกอย่าง สั่งรัฐประหาร และสั่งฆ่า ซึ่งไม่จริง เราเชื่อได้ก็ต่อเมื่อเราเปิดหูเปิดตาถึงข้อมูลจริงๆ แต่คนที่เสนอแนวแบบนี้มักพาเราไปในทางเดียวกับเพื่อไทย ทักษิณ และ นปช. ทั้งๆ ที่อาจคิดต่างกัน เขาพาเราไปหลงเชื่อว่าทหารไม่ได้สั่งการเอง และหลงเชื่อว่าทหารไม่เคยมีอำนาจเอง แล้วเราก็ต้องยกโทษให้ทหาร เขาพาเราไปหลงเชื่ออีกว่า “เราทำอะไรไม่ได้” เพราะเราเผชิญหน้ากับอำนาจอันยิ่งใหญ่ ซึ่งก็เป็นการเสนอให้หยุดสู้เหมือนกัน ความเชื่อของแนวนี้เป็นความเชื่อที่ทหารใช้หลอกเราด้วย เพื่อให้อำนาจทหารดูยิ่งใหญ่เพราะมีผู้ใหญ่ถือหาง แต่อำนาจทหารมาจากการใช้อาวุธ

สรุปแล้วเสื้อแดงต้องพลีชีพ เสื้อแดงต้องติดคุก เสื้อแดงต้องโดน 112 และล้วนแต่กลับบ้านไม่ได้ แต่ทหาร พันธมิตรฯ และประชาธิปัตย์จะไม่ต้องโดนอะไรเลย และทักษิณจะได้กลับบ้าน พวกเราจะยอมรับสถานการณ์แบบนี้หรือ?

การสร้างความยุติธรรม หรือเสรีภาพประชาธิปไตย ต้องสร้างโดยพลเมืองภายในสังคม บทเรียนมีมากมายทั่วโลก สังคมที่เริ่มสร้างความยุติธรรมหลังเหตุการณ์นองเลือดของเผด็จการ อย่างเกาหลีใต้ ตุรกี อาเจนทีนา หรืออัฟริกาใต้ อาศัยการเคลื่อนไหวต่อสู้ของมวลชนเป็นหลัก ส่วนในสเปน หรือชิลี การ “รอ” “ใจเย็น” “ยอมจำนน” ไม่ได้นำไปสู่การเปิดเผยความจริงและการประณามผู้กระทำความผิด 

ใน เมื่อชนชั้นปกครองไทย ไม่ว่าจะเป็นซีกทหาร ประชาธิปัตย์ เพื่อไทย หรือทักษิณ จงใจไม่กำจัดผลพวงของรัฐประหาร และจงใจให้คนที่ฆ่าประชาชนลอยนวลอีกครั้ง เป็นครั้งที่สี่ ความหวังอยู่ที่กระแสของคณะนิติราษฎร์ แต่เขาทำเองสองสามคนไม่ได้ มวลชนที่รักประชาธิปไตยและความเป็นธรรมต้องเคลื่อนไหวร่วมกับเขา

แต่ สิ่งหนึ่งที่พวกเราต้องเข้าใจอย่างชัดเจนคือ ฝ่ายอำมาตย์ ฝ่ายทหาร ฝ่ายเพื่อไทย ฝ่ายนปช. มีการจัดตั้ง มีโครงสร้างองค์กรเพื่อรวมพรรคพวกในการทำอะไร หรือในการเคลื่อนไหว มีการประสานงานกันอย่างหนักแน่น มีการเดินร่วมกัน ดังนั้นถ้าแดงก้าวหน้าหรือแดงอิสระจะแข่งกับเขาได้ เราก็ต้องจัดตั้งในลักษณะที่ประสานงานกันเป็นองค์กรเดียวเช่นกัน การอยู่อย่างปัจเจกในกลุ่มเล็กๆ เป็นการเอาใจตัวเอง อาจสร้างความพึงพอใจกับตนเองได้ แต่เปลี่ยนสังคมไม่ได้ ถ้าเราไม่จัดตั้งเราก็แค่เหมือนน้ำที่สาดใส่ก้อนหินของฝ่ายตรงข้าม มันไหลลงดินโดยไม่มีผลอะไร


(ที่มา)

ดุเดือด !! ผบ.ทบ.ตอบคำถามนักข่าวแก้ปัญหาภาคใต้ ..."พูดให้ตายก็ไม่เข้าใจ" !! (ชมคลิป)

ดุเดือด !! ผบ.ทบ.ตอบคำถามนักข่าวแก้ปัญหาภาคใต้ ..."พูดให้ตายก็ไม่เข้าใจ" !! (คลิกฟัง)

 


 


(คลิกฟัง)


ทำไมต้องถอนทหารออกจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ 




สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาคือ การมีทหาร หรือแม้แต่ตำรวจ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในรอบห้าสิบปีที่ผ่านมา เคยห้ามความรุนแรงและปกป้องประชาชนจริงหรือ? คำตอบคือ “ไม่เคยเลย” และขณะนี้เราก็เห็นชัดว่า ทหารและตำรวจคุมสถานการณ์และเอาชนะฝ่ายกบฏต่อรัฐอำมาตย์ไทยไม่ได้  

(คลิกอ่าน) 
http://turnleftthai.blogspot.dk/2012/04/blog-post_04.html